แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - ธรรมะ ปุจฉา
|
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 18
|
41
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ญาณทัสสนะ : ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 04:16:03 pm
|
ญาณทัสสนะ เพราะฉะนั้น ปัญญาที่ต้องการในทางพุทธศาสนาอันเป็นขั้นต้นที่ต้องการทั่วไป ก็คือปัญญาที่ทำให้เป็นสัมมาทิฏฐิความเห็นชอบดังกล่าว ก็คือให้รู้จักอกุศล ให้รู้จักอกุศลมูล ให้รู้จักกุศล ให้รู้จักกุศลมูล. แต่ว่าพึงทำความเข้าใจด้วยอีกว่า ความรู้จักที่เป็นตัวปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิดังกล่าวนี้ ไม่ใช่สัญญา คือความทรงจำ. ความทรงจำนั้นก็คือความทรงจำตามที่ฟัง ตามที่อ่าน ตามที่เล่าเรียน ก็จำได้ว่าอกุศลกรรมบถ ๑๐ อกุ ศลมูล ๓ มีอะไรบ้าง กุศลกรรมบถ ๑๐ กุศลมูล ๓ มีอะไรบ้างก็จำได้. ความจำได้ดั่งนี้ยังไม่เป็นปัญญายังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิดังกล่าว ต้องอาศัยความคิดพินิจพิจารณาและการปฏิบัติอีกด้วยคือว่าต้องคิดพิจารณาไป และต้องปฏิบัติ การปฏิบัติไปนั้นก็คือ ปหานะ ละอย่างหนึ่ง ภาวนา ทำให้มีขึ้นให้เป็นขึ้นอย่างหนึ่ง ละ ก็คือว่าต้องฝึกละอกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ ละอกุศลมูลทั้ง ๓ นี่เป็นข้อที่ต้องปฏิบัติฝึกหัดละ ภาวนา คือทำให้มัขึ้นให้เป็นขึ้นนั้น คือต้องปฏิบัติฝึกที่จะประกอบกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ และอบรมกุศลมูล อโลภะ อโทสะ อโมหะ ให้มีขึ้น ให้บังเกิดขึ้นในจิตใจ นี้ก็รวมเข้าในคำว่า สุตะ จินตา ภาวนา ซึ่งเป็นเหตุให้ได้ปัญญา ปัญญาที่ได้จากสุตะคือการสดับการอ่านการเรียน ก็เรียกว่า สุตมัยปัญญา ที่ได้จากความคิดพินิจพิจารณาก็เรียกว่า จินตามัยปัญญา ที่ได้จากการปฏิบัติอบรม ก็เรียกว่า ภาวนามัยปัญญา แต่ว่าในข้อ ๓ นี้ก็ต้องประกอบด้วยทั้งละ และทั้งทำให้มีขึ้นดังกล่าวนั้นและเมื่อปฏิบัติไป ๆ อาศัยสุตะ อาศัยจินตา อาศัยภาวนา ทั้ง ๓ นี้ ก็ย่อมจะได้ปัญญาที่เป็นตัวความรู้ขึ้นของตัวเอง ได้ความเห็นขึ้นของตัวเอง ซึ่งมีคำเรียกอีกว่า ญาณทัสสนะ ความรู้ ความเห็น รู้เห็นว่าข้อนี้ ๆ เป็นอกุศลจริง ข้อนี้ ๆ เป็นอกุศลมูลจริง ข้อนี้ ๆ เป็นกุศลจริง ข้อนี้ ๆ เป็นกุศลมูลจริง ในการที่จะปฏิบัติประกอบปัญญาในทางทั้ง ๓ ดังกล่าวนั้น ก็ต้องอาศัยกัลยาณมิตรและอาศัยโยนิโสมนสิการดังกล่าวมานั้นประกอบกันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นผู้มุ่งจะได้ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จึงต้องปฏิบัติตามมงคลสูตรคาถาแรกของพระพุทธเจ้าอยู่ให้เป็นประจำ คือ ไม่เสวนาคบหาคนพาลทั้งหลาย เสวนาคบหสบัณฑิตทั้งหลายและบูชาผู้ที่ควรบูชาทั้งหลาย เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้แล้ว จึงจะได้กัลยาณมิตร และเมื่อมีโยนิโสมนสิการประกอบอยู่ตลอด ก็ย่อมจะเจริญปัญญาขึ้นโดยตลอด ทำให้เกิดความรู้ของตัวเองขึ้นรับรองว่านี่เป็นอย่างนี้จริง นี่เป็นอย่างนี้จริงตามความเป็นจริง โดยที่จับเหตุจับผลได้ถูก จับได้ว่า อกุศลมูลนั้นเป็นตัวเหตุ ตัวอกุศลนั้นเป็นตัวผล กุศลมูลนั้นเป็นตัวเหตุ ตัวกุศลนั้นเป็นตัวผล ซึ่งการที่จะจับเหตุจับผลได้ถูกต้องดังนี้ก็เกิดจากโยนิโสมนสิการ ใส่ใจ ตั้งแต่ตั้งใจฟังคำสอนของกัลยาณมิตร มาจนถึงพินิจพิจารณาขบเจาะจับเหตุผลให้ได้ หรือว่าจับผลสาวหาเหตุให้ได้ จับเหตุที่จะส่งผลให้ได้ นี่แหละคือโยนิโสมนสิการ ให้ความรู้ของตัวเองบังเกิดขึ้น รับรองว่าข้อนี้เป็นความจริง ข้อนี้เป็นความจริง และเมื่อได้ปัญญาคือความรู้ของตังเองให้เกิดขึ้นรับรองขึ้นตามเป็นจริงดังนี้ จึงจะชื่อว่า มีความเห็นชอบ ที่เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นตรง ที่เรียกว่า อุชุกทิฏฐิ ทำให้มีความเลื่อมใส ไม่หวั่นไหวในพระธรรมโดยตรงก็คือในคำสั้งสอนของพระพุทธเจ้า ว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ธรรมะอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว คือ ดีจริง ถูกต้องจริง งามในเบื้องต้น งามในท่ามกล่าง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์คือศาสนาคำสั่งสอนที่แสดงความประพฤติอันประเสริฐ พร้อมทั้งอรรถะคือเนื้อความ พร้อมทั้งพยัญชนะคือถ้อยคำ บริบูรณ์คือไม่บกพร่อง บริสุทธิ์คือไม่ผิดพลาดสิ้นเชิง ย่อมจะได้ความเลื่อมใส ที่ไม่หวั่นไหวในพระธรรมอันเป็นสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้าดังนี้ และเมื่อเป็นดังนี้แหละจึงจะชื่อว่าได้เข้ามาสู่พระสัทธรรมนี้ ได้เข้ามาสู่พระศาสนานี้ได้เข้ามาสู่พระธรรมวินัยนี้ ถ้าหากว่ายังไม่ได้สัมมาทิฏฐิแม้ในขั้นต้นดังกล่าว ยังหาชื่อว่าได้เข้ามาสู่พระสัทธรรมนี้ไม่ หาชื่อว่ามีความเลื่อมใสที่ไม่หวั่นไหวในพระธรรมไม่ เพราะฉะนั้น จึงเป็นข้อที่ควรปฏิบัติ ตั้งใจที่จะสดับตรับฟัง ที่จะพินิจพิจารณา ที่จะปฏิบัติอบรม เพื่อให้ได้ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิดังกล่าว
|
|
|
43
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ตามธรรมกับพระใหม่ : เดินแบบไก่ ยืนแบบไก่ เออะ! เราก็น่าจะทำแบบไก่ !!
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 12:39:08 pm
|
วันนี้หลังจากได้ฉันเพลนเสร็จแล้ว ก็ยังนั้่งอ่านหนังสืออยู่ เลยเจอสมาชิกที่มาใหม่ คือ เจ้าแจ้ตัวใหม่ที่โยมถวายหลวงพ่อไว้ให้มาอยู่ที่วัดด้วย ประสงค์คงจะอยากจะให้เป็นเพือนกันกับเจ้าแจ้ตัวเก่า แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนตั้งใจ คือ มันดันตีกัน ก็นะธรรมดาของสัตว์ เจ้าตัวใหม่เลยไปอยู่ที่ครัวด้านหลัง พอเราฉันเพลนกันเสร็จ มันก็ย่างเข้ามาหา อาจจะเพราะด้วยหิว ไม่ค่อยมีใคร่สนใจเท่าไหร่ เพราะดันไปอยู่ด้านหลังที่ครัว พอเข้ามาก็มายืนมองๆ ที่เรา เหมือนจะคุยด้วย เราก็เหมือนจะคุยด้วย ก็คุยด้วยนะแหละ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจเราไหม เลยส่งความรู้สึกทางใจไปแทน และพยามรับความรู้สึกของเขากลับมา ก็ได้ประมาณนึงว่า เขาคงหาอะไรกินไปตามประสา เราก็เลยเอามือวางลงที่พื้นแล้วทำการดีดนิ้วเบาๆ เพื่อเป็นการเรียก และผูกมิตร (ไม่รู้ว่าจะเป็นมิตรกับเราหรือเปล่า) ไม่นานเขาก็เข้ามาไกล้ โดยการเดินแบบทางด้านข้าง ซ้ายที่ ขวาที่ เข้ามาหาเรา แหม ทำยังกับจะจีบสาวยังไงยังนั้นเลยนะ ฉันเป็นพระนะ คิดในใจ แต่ก็ได้ความสัมพันธ์ในระดับหนึ่งแล้ว ว่า เขาเป็นมิตรด้วย พอเข้ามายืนไกล้ๆ แล้วก็ชายตาแหงนหน้ามามองที่เรา เหมือนจะคุยด้วยเหมือนเดิม เลยทางไปว่า หิวหร๋อแจ้ หิวละสิ ไหนมาอุ้มหน่อยสิ ว่าแล้วก็เอามือช้อนที่อกหว่างขาขึ้นมาดู ปรากว่าก็เชื่องดี เอาขึ้นมามองหน้ากัน สักแป๊ปก็วางลง ที่นี้ไม่ยอมลงแฮะ เราก็ว่า ลงไปได้แล้ว เร็ว ก็ไม่ยอมลงแถมทำท่าตะเกียดตะกายจะขึ้นมาให้ได้อย่างเดียว เราเองก็บอกให้ลงไปอย่างเดียว ไม่ต้องขึ้นมาแล้ว ไม่นานหนัก เจ้าแจ้ก็ยอมลงแต่โดยดี เราก็ดูหนังสือต่อ สักเดียวนึกขึ้นได้ ว่า เอะ ! เจ้าแจ้ไปไหนแล้วน้าา เลยมองหาดู ปรากฏไปอยู่ที่ใต้โต๊ะ ตรงมุมหนังสือ
รูปภาพจาก : http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=236513.0
และแล้วธรรมกรรมฐานก็เริ่มเกิดที่ตรงนี้ คือพอเมื่อลองมองสักเกตุพฤติกรรมการยืนการเิดินของเจ้าแจ้แล้ว รู้สึกว่า มันเป็นกรรมฐานนี้หน่า ก็พอเจ้าแจ้ายืนอยู่เฉย ๆ เจ้าแจ้ก็ยืนด้วยขา ขาเดียวนิ ไม่ได้ยืนสองขา เออะ มันไม่ล้มหรือยืนแล้วตัวแกว่งไปแกว่งมาเลยนิหน่า และตอนเดินมันก็ค่อย ๆ เดิน ไม่ได้รีบร้อนเดิน เหมือนคล้าย ๆ เวลา ที่เราๆ เดินกรรมฐานเลยนิหน่า แถมยังมีการยกขึ้น ก้าวย่าง เยียบเป็นจังหวะ เหมือนเจ้าตัวจะมีสติรู้อยู่ตลอดเวลา เออะ ใช้ได้เลยนิ
ก็เลยทำให้กลับไปนึกถึง คำที่ครูบาอาจารย์เคยพูดบอก ว่าให้ทำตัวเหมือนไก่ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้บอกตรงนี้ แต่วันนี้มาเห็น เลยเกิดความเข้าใจมากขึ้น ว่าอาจจะมีความลับอะไรในเรื่องของไก่อยู่่อีกแน่ ๆ เลย แต่ที่แน่ ๆ วันนี้ต้องขอบคุณเจ้าแจ้ ที่มาเป็นครูให้ เจริญพร เจริญธรรมแล้วคอยติดตามเรื่องของพระใหม่กันต่อนะจ๊ะ จะมีมาเรื่อย ๆ
|
|
|
44
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อารมณ์ กรรมฐาน ที่สำคัญต่อ วิปัสสนา คือ ส่วนไหนครับ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 02:23:08 pm
|
ท่านเคยเดินทางนั่งรถไหม แบบว่าตอนอยู่บนรถ มันยังไม่ถึงป้าย มันยังไม่ถึงที่ลง เราเหนื่อยมา ของีบหลับนิดนึ่งก่อน แต่พอตอนตื่น ก็สามารถตื่นขึ้นมาทัน ลงป้ายพอดี ไม่เลยป้ายไป ถามว่าท่านทำกันได้อย่างไรละ ?
เมื่อ ถึงเวลา จิตก็จะทำงานของมันเอง(เมื่อ กำลัง ของ สมถะ ถึงแล้ว) เราไม่ต้องไปคอยกำหนด นี้อย่างหนึ่ง ส่วนอีกอย่างหนึ่ง เป็นการกระทำตามแบบแผนวิธี อันนี้ผู้เป็นครูอาจารย์ จะเป็นผู้บอกสอน เพราะมีมากอยู่ แล้วขึ้นอยู่ด้วยว่า จะ ทำการวิปัสสนาในส่วนไหน ในเรื่องอะไร เพื่ออะไร
อาจจะใช้วสีในการตรวจดูตัวเรา สำหรับผู้ที่ปฏิบัติเอง มิได้แจ้งอารมณ์ ถ้าได้ในส่วนของวสีแล้ว ถ้าจะ กระทำการ วิปัสสนา ก็น่าจะได้สบายๆ เท่านี้ก่อนนะจ๊ะ (คุยเป็นเพื่อน)
|
|
|
45
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอความเข้าใจเรื่อง บัญญัติ กับ ปรมัตถ์ แบบแนวภาวนา ด้วยครับ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 02:05:45 pm
|
บัญญัติ คือ รู้สัญญาเฉพาะ ท่องจำมา
แต่ ปรมัตถ์ คือ ความจริงที่เราได้มาด้วยการเข้าถึง ด้วยการไปถึง เห็นตามจริงด้วยตังเอง โดยไม่ต้องไปถามใครๆอีก ไม่ต้องให้ใครๆมาบอกเราอีก ก็จะรวมหมายถึง การได้ จากการที่เราปฏิบัติได้จริง จึงเห็นจริงด้วย ไม่ใช่แค่รู้จำเขามาเท่านั้น
ในโลกปัจจุบัน การยอมรับกันในเรื่องทางความคิด นั้นเป็นเรื่องยาก จะเห็นได้จาก เวลาที่เราพูดคุยสนทนากัน เราเขาก็มักจะไม่ยอมกัน คุยเกทับกันไป คุยเกทับกันมา ไม่จบ
แต่สิ่งที่เป็น ปรมัตถ์ ที่พระพุทธองค์ตรัส นั้น จะเป็นอันจบ จะไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเถียง หรือพูดต่อได้อีก ด้วยเป็นความที่ถึงที่สุดแล้วโดยความ
แต่ บัญญัติ ก็เป็นไปตามโลกด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อการอยู่โดยผาสุกของภิกขุ จะเห็นได้ว่า ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ ไปตามยุคสมัย ตามที่พระพุทธองค์ ได้ให้ไว้แล้ว
ถ้าเอาแบบง่ายสุด บัญญัติ ก็คือ บทวินัย ที่พระพุทธองค์ตั้งขึ้นมา สามารถปรับเปลี่ยนได้บ้าง แต่ ปรมัตถ์ นั้น เป็นความจริงอย่างที่สุด แม้ว่าใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะไปปรับเปลี่ยนมันได้
ที่ถามมาว่าแบบภาวนา ตอบแบบสั้นๆก่อนนะจ๊ะ ก็คือการที่จะเข้าให้ถึงปรมัตถ์ได้นั้น ก็ต้องภาวนา ไม่ใช่แค่มานึกๆ คิดๆ เอาเอง เออ ออ เข้าใจเอาเอง แล้วบอกว่าเข้าถึง อันดับแรกที่จะพอเป็นเครื่องพิสูตรได้ คงต้องหยิบยกเรื่อง นิพพิทา มา ถ้าใครที่บอกว่าเข้าใจจริง เห็นปรมัตถธรรมจริง ก็น่าจะเข้าถึง นิพพิทาด้วย
แต่เพราะว่าไม่ จึงได้แต่ในส่วนของบัญญัติเท่านั้น
|
|
|
47
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอทราบ ขั้นตอนการถอดจิต ในสมาธิ ด้วยครับ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 01:47:26 pm
|
ก็อยู่ในกรรมฐานนี้นะแหละจ๊ะ เมื่อปฏิบัติไปได้ตามลำดับแล้วก็ทำได้ ในรายละเอียด มีสองแบบ แบบที่หนึ่งคือ ไปจริง แบบที่สองคือส่งจิตไป แบบที่สองส่งจิตไปนี้ พระอาจารย์ไม่ได้ห้าม แถมสั่งให้ทำด้วยซ้ำ บอกว่า ใครที่ทำได้แล้วก็ส่งจิตมา มีส่งจิตหาพระอาจารย์กันแล้วด้วย แต่ไม่มาก ที่ทำกันได้ก็ต่อกรรมฐานกันต่อไป (สบายจัง น่าอิจฉา) อันดับแรก ก็สี่ห้องแรกให้ได้ก่อน
|
|
|
48
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ถวาย มีดของมีคม แก่พระสงฆ์ มีคนกล่าวว่า ไม่ดี จริง หรือ ไม่ คะ รู้สึกไม่สบายใจ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 12:30:33 pm
|
ถ้าโยมถวายเข็มที่ไม่แหลม แล้วพระจะเย็บผ้าได้อย่างไร คงจะต้องออกแรงกันน่าดูแล้วกว่าจะเย็บเสร็จได้ก็คงลำบากน่าดู
มีดโกน ถ้าไม่คม ก็อีกนั้นแหละ แล้วพระจะปลงผมโกนหนวดโกนหัวกันได้ไหม
อาตมาเคยลองมาแล้วไม่ค่อยจะสู้ดีหนักเท่าไหร่ คือ ใช้แบบประหยัดๆ ใบมีดเดียว ส่วนใหญ่แล้วเขาจะใช้กันเพียงครั้งเดียว แต่เราไม่อย่างนั้น เราเก็บเอาไว้ใ้ในคราวต่อไปอีก อีที่แรกตอนเก็บไว้ก็รู้สึกดีมาก แต่ตอนเอามาใช้นี้สิ มันแย่มากๆเลย เพราะมันไม่สามารถที่จะใช้ได้โดยดี เพราะคมมันหมดแล้ว มันไม่คมแล้ว แล้วมันก็ดึงผมเจ็บ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยเก็บไว้ใช้อีก
ส่วนผลไม้นะ พระพุทธองค์ท่านให้ พระเราต้องทำการวิกัป คือ ทำเป็นชิ้นๆ ประมาณพอดีคำ ที่นี้จะทำได้อย่างไรละ ก็ต้องใช้มีด ต้องมีมีดนะสิ ไม่งั้น ก็ไม่ได้กินไม่ได้ฉัน
ที่นี้คงขัยข้อข้องใจกันได้แล้วนะ
ที่เขาห้ามนะ น่าจะหมายถึงที่เป็นพวกอาวุธเสียมากกว่า เพราะอาวุธจะต้องใช้ในการฟาดฟันห้ำหั่นกัน ทำเลือดตกยางออก ประมาณนี้นะจ๊ะ
|
|
|
52
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / คำสอนพระกรรมฐานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร(สุก ไก่เถื่อน)แสดงโดย พระญาณรังษี (จวบ)
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2013, 10:20:05 pm
|
คำสอนพระกรรมฐาน ตามแนวของ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) แสดงโดย พระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร (วัดพลับ) กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๔๗ (เล่มที่ ๔) [/size][/color] ลิกขสิทธิ์ พระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) คณะ ๒ พระมหาเสถียร อธิปัญโญ ผู้ตรวจทาน คุณเพ็ญศรี ดิสถาพร ผู้ถอดความจากเทปบันทึกเสียง คุณชัชชัย ธรรมสว่างสุข ผู้บริจาคเทปพระธรรมเทศนา คุณสุนทร เตชะศรีสุขโข ผู้บริจาคเทปพระธรรมเทศนาจงเพียรบำเพ็ญ [/size][/b][/color] การบำเพ็ญพระกรรมฐาน เป็นการสงบจิตให้เข้าถึงปัญญากองละเอียด ต้องสงบทวารทั้งหก หรืออายะตะนะภายใน และอายะตะนะภายนอก ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลินี ทางกาย ทางใจ ให้สงบเป็นสมาธิตามหลักการปฏิบัติไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะสอดคล้องกันทั้งสามอย่าง จิตเป็นสมาธิแน่วแน่จะนึกอะไรก็มีพลังแรงมองเห็นชัด จงอย่าได้ท้อถอย จงพยายามพากเพียรให้ได้พบปัญญาละเอียดในที่สุด พระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗คำนำ [/size][/b][/color] หนังสือพระกรรมฐานตามแนวของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) ออกมาเป็นเล่มที่ ๔ เทปม้วนที่ ๒๐-๓๐ ได้รับความร่วมมือร่วมใจของบรรดาศิษย์ทุก ๆ คน เริ่มตั้งแต่ผู้มีจิตศรัทธานำเทปมาแจกเป็นธรรมทาน มีคุณชัชชัย ธรรมสว่างสุข, คุณสุนทร เตชะศรีสุขโข, คุณโสภณ จิระภาพันธุ์ และพวกได้ร่วมใจกันสละทุนทรัพย์ นำเทปมาแจกกับญาติโยมผู้เลื่อมใสศรัทธา ใรพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมทานโดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น บรรดาทุกศิษย์ทั้งหลายทุก ๆ คนซาบซึ้งในคำสอนของพระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) จึงได้นำคำสอนของท่านออกมาพิมพ์แจกอีกเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อได้อ่านแล้วทำให้รู้ในด้านธรรมเพิ่มขึ้นอีกมากมาย สมกับที่ท่านได้เสียสละเวลามาพร่ำสอนลูกศิษย์ ย้ำแล้วย้ำเล่าให้เข้าใจในคำสอน แม้บางคนจะดูแล้วว่าเหมือนคำสอนของท่านช้ำ แต่อ่านไปแล้วเป็นคนละแบบที่ท่านสอนทุก ๆ ครั้ง การเทศน์ทุกครั้งในวันพระ ก่อนจะเทศน์ท่านจะต้องให้ลูกศิษย์ทุก ๆ คนสวดมนต์ รับศีลเสียก่อนทุกครั้ง เมื่อสวดมนต์จิตน้อมนำเป็นสมาธิแล้ว ท่านจึงจะเทศน์ตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามแบบสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) เพื่อให้ทุก ๆ คนประพฤติตนให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม และมีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยงทางใจ เมื่อใจสงบนิ่งแน่วแน่เป็นสมาธิแล้วก็จะทำให้เกิดปัญญาตามต่อมาเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้นผู้จัดทำหนังสือจึงเล็งเห็นประโยนช์ของคำสอนของพระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) เป็นอย่างยิ่งจึงร่วมมือร่วมใจกันจัดทำหนังสือคำสอนพระกรรมฐานตามแนวของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก้เถื่อน) ออกมาเพื่อให้สาธุชนทั้งหลายที่ไม่ได้ฟังเทศน์ของพระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) ได้ทราบถึงคำสอนของท่านเพื่อจะได้นำไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นประโยนช์ต่อชีวิตของตนต่อไป คณะศิษย์ ผู้จัดทำหนังสือคำอนุโมทนา [/size][/color][/b] อาตมาภาพขออนุโมทนาในส่วนบุญกุศล แก่ผู้จัดทำหนังสือ ตลอดจนท่านผู้นำเทปมาแจกเป็นธรรมทาน จนกระทั่งออกมาเป็นรูปเล่มด้วยแรงร่วมใจของทุก ๆ ฝ่าย เป็นเล่มที่ ๔ เพื่อนำมาแจกแก่ญาติธรรมในครั้งนี้ พระญาณรังษี (จวบ สุภทฺโท) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) กรุงเทพมหานครสารบัญ [/size][/color][/b] เรื่องกุศล และ อกุศล บาปจะเกิดขึ้นได้เพราะอินทรีย์ทั้งหก อารมณ์ที่ควรระลึก ๑๐ ประการ การรักษาศีลมีโทษมีประโยนช์อย่างไร การอบรมบ่มนิสัย คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสัจจธรรม คำสอนปฏิบัติธรรม เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพระญาณรังษี ๒๑ พ.ย. ๒๕๔๕ อิทธบาทสี่ จิตที่ฝึกแล้วกับจิตที่ยังไม่ได้ฝึกฝนต่างกัน ผลของบุญและบาป วันตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
|
|
|
54
|
พระไตรปิฏก / พระธรรมตามพระไตรปิฏก / พระไตรปิฏกร่วมสมัย วางตัวเป็นกลาง:จูฬสาโรปมสูตร (พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์)
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2013, 02:19:59 pm
|
วางตัวเป็นกลาง : จูฬสาโรปมสูตร คนโดยส่วนมาก เมื่อฟังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ยังไม่จบเรื่องราวและมิได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็มักจะทึกทักคัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นไปต่าง ๆ นานาตามความรู้ความเข้าใจของตน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่บวกก็ลบ ยากที่จะวางตัวเป็นกลาง หรือรับฟังด้วยอาการสงบ (ไม่ตั้งอยู่ในอุเบกขาธรรม) ทั้งนี้ เพราะธรรมชาติของปุถุชนมีความยินดียินร้าย หรือชอบชังเกาะติดอยู่ในจิตสันดาน หากไม่ขจัดความยินดียินร้ายหรือชอบชังออกไป ย่อมเอนเอียงแน่นอน แต่สำหรับผู้สิ้นกิเลสดังพระพุทธเจ้า ย่อมไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น พราหมณณ์ชื่อปิงคลโกจฉะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับได้สนทนาปราศัยพอเป็นที่บันเทิงใจให้ระลึกถึงกันแล้วก็นั่ง ณ ที่ควร กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ท่านพระโคดม สมณพราหมณ์เหล่านี้ เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะ เป็นคณาจารย์ มีชื่อเสียง มียศ เป็นเจ้าลัทธิ คนหมู่มากยอมรับว่าเป็นคนดี คือ ปูรณะ กัสสปะ มักขลิ โคศาล อชิตะ เกสกัมพล ปกุธะ กัจจายนะ สัญชัย เวลัฏฐบุตร นิครนถ์ นาฏบุตร สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดรู้ชัดตามปฏิญญาของตน หรือทุกคนไมรู้ชัดเลย หรือบางพวกรู้ชัด บางพวกก็ไม่รู้ชัด” พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าเลย พราหมณ์ ข้อที่ว่าสมณพราหมณ์พวกนั้นทั้งหมดรู้ชัดตามปฏิญญาของตน หรือทุกคนไม่รู้ชัดเลย หรือบางพวกรู้ชัด บางพวกก็ไม่รู้ชัด จงงดไว้เถิด เราจักแสดงธรรมแก่ท่าน ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี เราจัดกล่าว”.
เมื่อมีการแสดงความคิดเห็นแตกต่าง ควรวางท่าทีอย่างไรสำหรับผู้ที่ได้รับการศึกษาอบรมมาดีจะวางท่าทีด้วยความเป็นกลาง รับฟัง ไม่ขัดคอ ไม่โต้แย้ง หากคู่สนทนายังพูดไม่จบ ต่อเมื่อคู่สนทนาพูดหรือแสดงความคิดเห็นจนจบ จึงแสดงความคิดเห็นของตนหรือโต้แย้ง พร้อมยกหลักการและเหตุผลมาเสนอ ถ้าทั้งคู่สนทนาวางท่าทีในลักษณะเช่นนี้ แต่ละฝ่ายก็ได้รับฟังหลักการและเหตุผลที่แปลกใหม่ซึ่งอาจจะนำไปสู่ข้อตกลงร่วมกันอย่างสันติ มีภาษาอังกฤษคำหนึ่งใช้อยู่ในวงการศาสนา คือคำว่า Tolerance แปลว่าอดทน (ขันติธรรม) ใจกว้าง หมายถึง ศาสนิกชนในแต่ละศาสนาควรมีความอกทน คือทนรับฟังคำสอนของคนต่างลัทธิต่างศาสนาได้ และใจกว้างยอมรับคำสอนที่แตกต่างกันได้ หากศาสนิกชนตั้งอยู่ในระดับนี้ ความรุนแรงทางศาสนาจักไม่เกิดขึ้น ในเวลาที่ผ่านมาสงครามศาสนา ได้เกิดขึ้น ก็เพราะศาสนิกชนทนฟังและใจกว้างยอมรับคำสอนที่แตกต่างกันไม่ได้
สำหรับพระพุทธเจ้าไม่เพียงแต่จะดำรงอยู่ใน Tolerance เท่านั้น หากแต่ดำรงอยู่ในพระเมตตากรุณา เมื่อมีผู้มาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากพระองค์ก็ทรงอยู่ในพระอาการดุษฎี สงบนิ่งไม่ตรัสว่ากระไร ไม่โต้แย้ง และไม่วิพากษ์วิจารณ์ ครั้นเขาแสดงความคิดเห็นจบลงก็ให้พักไว้ก่อนและให้หันมาสดับธรรมในส่วนพระองค์ดังกล่าวนี้ได้กลายมาเป็นลักษณะเด่นของพระพุทธศาสนาคือ อนูปวาโท อนูปฆาโต ไม่เข้าไปนินทาว่าร้ายจ้วงจาบใครอื่น หากแต่มุ่งแสดงจุดยืนของตนเป็นประการสำคัญ.
“ ..... เมื่อมีการแสดงความคิดเห็นแตกต่าง ควรวางท่าทีอย่างไร สำหรับผู้ที่ได้รับการศึกษาอบรมมาดี จะวางท่าทีด้วยความเป็นกลาง รับฟัง ไม่ขัดคอไม่โต้แย้ง หากคู่สนทนายังพูดไม่จบ ....”
|
|
|
55
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / งานปริวาสกรรม วัดควนคลัง 18-28 กุมภาพันธ์ 2556
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 10:06:13 pm
|
งานปฏิบัติธรรมปริวาสกรรมประจำปี ระหว่างวันที่ 18 -28 กุมภาพันธ์ จะมีพระสงฆ์เดินทางมาจากทั่วประเทศมาร่วมปฏิบัติธรรมประมาณ 200 รูป และมีญาติโยมสาธุชนมาบวชนุ่งขาวห่มขาวประมาณ 300 คน ในงานนี้จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
1.1 ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 200 รูป ที่เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรมจากทั่วประเทศ เวลา 09.00 น.ทุกวัน 1.2 ขอเชิญร่วมบวชชีไม่โกนผมเพื่อร่วมปฏิบัติธรรม (บวชได้ทุกวัน) 1.3 ฟังธรรมจากพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ เวลา 08.30 น. และ เวลา 19.00 น.ทุกวัน 1.4 ร่วมอนุรักษ์ประเพณีชาวนคร “ให้ทานไฟ” เช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 05.00 น. 1.5 ร่วมเป็นเจ้าภาพข้าวต้ม เวลา 06.00 น. ภัตตาหารเพล เวลา 09.30 น. น้ำปานะ(เครื่องดื่ม) เวลา 15.00 น. และ 19.00 น.ทุกวัน..ที่มา : http://watkhuanklang.blogspot.com/p/blog-page_412.html
|
|
|
56
|
พระไตรปิฏก / พระธรรมตามพระไตรปิฏก / พระไตรปิฏกร่วมสมัย อยู่ที่ใจมิใช่หรือ:อังคุลิมาลสูตร(พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์)
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 09:37:20 pm
|
อยู่ที่ใจมิใช่หรือ
อาวุธยุทโธปกรณ์มีไว้เพื่อรบรากับปัจจามิตร ป้องกันภัยมิให้ใครมารุกราน และปราบปรามผู้ก่อการร้าย มิได้มีไว้เพื่อฝึกฝนอบรมตน จะฝึกให้คนดีมีคุณธรรม ไม่จำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ใด ๆ และไม่ควรใช้ยุทโธปกรณ์มาบังคับข่มขู่ให้หวาดกลัว มิฉะนั้นจะเกิดการต่อต้านหาทางตอบโต้ เพราะถึงขีดสุดของความกลัวจะกลายเป็นความกล้า ยิ่งใช้ความรุนแรงก็ยิ่งเลวร้าย ฝึกคนให้นุ่มนวลควรฝึกด้วยใจ จะให้อาวุธยุทโธปกรณ์มาช่วยฝึกอย่างนั้นหรือ คงไม่ไหวละกระมัง
หลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรดองคุลิมาลให้กลับใจไม่ทำปาณาติบาตเข่นฆ่าประชาชน และประทานบรรพชาอุปสมบทให้บวชเป็นพระภิกษุภายในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ทรงโปรดให้มาพำนักที่พระเชตวัน ณ กรุงสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทราบข่าวว่าองคุลิมาลโจรหยาบช้ามีฝ่ามือเปื้อนเลือดฆ่าคนตัดนิ้วมือมาร้อยเป็นพวงมาลัยสวมใส่ จึงเกณฑ์ทหารพร้อมขบวนม้าประมาณ ๕๐๐ ตัวไปปราบ ก่อนเสด็จไปปราบก็เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระเชตวัน ครั้นทรงถวายอภิวาทประทับนั่ง ณ ที่ควรแล้ว ก็ทราบทูลให้พระองค์ทรงทราบว่าจะเสด็จไปปราบองคุลิมาล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสถามว่า
“มหาบพิตร ถ้าพระองค์พบองคุลิมาลปลงผมโกนหนวดบวชเป็นบรรพชิต นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์เรียบร้อย เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ พูดปดมดเท็จ ฉันอาหารมื้อเดียว ประพฤติพรหมจรรย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม พระองค์จะทำกับเขาอย่างไร”
“พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันก็จะกราบไหว้ ลุกรับ นิมนต์ให้นั่ง นิมนต์ท่านด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัชปัจจัยบริขาร หรือจัดการอารักขาคุ้มครองตามธรรม แต่โจรองคุลิมาลทุศีลหยาบช้า จะสำรวมด้วยศีลถึงเพียงนี้ได้อย่างไร” พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลตอบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้น ชี้ไปที่พระองคุลิมาลซึ่งนั่งอยู่ในที่ไม่ไกลพระองค์ ตรัสบอกพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า
“มหาบพิตร นั่นคือองคุลิมาล”
ทันใดนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงสะดุ้งกลัวหวาดหวั่น พระโลมชาติชูชัน (ขนพองสยองเกล้า) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสะดุ้งกลัวหวาดหวั่น พระโลมชาติชูชัน จึงตรัสปลอบว่า
“อย่าทรงกลัวเลย มหาบพิตร อย่าทรงกลัวเลย มหาบพิตร องคุลิมาลนี้ไม่มีภัยต่อพระองค์ดอก” พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงระงับความกลัวลงได้ เสด็จเข้าไปถามพระองคุลิมาลว่า “พระคุณเจ้าชื่อองคุลิมาล ใช่ไหม” “ใช่ มหาบพิตร” พระองคุลิมาลถวายพระพร พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงหันกลับมากราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงฝึกบุคคลที่ใคร ๆ ฝึกไม่ได้ ทรงทำบุคคลที่ใคร ๆ ทำให้สงบไม่ได้ ให้สงบได้ ทรงทำบุคคลที่ใคร ๆ ดับไม่ได้ ให้ดับได้ ทั้ง ๆ ที่หม่อมฉันมีอาชญาศัสตราอาวุธอยู้ครบครัน ก็ไม่สามารถฝึกผู้ใดได้ แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่มีอาชญาศัสตราอาวุธเลย กลับฝึกผู้นั้นได้.”
การทำให้คนยอมรับนับถือจำเป็นด้วยหรือว่าจะต้องใช้ความรุนแรง ในเวลาผ่านมาได้เกิดการประหัตประหารเข่นฆ่ากันทางศาสนา เพียงเพราะคนคนนั้นปฏิเสธคำสอนมีความเห็นต่างออกไป การบังคับขู่เข็ญให้เขายอมรับนับถือด้วยศัสตราอาวุธ หากขัดขืนก็ต้องลงดาบประหารชีวิต ด้วยความกลัวมรณภัยเขาจึงยอมศิโรราบ ศาสนาที่มาพร้อมกับคมดาบ ให้ฆ่าได้หากฝ่าฝืนหรือออกนอกรีต จะสมควรเรียกชื่อว่า “ศาสนา” หรือไม่ ชัยชนะที่ได้มาด้วยการไล่ล่าฆ่าฟัน ชื่อว่า “ชันชนะแห่งความโหดร้ายป่าเถื่อน” ใช่หรือไม่ ศาสนาเป็นเรื่องของจิตใจ เขายอมมอบกาย แต่ไม่ยอมมอบใจ งดงามหรือไรในความเป็นศาสนานั่น! “ไม่เคยมีสงครามในนามพระพุทธศาสนา” ที่ชี้ชัดเช่นนี้ เพราะประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาได้บันทึกไว้ว่า องค์พระศาสดาทรงยาตราด้วยพระเมตตากรุณา ตั้งอยู่ในอหิงสาธรรมอย่างสม่ำเสมอ ทรงแสดงธรรมนำสันติสุขสู่มวลประชา ให้ยอมรับนับถือด้วยความเต็มใจเลื่อมใสศรัทธา ไม่เคยใช้ศัสตราอาวุธบังคับขู่เข็ญเลย แม้เหล่าพุทธสาวกก็เจริญรอยตามอยู่ใต้ร่มเงาธรรม สงบร่มเย็น ความโหดร้ายป่าเถื่อน และสงครามในนามพระพุทธศาสนาจึงไม่มี
มวลมนุษย์มีจุดมุ่งหมายอย่างไร หากจุดมุ่งหมายคือสันติภาพ
จะเริ่มต้นที่ไหน เริ่มต้นที่มนุษยธรรมหรือความรุนแรง ถ้าเริ่มต้นที่ความรุนแรงจะจบลงที่ความร่มเย็นได้หรือไม่ คำว่า “สันติวิธี” มีไว้เพื่ออะไร มีไว้เพื่อเจรจาสงบศึกหรือก่อความรุนแรง.
“.... การทำให้คนยอมรับนับถือ จำเป็นด้วยหรือที่ต้องใช้ความรุนแรงในเวลาผ่านมาได้เกิดการประหัตประหาร เข่นฆ่ากันทางศาสนา เพียงเพราะคนคนนั้นปฏิเสธคำสอนมีความเห็นต่างออกไป...”
|
|
|
57
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะยา หนึ่งเดียวในโลก
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 06:33:18 pm
|
ใก้ลจะถึงวันสำคัญทางศาสนาอีกหนึ่งวัน ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ ทั้ง วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แห่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นก็คือ วันวิสาขบูชา วันนี้์ จะพาไปรู้จักประเพณีเวียนเทียนหนึ่งเดียวในประเทศไทย ไว้เป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวในวันวิสาขบูชา ที่กำลังจะมาถึง
โดยทั่วไปแล้วการเวียนเทียน พุทธศาสนิกชนจะเดินเวียนเทียนกันรอบพระอุโบสถ รอบองค์พระธาตุเจดีย์ หรือสิ่งศักสิทธิ์สำคัญประจำของแต่ละวัด แต่ที่ จังหวัดพะเยา มีการเวียนเทียนในรูปแบบแตกต่างจากที่อื่น ซึ่งก็คือการเวียนเทียนกลางน้ำใน กว๊านพะเยา อ.เมือง ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จึงถูกยกให้เป็น “ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำแห่งเดียวในโลก”
จุดเริ่มต้นของประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ มีส่วนเชื่อมโยงมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 ชาวบ้านได้พบพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี ภายในกว๊านพะเยาช่วงน้ำลด ชาวบ้านต่งพากันเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า หลวงพ่อศิลา (กว๊านพะเยา) หรือ พระเจ้ากว๊าน พร้อมอัญเชิญมาประดิษฐานที่ วัดศรีอุโมงค์คำ จากนั้นใน ปี พ.ศ.2550 หลังการปรับแต่งบูรณะ วัดติโลกอาราม กลางกว๊านพะเยาเสร็จสิ้น ก็ได้มีการอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับไปประดิษฐานที่วัดแห่งนี้กลางกว๊านพะเยาตามเดิม ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำรอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอารามจึงเกิดขึ้นตามมาในปีเดียวกัน ซึ่งจะมีการเวียนเทียนกลางน้ำทุกประเพณีในวันพระใหญ่ ได้แก่ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา ซึ่งปฏิบัติสืบต่อจนถึงปัจจุบันข่าวจากทีมเดลินิวส์ออนไลน์ กว๊านพะเยา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีกว๊านพะเยา อยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 3 ของประเทศไทย (รองจาก หนองหาน และ บึงบอระเพ็ด) [1] คำว่า "กว๊าน" ตามภาษาพื้นเมืองหมายถึง "บึง" เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ใจกลางเมืองพะเยา มีทิวเขาเป็นฉากหลัง เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากห้วยต่างๆ 18 สาย มีปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 29.40 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพันธ์ปลาน้ำจืดกว่า 48 ชนิด มีเนื้อที่ 12,831 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาต่างๆ ทัศนียภาพโดยรอบกว๊านพะเยา มีส่วน ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ที่สวยงามประทับใจผู้พบเห็น จนอาจจะกล่าวได้ว่าหัวใจของเมืองพะเยาอยู่ที่กว๊านพะเยานี่เอง
ริมกว๊านพะเยาเป็นร้านอาหารและสวนสาธารณะให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจ กว๊านพะเยาในอดีตแต่เดิมเคยเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำมีสายน้ำอิงไหลพาดผ่านคดเคี้ยวทอดเป็นแนวยาวไปตลอด จากทิศเหนือจรดขอบกว๊านฯ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประกอบกับมีหนองน้ำน้อยใหญ่หลายแห่งและร่องน้ำหลายสายที่ไหลลงมาจากขุนเขาดอยหลวงแล้วเชื่อมติดต่อถึงกัน ทำให้พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้จึงมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งนักและมีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่เป็นชุมชนนานนับตั้งแต่โบราณ บริเวณกลางกว๊านพะเยา มีการพบซากประวัติศาสตร์เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช มีชื่อว่า "วัดติโลกอาราม" ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา จะมีการเวียนเทียนกลางน้ำรอบวัด เป็นแห่งเดียวในโลกเครดิตรูปภาพจาก : http://www.thaipackagetour.com/วัดติโลกอาราม,540.html
|
|
|
58
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: งานนมัสการพระธาตุนาดูน อ.นาดูน จัดงานในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือวันมาฆบูชา
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 03:51:31 pm
|
ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนอารยธรรมนครจัมปาศรี พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร
พระธาตุนาดูน ศูนย์รวมจิตใจ น้ำดูนใสศักดิ์สิทธิ์ วิจิตรสวนวลัยรุกขเวช เขตปางค์กู่สันตรัตน์คู่เมือง ลือเลื่องอารยธรรมจัมปาศรี
ขอเชิญเที่ยวงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูนประจำปี 2556 ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2556 ประวัติการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุ
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2522 ราษฎรตำบลนาดูน ได้ขุดพบพระพิมพ์ดินเผาในที่นาของนายทองดี ปะวะภูตา ซึ่งเป็นซากโบราณสถาน ข่าวการขุดค้นได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนทุกทั่วสาระทิศหลั่งไหลกันมาเสี่ยงโชคขุดค้นอย่างมากมาย ต่อมาหน่วยศิลปากรที่ 7 ขอนแก่น ได้เข้ามาทำการขุดแต่ง แต่กระทำไม่สำเร็จเพราะฝูงชนจำนวนมากเข้ามาแย่งชิง
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2522 ขุดพบพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนยอด หน่วยศิลปากร ขอนแก่น ขุดพบส่วนรูประฆัง นายบุญจันทร์ เกษแสนศรี ขุดพบ ส่วนแผ่นทองกลีบบัวรองรับ นายธีรยุทธ พลีสิงห์ ขุดพบ
พระบรมสารีริกธาตุ มีสัณฐานดังเกร็ดแก้วสีขาวประดิษฐในผอบ 3 ชั้น ชั้นในเป็นทองคำ ชั้นกลางเป็นเงิน ชั้นนอกเป็นสำริดสวมซ้อนกัน เรียงตามลำดับ และบรรจุในสถูปจำลองอีกชั้นหนึ่งเป็นสถูปโลหะทรงกลม สูง 24.4 ซม. ถอดออกได้เป็น 2 ส่วน ส่วนยอดสูง 12.3 ซม. ส่วนองค์สถูปสูง 12.1 ซม.
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 กรมศิลปากร ได้จดทะเบียนสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นเป็นสมบัติของชาติ
ประวัติการก่อสร้างเจดีย์พระบรมธาตุนาดูน
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2522 ได้รวบรวมสถูปทั้ง 3 ส่วนได้ครบและมอบให้ทางราชการชาวจังหวัดมหาสารคาม จึงได้จัดสร้างโครงการ พุทธมณฑลอีสานขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำหนดการก่อสร้างเจดีย์พระธาตุนาดูนณ โคกดงเค็ง มีปริมณฑล 902 ไร่เศษ ออกแบบและดำเนินการก่อสร้างเจดีย์พระธาตุนาดูนโดยกรมศิลปากร สูง 50.50 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 35.70 เมตร ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2528 โดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี การก่อสร้างสำเร็จบริบูรณ์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2529 สิ้นค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 7,580,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2530 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ มาทรงประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เข้าบรรจุในองค์เจดีย์พระธาตุนาดูนนี้ ต่อมาจึงได้เรียกว่า พระบรมธาตุนาดูนที่มา:https://sites.google.com/site/pratadnadoon/
|
|
|
59
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: วันที่ 8 ก.พ. - 25 ก.พ. 56 เทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 03:36:35 pm
|
เขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง บริเวณเชิงเขาจะเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ จะมีทางบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขาประมาณ 3,790 ชั้น ยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร ถ้าวัดจากเชิงเขาถึงยอดเขาโดยแนวบันไดจะยาว 1,680 เมตร ใช้เวลาเดินทางจากเชิงเขาถึงยอดเขาประมาณ 2 ชั่วโมง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา ในหน้าเทศกาลเดือนสาม ประชาชนโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งใกล้และไกล จะหลั่งไหลกันมานมัสการรอยพระพุทธบาทและพระพุทธรูปบนยอดเขาแห่งนี้อย่างเนืองแน่นเป็นประจำทุกปี สิ่งก่อสร้างและรูปแบบของการแสดงความเคารพที่วัดนี้จึงค่อนข้างจะมีอิทธิพลจีนหรือฝ่ายมหายานอยู่มาก เขาวงพระจันทร์ได้ชื่อว่าเป็นเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดลพบุรี และเป็นภูเขาที่สร้างชื่อเสียงให้ผู้คนรู้จักเมืองลพบุรีมาช้านานแล้ว นอกจากนั้นภูเขานี้ยังเป็นที่มาแห่งตำนานเมืองเรื่องท้าวกกขนาก และเรื่องพระเจ้ากงจีน อีกด้วย การเดินทาง มีรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่ง สายลพบุรี – โคกสำโรง ผ่านทางหน้าวัดและเหมารถรับจ้างจากปากทางเข้าวัดเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
(ที่มา : http://www.oceansmile.com/K/Lobburi/Lobburi4.htm) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี ประชาสัมพันธ์งานที่วัดเขาวงพระจันทร์ "เทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์" มีวันที่ 8 ก.พ. - 25 ก.พ. 56 คะถ้าต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรไปที่เบอร์ 089-2151160 พระแว่นค่ะ
งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประจำปี 2556 มีระหว่างวันที่ 15- 22 ก.พ. 56 ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี
(ที่มา : http://www.facebook.com/kasetsart) เขาวงพระจันทร์ 3790 ขั้น จ.ลพบุรี 8 ก.พ. 2556 – แต่ถ้าใครอยากจะไปขึ้นเขาวงพระจันทร์แนะนำให้ไปช่วงตรุษจีนนะครับ ทางวัดจะจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งมีเป็นประจำทุกปี ในวงตรุษจีน ... (ที่มา : http://www.facebook.com/raoruklopburi?filter=2)
|
|
|
60
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / งานวัดเขาวงพระจันทร์
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 03:33:24 pm
|
เขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง บริเวณเชิงเขาจะเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ จะมีทางบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขาประมาณ 3,790 ชั้น ยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร ถ้าวัดจากเชิงเขาถึงยอดเขาโดยแนวบันไดจะยาว 1,680 เมตร ใช้เวลาเดินทางจากเชิงเขาถึงยอดเขาประมาณ 2 ชั่วโมง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา ในหน้าเทศกาลเดือนสาม ประชาชนโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งใกล้และไกล จะหลั่งไหลกันมานมัสการรอยพระพุทธบาทและพระพุทธรูปบนยอดเขาแห่งนี้อย่างเนืองแน่นเป็นประจำทุกปี สิ่งก่อสร้างและรูปแบบของการแสดงความเคารพที่วัดนี้จึงค่อนข้างจะมีอิทธิพลจีนหรือฝ่ายมหายานอยู่มาก เขาวงพระจันทร์ได้ชื่อว่าเป็นเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดลพบุรี และเป็นภูเขาที่สร้างชื่อเสียงให้ผู้คนรู้จักเมืองลพบุรีมาช้านานแล้ว นอกจากนั้นภูเขานี้ยังเป็นที่มาแห่งตำนานเมืองเรื่องท้าวกกขนาก และเรื่องพระเจ้ากงจีน อีกด้วย การเดินทาง มีรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่ง สายลพบุรี – โคกสำโรง ผ่านทางหน้าวัดและเหมารถรับจ้างจากปากทางเข้าวัดเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร (ที่มา : http://www.oceansmile.com/K/Lobburi/Lobburi4.htm) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี ประชาสัมพันธ์งานที่วัดเขาวงพระจันทร์ "เทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์" มีวันที่ 8 ก.พ. - 25 ก.พ. 56 คะถ้าต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรไปที่เบอร์ 089-2151160 พระแว่นค่ะ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประจำปี 2556 มีระหว่างวันที่ 15- 22 ก.พ. 56 ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี (ที่มา : http://www.facebook.com/kasetsart) เขาวงพระจันทร์ 3790 ขั้น จ.ลพบุรี 8 ก.พ. 2556 – แต่ถ้าใครอยากจะไปขึ้นเขาวงพระจันทร์แนะนำให้ไปช่วงตรุษจีนนะครับ ทางวัดจะจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งมีเป็นประจำทุกปี ในวงตรุษจีน ... (ที่มา : http://www.facebook.com/raoruklopburi?filter=2)
|
|
|
61
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / กิจกรรมศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2556 โดย สสส.
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 03:04:08 pm
|
กิจกรรมโยคะสร้างสุข
เพราะโยคะ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การออกกำลังกายอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นการพัฒนากาย จิต อารมณ์ บุคลิกภาพ ฯลฯ ให้เกิดความสมดุล มาร่วมค้นหาองค์รวมของศาสตร์โยคะ ผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนกับครูโยคะที่มากด้วยประสบการณ์ จากสถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
พบกันทุกวันพฤหัสบดี เวลา 17.00-18.30 น. และวันเสาร์ เวลา 10.30-12.00 น. ณ ห้องอาศรมสุขภาวะ (เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 2 ก.พ. 56)
รับจำนวนจำกัด ไม่เกิน 30 ท่าน กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า
เรียนฟรีตลอดเดือน ก.พ. 56 !!!
Book Talk "ผอมได้ ไม่ต้องอด"
ร่วมพูดคุยกับ พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง) คุณหมอคนสวยอารมณ์ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและ Anti-Aging Medicine โรงพยาบาลสมิติเวช และเจ้าของผลงานหนังสือขายดีหลายเล่ม อาทิ Anti-Aging สูตรลับชะลอวัย, Anti-Aging สวยปิ๊งสมองไบรท์, สิวโซลูชั่น, นวัตกรรมทำหน้าเด็ก และล่าสุดกับการค้นคว้างานวิจัยทางวิทยาศาสตร์กว่า 50 ฉบับ จนคลอดออกมาเป็นหนังสือสุดฮิตของหนุ่มสาวชาวอวบ (ระยะสุดท้าย) "ผอมได้ ไม่ต้องอด" ร่วมเรียนรู้เคล็ดลับความรู้มากมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "คิดอย่างคนผอม อยู่อย่างคนผอม กินอย่างคนผอม คุณจะผอมได้โดยไม่ต้องอด" พร้อมโปรแกรมสู่เส้นทางแห่งคนผอมใน 28 วันที่รับประกันว่าทำได้จริง!
พบกันในวันเสาร์ที่ 9 ก.พ. 56 เวลา 14.00 - 15.30 น.
นิทรรศการเคลื่อนที่ สุขพอดี ชีวิตดีพอ เริ่มต้นวันนี้ที่ตัวคุณ
สุขภาวะเป็นพื้นฐานของทุกเรื่องดีๆ ที่ทุกคนสามารถสร้างได้ หากเพียงรู้จักจัดสมดุลเรื่องต่างๆให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตของตน “สุขพอดี ชีวิตดีพอ เริ่มต้นวันนี้ที่ตัวคุณ...” นิทรรศการที่สร้างประสบการณ์เรียนรู้เรื่องสุขภาวะแบบมีส่วนร่วม บอกเล่าเรื่องราวการกิน การออกกำลังกาย การจัดสรรชีวิตทั้งเรื่องงาน เงิน เวลา อย่างสมดุล...เรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนทำได้ ขอเพียงเริ่มต้น...วันนี้...
มาร่วมประสบการณ์สร้างสุขภาวะได้ในวันที่ 16-17 ก.พ. 56 เวลา 10.00-19.00 น. ณ ลานกิจกรรมวงกลม ชั้น G ซีคอน สแควร์ สาขาบางแค
Healthy Workshop “Food Hero ยอดอาหารต้านโรค”
วิตามินหรือยาบำรุงราคาแพง จำเป็นจริงหรือ? เพราะที่จริงแล้วในอาหารทุกชนิดโดยเฉพาะผัก ผลไม้ และธัญพืช ก็ล้วนมีคุณค่าเป็นยาต้านโรคทั้งนั้น เพียงแต่ต้องรู้จักเลือกและทานให้เป็น สอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย คุณแว๋ว-แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ จะแนะนำให้รู้จักคุณค่าและความมหัศจรรย์ของพืชพันธุ์แต่ละชนิด พร้อมร่วมปรุงเมนูอาหารต้านโรคที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน
พบกันวันเสาร์ที่ 23 ก.พ. 56 เวลา 13.00 – 16.00 น.
รับจำนวนจำกัด ไม่เกิน 25 ท่าน กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า ก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556
สวน สุข ศิลป์
ร่วมสัมผัสบรรยากาศงานศิลป์ร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด “ความรัก” ในมุมมองที่มีต่อตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง และร่วมเสนอไอเดียกิจกรรมการส่งต่อความรัก (ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thaihealthcenter.org)
ร่วมส่งต่อความรักได้ในวันเสาร์ที่ 23 ก.พ.56 เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป
หนังสือแนะนำ: เอาใจเรามาใส่ใจผัก
เขียน : พนิชา เอี่ยมสมบูรณ์
สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา
หนังสือสำหรับคนรักผักและใส่ใจสุขภาพ ว่าด้วยโครงการตลาดนัดสีเขียวที่จะจัดขึ้นตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อสร้างสุขภาวะให้แก่ผู้ป่วยให้ได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย ไร้สารพิษ
นอกจากนั้นยังมีบทสัมภาษณ์เกษตรกรที่หันมาปลูกผักแบบไม่พึ่งพาสารเคมี และเผยแพร่ผลผลิตนี้ออกสู่ชุมชนให้คนทั่วไปได้มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า
หนังสือเล่มบางแต่เนื้อหาเข้าท่า ภาพประกอบน่ารัก แทรกด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับผักต่าง ๆ และเมนูจากผักที่ชวนให้อยากเดินเข้าครัวเสียเดี๋ยวนั้น
ทุกครั้งที่คุณตักอาหารเข้าปาก รู้หรือไม่ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในอาหารมื้อนั้นบ้าง??
ร่วมเรียนรู้และสัมผัสวิถีการกินที่จะสร้างความสุขเล็กๆแต่ให้ผลที่ยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก
นิทรรศการเพื่อการเรียนรู้สุขภาวะ
“เส้นทางกินดี สู่ชีวีมีสุข”
A JOURNEY to HEALTHY EATING, HEALTHY LIFESTYLE
นิทรรศการที่จะพาคุณสำรวจเส้นทางของอาหารและพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมยุคปัจจุบันอันเกิดจากความเคยชิน ขาดทางเลือก หรือคุณนั่นเองที่เป็นผู้ปฏิเสธทางเลือกนั้น แล้วร่วมค้นหาทางเลือกทางออกที่จะนำไปสู่เส้นทาง กินดี มีสุข
จัดแสดงนิทรรศการระหว่างวันที่ 5 ก.พ. - 12 เม.ย. 56
-อังคาร-ศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
-เสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ปิดบริการ อาทิตย์-จันทร์ และวันหยุดนขัตฤกษ์
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ activity.thc@thaihealth.or.th หรือ 0-2343-1500 ต่อ 2
อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ 99/8 ซอยงามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120ที่มา : http://www.gotoknow.org/classified/ads/3877
|
|
|
64
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 23-26กุมภาพันธ์2556 ถือศีลบวชชีพราหมณ์ปฏิบัติธรรมวันมาฆบูบา ณ วัดศรีโอภาสสุโขทัย
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2013, 05:27:17 pm
|
กราบสวัสดีญาติธรรมทั้งหลาย ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานวัดศรีโอภาส หมู่ ๕ ตำบลศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย http://www.facebook.com/watsriopas
ศูนย์วิปัสสนาวัดศรีโอภาส จัดงานถือศีล บวชพราหมณ์ ปฏิบัติธรรม เวียนเทียน ช่วงเทศกาล วันมาฆบูชา ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นเวลา ๔ วัน เริ่มตั้งแต่ วันที่ ๒๓ ถึงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖ และจัดทอดผ้าป่าสามัคคี ในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ด้วย เพื่อหาทุนสร้างศาลาการเปรียญ และสร้างบ่อกักเก็บน้ำประปา
ศูนย์วิปัสสนาวัดศรีโอภาสขอกราบเรียนเชิญญาติธรรมทุกท่าน ร่วมสร้างบุญสร้างกุศล
ติดต่อสอบถามและร่วมทำบุญได้ที่ พระอาจารย์พิทักษ์ กิตฺติโก เจ้าอาวาสวัดศรีโอภาส หมายเลขโทรศัพท์ 087 211 9630
อาจารย์อ้อย นะโมพุทธายะ หมายเลขโทรศัพท์ 089 110 0186; 083 855 8815 หรือโอนเงินเข้าบัญชีของวัด ธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรคโลก เลขที่บัญชี 617-0-16671-1
ศูนย์วิปัสสนาวัดศรีโอภาสขออนุโมทนาบุญกับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน กราบสวัสดีค่ะ
แม่ชีแพรววา พุทธรักษา
|
|
|
65
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรียนถามเรื่อง การค้าประเวณี ผิดศีลข้อ 3 หรือไม่
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2013, 12:28:08 pm
|
มาคุยต่อ เห็นมีประโยชน์
อาชีพ โสเภณ๊ นี่เป็นอาชีพ ผิดศีล และ ธรรม หรือไม่คะ คือสงสัย อย่างเรื่อง สิริมา ครั้งพุทธกาลคะ จากกระทู้ : อาชีพ โสเภณ๊ นี่เป็นอาชีพ ผิดศีล และ ธรรม หรือไม่คะ ที่ : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7839.msg28990#msg28990
จากประวัติของหญิงโสเภณีที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา จะเห็นว่าท่าทีของพระพุทธองค์และพระสาวกที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงเหล่านี้ จะเป็นลักษณะกลาง ๆ ไม่ดูหมิ่น ในขณะเดียวกันก็ไม่สนับสนุน กล่าวคือ
พระพุทธองค์ทรงแยก คนออกจากอาชีพของเขาอย่างชัดเจน คนทุกคนไม่ว่าจะมีอาชีพอะไร เมื่อตัดเรื่องอาชีพออกไปเสียแล้ว ก็มีฐานะเท่ากัน คือ เท่ากันในฐานะที่เป็นคนเหมือนกัน และในฐานะที่เป็นคนนี้เอง ทุกคนจึงสามารถจะทำความดีเพื่อยกระดับชีวิตของตนให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนก้าวเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลในที่สุด
ดังจะเราจะเห็นได้ว่า พระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนามาจากชนทุกชนชั้นอาชีพ เป็นกษัตริย์บ้าง พ่อค้าบ้าง ชาวนาบ้าง กรรมกรบ้าง โจรบ้าง โสเภณีบ้าง เป็นต้น (ตามอ่านเต็ม ๆ ได้ที่กระทู้)
และอีกตัวอย่างหนึ่ง : นางสิริมา"หญิงโสเภณีผู้บรรลุโสดาบัน" ที่ : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2258.msg8529#msg8529
เน้ือหาบางส่วน จึงได้เปลื้องเครื่องอาภรณ์ที่สวยงามออกแล้วนอนซมอยู่ เมื่อเวลาพระมาถึง นางได้สั่งสาวใช้ให้จัดแจงให้เรียบร้อยเหมือนอย่างที่นางเคยทำเอง คือนิมนต์ให้พระคุณเจ้านั่งแล้วเอาบาตรไปบรรจุโภชนะให้เต็ม แล้วถวายข้าวยาคู หรือข้าวสวยแก่พระคุณเจ้า หญิงรับใช้ได้ทำตามที่นางสั่งไว้ทุกประการ เสร็จแล้วบอกให้นางทราบ นางจึงขอร้องให้หญิงรับใช้ช่วยกันประคองนางออกไปเพื่อไหว้พระคุณเจ้าทั้งๆ ที่กำลังจับไข้อยู่ ตัวของนางจึงสั่นน้อยๆ
|
|
|
70
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / แสวงเร่งปฏิบัติ (ส่วนตัว) เข้ากรรมฐาน หนึ่งในข้อวัตร ต้องปิดวาจา ที่วัดศรีโอภาส
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 10:23:29 pm
|
เที่ยวนี้ ไปถึงสุโขทัย ที่ศรีสัชนาลัย รีบเข้ากรรมฐาน เรียนกรรมฐานต่อ โดยข้อวัตรห้ามคุย ปิดวาจา ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นการดี ได้รับการฝึกอีกระดับหนึ่ง ต้องวางอุเบกขาให้ได้มาก ปล่อยให้โลกเป็นไป แต่เราสำรวจรุ้ทันอกุศลจิตของเราเองให้ทันระงับให้ทันไม่่ให้เิกิดอกุศลจิต ล่าสุดที่วัดกำลังสร้างบ่อกักเก็บน้ำ ใครสนใจ ร่วมทำบุญได้ ส่วนรูปจะหาโอกาสมาลงให้ได้ชมกัน วันนี้วันที่สี่แล้วที่ปิดว่าจา (เป็นครั้งแรกเลยนะเนื้ย) เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คน รีบ ๆ ปฏิบัติกันนะจ๊ะ (ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่)
|
|
|
72
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระสงฆ์ เถรวาท หินยาน ไม่รับไหว้ คฤหัสถ์
|
เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 07:04:29 pm
|
๓๓. ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้ ๕ ประเภท
"พระอุบาลีกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้ มีกี่ประเภท ? พระผู้มีภาคตรัสตอบว่า "ดูก่อนอุบาลี ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้ มี ๕ ประเภท คือ
๑. ภิกษุผู้เข้าไปสู่บริเวณบ้านเรือน
๒. ภิกษุผู้เดินในทาง
๓. ภิกษุผู้อยู่ในที่มืด
๔. ภิกษุผู้ไม่ทันสนใจ (ในภิกษุผู้จะไหว้) คือมัวสนใจในเรื่องอื่น ๆ ไม่ทันเห็น ไม่ทันสังเกต แม้ไหว้ก็คงไม่รู้ว่าไหว้)
๕. ภิกษุผู้นอนหลับ."
๓๔. ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท
"ดูก่อนอุบาลี ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้ อีก ๕ ประเภท คือ
๑. ในขณะดื่มข้าวยาคู
๒. ในขณะอยู่ในโรงฉัน
๓. ภิกษุเป็นศัตรู (ขณะที่กราบไหว้ อาจประทุษร้ายเอาได้)
๔. ภิกษุผู้ส่งใจไปที่อื่น
๕. ภิกษุผู้เปลือยกาย."
๓๕. ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท
"ดูก่อนอุบาลี ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท คือ
๑. ภิกษุผู้กำลังเคี้ยว
๒. ภิกษุผู้กำลังบริโภค๑
๓. ภิกษุผู้กำลังถ่ายอุจจาระ
๔. ภิกษุผู้กำลังถ่ายปัสสาวะ
๕. ภิกษุผู้อันสงฆ์ประกาศยกเสียจากหมู่ (ถูกลงอุกเขปนียกรรม)."
๓๖. บุคคลที่ภิกษุไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท๒
"ดูก่อนอุบาลี บุคคลที่ภิกษุไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท คือ
๑. ภิกษุผู้บวชภายหลัง
๒. บุคคลที่มิได้บวชเป็นภิกษุ (อนุปสัมบัน)
๓. ภิกษุต่างนิกาย (นานาสังวาส) ที่แก่กว่า แต่พูดไม่เป็นธรรม
๔. มาตุคาม (ผู้หญิง)
๕. บัณเฑาะก์ (กระเทย)"
๓๗. ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท
"ดูก่อนอุบาลี ภิกษุที่ภิกษุด้วยกันไม่พึงไหว้อีก ๕ ประเภท คือ
๑. ภิกษุผู้อยู่ปริวาส (ในการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส)
๒. ภิกษุผู้ควรแก่มูลายปฏิกัสสนา (การชักเข้าหาอาบัติเดิม ในการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส)
๓. ภิกษุผู้ควรแก่มานัตต์ (ในการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส)
๔. ภิกษุผู้ประพฤติมานัตต์ (ในการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส)
๕. ภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน (คือการสวดถอนจากอาบัติสังฆาทิเสส ภายหลังที่ประพฤติกรรมดั่งกล่าวในข้อต้น ๆ แล้ว)
(รวมความนข้อนี้ คือ ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ระหว่างทำพิธีออกจากอาบัติ แม้จะมีพรรษาอายุสูงก็ไม่ควรกราบไหว้ เพราะเท่ากับกำลังต้องโทษ).
วินัยปิฎก ปริวาร ๘/๕๐๖
ตรงที่สีแดง นี้คือคำตอบ
มีข้อน่าคิดอยู่คือ ทำไมพระสงฆ์ไทย ฝ่ายเถรวาท จึงได้การยอมรับจากทั้วโลก ให้
ก็เพราะว่ารักษาข้อประพฤติปฏิบัติ คงเดิมไว้ได้มากที่สุดิ
|
|
|
76
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ก่อนที่พระพุทธเจ้า จะตรัสรู้ ตอนนั้นมีพระอรหันต์ อยู่ก่อนหรือไม่ คะ
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 09:16:20 pm
|
พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าก็เพราะว่า ท่านสำเร็จอรหันต์เอง แล้วบอกสอนผู้อื่น จึงเป็นพระพุทธเจ้า
แต่ถ้า ไม่ได้สำเร็จบรรลุเอง แต่เป็นสำเร็จบรรลุตามก็เป็นพระสาวก เป็นสาวกพุทธองค์
แต่ถ้า สามารถที่จะสำเร็จบรรลุได้เอง แต่ไม่บอกสอนผู้อื่น ก็จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
แต่ใน พุทธกัปหนึ่ง ๆ จะมีพระพุทธเจ้าเพียงแค่พระองค์เดียว
ก็ตอบได้ว่า ไม่มี เพราะ ถ้าสำเร็จเป็น พระพุทธเจ้า(สำาเร็จเป็นพระอรหันต์เอง) ก็จักทำให้มีพระพุทธเจ้า 2 องค์ ซึ่งก็จะเป็นไปไม่ได้ เพราะ การที่ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้า ได้ชื่อว่าเป็นเอกบุรุษ เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีสอง ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นเอกบุรุษ
ก็อาจจะตอบได้ในอีกแง่หนึ่งว่ามี แต่ไม่ใช่เป็นมนุษย์เหมือนอย่างเรา ๆ คือถ้า สำเร็จเป็นพระอรหันตสาวก ก็จะเป็นพระอรหันตสาวกในพระพุทธเจ้านั้น ๆ (ในพุทธกัปอื่น ๆ ที่ผ่านมา) ซึ่งท่านอาจจะเป็นพรหมณ์อยู่ อยู่มาอย่างยาวนานจนล่วงเลย มาหลายพุทธกัป ในกรณีนี้ก็ต้องตอบว่าใช่ มี แต่ไม่ใช่มนุษย์
แต่ถ้าเป็นมนุษย์ไม่น่าจะมี
|
|
|
77
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 1-3กุมภาพันธ์2556 งานไหว้ครูหลวงพ่อสัมฤทธิ์ และบวชเนกขัมมะ วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 02:01:06 pm
|
ขอเชิญร่วมงานไหว้ครู บำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คมฺภีโร อดีตเจ้าอาวาส บวชเนกขัมมะ ประจำปี 2556 1-3 กุมภาพันธ์ 2556
กำหนดการ 1 กุมภาพันธ์ 2556
08.00 น. ลงทะเบียน 13.00 น. ปฐมนิเทศน์ โดย พระครูบวรพัฒนกิจ จอ.ท่าม่วง 13.30 น. สนทนาธรรมกับ หลวงพ่อวัชระ เอกวัณโณ 14.00 น. บรรยายธรรม โดย พระราชวิสุทธิโสภณ รจจ.กาญ 16.00 น. พักการบรรยาย น้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย 18.00 น. ทำวัตรเย็น สมาธิ เดินจงกรม 21.00 น. น้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย
2 กุมภาพันธ์ 2556
04.00 น. ทำวัตรเช้า 06.00 น. น้ำปานะ กาแฟ โอวัลติน พักผ่อนตามอัธยาศัย 07.00 น. อาหารเช้า 08.30 น. บรรยายธรรมโดย หลวงพ่อสุรเสียง วัดป่าเลิงจาน 11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน พักผ่อนตามอัธยาศัย 13.00 น. บ 16.00 น. น้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย 17.00 น. พระสงฆ์ 9 รูป เจริญพุทธมนต์ ฉลองบายศรี 18.09 น. พิธีตั้งศาลเพียงตา เชิญขวัญ เปิดบายศรี 21.00 น. น้ำปานะ พักผ่อน
3 กุมภาพันธ์ 2555
04.00 น. ทำวัตรเช้า 06.00 น. น้ำปานะ กาแฟ โอวัลตินพักผ่อนตามอัธยาศัย 08.09 น. บูชาครู-ไหว้ครูบุรพาจารย์ ถวายเครื่องบวงสรวง 10.09 น. เริ่มพิธีครอบครูบุรพาจารย์ เสริมบารมีครูเทพเทวา 11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 น. พิธีสวดยันต์ ๙ โดย หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ 15.30 น. พิธีปิดการอบรม รับแจกของที่ระลึก 16.00 น. เดินทางกลับบ้านพัก ตามอัธยาศัย
ที่มาจาก : http://www.watthamfad.com/news01.htm
|
|
|
78
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 18-26กุมภาพันธ์2556 เทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีนรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแกุ่สุด
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 01:45:12 pm
|
งานมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ 27
วันมาฆบูชา หรือ วันจาตุรงคสันนิบาต ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงประทานหลักโอวาทปาฎิโมกข์ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแก่พระอรหันตสาวก ผู้เป็นเอหิภิกขุ ทั้ง 1,250 องค์ ที่มาประชุมพร้อมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า คณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปราจีนบุรีทุกแห่ง ตลอดจนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้กำหนดจัดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ในวันที่ 18 – 26 กุมภาพันธ์ 2556 ณ บริเวณโบราณสถานสระมรกต และวัดสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่กรมศิลปากรได้เข้าขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานวัดสระมรกตแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2529 และได้ขุดค้นพบรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นสมัยทวารวดี และนับแต่นั้นมา จังหวัดปราจีนบุรีได้จัดงานมาฆปูรมีศรีปราจีนมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยกำหนดจัดในช่วงวันมาฆะบูชาของทุกปี
ภายในงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน มีกิจกรรมหลักๆ ได้แก่
- การเดินธุดงค์ของพระภิกษุสงฆ์ การปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์และฆราวาส วันที่ 18 – 26 กุมภาพันธ์ 2556 (เส้นทางเดินธุดงค์เริ่มต้นที่วัดป่ามะไฟ– อำเภอเมืองปราจีนบุรี–อำเภอประจันตคาม–อำเภอศรีมหาโพธิ์–อำเภอศรีมโหสถ–โบราณสถานสระมรกต–วัดสระมรกต)
- กิจกรรมทางวิชาการ ได้แก่ การสาธยายพระไตรปิฎก, การสักการะพระบรมสารีริกธาตุ, การสวดนพเคราะห์, การสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะและการสวดถวายพรพระ, การจัดโต๊ะหมู่บูชา
- กิจกรรมนำเที่ยวโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ ได้แก่ นมัสการต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ หลวงพ่อทวารวดี และรอยพระพุทธบาทคู่ ในวันที่ 18 – 26 กุมภาพันธ์ 2556 โดยจะมีรถพ่วงบริการและมัคคุเทศก์น้อยบรรยายตลอดทาง
- ตลาดบรรยากาศย้อนยุคเมืองศรีมโหสถ จำลองวิถีชีวิตการซื้อขายแลกเปลี่ยนสมัยโบราณนำเสนอผ่านสินค้าชุมชน อาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นถิ่น ในบรรยากาศและรูปแบบตลาดย้อนยุค เริ่มเปิดตลาดในวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 15.00–20.00 น. ณ บริเวณโบราณสถานสระมรกต
- การแสดงแสงสีเสียง สื่อผสม การแสดงโขนศิลปากรเรื่องรามเกียรติ์ ชุดนางลอย ยกรบ วันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ 2556 และ กิจกรรมพาแลง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556
- พิธีเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ และแสดงเทศนาพระโอวาทปาติโมกข์ (วันมาฆบูชา) ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ณ บริเวณโบราณสระมรก
นางบังอร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เปิดเผยว่า “โบราณสถานสระมรกต” เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่จัดงาน ประกอบด้วย กลุ่มอาคารโบราณสถาน และรอยพระพุทธบาทคู่ที่แกะสลักลงไปบนพื้นศิลาแลงธรรมชาติ จากการศึกษา รอยพระพุทธบาทสร้างขึ้นตามความเชื่อในการสร้างอุทเทสิกเจดีย์ เพื่ออุทิศแก่พระพุทธองค์ตามคติของอินเดียโบราณก่อนที่จะมีการสร้างพระพุทธรูป หรือเพื่อเป็นบริโภคทรัพย์ โดยถือเสมือนว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมายังที่นี้ หรือเป็นความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ศาสนาของพระพุทธองค์ได้เผยแผ่มายังที่นี้
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่การจัดงาน บรรยากาศยามค่ำคืนที่โบราณสถานสระมรกตและความสำคัญของวันสำคัญทางพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนที่ร่วมทำบุญ บำเพ็ญศีล ร่วมงานเทศกาลมาฆบูชาด้วยจิตใจที่สงบ จะได้รับความเจริญ ความสุขให้กับชีวิตเพื่อเป็นแรงและกำลังใจให้ต่อสู้กับชีวิตการงานต่อไป สำหรับในปีนี้จึงได้จัดกิจกรรม การแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสมชุดสัมพุทธชยันตี – มาฆปูรมีศรีปราจีน รวมทั้งกิจกรรมพาแลง ในวันที่ 23 – 24 กุมภาพันธ์ 2556 ณ บริเวณโบราณสถานสระมรกต
นายบูรณศักดิ์ ฤกษ์สำรวจ กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทด้านการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของประเทศ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมทั้งการนำเสนอกิจกรรม เทศกาลงานประเพณีของไทยให้เป็นที่รู้จักและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสัมผัสบรรยากาศ ความงดงามและประสบการณ์ที่น่าประทับใจของวัฒนธรรมไทย
สำหรับการจัดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีนในครั้งนี้ ก็จะเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะสนับสนุนให้เกิดกระแสการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว และร่วมเดินทางท่องเที่ยวด้วยหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน เป็นการเที่ยวเพื่อความเข้าใจในวัฒนธรรมหรือประเพณีของแต่ละท้องถิ่นที่นอกจากความงดงามแล้ว เรายังได้รับคุณค่า ความรู้ ความพิเศษของทุกเรื่องราวที่เราไม่เคยสัมผัสได้จากการเที่ยวแบบเดิมๆ ซึ่งกิจกรรมภายในงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ถึงแม้จะมุ่งเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญของวันมาฆบูชาแล้ว ยังมีส่วนประกอบสำคัญอื่นๆ รวมกันเป็น บ-ว-ร (บ้าน – วัด – โรงเรียน) ที่สามารถนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดงานแล้ว ในสังคมยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่น่าเรียนรู้ร่วมกันได้ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานนครนายก ได้นำเสนอกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับการจัดงานจึงจำลองตลาดบรรยากาศย้อนยุค “เมืองศรีมโหสถ” จัดภูมิทัศน์การขายอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งสินค้าชุมชน กิจกรรมการสาธิต/การละเล่นความเป็นไทย ของพื้นที่บริเวณงานให้อยู่ในบรรยากาศย้อนยุค
นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาพักผ่อนในช่วงนี้สามารถจัดเวลามาเที่ยวพักผ่อนและร่วมทำบุญในช่วงวันมาฆะบูชา
เริ่มต้นการเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ชม “ศูนย์ไม้ดอกไม้ประดับใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่คลอง 15 องครักษ์” เรียนรู้ประสบการณ์ผ่านรั้วของชาติ - เขตทหารน่าเที่ยวที่ “โรงเรียนนายร้อย จปร.” หรือ “โรงเรียนเตรียมทหาร” รับประทานอาหารกลางวัน เลือกร้านบริเวณถนนทางเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร. มีหลากหลายเมนู เช่น ก๋วยเตี๋ยวปลา, ไก่ย่างส้มต้ม, ปลาเผา, อาหารไทย-จีน เป็นต้น
จากนั้นเดินทางเข้าตัวเมืองนครนายก ใช้ถนนหมายเลข 3049 เพื่อสัมผัสกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ “เขื่อนขุนด่านปราการชล” จากนั้นเดินทางเข้าที่พักในเขตจังหวัดปราจีนบุรี/หรือนครนายก พักผ่อนในรีสอร์ท / โรงแรมหลายแบบหลากบรรยากาศ ยามเย็นเตรียมตัวเดินทางเที่ยวงานร่วมนุ่งขาว – ห่มขาว เที่ยวงานตลาดย้อนยุค และร่วมปฏิบัติธรรมภายในงานมาฆปูรมีศรีปราจีน
เช้าของวันที่สอง เตรียมพร้อมรับประสบการณ์ใหม่ในแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ของจังหวัดปราจีนบุรี อาทิ ชมอุโบสถ 4 ชาติ วัดแก้วพิจิตร, เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ภูมิภาคภาคตะวันออก ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี, ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยแพทย์แผนไทย และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากสมุนไพร ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ชมตึกเก่าเรื่องราวแห่งความรักและภักดี “ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร”, รับประทานอาหารกลางวันสุดอร่อย เมนูสุขภาพ
ยามบ่ายชมตะเกียงโบราณนับหมื่นดวง พร้อมฟังเรื่องเล่าเรื่องเก่าเมืองปราจีน ณ พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวได้ที่ ททท. สำนักงานนครนายก โทร.0-3731-2282,0-3731-2284 เปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. หรือดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.tat8.comที่มา : http://www.tatnewsthai.org/newsdetail.php?newsID=3003&NEWS=1
|
|
|
79
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / สายงานการเจริญสติ “แบบหลวงพ่อเทียน” ประจำปี 2556
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 01:30:16 pm
|
ตารางอบรม ประจำปี 2556
กำหนดงานอบรม ปี พ.ศ. 2556 สายงานการเจริญสติ “แบบหลวงพ่อเทียน”
1 - 7 ธ.ค. 55 ป่าชัยมงคล หนองผักหลอด บ้านแท่น ชัยภูมิ ล.พ.สมบัติ 4 - 10ธ.ค.55 ป่าก่อวิมุตติ คำไผ่ - ป่าก่อ ชานุมาน อำนาจเจริญ ล.พ.ประเสริฐ 9 - 15 ธ.ค.55 ป่าโพธิ์ทอง หนองไผ่ใต้ ชุมแพ ขอนแก่น พระอ.ศักดิ์ชาย 13-18 ธ.ค.55 ป่าคอกม้า โพนสวรรค์ สระใคร หนองคาย พระอ.จะเดช 15-22 ธ.ค.55 แสงทอง ภูดิน แก้งคร้อ ชัยภูมิ พระครูสุทธิฯ 20-27ธ.ค.55 ป่าโคกดินแดง เหล่าอีหมัน นาเชือก มหาสารคาม พระอ.ดวงศิลป์ 22-29ธ.ค.55 เจริญธรรม ชำมูลนาก แก้งคร้อ ชัยภูมิ ล.พ.บุญถม 27-3 ม.ค.56 โมกขวนาราม หังทุ่ง - คำไฮ เมือง ขอนแก่น พระอ.เอนก 3-10 ม.ค.56 อุทัยธรรมมาฯ กุดโง้ง แก้งคร้อ ชัยภูมิ พระอ.ประจัก 4-11 ม.ค.56 ป่าหนองคู หนองคู นาเชือก มหาสารคาม พระศรีวรญาณ 4-11 ม.ค.56 ธาตุโข่ง หนองหาน หนองหาน อุดรธานี พระอ.มรกต 11-18ม.ค.56 ป่าศรีอู่ทอง ห้วยยาง คอนสาร ชัยภูมิ ล.พ.เทา 11-18ม.ค.56 โพธิ์ศรี เดื่อ จัตุรัส ชัยภูมิ พระครูโพธิธรรมฯ 20-27ม.ค.56 ป่าเขาคงคา โนนระเวียง ครบุรี นครราชสีมา พระอ.ดุรงฤทธิ์ 27-31ม.ค.56 โกรกหว้า บ้านดอน ปักธงชัย นครราชสีมา ล.พ.เพียร 27- 3 ก.พ.56 ป่าศรีบูรพา หนองแสง เมือง ขอนแก่น พระอ.มงคล 0885520416 1 - 7 ก.พ. 56 ราษี กุดน้ำใส จัตุรัส ชัยภูมิ พระครูโพธาฯ 1 - 7 ก.พ. 56 เทพประทาน เทพประทาน ท่าตะเกียบ ฉะเชิงเทรา พระครูสุเทพฯ 3 - 10ก.พ. 56 ศิลาดาด ธาตุทอง ภูเขียว ชัยภูมิ พระครูวิศิษย์ฯ 3 - 10ก.พ. 56 พระยาภักดี คลองลี่ เมือง ชัยภูมิ ล.พ.สงวน 4 - 10ก.พ. 56 โพธิ์ศรี ดอนกลาง หนองหาน อุดรธานี พระอ.บุญชู 10-17ก.พ.56 แสงเทียนรังษี นาเจริญ ภักดีชุมพล ชัยภูมิ แม่ชีสุมาลี 14-21ก.พ.56 เกาะทับมิ่งขวัญ บ้านติ้ว เมือง เลย พระอ.คำไม 0872208999 21-25ก.พ.56 คีรีบรรพต บุฮม เชียงคาน เลย หลวงพ่ออาจ 24-2 มี.ค. 56 ป่าสันติสุข ปากชม ปากชม เลย หลวงพ่อยุ่น 5 -11 มี.ค.56 ศรีสุมังราม หนองบัวแดง หนองบัวแดง ชัยภูมิ พระครูญาณฯ 8 -15 มี.ค.56 เทพนิมิต โนนฆ้อง บ้านฝาง ขอนแก่น พระอ.เหลือ 9 -15 มี.ค.56 ภูเขาธรรม ท่ามะไฟ แก้งคร้อ ชัยภูมิ ล.พ.คำเขียน 0877790379 15-22มี.ค.56 ป่าอกาลิโก ห้วย จัตุรัส ชัยภูมิ พระอ.ล้วน 23-30มี.ค.56 โนนสูงสะอาด โนน เมือง ชัยภูมิ พระอ.สุปัน 1 - 8 เม.ย.56 โพนทอง หนองแก แก้งคร้อ ชัยภูมิ ล.พ.บุญธรรม 4 - 11เม.ย.56 โสมพนัส ภูเพ็ก พันนานิคม สกลนคร พระอ.สุริยา 18-24เม.ย.56 ป่าหนองกุงฯ หนองกุงฯ ภูเวียง ขอนแก่น พระอ.นิวรณ์ 24-30เม.ย.56 เทพนิมิต หนองกุงน้อย โกสุมพิสัย มหาสารคาม พระอทองสุข 30 - 5 พ.ค.56 เทพนิมิตรังษี บ้านทัน โกสุมพิสัย มหาสารคาม หลวงพ่อเพียร 30 - 7 พ.ค.56 สำนักอู่ตะเภา ทับคาง เขาย้อย เพชรบุรี พระอ.วรวิทย์ 10-17 พ.ค.56 หนองกระสังข์ หนองกระสังข์ ตาคลี นครสวรรค์ พระครูนิสัยฯ 18-26 พ.ค.56 ถ้ำสัตตบรรณฯ หนองหญ้า เมือง กาญจนบุรี พระครูวิวิธฯ "ช่วงวิสาขะ"โมกขวนารามหัวทุ่งคำไฮ เมืองขอนแก่น พระ อ. เอนก 0864502890 4-11 ทุกเดือนป่านาโพธิ์ นาโพธิ์ บุรีรัมย์ ล.พ.ณรงค์ 0857752565 1-10 ทุกเดือนแพร่แสงเทียน แม่ยางเปี้ยว ร้องกวาง แพร่ พระอ.กระสินธุ์ 0871802976 5 -13 และ20-27ของทุกเดือน เก็บอารมณ์ ที่ วัดทับมิ่งขวัญ อ.เมือง จ.เลย 0872208999
* 20 พ.ค – 30 มิ.ย เก็บอารมณ์ 40 วัน ที่วัดป่าสุคโต บ้านใหม่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ * ล.พ.คำเขียน 0877790379
**************************** หมายเหตุ: การเจริญสติเป็นหลักสูตรที่ลัดสั้นแต่ได้ผลจริง เมื่อรับหลักการแล้ว ทุกคนสามารถ
ปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน หากสงสัยการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงโปรดติดต่อ. กองงานเลขา 08722089999จาก : http://www.watsriburapha.com/tarang01.html
|
|
|
80
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / วันที่ 21 มกราคม – 16 กุมภาพันธ์ 2556 งานเทศกาลดอกไม้บาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 01:05:40 pm
|
ขอเชิญชม “นิทรรศการทิวลิปคิงภูมิพลและนิทรรศการ 80 พรรณไม้งามโครงการหลวง” ในงานเทศกาลดอกไม้บาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2555
ขอเชิญชม “นิทรรศการทิวลิปคิงภูมิพลและนิทรรศการ 80 พรรณไม้งามโครงการหลวง”
ในงานเทศกาลดอกไม้บาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2555
ชาวไทยทุกคนยังคงจดจำภาพแห่งความประทับใจในครั้งที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี กันได้และความรู้สึกนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของพสกนิกรไทยไปตราบนานเท่านาน แต่ภาพความประทับใจที่พสกนิกรไทยแสดงออกถึงความจงรักภักดีมีต่อพระมหากษัตริย์นั้นได้สร้างความซาบซึ้งใจแก่ชาวชาวต่างชาติผู้หนึ่งที่ได้เห็นและรู้สึกประทับใจและซาบซึ้งใจไม่แพ้คนไทย นั่นคือนายกลาส คูไดค์ เกษตรกรชาวดัตช์ เจ้าของบริษัท FA.P. Koeddiik & Zn ที่รู้สึกประทับใจกับภาพดังกล่าว จนเป็นแรงบันดาลใจให้เขาได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตตั้งชื่อ ดอกทิวลิป ที่เขาพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ชื่อว่า “คิงภูมิพล” เพื่อความเป็นสิริมงคล และเขาก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างสูง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานนาม “คิงภูมิพล” ให้แก่ดอกทิวลิปสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 ด้วย
ดอกทิวลิป “คิงภูมิพล” เป็นดอกทิวลิปที่มีสีเหลืองนวลทั้งดอก ความสูงของดอกและก้านรวม 45 เซนติเมตร ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จากดอกทิวลิป “พรินซ์ เคลาส์” (Prince Claus) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากดอกทิวลิปสายพันธุ์ “จูดิธ เลย์สเตอร์” (Judith Leyster) อันเป็นสายพันธุ์ที่ดีมากสายพันธุ์หนึ่งในบรรดาสายพันธุ์ดอกทิวลิปของเนเธอร์แลนด์และได้รับพระราชทานชื่อจากเจ้าชายเคลาส์ (Prince Claus) พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์จากรูปทรงและสีสันที่สวยงาม รวมทั้งนามอันเป็นมงคลของดอกทิวลิป “คิงภูมิพล”นี้ เชื่อว่าเมื่อมีการขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มปริมาณไปสู่เชิงพาณิชย์มากขึ้นแล้ว ก็คงจะเป็นดอกทิวลิปอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
ในอีกไม่กี่วันนี้ชาวไทยทุกคนจะมีโอกาสได้ยลโฉมดอกทิวลิป “คิงภูมิพล” กันแล้วเนื่องจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ได้ประสานขอซื้อหัวพันธุ์ดอกทิวลิป “คิงภูมิพล” กับนายกลาส คูไดค์ มาทดลองเพาะที่สถานีโครงการหลวงอินทนนท์ ปรากฏว่ามีอัตราการงอกที่ดีและดอกทิวลิป “คิงภูมิพล” ชุดแรกจะเริ่มผลิบานในวันที่ 19 มกราคม 2556 นี้ ดังนั้นในโอกาสที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ได้จัดงาน“เทศกาลดอกไม้บาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2555” ขึ้นในระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2555 – 28 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร นั้น อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จะได้จัดแสดง “นิทรรศการทิวลิปคิงภูมิพล และนิทรรศการ 80 พรรณไม้งามโครงการหลวง”เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในระหว่างวันที่ 21 มกราคม - 16 กุมภาพันธ์ 2556 โดยได้กราบทูลเชิญหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เสด็จเป็นประธานเปิดนิทรรศการในวันที่21 มกราคม 2556 เวลา17.00 น. ณ บริเวณโถงกลาง อาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์
จึงขอเรียนเชิญทุกท่านเยี่ยมชมความงามของดอกทิวลิป “คิงภูมิพล” ได้ใน “นิทรรศการทิวลิปคิงภูมิพล และนิทรรศการ 80 พรรณไม้งามโครงการหลวง” ในระหว่างวันที่ 21 มกราคม – 16 กุมภาพันธ์ 2556 ณ บริเวณโถงกลาง อาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-114110-5 หรือทางเว็บไซต์ www.royalparkrajapruek.org
|
|
|
|