ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “วัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง” ชมถ้ำงาม อลังการอุโบสถช้าง แห่งเดียวในไทย จ.กระบี่  (อ่าน 903 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อุโบสถช้าง วัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง


“วัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง” ชมถ้ำงาม อลังการอุโบสถช้าง แห่งเดียวในไทย

“ช้าง” เป็นสัตว์ตัวใหญ่แสนน่ารัก ที่มีความผูกพันกับคนไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งในด้านการประกอบอาชีพทำมาหากิน การทำสงครามรักษาผืนแผ่นดินไทยในอดีต หรือแม้แต่ด้านความเชื่อทางศาสนา ก็มีตำนานเรื่องเล่าต่างๆ ที่เกี่ยวกับช้างมากมาย

ในเรื่องของช้างกับศาสนานั้น ก็มีวัดอยู่แห่งหนึ่งที่เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน นั่นคือที่ “วัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง” ที่ตั้งอยู่ใน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ซึ่งหากว่าใครเดินทางมาถึงที่นี่ก็จะได้ตื่นตากับ “อุโบสถช้าง” แห่งเดียวในไทย


ความงดงามภายในถ้ำปราสาทนาฬาคิริง

ที่ด้านหลังของวัด จะมีขุนเขาตั้งตะหง่านอยู่ โดยมี “ถ้ำปราสาทนาฬาคิริง” อยู่ด้านใน ซึ่งถูกค้นพบโดย “หลวงพ่อขจิต กมโล” เจ้าอาวาสวัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง หลวงพ่อขจิตท่านมีพื้นเพเป็นคนสงขลา ในช่วงปี พ.ศ. 2529 มีโอกาสธุดงค์ขึ้นเหนือ และไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำวัว จ.แม่ฮ่องสอน แล้วได้นิมิตเห็นชายตัวดำรูปร่างสูงใหญ่ไม่ใส่เสื้อนุ่งโจงกระเบนสีขาว สะพายย่ามมือถือเทียนมาชวนหลวงพ่อไปดูถ้ำแห่งหนึ่ง ชายคนนั้นพูดอะไรมากมายหลายอย่าง พร้อมกับให้หลวงพ่อไปอยู่ในถ้ำนั้น ทีแรกหลวงพ่อขจิตปฏิเสธ แต่ชายร่างใหญ่ได้พยามอธิบาย ชักจูง จนหลวงพ่อยอม ชายคนนั้นจึงพาหลวงพ่อออกจากถ้ำ

หลังนิมิตผ่านพ้น หลวงพ่อขจิตได้พยายามสืบเสาะหาถ้ำในนิมิตตามที่ต่างๆ อยู่หลายแห่ง จนในปี 2533 ท่านได้รับนิมนต์ให้มาเป็นเจ้าสำนักสงฆ์แหงหนึ่งใน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ มีชาวบ้านมานิมนต์ไปงานบุญเดือนสิบ หลวงพ่อจึงถามชาวบ้านว่าในละแวกนี้มีวัดหรือถ้ำบ้างหรือไม่ ชาวบ้านก็ตอบว่ามี แต่อยู่ในป่ารกทึบไม่มีใครกล้าเข้าไป หลวงพ่อจึงเข้าไปสำรวจพบว่าเป็นถ้ำคล้ายในนิมิต นั่นจึงเป็นการเปิดโลกถ้ำแห่งนี้สู่ภายนอก โดยครั้งแรกที่หลวงพ่อพบเจอถ้ำคือวันที่ 9 ก.ค. 2533

หินรูปช้าง และหัวใจช้างภายในถ้ำ

เหตุที่หลวงพ่อขจิตตั้งชื่อถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำปราสาทนาฬาคิริง”นั้น เพราะถ้ำนี้มีก้อนหิน หินงอกหินย้อย ที่ชวนให้จินตนาการเกี่ยวกับช้างมากมาย โดยชื่อ “นาฬาคิริง” มาจากชื่อ “นาฬาคิรี” ที่เป็นช้างสำคัญเชือกหนึ่งในสมัยพุทธกาล

สำหรับช้างนาฬาคิริง เป็นช้างที่พระเทวทัตสั่งให้มาทำร้ายพระพุทธเจ้าถึง 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ในครั้งที่ 3 พระเทวทัตจึงติดสินบนควาญช้างให้มอมเหล้าช้างนาฬาคิรีจนเกิดความคลุ้มคลั่ง วิ่งมาจะทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธองค์ได้แสดงพุทธปาฏิหาริย์บันดาลให้พญาช้างวิ่งเฉไปทางอื่น แล้วทรงแผ่เมตตาจนสร้างสงบสติอารมณ์ ทรุดกายถวายกราบบังคมทูล พร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม สำนึกตน แล้วเดินกลับเข้าสู่โรงช้างดังเดิม ซึ่งในคัมภีร์อนาคตวงศ์ระว่า หลังสิ้นยุคพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าแล้ว จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีกหลายพระองค์ โดยช้างนาฬาคิรี จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มีพระนามว่า “พระติสสพุทธเจ้า”


เส้นใยหนอนถ้ำ

สำหรับถ้ำปราสาทนาฬาคิริงนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้โดยต้องติดต่อผ่านทางวัด เนื่องจากจะได้จัดผู้นำชมแนะนำจุดต่างๆ และดูแลนักท่องเที่ยวให้เดินไปตามเส้นทางที่กำหนด โดยภายในถ้ำนั้นมีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาน่าชมมากมาย และหากไปถูกช่วง ก็จะเป็นฤดู “หนอนถ้ำ” ซึ่งพวกมันจะชักใยเป็นเส้นสายสวยงามเพื่อดักแมลงเป็นอาหาร หากเราสังเกตตามเส้นใยอาจจะเห็นหนอนถ้ำบางตัวค่อยๆ คืบคลานไต่ไปบนใย ดูเพลินตาดี โดยเฉพาะยามสาดแสงไปโดน เส้นใยไหมของมันจะสะท้อนแสงเป็นริ้วสายสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งของดีคู่ถ้ำปราสาทนาฬาคิริงที่มีให้เห็นเฉพาะบางช่วงเท่านั้น

อุโบสถช้างนาฬาคิริง

ใบเสมาบนหลังช้าง

ส่วนที่ด้านหน้าถ้ำ ซึ่งเป็นบริเวณของวัดนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจก็คือ “อุโบสถช้างนาฬาคิริง” ที่สร้างเป็นรูปช้างหมอบ ชูงวง-ชูงา ดูแปลกตา แต่ว่าสมส่วนสวยงาม โดยรอบอุโบสถมีใบเสมาที่ตั้งอยู่บนตัวช้าง แล้วก็ยังมีไม้ตะเคียนที่วางไว้รอบๆ อุโบสถ เปรียบเสมือนกำแพงแก้ว

เมื่อเดินเข้ามาด้านในอุโบสถช้างก็จะเห็นตั้งแต่ประตูที่ทำเป็นรูปช้าง ด้านในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน ส่วนฝาผนังและเพดานโดยรอบก็มีภาพเขียนสีเป็นรูปช้างในความเชื่อและวิถีชีวิตของคนไทย เดินชมความสวยงามของภาพต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินใจ


ประตูทางเข้าโบสถ์

พระประธานภายในโบสถ์

ภาพเขียนช้างด้านในโบสถ์

สักการะพระพิฆเณศ

นอกจากบริเวณอุโบสถแล้ว บริเวณอื่นๆ ภายในวัดก็ยังมีจุดที่เกี่ยวข้องกับช้างด้วย อาทิ จุดสักการะพระพิฆเณศ มีช้างสามเศียร หรือบริเวณทางเข้าวัดก็สร้างเป็นรูปปั้นช้างเรียงรายอยู่สองข้างทาง และในอนาคตทางวัดจะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้เกี่ยวกับช้าง เพราะที่มาของอุโบสถรูปช้างกับถ้ำนั้นสัมพันธ์กัน

ช้างสามเศียร

ทางเข้าวัด

สักการะพระพุทธรูปภายในวัด

“วัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง” ตั้งอยู่ที่ถนนอ่าวลึก-พระแสง ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากตัวเมืองกระบี่วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 4 จากนั้นให้เลี้ยวแยกขวามือที่อำเภออ่าวลึกไปตามถนนสายอ่าวลึก-พระแสง แล้วถึงแยกซ้ายมือมีป้ายบอกไปวัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง รวมระยะทางจากตัวเมืองกระบี่ ประมาณ 70 กิโลเมตร ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและแจ้งความจำนงในการเที่ยวถ้ำได้ที่ หลวงพ่อขจิต กมโล โทร.08-9593-1016


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก : https://mgronline.com/travel/detail/9610000103027
เผยแพร่ : 15 ต.ค. 2561 12:46 , ปรับปรุง : 15 ต.ค. 2561 12:48, โดย : ผู้จัดการออนไลน์
Facebook :Travel @ Manager
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2018, 07:09:24 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ