ขออนุญาตซีเรียสครับ ผมกลัวบาป เกรงว่าจะปรามาส กลัวการกล่าวตู่พุทธพจน์
กลัวไม่บรรลุธรรม เลยขอนำพุทธพจน์ที่ถูกต้อง ในมหานิพพานสูตร มาแสดงดังนี้ครับ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖) [๑๓๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติในมาตุคาม
อย่างไร ฯ
การไม่เห็น อานนท์ ฯ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อการเห็นมีอยู่ จะพึงปฏิบัติอย่างไร ฯ
การไม่เจรจา อานนท์ ฯ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อต้องเจรจา จะพึงปฏิบัติอย่างไร ฯ
พึงตั้งสติไว้ อานนท์ ฯ
ที่มาhttp://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%C1%CB%D2%BB%C3%D4%B9%D4%BE%BE%D2%B9%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33
อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค
มหาปรินิพพานสูตร มาตุคาเม ปฏิปตฺติวณฺณนา ด้วยบทว่า อทสฺสนํ อานนฺท ทรงแสดงว่า
การไม่เห็นมาตุคามเสียได้เลย เป็นข้อปฏิบัติธรรมอันสมควรในข้อนี้. จริงอยู่ ภิกษุเปิดประตูนั่งบนเสนาสนะ ตราบใดที่ไม่เห็นมาตุคามที่มายืนอยู่ที่ประตู
ตราบนั้น ภิกษุนั้นย่อมไม่เกิดโลภ จิตไม่หวั่นไหวโดยส่วนเดียวเท่านั้น.
แต่เมื่อยังเห็นอยู่แม้ทั้ง ๒ อย่างนั้นก็พึงมี.
ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อทสฺสนํ อานนฺท
ด้วยบทว่า ทสฺสเน ปน ภควา สติ กถํ พระอานนท์ทูลถามว่า
เมื่อการเห็นในที่ๆ ภิกษุเข้าไปรับภิกษาเป็นต้น ภิกษุจะพึงปฏิบัติอย่างไร.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
บุรุษผู้ยืนถือมีดด้วยกล่าวว่า ถ้าท่านพูดกับเราๆ จะตัดศีรษะท่านเสียในที่นี้แหละ
หรือนางยักษิณียืนพูดว่า ถ้าท่านพูดกับเราๆ จะแล่เนื้อท่านเคี้ยวกินเสียในที่นี้ นี่แหละยังจะดีกว่า
เพราะความพินาศเหตุมีข้อนั้นเป็นปัจจัย ย่อมมีได้อัตตภาพเดียวเท่านั้น
ไม่ต้องเสวยทุกข์ที่กำหนดไม่ได้ในอบายทั้งหลาย
ส่วนเมื่อมีการเจรจาปราศรัยกับมาตุคามอยู่ ความคุ้นก็มี เมื่อมีความคุ้น ช่องทางก็มี
ภิกษุผู้มีจิตถูกราคะครอบงำก็ถึงความพินาศแห่งศีล ต้องไปเต็มอยู่ในอบาย
เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อนาลาโป ดังนี้.
สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลพึงพูดกับบุคคลผู้มีดาบในมือ กับปีศาจ
นั่งชิดกับอสรพิษ ผู้ที่ถูกคนมีดาบ ปีศาจ อสรพิษกัด
แล้วย่อมไม่มีชีวิต ภิกษุพูดกับมาตุคามสองต่อสอง
ก็ไม่มีชีวิตเหมือนกัน.
____________________________
๑- องฺ. ปญฺจก. เล่ม ๒๒/ข้อ ๕๕
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๕. มาตุปุตติกสูตร) บทว่า อาลปนฺเน ปน ความว่า ถ้ามาตุคามถามวันขอศีล ใคร่ฟังธรรม ถามปัญหา
ก็หรือมีกิจกรรมที่บรรพชิตจะพึงทำแก่มาตุคามนั้น
มาตุคามนั้นก็จะพูดกะภิกษุผู้ไม่พูดในเวลาเห็นปานนี้ว่า ภิกษุองค์นี้เป็นใบ้หูหนวก
ฉันแล้วก็นั่งปากแข็ง เพราะฉะนั้น ภิกษุพึงพูด โดยแท้.
ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า พระเจ้าข้า ภิกษุเมื่อพูดอย่างนี้ จะพึงปฏิบัติอย่างไร.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาพระโอวาทที่ว่า มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอจงตั้งจิตคิดว่ามารดาในสตรีปูนมารดา
ตั้งจิตคิดว่าพี่สาวในสตรีปูนพี่สาว
ตั้งจิตคิดว่าลูกสาวในสตรีปูนลูกสาว๒-
จึงตรัสว่า อานนท์ พึงตั้งสติไว้.
๒- สํ. ส. เล่ม ๑๘/ข้อ ๑๙๕
(พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ภารทวาชสูตร)
ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10.0&i=67&p=4