สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน => ข้อความที่เริ่มโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มีนาคม 06, 2013, 04:52:53 pm



หัวข้อ: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มีนาคม 06, 2013, 04:52:53 pm
(http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/26331_544592828918265_1313799820_n.jpg)

ขอบคุณภาพจาก facebook หลวงพ่อพระครูคะ

   คือไปที่อุโบสถ วัดราชสิทธาราม แล้ว เห็นมีอยู่หลายหลัง รอบอุโบสถ ไม่ทราบว่าใช้ทำอะไรคะ ศิษย์พี่ ศิษย์ป้า ศิษย์ลุง สายกรรมฐาน มัชฌฺมา  ใครรู้บ้างคะมาช่วยเล่าให้ศิษย์น้อง ฟังกันด้วย นะจ๊ะ


 


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มีนาคม 06, 2013, 04:54:37 pm
(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/62183_544593095584905_388483069_n.jpg)

  อันนี้ใ่ช้ยรรจุอะไร คะ หรือ ว่า...

 


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มีนาคม 06, 2013, 04:56:05 pm
(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/313392_544592908918257_272047198_n.jpg)

 ที่มาของสัตว์ที่อยู่ตามนิมิต เสมา คือ อะไร คะ


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 07, 2013, 11:18:05 am

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347853)
พระอุโบสถ

พระอุโบสถสงบจิตใจ ร่วมทำบุญวันพระใหญ่ที่ “วัดราชสิทธาราม”
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

       พอใกล้ๆ วันสำคัญทางศาสนา ฉันก็เริ่มมองหาวัดที่จะเข้าไปทำบุญใหญ่สักครั้งหนึ่ง นอกเหนือจากวันธรรมดาที่จะตักบาตร ทำบุญ ทำทานอยู่แล้ว ยิ่งเป็นวันพระใหญ่ วันอาสาฬหบูชา ต่อด้วยวันเข้าพรรษา การได้ไปสงบจิตสงบใจให้เป็นกุศลกับตัวเองก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี
       
       แต่ถ้าจะให้ไปไกลจากเมืองกรุงก็คงจะไม่สะดวกนัก ฉันเลยขอเลือกที่จะไปทำบุญที่ “วัดราชสิทธาราม” หรือ “วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร” ที่ตั้งอยู่ฝั่งธนบุรี สาเหตุที่เลือกมาที่นี่ก็เนื่องจากวัดนี้มีชื่อเสียงทางด้านกรรมฐาน ที่สอนตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347854)
ทางเข้าวัดราชสิทธาราม

      ก่อนจะเข้าไปที่วัด ฉันก็ขอศึกษาประวัติความเป็นมาของวัดนี้เสียหน่อย เวลาเดินดูภายในวัดจะได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งขึ้น วัดราชสิทธารามแห่งนี้ แต่เดิมมีชื่อว่า “วัดพลับ” สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ก็ไม่ได้ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อไหร่ แต่ตัววัดเดิมนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดในปัจจุบัน
       
       มาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดใหม่บริเวณที่ติดกัน และให้รวมวัดพลับเดิมเข้าไปอยู่กับเขตวัดที่สร้างขึ้นใหม่ เนื่องจากได้ทรงอาราธนา “พระอาจารย์สุก” (ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น พระญาณสังวรเถร และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) มาจำพรรษา ณ วัดในกรุงเทพฯ


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347855)
หน้าบันลวดลายไม้แกะสลัก

      พระอาจารย์สุก หรือ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก) ทรงเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวักราชสิทธาราม ทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงพระเกียรติคุณเป็นที่เลื่องลือพระองค์หนึ่งในยุครัตนโกสินทร์ ทรงเชี่ยวชาญในกัมมัฏฐาน มีเมตตาภาวนาแก่กล้า จนสามารถเลี้ยงไก่ป่าให้เชื่องได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้รับฉายาว่า “พระสังฆราชไก่เถื่อน”
       
       เมื่อเดินเข้ามาถึงตัววัดแล้ว สิ่งแรกที่ฉันเห็นเด่นชัดและสะดุดตาเป็นอย่างมากก็คือ พระอุโบสถ ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณี หากมองขึ้นไปบริเวณหน้าบันแล้วสังเกตดีๆ จะเห็นลวดลายไม้แกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ล้อมรอบด้วยลายก้านขดประดับกระจกสีลงรักปิดทอง ที่ยังคงดูสวยสดงดงามแม้จะผ่านกาลเวลามายาวนานแล้ว


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347856)
กุฏิวิปัสสนา

      สำหรับพระประทานในโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย นามว่า “พระพุทธจุฬารักษ์” ฉันก็ได้ไปกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะเดินดูความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายใน ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ มหาเวสสันดรชาดก ภาพไตรภูมิ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของศิลปะแบบไทยๆ ที่น่าชื่นชม และควรอนุรักษ์ให้ลูกหลานเราได้เห็นสืบไป
       
       เมื่อเดินออกมาด้านนอก จะเห็นสิ่งก่อสร้างคล้ายๆ ศาลาหลังเล็กๆ ตั้งเรียงรายกันอยู่รอบโบสถ์ ฉันลองสอบถามคุณลุงที่นั่งอยู่แถวนั้น ท่านก็ตอบว่า สิ่งที่เห็นนี้คือกุฏิวิปัสสนา มีทั้งหมด 24 หลัง สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน และบริเวณหน้าบันก็ยังปั้นปูนเป็นลวดลายสวยงามด้วย นอกจากนี้ ที่ด้านหน้าโบสถ์ยังมีเจดีย์สำคัญอีก 2 องค์ คือ พระสิราศนเจดีย์ และ พระสิรจุมภฏเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงกลมแบบทรงเครื่อง ตั้งอยู่ทางทิศใต้และทิศเหนือของตัวพระอุโบสถ


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347857)
พระสิราศนเจดีย์

       เนื่องจากเป็นวัดที่สร้างขึ้นมานานแล้ว จึงทำให้ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างและจุดสำคัญๆ อีกหลายจุด อาทิ พระวิหารแดง ศาลาการเปรียญ หอระฆัง และที่สำคัญ คือ พระตำหนักจันทน์ ที่ในอดีตเคยเป็นพระตำหนักจำพรรษาของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่ทรงผนวช ส่วน พระตำหนักเก๋งจีน ที่สร้างอยู่คู่กับพระตำหนักจันทน์นั้น แต่เดิมก็ใช้เป็นที่รับรองผู้มาเข้าเฝ้าฯ และในบริเวณเดียวกันนี้ก็ยังมี ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งปลูกไว้ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
       
       อย่างที่บอกมากตั้งแต่ต้นว่า ฉันเลือกมาที่นี่เนื่องจากวัดนี้มีชื่อเสียงทางด้านกรรมฐาน จึงขอแนะนำเสียหน่อยว่า กรรมฐานของวัดราชสิทธาราม เป็นพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ คือการเรียนปฏิบัติไปตามกำลังของจิต เกิดสมาธิเป็นขั้นๆ ไป และถือว่าเป็นกรรมฐานของเก่าที่สืบทอดกันมาช้านานตั้งแต่สมัยพุทธกาล


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347858)
ต้นพระศรีมหาโพธิ์

      จนมาถึงในสมัยรัตนโกสินทร์ ก็มีสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก) ทรงเป็นพระอาจารย์ใหญ่กรรมฐาน โดยได้มีการสังคายนาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ เพื่อรักษาไว้ไม่ให้สูญหาย หรือแตกกระจายไป
       
       แต่ในปัจจุบันนั้น กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับได้เสื่อมลงเรื่อยๆ โดยใช้แบบแผนอื่นเข้ามาแทน ซึ่งยังคงเหลือเฉพาะที่วัดราชสิทธารามเพียงแห่งเดียว ที่ยังคงรักษาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับเป็นหลักไว้อย่างยาวนานมาจนถึงขณะนี้


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347859)
รูปปั้นจำลองสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก)

      ใครที่เพิ่งเริ่มต้นนั่งกรรมฐาน อาจจะมาเริ่มต้นที่วัดแห่งนี้ก็ได้ โดยจะมีการสอนนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับนี้ในทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น. ซึ่งเมื่อเรียนรู้แล้วก็สามารถนำไปปฏิบัติต่อเองที่บ้านได้
       
       สิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งเมื่อมาถึงที่วัดนี้ก็คือ การขึ้นไปศึกษายัง พิพิธภัณฑ์กรรมฐาน ที่รวบรวมโบราณวัตถุ และของเก่าหายากต่างๆ มาให้ได้ศึกษากัน ทั้งของใช้ และของที่ได้รับพระราชทานของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก) อาทิ ไม้เท้าเบิกไพรไผ่ยอดตาล พระคัมภีร์มูลกัจจายน์ อุณากัณฑ์ ที่สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก) ทรงคัดลอกด้วยลายพระหัตถ์ บาตรดินเผา ธรรมมาสน์แสดงธรรม เป็นต้น


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347860)
หุ่นขี้ผึ้งพระสายวิปัสสนา

      และยังมีหุ่นขี้ผึ้งของพระสังฆราชญาณสังวร (สุก) รวมถึงหุ่นขี้ผึ้งของพระอาจารย์วิปัสสนาสายเดียวกันนี้อีกหลายองค์ ที่รวบรวมไว้อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปได้เข้าไปกราบไหว้
       
       นอกจากจะไปสงบจิตสงบใจด้วยการเข้าวัดทำบุญ หรือไปนั่งสมาธิที่วัดแล้ว ฉันว่า การที่ทำจิตใจให้สงบ มีสติ รู้จักอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสงบจิตสงบใจของเราได้เช่นกัน และนอกจากจะได้ทำบุญในช่วงวันพระใหญ่แล้ว ฉันว่าจะชวนแม่และคนในครอบครัวมาทำบุญด้วยกัน จะได้มีความสุขกันไปทั้งบ้าน


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2347861)
หนึ่งในวิธีการปฏิบัติกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ
       
    “วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร” ตั้งอยู่ภายในซอยอิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม.
   โทร. 0-2465-2552 สำหรับพิพิธภัณฑ์กรรมฐาน เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094218 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094218)


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 07, 2013, 11:43:17 am


http://www.youtube.com/watch?v=7_sXXPBIswU# (http://www.youtube.com/watch?v=7_sXXPBIswU#)
อัปโหลดเมื่อ 9 ธ.ค. 2011 โดย 2548weera


(http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/26331_544592828918265_1313799820_n.jpg)
ans1 ans1 ans1
สิ่งที่เห็นนี้คือ กุฏิวิปัสสนา(ใช้นั่งกรรมฐาน) มีทั้งหมด 24 หลัง สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน
และบริเวณหน้าบันก็ยังปั้นปูนเป็นลวดลายสวยงาม ด้านหลังของกุฏิติดกำแพงแก้ว


(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/313392_544592908918257_272047198_n.jpg)
ans1 ans1 ans1
รูปปั้นสัตว์หน้าซุ้มเสมานั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า มีที่มาอย่างไร
หากมีโอกาส จะขอความกระจ่างจากพระครูสิทธิสังวรให้ครับ

(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/62183_544593095584905_388483069_n.jpg)
ans1 ans1 ans1
ที่เห็นเรียกว่า เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ ๑๖ มีอยู่ทั้งสี่มุมของพระอุโบสถ
แต่ก็ไม่ทราบว่าใช้ประดิษฐานอะไร หากมีโอกาส จะขอความกระจ่างจากพระครูสิทธิสังวรให้ครับ


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มีนาคม 07, 2013, 01:41:23 pm
 st11 st12


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 21, 2013, 07:04:03 pm
(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/313392_544592908918257_272047198_n.jpg)

     
ans1 ans1 ans1
     ได้คำตอบมาจากพระครูสิทธิสังวรแล้วครับ ได้ถามท่านเมื่อครั้งงานหล่อพระราหุล ๑๖ มีนาคมที่ผ่านมา ท่านบอกว่า รูปปั้นสัตว์ที่หน้าโบสถ์ เรียกว่า ตัวอับเฉา มาจากเมืองจีน ในสมัยรัชกาลที่ ๓  เพื่อความกระจ่างยิ่งขึ้น ขอให้อ่านบทความนี้ครับ



(http://a1.media.singhacdn.net/uploads/blog/11000/10597/10597_thumb600.jpg)

เรื่องจริงน่ารู้: รูปสลักหินสวยงาม ทำไมจึงเรียก ตัวอับเฉา

สำหรับใครที่เคยไปเยือนวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ แล้วละก็ ย่อมต้องเคยพบเห็นรูปสลักหินจีนทั้งหลายที่ตั้งประดับตามซุ้มประตูและที่ต่างๆ มีทั้งสลักจากหินและปูนปั้น โดยหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ารูปสลักหินจีนเหล่านี้ มีชื่อเรียกว่า ตัวอับเฉา หรือ เครื่องอับเฉา (Chinese Ship Ballast)

ตัวอับเฉานั้น มีต้นกำเนิดจากการค้าสำเภา (การค้าขายสินค้าด้วยเรือสำเภาเดินทะเล) ในสมัยรัชกาลที่ 3
โดยเมื่อประเทศไทยจะส่งสินค้าไปขายยังเมืองจีนหรือยังต่างประเทศนั้น สินค้าจะเป็นพวก ไม้สัก ข้าวสาร งาช้าง ดีบุก พลวง ไม้ เครื่องเทศ ซึ่งเป็นของมีน้ำหนัก
     หากไปค้าขายที่เมืองจีน เมื่อขายสินค้าแล้ว ขากลับก็จะซื้อสินค้าจากเมืองจีน (หรือจากประเทศคู่ค้า)
     กลับมา เป็นพวกผ้าแพร ผ้าไหม แร่ทอง แร่เงิน ไขมุก ซึ่งมีราคสูงและมีน้ำหนักเบา
     ซึ่งเรือสำเภาที่จะแล่นฝ่าคลื่นลมในทะเลได้นั้นต้องมีน้ำหนักพอสมควร
     มิฉะนั้นเรือจะโคลงแล่นฝ่าคลื่นลมมาไม่ได้
     จึงต้องมีการถ่วงน้ำหนักใต้ท้องเรือ โดยมีการใส่อับเฉามาใต้ท้องเรือ

 
(http://a1.media.singhacdn.net/uploads/blog/11000/10597/10597_p170jt8p5i19otecpclf1pup1cpf3.jpg)


     อับเฉา ในยุคแรกๆ จะมีลักษณะเป็นแท่งหิน ยังไม่มีการทำเป็นตุ๊กตาหิน
     โดยนำไปใช้เป็นแท่งหินปูพื้นทำถนนทางเดิน ณ พระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน
     ต่อมามีการนำตุ๊กตาหินมาใส่เป็นตัวอับเฉา ซึ่งตอนแรกๆ นั้น ทางจีนทำมาอย่างไร เราก็ซื้อมาตามนั้น
     แต่ภายหลังมีการออกแบบจากไทยไปให้ช่างจีนทำตุ๊กตาหินตามสั่ง
     ซึ่งตุ๊กตาหินเหล่านั้นได้นำมาตั้งตกแต่งพระอาราม พระราชวัง วัง หรือบ้านผู้มียศศักดิ์
     โดยสลักเป็นรูปต่างๆ ทั้งรูปคน ฝรั่ง จีน เทพเทวดา และรูปสัตว์



Ref. www.everykid.com/wat/suthat2.html (http://www.everykid.com/wat/suthat2.html)
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
www.singhasquare.com/academy/news/10597/เรื่องจริงน่ารู้-รูปสลักหินสวยงาม-ทำไมจึงเรียก-ตัวอับเฉา.html (http://www.singhasquare.com/academy/news/10597/เรื่องจริงน่ารู้-รูปสลักหินสวยงาม-ทำไมจึงเรียก-ตัวอับเฉา.html)


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 21, 2013, 07:12:36 pm

(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/62183_544593095584905_388483069_n.jpg)

ans1 ans1 ans1
    เจดีย์ที่เห็นเรียกว่า เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ ๑๖ มีอยู่ทั้งสี่มุมของพระอุโบสถ จากการสอบท่านพระครูสิทธิสังวร ท่านบอกว่า ใช้ประดิษฐานรูปของบูรพาจารย์วัดพลับ แต่ด้วยเวลาจำกัดผมไม่ได้ถามว่า เป็นรูปถ่ายหรือรูปวาด รูปปั้นหรือรูปหล่อ ใครมีโอกาส ลองเข้าไปดู มาเล่าสู่กันอ่านบ้าง
       :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: sinjai ที่ มีนาคม 21, 2013, 11:24:55 pm
 st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มกราคม 22, 2015, 08:01:32 am
สิ่งที่บรรจุในเจดีย์นั้นมีอะไรบ้าง ลองอ่านเฉลย