[172] ลีลาการสอน หรือ พุทธลีลาในการสอน หรือ เทศนาวิธี 4 (การสอนของพระพุทธเจ้าแต่ละครั้ง แม้ที่เป็นเพียงธรรมีกถา หรือการสนทนาทั่วไป ซึ่งมิใช่คราวที่มีความมุ่งหมายเฉพาะพิเศษ ก็จะดำเนินไปอย่างสำเร็จผลดีโดยมีองค์ประกอบที่เป็นคุณลักษณะ 4 ประการ - the Buddha's style or manner of teaching) 1. สันทัสสนา (ชี้แจงให้เห็นชัด คือ จะสอนอะไร ก็ชี้แจงจำแนกแยกแยะอธิบายและแสดงเหตุผลให้ชัดเจน จนผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้ง เห็นจริงเห็นจัง ดังจูงมือไปดูเห็นกับตา - elucidation and verification) 2. สมาทปนา (ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ คือ สิ่งใดควรปฏิบัติหรือหัดทำ ก็แนะนำหรือบรรยายให้ซาบซึ้งในคุณค่า มองเห็นความสำคัญที่จะต้องฝึกฝนบำเพ็ญ จนใจยอมรับ อยากลงมือทำ หรือนำไปปฏิบัติ - incitement to take upon oneself; inspiration towards the Goal) 3. สมุตเตชนา (เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า คือ ปลุกเร้าใจให้กระตือรือร้น เกิดความอุตสาหะ มีกำลังใจแข็งขัน มั่นใจที่จะทำให้สำเร็จจงได้ สู้งาน ไม่หวั่นระย่อไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวยาก - urging; encouragement; animation; filling with enthusiasm) 4. สัมปหังสนา (ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง คือ บำรุงจิตให้แช่มชื่นเบิกบาน โดยชี้ให้เห็นผลดีหรือคุณประโยชน์ที่จะได้รับและทางที่จะก้าวหน้าบรรลุผล สำเร็จยิ่งขึ้นไป ทำให้ผู้ฟังมีความหวังและร่าเริงเบิกบานใจ - gladdening; exhilaration; filling with delight and joy) อรรถกถาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ข้อ 1 ปลดเปลื้องความเขลาหรือความมืดมัว ข้อ 2 ปลดเปลื้องความประมาท ข้อ 3 ปลดเปลื้องความอืดคร้าน ข้อ 4 สัมฤทธิ์ การปฏิบัติ จำ 4 ข้อนี้สั้นๆ ว่า ชี้ให้ชัด ชวนให้ปฏิบัติ เร้าให้กล้า ปลุกให้ร่าเริง หรือ แจ่มแจ้ง จูงใจ แกล้วกล้า ร่าเริง]

[172] ลีลาการสอน หรือ พุทธลีลาในการสอน หรือ เทศนาวิธี 4 (การสอนของพระพุทธเจ้าแต่ละครั้ง แม้ที่เป็นเพียงธรรมีกถา หรือการสนทนาทั่วไป ซึ่งมิใช่คราวที่มีความมุ่งหมายเฉพาะพิเศษ ก็จะดำเนินไปอย่างสำเร็จผลดีโดยมีองค์ประกอบที่เป็นคุณลักษณะ 4 ประการ - the Buddha's style or manner of teaching)
       1. สันทัสสนา (ชี้แจงให้เห็นชัด คือ จะสอนอะไร ก็ชี้แจงจำแนกแยกแยะอธิบายและแสดงเหตุผลให้ชัดเจน จนผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้ง เห็นจริงเห็นจัง ดังจูงมือไปดูเห็นกับตา - elucidation and verification)
       2. สมาทปนา (ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ คือ สิ่งใดควรปฏิบัติหรือหัดทำ ก็แนะนำหรือบรรยายให้ซาบซึ้งในคุณค่า มองเห็นความสำคัญที่จะต้องฝึกฝนบำเพ็ญ จนใจยอมรับ อยากลงมือทำ หรือนำไปปฏิบัติ - incitement to take upon oneself; inspiration towards the Goal)
       3. สมุตเตชนา (เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า คือ ปลุกเร้าใจให้กระตือรือร้น เกิดความอุตสาหะ มีกำลังใจแข็งขัน มั่นใจที่จะทำให้สำเร็จจงได้ สู้งาน ไม่หวั่นระย่อไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวยาก - urging; encouragement; animation; filling with enthusiasm)
       4. สัมปหังสนา (ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง คือ บำรุงจิตให้แช่มชื่นเบิกบาน โดยชี้ให้เห็นผลดีหรือคุณประโยชน์ที่จะได้รับและทางที่จะก้าวหน้าบรรลุผล สำเร็จยิ่งขึ้นไป ทำให้ผู้ฟังมีความหวังและร่าเริงเบิกบานใจ - gladdening; exhilaration; filling with delight and joy)

       อรรถกถาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ข้อ 1 ปลดเปลื้องความเขลาหรือความมืดมัว ข้อ 2 ปลดเปลื้องความประมาท ข้อ 3 ปลดเปลื้องความอืดคร้าน ข้อ 4 สัมฤทธิ์ การปฏิบัติ จำ 4 ข้อนี้สั้นๆ ว่า ชี้ให้ชัด ชวนให้ปฏิบัติ เร้าให้กล้า ปลุกให้ร่าเริง หรือ แจ่มแจ้ง จูงใจ แกล้วกล้า ร่าเริง


http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=%E0%B7%C8%B9%D2%C7%D4%B8%D5_4

สํา นักข่าวเอเอฟพี รายงานสกู๊ปพิเศษในเมืองไทย ว่า พระที่วัดครึ่งใต้วิทยา อ.เชียงของ จ.เชียงราย เปิดหลักสูตรอบรมความเป็นชายแก่สามเณรที่มีอายุระหว่าง 11-18 ปี หลังจาก ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ริเริ่มโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 ด้วยเล็งเห็นว่าสมณเพศที่เบี่ยงเบนเป็นกะเทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จนบั่นทอนความมั่นคงของพุทธศาสนาในประเทศไทย

เอเอฟพี รายงานว่า เนื่องจากวัฒนธรรมเกย์และกะเทย เป็นสิ่งที่เปิดเผยและยอมรับกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย จนมีจำนวนประชากรแปลงเพศมากที่สุดในโลก

รายงานระบุว่า วินัยสงฆ์ของวัดครึ่งใต้วิทยา เคร่งครัดเป็นพิเศษ นักเรียนไม่สามารถใช้น้ำหอมหรือเครื่องสำอางได้ และยังไม่อนุญาตให้ร้องเพลง เล่นดนตรี หรือวิ่งไปมาในวัดอีกด้วย

พระพิษณุ พระอาจารย์หัวหน้าโครงการ อธิบายว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของพวกเณรได้ทั้งหมด แต่เราพยายามควบคุมพฤติกรรม และแสดงให้พวกเขาเข้าใจว่าเกิดมาเป็นชายก็ต้องทำตัวเป็นผู้ชาย ไม่ทำท่าเหมือนเป็นหญิง

ขณะที่โปรแกรมดังกล่าวมีเกณฑ์ประสบความ สำเร็จค่อนข้างจำกัด เณรกะเทยเพียง 3 ใน 6 คนเท่านั้นที่จบการศึกษาจากโรงเรียน โดยปรับเปลี่ยนนิสัยยอมรับความเป็นชายของตัวเองได้ แต่ส่วนที่เหลืออีก 3 คน กลับเดินหน้าผ่าตัดแปลงเพศเมื่อถึงวัยในอนาคต

สามเณรภพ (นามสมมติ) วัย 15 ปี สามเณรหนุ่มสวย ที่แอบผัดแป้งแต่งหน้าภายในเขตวัด ละเมิดวินัยสงฆ์ เป็นคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวเข้ามาอบรม กล่าวว่า ที่นี่มีข้อบังคับของการเป็นสามเณร ใช้แป้งไม่ได้ ใช้เครื่องสำอางหรือน้ำหอมก็ไม่ได้ และห้ามเดินไปมาด้วยท่าทางแบบ ผู้หญิง

สามเณรภพ กล่าวว่า ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับเพศของ ตัวเองตอนที่อยู่วัด แต่ก่อนเมื่อตอนอยู่บ้านในกรุงเทพฯ จะแต่งตัวเหมือนสาวๆ แต่งหน้าและกินยาเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงจนกว่าจะเริ่มมีหน้าอก แต่เมื่อเข้ามาอบรมแล้ว ก็หยุดกินไป ทาแค่แป้งบางๆ บนใบหน้า และคงทำตามความหวังของครอบครัวที่อยากเห็นเป็นผู้ชายมากกว่านี้ไม่ได้ แต่จะทำให้ครอบครัวภูมิใจให้ได้แม้จะไม่ได้เป็นผู้ชายก็ตาม โดยตอนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และตั้งความฝันว่าจะได้ทำงานในธนาคาร หลังการผ่าตัดแปลงเพศเมื่อจบการศึกษา แต่เบื้องต้นนี้สิ่งแรกที่อยากจะทำเมื่อลาสิกขา คือตะโกนดังๆ ว่า "ฉันกลับไปเป็นตัวเองได้เหมือนเดิมแล้ว"

พระพิษณุ กล่าวว่า เณรบางคน บางครั้งเราให้เงินไปซื้อขนม กลับเก็บสะสมไว้ไปซื้อมาสคาร่าแทน ทั้งนี้ หน้าที่ของสามเณรทั่วไป เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด เพื่อออกไปบิณฑบาตและศึกษาพระธรรม แต่ทุกวันศุกร์จะมีการอบรมเณรกะเทยเป็นโปรแกรมพิเศษ

พระพิษณุ กล่าวในการอบรมว่า "คุณไม่สามารถเป็นอะไรได้นอก จากเพศที่แท้จริงของคุณเอง นั่นก็คือผู้ชาย และในฐานะที่เป็นสามเณรด้วยแล้ว คุณเป็นได้เพียงผู้ชายเท่านั้น"

นายอำนาจ บัวศิริ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า "ผมมองว่าผลสำเร็จในการฝึกอบรมให้สามเณรกะเทย สามารถปรับเปลี่ยนนิสัยยอมรับความเป็นชายของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะในเรื่องจิตใจหรือความต้องการของเขา เราห้ามไม่ได้

"แต่ ที่สำคัญ คือ การได้ฝึกอบรม ทำให้เขาได้ทดสอบความอดทน อดกลั้น ข่มอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาจะเลือกเส้นทางไปในทิศทางใด ตัวเขาเองควรเป็นผู้กำหนด ถ้าเขาสามารถปรับมาเป็นชายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ปรับ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนผิด ตรงนี้เราควรให้อิสระทางความคิดกับพวกเขาเช่นกัน ผลสำเร็จที่ได้แม้เพียงร้อยละ 50 หรือ 60 ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้ว อีกทั้ง วัดที่มีพระภิกษุ-สามเณรลูกวัด ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ควรจัดการอบรมขึ้นมาด้วย โดยใช้กรณีศึกษาของวัดครึ่งใต้วิทยา อ.เชียงของ จ.เชียงราย เป็นแนวทางทดลอง"

น.พ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พฤติกรรมเบี่ยงเบนในเพศชาย แบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ แบบเบี่ยงเบน 100 เปอร์เซ็นต์ และแบบที่ 2 เป็นในลักษณะก้ำกึ่ง

ในกรณีคนที่มีความเบี่ยงเบนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ คงไม่มีทางรักษาหรือปรับปรุงพฤติกรรมได้แต่อย่างใด คงต้องปล่อยให้พวกเขาดำเนินชีวิตไปตามรูปแบบที่เขาอยากจะเป็น แต่สำหรับเพศชายที่มีความเบี่ยงเบนในลักษณะก้ำกึ่ง คือ ยังมีความสับสน ยังไม่แน่ใจถึงเพศสภาพของตนเองนั้น การได้เข้าฝึกอบรมความเป็นชาย ตามที่วัดครึ่งใต้วิทยา ได้จัดฝึกให้แก่สามเณรนั้น น่าจะสามารถช่วยปรับปรุงพฤติกรรมคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง แต่ทั้งหมดคงต้องขึ้นอยู่กับตัวของผู้ฝึกเป็นสำคัญเท่านั้น]

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNVEkwTURjMU5BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdOeTB5TkE9PQ==

เห็นด้วยกับพระอาจารย์ คะ เพราะว่า เพื่อนที่ไปวัดพลับด้วย กัน พอรู้ว่าเราปฏิบัติ ตรงส่วนนี้ได้
แล้ว ก็ไม่ค่อยคุยด้วยกัน จนในที่สุดเธอ ก็ไม่คุยด้วยกันอีก พอเจอก็มักจะพูดเหน็บ มากกว่า อนุโมทนา คะ

อาจจะเป็นข้อเสีย ของศิษย์ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับไปเลยก็ได้นะคะ ในส่วนนี้ถ้าศิษย์คุยกันถึงระดับ
ขั้น เพราะการฝึกฝนภาวนา ความตั้งใจ นั้นล้วนแตกต่างกัน

 

ืำทำไมต้องกรวดน้ำให้มาร ด้วย ในเมื่อมาร พญามาร คอยทำร้ายเรา และทำให้เราลำบาก

ที่สงสัยเพราะเคยได้ยินมาว่า มีคำกรวดน้ำแผ่ให้มารทั้ง 5 ของกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ด้วย

วานท่านผู้รู้ ช่วยแถลงไขให้เข้าใจหน่อยคะ

 

 

เห็นด้วยคะ ว่าปัจจุบัน มีระบบขบวนการที่ทำให้พระสงฆ์ มีจำนวนน้อยลง

โดยเฉพาะสื่อ ที่พากันประโคมแต่เรื่อง ไม่ดีของพระสงฆ์ แต่เรื่องดีของพระสงฆ์ นั้นไม่ค่อยโพทะนากัน


 :'(

น่าเห็นใจท่านเนอะ เพราะว่า แม่ชีไม่ได้มีใบสุทธิ แบบ พระ เณร นะจ๊ะ

  :'(

ถ้าเจอกรณีนี้ ก็ต้องคิดว่า เคยติดเขาไว้ ก็ยกให้คะ ( แต่ด้วยความเป็นปุถุชน ) ก็ต้องเสียดายเป็นธรรมดา

 ที่ำสำคัญต้องไม่ผูกเวร ต่อไปนะคะ

  ในส่วนนี้ถือ ว่า ถมมหาสมุทร นะคะ

 

สาูธุ น่าสนใจมาก ๆ คะ สำหรับนักฟังธรรม ก็คงจะไม่พลาด
แต่ถ้านักภาวนากรรมฐาน แล้ว ก็อย่าพลาดงานพบกลุ่มภาวนากรรมฐาน สระบุรี นะคะ

 

เห็นขึ้นหัวข้อธรรมดา มาก ๆ แต่พอได้เข้ามาอ่าน มีงานรวมในกระทู้เดียว คะ

ติดดาวให้เลยคะ กับกระทู้นี้

อยากทราบเหมือนกัน คะ เรื่องการฝึกกรรมฐาน เพื่อเข้าถึง กายทิพย์

 

ทรงทำกรรมฐานมีเมตตาเป็นอารมณ์อันประกอบด้วยองค์ ๔ ให้เป็นเบื้องต้น

อยากทราบเนื้อหา ตรงนี้ด้วยคะ ใครแนะนำได้บ้างคะ

 

ไม่เคยรู้มาก่อน เลย เห็นพระท่านสู้กับธรรมชาติแล้ว ถึงแม้จะอยู่สู้ไปก็คงได้อีกสักพักเพราะตอนนี้น้ำก็ท่วมถึงครึ่งโบสถ์แล้ว



วัด ขุนสมุทราวาส ตั้งอยู่ที่บ้านขุนสมุทร หมู่ที่ 9 ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม พ.ศ. 2510 โดยมี นายประเทือง เจริญนาค และผู้ใหญ่หั่น เข่งสมุทร เป็นผู้ดำเนินการสร้าง

วัด ขุนสมุทราวาส เป็นวัดไทยที่ในปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลเนื่องจากพื้นดินรอบๆถูกน้ำ ทะเลกถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนพื้นดินหายไป พื้นด้านล่างของวัดถูกยกให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำทะเลกัดเซาะจนพังลง ซึ่งรวมทั้งโบสถ์และกุฏิที่พระสงฆ์จำวัดอยู่ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก www.KhunSamut.com

Read more: http://www.paknam.com/thai/wat-khun-samut.html#ixzz1NSetgyPw

ก็ดีคะ ยังดีที่มี เทพเป็นที่พึ่ง

ดีกว่าไปพึ่ง บ่อน คลับ เหล้า สุรา ยาเสพติด คะ เป็นต้นคะ

สาธุ

 

ขอออกตัวเป็นคนแรก เลยคะสำหรับวัตถุมงคล เป็นวัตถุมงคล คำว่า มงคล ก็ดีแล้วนะคะ

จะนับถือแบบไว้แคล้วคลาด หรือ สรณะเตือนใจ หรือ ไม่นับถือ คุณที่มีก็ย่อมรู้ดีแก่ใจ

ส่วนคนที่บอกถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง และปฏิเสธ สิ่งเหล่านี้ เท่าที่เห็นเพื่อน ๆ

หลาย ๆ คนไม่เห็นจะไปได้รอดกันเลยคะ


ขอบคุณภาพจากเว็บ http://www.web-pra.com

   สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เราได้ระลึก ถึงกุศลทาน ที่เราได้ทำไว้ที่ผ่านมาด้วยนะคะ เมื่อเราต้อง
มาภาวนา เทวตานุสสติกรรมฐาน และ จาคานุสสติกรรมฐาน จะระลึกได้ง่ายกว่าคะเพราะเพียงเรามองเห็น
วัตถุมงคลต่าง ๆ ที่เราได้เป็นที่ระลึกมาจากการทำทาน ทำบุญ สร้างวัด สร้างวิหาร ปิดทองฝังลูกนิมิต เหล่านี้
วัตถุมงคลต่าง ๆ เหล่านี้เป็น อนุสสติที่ยอดเยี่ยมมากคะ

 

แต่ก็อยากให้ทุกคน ได้ถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งนะคะ
 

วันนี้ตั้งใจ ถวายปฏิบัตบูชาเป็นพิเศษเลยคะ

อนุโมทนาสาธุ ด้วยคะ

 

กระทู้รวมงาน เนื่องด้วยวันวิสาขบูชา 2554  มีประโยชน์มาก ๆ คะ

อนุโมทนากับผู้แจ้งข่าวสารงานบุญยิ่งใหญ่นี้ ด้วยคะ

 

เรียน เว็บมาสเตอร์ ตอนนี้ไม่สามารถใช้งานฝากไฟล์ภาพ ที่ เว็บ

 www.kidmadchima.th.ht ได้แล้วคะ ต้องทำอย่างไรกับการฝากไฟล์ภาพคะ

 

เมื่อก่อนอ่านกี่รอบก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่วันนี้พอได้ฟังในรายการ RDN แล้วเรื่อง เข้าถึงธาตุ
ก็เข้าถึงกรรมฐาน รู้สึกได้เลยว่า ปีติจนน้ำตาไหลเลยคะ

เธอจงเจริญภาวนา เสมอ ด้วย น้ำ ลม ไฟ ดิน อากาส

 

น่าจะเป็นไปตามความหมาย ที่พระอาจารย์ชี้แจงคะ
 

เป็นนายก รัฐมนตรี สักกระทรวงครับ

   

 นั้นก็เป็นเลขา รัฐมนตรี ด้วยคนนะ

   

ได้ฟังในรายการ RDN ช่วงเช้า และ ช่วงเย็น หลายครั้งแล้ว เสียดายที่ท่านมรณะภาพแล้ว มิฉะนั้นจะรีบไปกราบเป็นศิษย์ท่านคะ

 

คือแบบว่าอย่างสงสัย อยู่คะว่า พระโสดาบัน ที่เสียชีิวิตแล้ว ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก ตอนที่เกิดจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นพระโสดาบันมาก่อน หรือ ตอนเกิดมาใหม่นั้น มีอะไรติดมาด้วยคะ

 

พระโสดาบัน ไม่ลงอบาย มีภพไม่เกิน 7 ชาติ เพราะมั่นคงในศีล

 ศีล ของพระอริยะเป็นศีลที่มีติดตัว แม้เกิดใหม่ ก็มีศีลนั้นมาด้วยเพราะฝังมาด้วยแต่กำเนิด

 

คุณ rainmain วิจัยให้เห็นเนื้อหา ดีครับอยากให้คุณ  rainmain  ช่วยทำหน้าที่อย่างนี้เสมอ ๆ ครับ
ผมอ่านตามแล้ว ก็เข้าใจตามได้ด้วยครับ เพราะบางทีอ่านพระสูตรตรง ๆ ผมเองก็จับต้นชนปลาย ยังไม่ค่อยได้

ช่วย วิจัย ไปตลอดเลยนะครับ เพราะจะติดตามครับ

 

เห็นด้วย คะ มาทำหน้าที่ บ่อย ๆ นะคะจะตามอ่านคะ
ชอบอ่านคะ ได้ความรู้ดีคะ

 

คำถาม ทำไมดู ตลก ๆ นะ แต่ พระอรหันต์ ท่านคงไม่คิดจะเบียดเบียนสรรพสัตว์ให้ทุกข์ แต่อาจจะไปเหยียบโดยไม่ตั้งใจได้ เมื่อเหยียบก็ต้องโดนกัด แน่นอน ก็ต้องเจ็บคัน เหมือนกับพวกเรานี่แหละ พระอรหันต์ ก็มีกายไม่ต่างจากเรา ไม่ได้พ้นจากความเจ็บ ความแก่ และ ความตาย ดังนั้นไม่น่าแปลกใจ ที่พระอรหันต์จะต้องเจ็บ เหมือนปุถุชนเช่นเรา แต่ท่านคงมีส่วนใจเท่านั้น ที่จะไมุุ่ทุกข์กับสภาวะที่จะเป็นทุุกข์ตรงนั้นไปได้

 

ศิษย์กรรมฐาน คนไหน ได้สรงน้ำพระอาจารย์บางคะ
หรือไม่มีใครได้พบพระอาจารย์ในช่วงสงกรานต์

 

ถ้าจะมองในแง่ดี ก็อาจจะว่า

 ไม่มีบุญบารมีกับกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ ก็ได้นะคะ

 แต่ก็ยังมีกรรมฐาน อื่น ๆ ที่อาจจะมีบารมีกับ กลุ่มใด กลุ่มหนึ่งคะ

 ในส่วนตัวชอบกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับเพราะมีแนวการเดินจิต โดยเฉพาะเรื่อง การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

นี้ชอบมากคะ เช่นเวลาปวดหัว ปวดท้อง เดินจิตตาม นวหรคุณ แล้วอาการก็ชะงักหายได้จริง ๆ คะ

อันนี้จึงเชื่อเป็นอย่างมาก เพราะคนในสมัยก่อนนั้น มีอำนาจจิต ต่อกระดูก ประสานกาย รักษาโรคภัยไข้เจ็บ เคยคิดว่าเป็นเรื่องยาก ๆ และยาก มาก ๆ ที่เราจะฝึกได้ขนาดนั้น พอได้ฝึกกรรมฐาน ที่วัดราชสิทธาราม แล้ว ขึ้นห้องพระอานาปา แล้ว เดินจิต นวหรคุณ ก็สามารถ ยับยั้งเวทนาอันเป็นอาการป่วยได้คะ

คนบางคนอาจจะถูกโฉลกกับกรรมฐาน หรือ บางคนไม่ถูกโฉลกกับกรรมฐาน คะ

เอาเป็นใครถูกโฉลก ก็มาเรียน นะคะ ใครไม่ถูกก็เลือกแบบที่ตนเองชอบ เถอะคะ

 

อนุโมทนาคะ ตั้งใจไปสรงน้ำพระ หลวงพ่อพระครูด้วยคะ
 

น่าเห็นใจมาก ๆ คะ

ร่วมบริจาคกับโครงการ กันเยอะ นะคะ

 

ตอนนี้ภาคใต้ อยู่ในสถานการณ์ ย่ำแย่จริง ๆ โดยเฉพาะ จังหวัดที่มีเขามาก ๆ อย่าง ชุมพร นครศรี กระบี่ สุราษ

น่าเห็นใจมากคะ การเป็นอยู่ก็คิดว่า น่าจะไม่ต่างจากภาคกลาง ภาคเหนือ อิสาณ ที่ผ่านมาในช่วงฤดูฝน

่ขอบคุณภาพจาก http://www.horoworld.com


่ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com


่ขอบคุณภาพจาก http://www.jobmarket.co.th


่ขอบคุณภาพจาก http://www.komchadluek.net

ไม่รู้ เวอร์ชั่นไหนถูกต้อง คะ

กล่าได้น่ากลัว ดีนะคะ คุณ สาธุครับ ....

 ดิฉันต้องระวังตัวแล้วละสิ เข้าห้องน้ำติดแอร์ ก็ยังระแวงเลย เข้าห้องที่มี ทีวีแล้ว รู้สึกได้เลยว่า...

 ความเป็นไปได้สูง

 แต่คิดว่า วัดไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ ก็ได้นะคะ สำหรับทีวีไม่ต้องติดในห้องส้วมก็ได้คะ

 แค่สะอาด ญาติโยมอย่างดิฉันก็ประทับใจแล้วคะ
 

อนุโมทนากับ กุศลในข่าวนี้ด้วย จ้า

วัดนี้ไปมาหลายครั้งแล้ว ได้กราบศพสรีระ ของ หลวงพ่อคงด้วย

ชาวธรรมเปิดโลก ทราบข่าวแล้ว ช่วยกันแจ้งต่อนะจ๊ะ

สาธุ
 

มส.มีมติห้ามตัดคำว่า "วัด" ออกจากชื่อโรงเรียน
เหตุส่อลดบทบาทวัด-พระสงฆ์จากสังคมไทย
ถือว่าบ่อนทำลายชาติ ร.ร.ไหนตัดออกแล้วให้ใส่ไว้เหมือนเดิม
ใครฝ่าฝืนไม่ให้ต่อสัญญาเช่าที่ธรณีสงฆ์


เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (สำนักงาน พศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า
ที่ประชุม มส.มีมติเห็นชอบไม่ให้ตัดคำว่า "วัด"
ที่ใช้นำหน้าชื่อโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ของวัด
หรือธรณีสงฆ์ หากโรงเรียนใดตัดออกไปแล้ว ต้องนำกลับมาใส่ในชื่อโรงเรียนเช่นเดิม

โดยเรื่องนี้ มส.พิจารณาตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการกิจการ
พระพุทธศาสนา ในคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
สภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งยังได้แนบหนังสือของนายอดิศักดิ์ วรรณสิน
นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ ที่ได้ขอให้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาตรวจสอบเรื่องการใช้คำว่า "วัด" รวมกับชื่อของโรงเรียน

เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ เนื่องจากมีโรงเรียนวัดหลายแห่งได้ตัดชื่อวัดออกจากชื่อโรงเรียนไปแล้ว

นายนพรัตน์กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าการตัดชื่อวัดออกจากชื่อโรงเรียน ส่อ ให้เห็นว่ามีเป้าหมายในการลดบทบาทของวัด
หรือพระสงฆ์ไทยให้หมดไป หรือหายไปจากสังคมไทย

ประเด็นนี้ถือเป็นบ่อนทำลายสถาบันชาติ และสถาบันพระพุทธศาสนา
คณะอนุกรรมาธิการจึงประชุมร่วมกันก่อนหน้านี้
และ เห็นว่าให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธ ศาสนา จึงมีมติแจ้งให้ มส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบอย่างเร่งด่วน


ทั้งนี้ นายสมเกียรติ ศรลัมน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการได้เสนอข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

1.ขอให้เจ้าอาวาส ซึ่งมีโรงเรียนตั้งอยู่ในวัด ให้ใช้ชื่อวัด เช่น
โรงเรียนมัธยมวัดสระเกศ หรือโรงเรียนมัธยมวัดดุสิดาราม เป็นต้น

2.ขอให้เจ้าอาวาสกำกับดูแลเกียรติภูมิของวัดกับโรงเรียนอย่างมีศักดิ์ศรี และ

3.ให้สำนักงาน พศ. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขระเบียบ ให้นำชื่อวัดมานำหน้าชื่อโรงเรียน

"มติดังกล่าวมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จาก นี้ไป
วัดจะต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบว่าห้ามตัดคำว่าวัดออกจากชื่อของโรงเรียน
หากโรงเรียนไหนตัดออกไปแล้ว ให้นำกลับมาใส่นำหน้าชื่อโรงเรียนเหมือนเดิม ถ้าวัดใดไม่ดำเนินการ ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง มส.

เพราะโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ของวัดปัจจุบันจะต้องทำสัญญาเช่าตาม ระเบียบการเช่าพื้นที่ธรณีสงฆ์
โดยวัดสามารถกำหนดเงื่อนไขการทำสัญญาว่าโรงเรียนห้ามตัดคำว่าวัดออก
ซึ่งมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว

อย่างโรงเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร ที่จะตัดคำว่าวัดออก
แต่ทางวัดบวรฯแจ้งว่าถ้าตัดคำว่าวัดออก
ก็ต้องย้ายโรงเรียนออกไปจากพื้นที่ด้วย โรงเรียนจึงไม่ตัด
ส่วนโรงเรียนที่ได้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่แห่ง
จะต้องสำรวจอีกครั้ง" นายนพรัตน์กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงเรียนที่ตัดคำว่า "วัด" ออกจากชื่อโรงเรียนมีหลายแห่ง เช่น
โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ เปลี่ยนเป็นโรงเรียนเทพศิรินทร์,
โรงเรียนวัดเทพลีลา เปลี่ยนเป็นโรงเรียนเทพลีลา เป็นต้น

ที่มา :
http://matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1298899535&grpid=00&catid=&subcatid=

  ใจเย็น ๆ คะ อย่าพึ่ง เซ็ง....คะ

       ติดตามงานกลอนอยู่  นะคะ เดี๋ยวจะแต่งไม่ออก

       firefox ใช้ไม่ได้ ก็ใช้ googleCrome ก็ได้คะ


       แต่ความปราดเปรียว สู้ จิ้งจอกเพลิงไม่ได้ จริง ๆ คะ

       คลิ๊กขวา ที่แถบเมนู ดูนะคะ

       ตามภาพ นะคะ

       



   

RDN ( radionet ) คะ ฟังที่หน้าเว็บ www.madchima.org ( จัดรายการตั้งแต่ 09.00 - 21.00 )โดยประมาณคะ ไม่ได้เป็นคลื่นสถานีวิทยุ คะ

    http://www.madchima.org/madchima/radiomad.php

    หรือ
   
    www.madchima.org
   
    หน้าที่เราใช้งานอยู่ตอนนี้ เรียกว่าหน้า เว็บบอร์ดคะ รายการจะมีเสียง อยู่ที่หน้าแรกคะ

  หนูก็ชายแดนคะ กาญจนบุรี คะ

  คุณบุญเอก ก็ติดทะเลคะ ชลบุรี

  คุณสายฝน ก็ เพชรบุรี คะ

  อีกหลาย ๆ คนก็ชายแดน คะ....

   

[081 433 3659]

เบอร์โทร 081 433 3659 พระอาจารย์ เบอร์นี้จำได้ว่า พระอาจารย์ประกาศยกเลิกไปแล้ว
เพราะดิฉัน ก็คอยโทรอยู่เหมือนกัน พระอาจารย์ยังไม่แจ้งเบอร์ใหม่

แต่ไม่เป็นไร ยังติดต่อทาง เมล ได้ก็ดีใจแล้ว

 

เห็นชื่อป้า แล้ว ดูชื่อตัวเอง แหมคล้าย ๆ กันเลย

ดิฉันก็ชอบฟังช่วง ทุ่มกว่า นี่แหละคะ เหมือนกันเข้าใจมาก ๆ ขึ้นจริง ๆ
อีกอย่างที่ทราบมา ศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐานกับพระอาจารย์จะสามารถนั่งกรรมฐานในครั้งแรกถึง 2 ชม.
ซึ่งจะมีความรู้สึกว่าผ่านไปเป็นเวลา 15 นาที ซึ่งจำได้ว่าตอนไปขึ้นกรรมฐานกับเพื่อนตอนนั้นก็ลำดับ
ที่ 1875 แล้วพระอาจารย์เปิดให้ขึ้นกรรมฐาน ในช่วงพรรษาถึง เดือนกุมภาพันธ์ รู้สึกจะมีคนไปขึ้น
กรรมฐาน ถึง 3000 กว่า ๆ เพราะหนังสือที่พิมพ์แจกตอนขึ้นพิมพ์ถึง 3 รอบ ๆ 1000 เล่ม

ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ มาพระอาจารย์ก็หายตัวไปจากวัด ปลีกวิเวก จนถึงปัจจุบัน เพียงคอยตอบ
ปัญหาทางเว็บอยู่ ยังไม่มีใครทราบที่อยู่ของพระอาจารย์ ก็ได้แต่ฟังทาง RDN ไปก่อนซึ่งรอให้
พระอาจารย์กลับมากันอยู่

 

คุณบุญเอก นาน ๆ จะโพสต์ นะนึกว่าเลิกเป็นอาสาสมัครแล้ว
กรรมฐาน ยังแน่นดีนะ ว่าแต่ประสพการณ์ทางวิญญาณ มีบ่อย ๆ ก็นำมาแชร์ ให้ทราบกันหน่อยสิคะ

เพราะเราเอง ไปร่วมงานล้างป่าช้าที่ชลบุรี ก็ยังทึ่งเลยที่ เวลาปักธง แล้วก็ขุดเจอศพ ซึ่งบางทีดูแล้วไม่น่า
จะมีการฝังศพไว้ ก็ยังขุดเจอเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

ในฐานะเป็นอาสาสมัครที่มีประสพการณ์ น่าจะเล่าประสพการณ์ให้ฟังกันบ้างนะคะ