สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ธรรมะสัญจร => ข้อความที่เริ่มโดย: หลวงพี่เฉย ที่ มิถุนายน 09, 2010, 09:22:42 am



หัวข้อ: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงพี่เฉย ที่ มิถุนายน 09, 2010, 09:22:42 am

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_06_42.jpeg) 
สืบเนื่องด้วย คราวที่ไปสำนักสงฆ์แหลมสอ นั้น สหธรรมิกของ พระอาจารย์ถวิล ไ้ด้ถาม
อาตมาว่า ตอนนี้พระอาจารย์ถวิล อยู่ที่ไหน
ตอนนั้น ก็คิดในใจว่า จากอาจารย์ถวิลมาตั้งแต่ปี 2528 ตอนนี้ 2553
แล้วเราจะรู้หรือไม่ว่า พระอาจารย์ถวิล อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ?
แล้วอาจารย์รูปอื่น ๆ เป็นอย่างไร ?
คืินหนึ่งก็เหมือนฝัน ว่าเห็นป้ายวัดนี้แหละ และอีก หลายวัด อีกหลายอาจารย์ ที่คิดถึงกัน
จึงปรารภเดินทาง กับเพื่อนสหธรรมิก ว่าผมฝันอย่างนี้ ต้องไปกันดีหรือไม่ สรุปแล้ว ก็ลองไปตามที่ฝัน


(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_09_57.jpeg)
จากภาพนั้นเป็น ภาพพระอาจารย์วิรัช รวิวังโส ที่ได้จากกันมาตั้งแต่ ปี 2529 ( 24 ปี )
สถานที่ ก็คือ วัดลุ่ม และ ไปตามคำบอกของโยมเจอท่าน รู้สึกว่าดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอพระอาจารย์
เห็นท่านชราภาพมาก 70 แล้วยังแข็งแรงอยู่เลย

 

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_11_50.jpeg)
ตอนไปพบท่าน ก็กำลังจับจอบทำทางขึ้นศาลา ที่ท่านไปบูรณะ
 

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_13_18.jpeg)
วัดนี้เป็นวัดบ้านเกิดท่าน ๆ จึงรับปากมาช่วยพัฒนาวัด
ญาตโยม ที่นั่้นเคารพท่านมาก กิติศัพท์ ที่ท่านได้ทำที่สำนักสงฆ์วังตะเคียนนั้น
ชาว ท่าแซะ ร่ำลือกันพอสมควร
 

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_14_19.jpeg)
อิริยาบถ เดินทางไปตามสบายมีรถบริการ ไปทุกที่ แต่ก็ต้องนั่งได้
ไม่ต้องพะวงอะไรมาก ดีกว่าเดินแล้ว ยิ่งจากวัดแก้วประสิทธิ์นั้นเดินขึ้นลงเขา
จนถึงสำนักสงฆ์นั้น ก็ร่วม 25 กม.
 

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_15_08.jpeg)
เดินลงมาที่ วังมัจฉา ของสำนักสงฆ์วังตะเคียน ที่นี่มีปลามาชุมนุมมาอยู่กันเยอะมาก
พระอาจารย์วิรัช ท่านเวลาไปเทศน์ รับปัจจัยมาท่านก็จะซื้ออาหารมาเลี้ยงปลาเดือนละ
ประมาณ 7,000 บาท ท่านทำอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว ปลามาอยู่กับท่านมาก ๆๆ
จนที่นี่ต้องเรียกว่า วังมัจฉาวังตะเคียน
 

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_09_06_10_9_17_43.jpeg)
สถานที่อยู่ในหุบเขา เดินขึ้น เดินลง แข็งแรง จะเห็นว่า ขึ้นลงทีก็เหงื่อโชก
 

(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_10_06_10_8_40_32.jpeg)
ป้ายสำนักสงฆ์วังตะเคียนนั้น ทำจากไม้ตะเคียน
เคยมีบุคคลเอาไม้นี้ไปทำโต๊ะ เตียงนอน แล้วก็ทำให้ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ไป
ชาวบ้านบอกว่าเจ้าแม่ตะเคียน หวง นะ


(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_10_06_10_8_43_00.jpeg)
ลำน้ำที่ไปถึง ท่าตอน ท่าแซะ


(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_10_06_10_8_44_12.jpeg)
ไปอยู่ 1 อาทิตย์ญาติโยมที่นั่นก็มาทำบุญกัน ดูแลพระกันอย่างดี
อาหารการฉัน ไม่ต้องห่วง ลูกพระพุทธ แล้วฉันง่าย อยู่ง่าย ภาวนาดี ๆ
สัปปายะ เพราะที่นี่ สงัด และ สงบ เงียบ ๆ ถ้านั่งภาวนา อากาศก็ใช้ได้


(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_10_06_10_8_45_55.jpeg)
หลวงพี่เฉย


(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_10_06_10_8_46_50.jpeg)
ดอกอะไรก็ไม่รู้ ใครรู้จักชื่อก็บอกด้วยนะ


(http://www.madchima.org/forum/gallery/38_10_06_10_8_49_44.jpeg)
พระลูกศิษย์ พระอาจารย์วิรัช ท่านดูแลสถานที่ แต่มีพระอยู่สองรูป ก็ดูแลลำบากพอสมควรนะที่นี่
ตัดตรงนี้ ตรงนั้นก็ขึ้น ตอนที่ฝนก็ตกจริง ๆ จัิง ตกแทบจะทุกวันเลย


เดี่ยวว่างๆ จะลงเพิมใหดูจ้า


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: vijitchai ที่ มิถุนายน 22, 2010, 10:56:50 pm
ดูภาพแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ ครับ มีคำบรรยายประกอบภาพ หรือป่าวครับ
 :bedtime2:


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: lastman ที่ มิถุนายน 28, 2010, 07:20:57 am
 :25: :25:

สาธุ ค่อยเข้่าใจเรื่องเพิ่มขึ้นครับ

ว่าแต่ พระอาจารย์ รูปอื่น ๆ อีกนั้น พระอาจารย์ ได้เดินทางไปหาต่ออีกหรือยัง ครับ

ผม ดูในหัวข้อไปอิสาณ น่าสนใจ ติดตาม ครับ



หลวงพี่เฉย ถ้ามีภาพ ก็ขอดูเพิ่มอีกนะครับ
 :25: :25:


หัวข้อ: นั่งกรรมฐานที่ถูกลักษณะ
เริ่มหัวข้อโดย: สายฟ้า ที่ มิถุนายน 28, 2010, 01:21:33 pm
(http://img541.imageshack.us/img541/1272/0036c.jpg)

นั่งกรรมฐาน ที่ถูกลักษณะในท่านั่งแบบนี้จะนั่งได้นาน


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: วรรณา ที่ ตุลาคม 14, 2010, 02:05:26 pm
อ้างถึง
คืินหนึ่งก็เหมือนฝัน ว่าเห็นป้ายวัดนี้แหละ และอีก หลายวัด อีกหลายอาจารย์ ที่คิดถึงกัน
จึงปรารภเดินทาง กับเพื่อนสหธรรมิก ว่าผมฝันอย่างนี้ ต้องไปกันดีหรือไม่ สรุปแล้ว ก็ลองไปตามที่ฝัน

อันนี้ หลวงพี่เฉยฝัน หรือครับ

 :25: :25:

ว่าแต่รูปที่คุณสายฟ้า ได้มาจากมเล์ พระอาจารย์ ส่งมานั้น นี่เป็นรูปนั่งสมาธินี่คือใครครับ


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ กันยายน 21, 2014, 11:05:43 pm
เรื่องนี้ผมเคยถามพระอาจารย์ทางเมล ครั้งหนึ่งครับ เห็นถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง จะช่วยตอบบ้างนะครับ เห็นว่าไม่มีใครตอบ เรื่องนี้ เป็นความฝันของพระอาจารย์ ครับ แต่ความเป็นจริง ที่ทราบก็คือ

   เป็นภาพปรากฏใน นิมิต สมาธิ เนื่องด้วย หลังจากท่านกลับมาจากเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า พร้อมพระผู้ติดตาม กลับคำถามหลวงพ่อพระครู ที่ถามท่าน ๆ ก็เลย นั่งกรรมฐาน อธิษฐาน สุขสัญญา และ ลหุสัญญา อธิษฐานปฏิภาคนิมิต ให้ปรากฏภาพ สถานที่ ของครูอาจารย์ท่านสองรูป ที่จากกันมา 27 ปี ในสายสวนโมกข์ คือ พระอาจารย์วิรัช  และ พระอาจารย์ถวิล เป็นพระอาจารย์ของท่าน ตอนเป็นสาเณร ครั้งที่ท่านมาอยู่ประจำที่ศาลาพระพุทธาจารย์ วิทยาลัยครูลำปาง เพื่อมาอยู่เรียนการเผยแผ่ธรรม ด้วยอุปกรณ์การสอน คือการใช้โสตทัศนะศึกษาเผยแผ่พระธรรม  พระอาจารย์สองรูปนี้เป็นครูท่าน เหตุที่ผมพอทราบเรื่องนี้ เพราะผมอยู่ลำปางครับ จำท่านได้สมัยสามเณร และ ผมก็เคยมาเรียนกับท่าน ใน วค.นี้ ครับ

    หลังจากท่าน อธิษฐาน ภาพนิมิต ก็ปรากฏในสมาธิ ท่านจึงได้ชักชวน ผู้ติดตามทั้งสองรูป คือ พระเฉย พระนิพนธ์ ( ไม่ทราบถูกหรือไม่ ) ไปเพื่อไปพิสูจน์กันว่า จริงหรือ ไม่ เหตที่นำสองรูปนี้ไปเพื่อให้เป็นพยาน เวลาท่านไปหา ท่านกล่าว ทั้งสามรูปไม่มีใครรู้จักสถานที่นี้กันเลย แต่ ก็มีเหตุนำทางให้สะดวก มีการคิดว่าจะลงตรงไหนกัน เนื่องด้วยเดินทางถึงที่นั่น เป็นเวลา ตี 4  ผู้ติดตามก็เลยบอกให้พระอาจารย์ ตัดสินใจเอาเอง ท่านจึงลงก่อนที่หมาย ที่ตั้งใจไว้ ห่างกันประมาณ 30 กม. จากที่คิดว่าจะลงจริง

    พอทั้งสามรูป ลงรถไปแล้ว เนื่องด้วยเป็นเวลาตี สึ่ จึงไม่สามารถจะหาทิศทางไปที่ไหน ท่านจึงเดินเข้าไป บ้านงานศพ ที่อยู่ใกล้ เพื่อสอบถามญาติโยมแถวนั้น สุดท้าย ก็มีญาตโยมในงานศพ อาสาพาท่านไปที่วัดที่ท่านบอก ว่าใช่หรือไม่ เพราะหลายคนก็ไม่แน่ใจ จากสถานที่ลงไปที่วัดห่างกัน 15 กม. โยมที่ไปส่งนำรถเก๋งไปส่งถึงที่วัด เวลา ตี 5 ท่านเล่าให้ฟังว่า วัดเงียบกริ๊บเพราะไปถึง พระท่านก็ยังไม่ตื่น ต้องรอ 6 โมงเช้า จึงเดินออกไปถามญาติโยม แถวนั้นก็ทราบว่าใช่ แต่พระอาจารย์ วิรัช ย้ายไปอยู่วัดสุวรรณประสิทธิ์ ( ตามป้าย ) ท่านจึงคิดว่าจะเดินไปหา พระอาจารย์วิรัชที่นั่น ญาตโยม พอทราบกันก็สงสารท่าน เพราะวัดสุวรรณประสิทธิ์ ห่างจากวัดลุ่ม อีก 15 กม. จึงมีคนอาสาเอารถไปส่งท่าน เป็นที่สะดวก ด้วยบารมี

    เมื่อไปถึงท่านจึงได้เจอพระอาจารย์วิรัช ทั้งสองรูป ต่างก็ดีใจเพราะจากกันมาร่วม 20 กว่าปี ไม่เคยติดต่อกัน ด้วยความที่พระอาจารย์ วิรัช ต้องการลองกรรมฐาน พระอาจารย์ก็เลยบอกให้พระอาจารย์ ไปพักที่ สนส. คุ้งตะเคียน วังมัจฉา ที่พระอาจารย์ วิรัช ท่านไปขุดคลองเลี้ยงปลาที่นั่น ทราบ สนส. กับวัด ห่างกันถึง 25 กม. นับว่าไกลเพราะอยู่เกือบติดชายแดนพม่า ตามแผนที่สามารถเดินไปพม่าได้ ที่นั่นเป็นสวนยางพารา เป็นส่วนใหญ่ และสวนปาล์ม

     พระอาจารย์ ได้ทดสอบพระอาจารย์ เป็นเวลา สี่วัด พระอาจารย์ ท่านก็นำพระติดตามไปปฏิบัติ ธรรมกรรมฐาน พักผ่อนกันตามอัธยาศัยที่นั่น โดยมีพระลูกศิษย์ พระอาจารย์วิรัช เฝ้าสังเกตการณ์ คอยดู พฤติกรรม ว่า พระสามรูป อยู่กันสี่วันทำอะไร

     พอครบวันที่ สี่ พระอาจารย์ วิรัชก็มาเยี่ยมและก็สั่งว่า หากพระอาจารย์ต้องการกลับวันไหน ก็ให้ พระทั้งสองรูป บอกลูกหลายแถวนั้นให้เอารถไปส่งในจังหวัด ชุมพร ด้วย ซึ่งห่างอีก 68 กม.

     นับว่าเป็นการค้นพบพระอาจารย์วิรัช ด้วยการนั่งกรรมฐาน อธิษฐานภาพนิมิต คือ ปฏิภาคนิมิต ขึ้นที่หน้าผาก ผมก็พึ่งทราบวิธีการนี้ ครับ ใช้ได้ดีครับ ถึงแม้จะยังไม่เก่ง นะครับ

      ส่วนอีกรูปหนึ่ง คือ พระอาจารย์ถวิล นั้นท่านก็ได้ภาพ อยู่ที่ อุบลราชธานี ทั้่งชื่อวัด แต่ท่านไม่ได้ไป เนื่องด้วยท่านได้ นายอำเภอที่เมืองสุรินทร์ ไปสอบถามมาให้แล้ว พร้อมทั้งนำเบอร์โทรกลับมาให้ด้วย ท่านจึงไม่กระวีกระวาดไปหาเนื่องด้วย มีคนไปหาให้แล้วนั่นเอง

     ผมฟังในรายการนะครับ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยพระอาจารย์ ตรงนี้ด้วยครับ

    st12 st12 st12


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ กันยายน 22, 2014, 12:35:20 am
thank คุณประสิทธิ์มากครับ แสดงว่าติดตามฟังรายการประจำ ผมเองยังไม่เคยได้ฟังตอนนี้เลยครับ

  :49:


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ กันยายน 22, 2014, 01:43:56 am
อยากรู้เรื่องราวบ้าง ฟังตอนไหน บ้างเนี่ย เข้ามาก็ไม่มีรายการเงียบแล้ว

  :41: :41: :41:


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กันยายน 22, 2014, 12:11:44 pm
อนุโมทนา สาธุ คนที่ฟังจากรายการ แล้ว ยังจำได้ เล่าได้เกือบจะทั้งหมด นี่ นับว่าเป็นคนแรก นะ เพราะศิษย์ที่เป็นพระนั้น ยังเล่าไม่ได้ละเอียดเลย เพราะไม่เคยฟัง สิ่งที่ฉันเล่าบรรยาย ในรายการ

  เว้นแต่พระสองรูปที่ไปด้วยกัน จะสามารถเล่าได้

  สำหรับ พระอาจารย์ถวิลนั้น ทราบข่าวว่า มรณภาพแล้ว ฉันจึงไม่ไป เหตุที่ไม่ไป เพราะเหตุนั้น


   ส่วนพระอาจารย์ วิรัช รวิวังโส
      ท่านเคยเป็นครูสอนการพูด การสวดมนต์ การเกษตร การใช้โสตทัศนศึกษาในการเผยแผ่ เบื้องต้นแก่ฉัน ที่ ฉันไปอยู่ประจำ ที่ วิทยาลัยครูลำปาง ในปี 2527 - 2530 ซึ่งตอนนั้นก็อายุประมาณ  18 ปีเรียกว่า เป็น สามเณหนุ่ม ๆ วัยรุ่น คิดแบบ วัยรุ่น

      ฉันมีโอกาสฝึกการบรรยายธรรม ที่ ลำปาง นี้ ตลอดถึงเดินสายเข้าสอนตามโรงเรียนประถม ทั้งอำเภอเมือง โดยได้รับการสนับสนุน จาก อาจารย์มานิตย์ สุทธจิตต์ เป็นผู้สนับสนุนฝ่ายฆราวาส จนถึงได้ออกรายการสนทนาธรรม ที่ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 8 ลำปาง และ มีรายการสนทนาธรรมยามเช้า วันละ 5 นาที ทุกวันที่ สถานีวิทยุกระจายแห่งประเทศไทย จ.ลำปาง และรายการเสวนาธรรม 30 นาที เวลา 19.30  -  20.00 น. ทุกวันพุธ ที่สถานีเดียวกัน นับว่าช่วงนั้นรักการพูดบรรยายธรรม ในแนวทาง สวนโมกขพลาราม โดยยึดถือตามหลักแนวทาง ที่หลวงพ่อพุทธทาส และ หลวงพ่อปัญญานันทะ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เป็นแบบอย่าง

     เพราะด้วยการรักการเผยแผ่ พระธรรม ตลอดถึงความเป็นผู้ความกล้าหาญในรุ่นเยาว์ จึงมีโอกาสติดตาม ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อพุทธทาส หลายรูป ด้วยกัน ฉันเป็นสามเณร ในสองรูป ที่ขึ้นสายเหนือ เรียกว่า ธรรมโฆษณ์สัญจร ในคราที่ฉลองอายุหลวงพ่อพุทธทาส ยุคนั้นคุณชวน หลีกภัย เป็นนายก จึงมีการสนับสนุน ธรรมโฆษณ์สัญจร โดยฉันได้เข้าร่วมในโครงการนี้เป็น สามเณร 1 ใน 2 ที่ติดตามครูอาจารย์ จนจบสายที่ จ.เชียงราย และออกนิทรรศการ สื่อการสอน ที่ ม.จุฬาลงกรณ์ ที่ ศาลาพระเกี้ยว ในสมัยนั้น

     ตัวฉันเองเคยถูก ไพลิน สีเงิน เขียนวิจารณ์ในหนังสือของเขา ในครา ที่มาเยี่ยมบอร์ดฉัน ถึงแม้โยมจะเขียนวิจารณ์ ด้านลบซะหน่อย ทำนองพูดไม่หมด ก็จะหมดได้อย่างไร งานบอร์ดคนเดินเข้าฟัง ทั้งวันเป็น ร้อย ๆ จะให้พูดให้จบคนก็มายืนใหม่อีก ก็ต้องพูดทบไป ทวนมา เผื่อคนมายืนใหม่ โดยยึดหลักเพียงแค่ ต้องการให้สนใจเบื้องต้น ท่านั้น

      ที่จริงผลงานทางศาสนา ยังมีอยู่มาก ที่ไม่ได้กล่าว แต่ สมัยนั้น พระตามวัดก็ต่อต้านในแนวทางหลวงพ่อพุทธทาสด้วยไม่เหมือนในปัจจุบัน ที่สระบุรี  ฉันโดนโจมตี เรื่องการสวดมนต์แปล ฉันในบาตร เรื่องพวกนี้สมัยย้อนไป 25 ปีที่แล้ว พระที่จังหวัดสระบุรี รับไม่ได้ ฉันถูกอุปัชฌาย์ ฉัน คือ หลวงพ่อรองเจ้าคณะจังหวัด เรียกไปสอบสวนหลายครั้ง มีคนกล่าวว่าเป็นพระออกนอกลู่ นอกทางพาญาติโยมสวดมนต์แปล ฉันในบาตร ผิดวิสัยพระทั่วไป สมัยนั้นหลวงพ่ออุปัชฌาย์ ดำรงตำแหน่ง เป็นเจ้าคณะอำเภอ

      แต่อุปัชฌาย์ ท่านก็หวังดี พูดตักเตือน สมัยนั้นฉันชักชวน หลวงพี่รูปหนึ่งไปจำพรรษาที่สวนโมกขพลาราม ต่อมาท่าน วิกลจริต ไปเดินแก้ผ้า ในสวนโมกขพลาราม เขาจับส่งโรงพยาบาล และสุดท้ายก็ให้ลาสิกขาบถกลับบ้าน เลยทำให้ฉันถูกโจมตีมากขึ้น

      ด้วยความน้อยใจ ในช่วงนั้น ฉันก็เลยกลับมาเรียนหนังสือ คือ บาลี และ นักธรรม ฉันถูกคณะสงฆ์กลั่นแกล้ง ส่งชือสอบนักธรรม ถึง สามครั้ง ด้วยเหตุผล ให้สอบซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเลิกสวดมนต์แปล และ เลิกบ้า ตอนนั้น มหาสุภาส เลขานุการเจ้าคณะอำเภอ พูดกับฉันอย่างนี้ ดังนั้นฉันจึงมีใบประกาศนักธรรม ตรี สามใบ นักธรรมโท สามใบ นักธรรมเอก สามใบ ในประเทศไทย มีใครสอบอย่างฉันบ้าง สอบแล้วสอบอีก

      แม้เปรียญก็เหมือนกัน ถูกจับส่งไปสอบเริ่มต้น สองครั้ง คือส่งชื่อสอบ เปรียญ 1-2  สองครั้ง ฉันก็เบื่อเลยทำข้อสอบมันมั่ว ๆ สอบได้แล้ว ให้สอบอีก แทนที่จะส่งสอบในชั้นที่สูงขึัน กลับส่งชื่อสอบในชั้น 1-2 นีแหละคณะสงฆ์ สมัยนั้น

     พอความเบื่อมันมีมากขึ้น ฉันก็เลยออกเดินธุดงค์ สมัยเป็นสามเณร ไปกัน 4 รูป ชวนกันไปอายุ รุ่นเดียวกัน ที่ประทับใจ คือ หลวงพ่อที่ อ.ปากพะยูน พัทลุง ท่านเป็นนักปฏิบัติเนสัชชิกธุดงค์ ยอดเยี่ยมในสายตาฉันเลย ท่านมีเมตตามาก ต้อนรับฉัน อย่างกับลูกเลย ฉันเลยชอบนั่งกรรมฐาน แต่ด้วยความเป็นสายสวนโมก เอง ที่ชอบใช้ปัญญา มากกว่า ใช้ สมาธิ จริง ๆ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในด้านกรรมฐาน

    เล่าไว้เพิ่มเติม สนุก ๆ นะ

    เจริญธรรม / เจริญพร

 


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กันยายน 22, 2014, 01:02:38 pm
 ask1
มี เมล เข้ามาถามว่า แล้ว ท่าน(พระสนธยา ) มาสนใจกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เมื่อไหร่ เพราะอะไร ?

 ans1

  อันนี้แหละ ที่สำคัญ ฉันเป็น สามเณร ที่เขียนบทความลงในหนังสือ วารสาร ดักแด้ แก้ดักดาน และ นิตยสาร เสียงธรรมจากป่า และ อีกเล่มจำชื่อไม่ได้ สมัยนั้น สมาชิก นิตยสารดักแด้ มีจำนวนมาก ฉันนั่งพิมพ์ในไข ใช้เครื่องโรเนียวเป็น มีเครื่องพิมพ์ดีิด และ เครื่องโรเนียว ให้ใช้ประจำ สมาชิก ดักแด้ แก้ดักดาน เริ่มต้น นศ. ที่มาเรียนกับ อจ.มานิตย์ สุทธจิตต์ ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำ วค. ภาคสังคมศึกษา สะสมทุกคนบังคับต้องลงทะเบียน เป็นสมาชิก นิตยสารฉบับนี้ ออกทุกเดือน ค่าบำรุง รู้สึกตอนนั้น ฉบับละ 10 บาท  1 ปี 120 บาท และก็แตกแขนงออกไปเรื่อย ๆ หลายปีเข้า สมาชิก ทั้งใหม่และเก่า มีจำนวน เกินหมื่น ต้องจัดส่งทางไปรษณีย์กัน เป็นหมื่น ซอง เลย เป็นงานหนัก ดังนั้น โยมมานิตย์ จึงมาขอให้ช่วย ทั้งเป็นการฝึกงาน ข้อแลกเปลี่ยนก็คือ ให้เขียนบทความ ลงไปในนิตยสารได้ โดยโยมจะสกรีน ข้อความฉันอีกที เนื่องด้วยฉันเป็นสามเณรวัยรุ่น อาจจะมีข้อความที่ ไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งส่งฉันเข้าไปเรียนศึกษใน วค. หลักสูตร บรรณารักษ์ 2 ปี

  ดังนั้นบทความของฉัน ก็จะหนักในแนวทาง สวนโมกขพลาราม โดยต่อต้านไสยศาสตร์ ปฏิเสธเรื่องราวเหลือเชื่อ ไม่สนับสนุนก การทำวัตถุมงคล ไม่สนใจเรื่องการสร้างพระหล่อพระ หรือแจกวัตถุมงคลเหล่านี้ ไม่ส่งเสริมการพรมน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก เคาะหัว ไม่ส่งเสริมให้ คนเชื่อสิ่งที่งมงาย ไร้สาระ เนื้อหาบทความก็จะเป็นทำนองนี้ ตามอุปนิสัยที่ชอบแบบสายนี้ อันนี้เล่าไว้เป็น แบ๊กกราวด์ ที่สำคัญ

    เพราะความเชื่อแบบนี้ ปัญญาแบบนี้ ฉันจึงไม่สามารถปฏิบัติกรรมฐาน เข้าฌาน ใด ๆ ได้เลย ทั้ง ๆ ที่มีความพยายาม อยู่ป่า อยู่เขา อยู่ป่าช้า เดินธุดงค์ อย่างจริงจัง แต่ก็ไม่สามารถสำเร็จในกรรมฐานได้ เลย คือ ไม่มีสมาธิ ถึงขั้นอัปปนาจิตเลย แต่มีแต่เรื่อง เข้าใจว่าตนเองมีปัญญา ไม่หลงงมงาย ไม่เชื่อเรื่อง ภูติผี ปิศาจ เคยเข้าไปนอนในป่าช้า โกดังเก็บศพ เพื่อที่จะพิสูจน์ ที่สมุทรปราการ จนเพื่อนสามเณรด้วยกัน บอกว่า เป็นสามเณรบ้า ไปคลุกอยู่โกดังศพ ทั้งวัน ทั้งคืน ใหม่ ๆ ก็กลัวอยู่นะแต่พออยู่มาสักสองวัน ความกลัวก็หายไป กลายเป็นความกล้า เพราะไม่เคยเจอภูติผี ตนใด ออกมาหลอกหลอน อย่างที่เขาร่ำลือกัน แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถนั่งกรรมฐานได้เป็นฌาน แล้วตอนนั้นก็สรุป เรื่อง ฌานไม่น่าจะมีจริง ที่เชื่อมีเพียงเรื่องเดียว คือ อาสวักขยญาณ ส่วนเรื่องญาณอื่น ๆ นั้นสรุปในใจว่า ไม่เชื่อเลย คงเป็นเลศนัย ที่พระพุทธเจ้า ท่านใช้เป็นเทคนิคในการสอน ก็สรุปเหมือนกครูอาจารย์ในสายสวนโมก เหมือนในตำรา พุทธประวัติจากพระโอษฏ์ สมัยนั้นพราหม์ มีความเชื่อเรื่องพวกนี้ คนก็เชื่อตามพราหมณ์ ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงอาศัยเชื่อเหล่านี้ มาทำให้คนเชื่อในธรรม คิดอย่างนี้นะในสมัยนั้น เล่าไว้ให้เข้าใจสภาวะ
   
     ซึ่งท่านจะมองเห็นแล้ว ว่าตัว อาตมา นี้ไม่มี ความเชื่อ ในเรื่อง ฌานสมาบัติ แต่เชื่อ เรื่องเดียวคือการพ้นจากทุกข์คืออาสวักขยญาณ แต่เป็นแบบปัญญาวิมุตติ เท่านั้นที่เชื่อ แบบเจโตวิมุุตติ นั้น ฉันไม่เชื่อเลย ในขณะนั้น

    เดี๋ยวมีเวลา มาเล่าต่อนะ

    เจริญธรรม / เจริญพร

   

 


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ ตุลาคม 30, 2014, 03:18:50 am
 st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ ตุลาคม 30, 2014, 12:13:43 pm
(http://img.tarad.com/shop/m/malai/img-lib/spd_20120123143034_b.jpg)

(http://img.tarad.com/shop/m/malai/img-lib/spd_20120123143017_b.jpg)

 นี่เป็นวารสาร ดักแด้แก้ดักดาน ที่ อจ.มานิตย์ สุทธจิตต์ อดีต อาจารย์ประจำภาควิชาสังคม เป็นผู้ดำเนินงาน สมัยนั้นพระอาจารย์เป็นสามเณร ท่านก็ได้เป็นผู้ร่วมจัดทำหนังสือ เล่มนี้ 3 ปี ผมเคยเห็นท่านนั่งพิมพ์ไขอยู่ที่ ศาลาพระพุทธยาจารย์ ใน วค.ลำปาง

 


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52
เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ ตุลาคม 30, 2014, 12:15:44 pm
http://www.youtube.com/watch?v=LKtj2C7p_y4# (http://www.youtube.com/watch?v=LKtj2C7p_y4#)

 อันนี้เป็น อจ.มานิตต์ สุทธจิตต์ ปี 2553 ชราภาพมาก นะ


หัวข้อ: Re: ไปชุมพรปี52 ( มีข้อความสำคัญช่วง ท้าย เพื่อนที่ไม่ได้อ่าน ควรจะอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: paisalee ที่ สิงหาคม 05, 2016, 10:37:26 am
 st11 st12 st12
 กระทู้ที่นี่มีเยอะ อาจจะหลุดรอดการอ่านไปได้ แต่เรื่องนี้ที่ได้อ่านเพราะทางเฟค พระอาจารย์ มีโพสต์ภาพเก่าๆ ผมเลยตามลิงก์จากนั้นมาอ่าน เรื่องนี้ มีเนื้อหาที่สำคัญ ในตอนท้ายค่อนข้างยาว น่าอ่าน ใครอยากทำบันทึกประวัติ พระอาจารย์ ตรงส่วนนี้ต้องเก็บด้วยครับ

   st11 st12 st12 st12