ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเราปฏิบัติ พระกรรมฐาน โดยไม่อธิษฐาน กรรมฐาน ได้หรือป่าวคะ  (อ่าน 13778 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
บางครั้งการฝึกกรรมฐาน เวลาไปฝึกร่วมกับหมู่ คณะกับเพื่อน ๆ ที่วัดบ้าง ที่ชมรมพุทธศาสน์ บ้าง

บางครั้งเรานั่งอธิษฐาน อยู่แต่ผู้เดียว คนก็มองก็จ้อง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการขอขมาด้วย ทำให้

บางครั้งการเป็นจุดเด่น และ เพื่อนก็แซวว่า เป็นพวกมีพิธีรีตรอง มาก ๆ และ มากเกินไป เป็นพวก

ยึดมั่นถือมั่น ในพิธีมากไป เลยบางครั้ง ก้านตอง ก็เลยไม่มีอธิษฐาน หรือ ขอขมา แต่อย่างใด

แต่ทุกครั้งที่ไม่ได้ อธิษฐาน เหมือนจิตนั้นจะัไม่สบายใจ ทำให้ปฏิบัติภาวนา ไม่ก้าวหน้า คือไม่

สามารถทำใจให้สงบได้ เหมือนตอนที่กล่าวขอขมา หรือ กล่าวคำอธิษฐาน

ดังนั้น อยากจะถามว่า มีวิธีที่เราจะปฏิบัติ ด้วยการไม่กล่าวคำอธิษฐาน หรือ ไม่ขอขมา ได้หรือ

ป่าวคะ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

ปักษาวายุ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมเอง ก็ประสพปัญหานี้เช่นเดียวกัน ครับ

ผมเองก็ขึ้นกรรมฐาน ที่วัดพลับแล้วครับ ยังไม่ได้ขึ้นกับพระอาจารย์สนธยา

เวลาไปปฏิบัติ กรรมฐาน กับ หมู่ก็จะแปลก ๆ ครับ

แต่ผมเคยเมล์ ถามพระอาจารย์สนธยา ครับ ท่านบอกว่า

   ให้ถามใจตัวเองว่า เราปฏิบัติภาวนาเพื่ออะไร เพื่อใคร

   เราปฏิบัติ เพื่อให้พวกสบายใจหรือ ๆ เพื่อคำสรรเสริญ ว่าเราปฏิบัติกับเขา

      พระอาจารย์ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา ตรงนี้ครับว่า

      ถ้าเราถามคำถามเสร็จ ก็ตอบใจของตัวเองว่า เพื่ออะไร ?

    ดังนั้น ยืนยันคำตอบพระอาจารย์นะครับว่า

       ท่านตอบว่า ถ้าเราปฏิบัติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เพื่อตัวเรา ก็ให้รักษาแบบแผนไว้

       ถ้าเราปฏิบัติเพื่อให้พวกสบายใจ ก็ให้ปฏิบัติตามพวก

       ถ้าเราปฏิบัติเพื่อให้ตัวเรา และ เพื่อพวกด้วย ก็ให้ขอขมา อธิษฐาน ๆ เงียบ ๆ

       ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่กับพระอาจารย์ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ในการขอขมา และ อธิษฐาน

       ท่านตอบว่า ถ้าหากใครตำหนิเราว่า เรายึดมั่นในพิธีอยู่ ก็ให้ตอบในใจเราว่า

         เพื่อนเราใช้เวลา 5 นาีทีของเขา กับนิวรณ์แล้ว แสดงว่าจิตไม่ทรง ยังจับอยู่ที่ผู้อื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ การ

    ภาวนาส่วนใหญ่ แล้วจะหลับตากันหมด ให้แผ่เมตตาให้เขาสำเร็จธรรมโดยไว


    ผิดถูกประการใด ผมกราบขอขมา พระอาจารย์ไว้ตอนนี้เลยครับ

 :25: :25: :25:

บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ขอตอบแทนพระอาจารย์นะครับ

เรื่องนี้มีการถามกันหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ

พระอาจารย์ก็เคยพูดให้ผมฟัง ท่านบอกว่า "ไม่ต้องก็ได้"

แต่ถ้าเรามาวิเคราะห์กันถึง ข้อดีของการกล่าวคำอธิษฐาน

ก็จะเห็นว่ามีข้อดีอยู่หลายข้อ เช่น

เป็นการระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์

เป็นการแสดงความเคารพต่อครูบาอาจารย์

ระหว่างที่กล่าวคำอธิษฐาน เราจะได้สมาธิ สามารถข่มกิเลสหยาบๆได้


ส่วนคำขอขมาเป็นเรื่องจำเป็นมากๆครับ เพราะการปรามาสพระรัตนตรัย

ทำให้เราไม่สามารถเข้าถึงพระธรรมได้


หากอายที่จะออกเสียง ก็เลี่ยงมาอธิษฐานในใจก็ได้ครับ

ความจริง คุณก้านตอง ไม่ควรอายที่จะทำความดีนะครับ

ทำบ่อยๆ เพื่อนๆก็จะชินไปเอง การปฏิบัติธรรมไม่ควรไปดูกายหรือดูใจผู้อื่น

ขอให้เข้าใจว่า ทางธรรมเป็นทางของคนคนเดียว รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน


 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สำหรับศิษย์ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ทุกท่าน

การปฏิบัติ กรรมฐาน โดยการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนพระกรรมฐานนั้น เป็นปรามาสพระอาจารย์ผู้บอกกรรมฐาน

( คำตอบชัดเจนแล้ว ทั้งหมดอยู่ที่ท่านใช้ปัญญามากเกินไป พึงสังวรไว้ว่า ขั้นตอนไม่ใช่ประเพณี แต่เป็นสิ่งจำเป็น )

เหมือนคนทานข้าว วิธีทานข้าว มีวิธีมากมาย เช่นเปิปด้วยมือ เปิบด้วยช้อน เป็นต้น

หวังว่าท่านทั้งหลาย พึงเข้าใจ

  คนที่คิดว่า ไม่จำเป็น ส่วนใหญ่ก็จะภาวนาไม่ได้ เพราะขาดศรัทธาในพระกรรมฐาน ใช้ปัญญามาก

 ปัญญาในทางพระพุทธศาสนานั้น วัดที่ตรงไหน

    1.ท่านเข้าใจอะไรในสังสารวัฏฏ์
     
        ( โทษของสังสารวัฏฏ์ คือ ความทุกข์ ความสุข ความไม่สุขไม่ทุกข์ )

    2.ท่านจะทำอย่างไรในการออกจากสังสารวัฏฏ์
   
        ( นิพพิทา คือความหน่าย ต่อ สังสารวัฏฏ์ การเกิดขึ้นอีกเป็นทุกข์ ร่ำไป )
             
    3.ท่านจะเริ่มต้นที่ไหนในการออกจากสังสารวัฏฏ์
 
        ( ทั้งหมดเริ่ม ที่ขันธ์ 5 ของเรา ไม่ใช่ของใคร )

    4.ท่านศรัทธาอย่างไรในการดำเนินอริยมรรค

        ( ควรเชื่อมั่น ต่อ พระรัตนตรัย มี พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ )
     
  เจริญพร แต่เพียงเท่านี้

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
การปฏิบัติ กรรมฐาน โดยการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนพระกรรมฐานนั้น เป็นปรามาสพระอาจารย์ผู้บอก
กรรมฐาน

ทำไมจึงกล่าวว่าเป็นการปรามาส ละัคะ ในเมื่อพระอริยะ ต้องลดมานะ ( คือความถือตัว ) ก็ไม่น่าจะัเกิดเป็นการ

ปรามาส หากผู้ฝึกปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วจะเป็นการถือตัวได้อย่างไร


 สมมุติ ว่าขณะที่ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

     แต่ปฏิบัติตามหลัก สติปัฏฐานของพระพุทธเจ้า การที่เราปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

     จะเกิดเป็นการปรามาส ได้อย่างไร ในเมื่อเราปฏิบัติดี ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จักเป็นกบาป

     อกุศลไปได้อย่างไร ?


  อีกอย่าง พระอริยะ ย่อมหมด มานะ คือความถือตัว การถือโทษ แก่ปวงสัตว์นั้นเป็นสิ่งไม่ควรมิใช่หรือ

   :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
ทำไมจึงกล่าวว่าเป็นการปรามาส ละัคะ

ผมว่าคุณอริสา อ่านตรงนี้ไม่ดีว่าพระอาจารย์พูดถึงเฉพาะ ศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะครับ

พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้ตรัสให้เราเคารพแต่พระพุทธเจ้า นะครับ

ขนาดพระพุทธเจ้าทรงเสด็จเข้าไปในอาราม ในขณะที่พระใหม่กำลังแสดงธรรม พระองค์ยังหยุดเสด็จเข้าไปเลย

ครับ นั่นก็คือ พระพุทธเจ้านั้นให้ความเคารพในธรรม

ผมแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ลูกศิษย์พระอาจารย์ทำไมจึงเงียบกันหมดในส่วนนี้

ผมขอแยกตอบคำถามนี้เป็นประเด็นนะครับ

 1. ลูกศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มาขึ้นกรรมฐาน และปฏิบัติอยู่กับพระอาจารย์ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตาม

    ขั้นตอน ส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อครูอาจารย์ จึงไม่ปฏิบัติตาม ส่วนนี้มองอย่างไรก็

    เป็นการปรามาส แน่นอน ย่อมเรียนกรรมฐานไม่ผ่านครับ

 2.ลูกศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่ปฏิเสธว่ากรรมฐานที่เรียนนั้นไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า เพราะกรรมฐาน

   เบื้องต้นคือ พระพุทธานุสสติ ก็คือให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าเป็นอันดับแรกเลยครับ และลูกศิษย์กรรมฐาน

   ทุกคนเข้าใจครับว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐาน ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน สมบูรณ์ทั้ง

   สมถะ มีกรรมฐาน ถึง 40 กองกรรมฐาน และ วิปัสสนา จนถึงครอบคลุม โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ

   อย่าลืมว่า มหาสติปัฏฐานที่อ้างนั้น ก็เป็นหนึ่งใน โพธิปักขิยธรรม 37

   ดังนั้น ลูกศิษย์ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่สร้างกรรมล่วงเกินพระรัตนตรัย มีแต่ต้องกล่าวคำขอขมา

   พระรัตนตรัย การปรามาสพระอาจารย์ผู้บอกกรรมฐาน นั้นจึงไม่ใช่มารยาทของลูกศิษย์ครับ

 3.การที่กล่าวว่า คุณมาเรียนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ แต่กลับไปปฏิบัติ มหาสติปัฏฐานอยู่นั้น จะเป็นการ

   ปรามาสได้อย่างไรในเมื่อปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ ไม่ใช่ปฏิบัติตามพระสาวกหรือพระสงฆ์

   อันนี้ผมว่า กรรม ซ้อน กรรม ไปกันใหญ่แล้วครับ เพราะว่า ตกลงคุณต้องการปฏิบัติในแนวทางไหน ใช้

   หลัก ปัญญาธิกะ หรือ วิริยาธิกะ หรือ สัทธาธิกะ ปัญญามาก วิจิกิจฉา ก็มากตามดังนั้นคุณก็ควรเลือก

   กรรมฐานให้เหมาะกับจริตของตนก่อน อย่าเอามาปนเปกันในเรื่องของความเคารพในขณะนั้น ซึ่งเป็นสภาวะ

  ทางใจของคุณ

 4.ขี้นตอนตามสถานที่ การฝึกกรรมฐานนั้น อาจจะแตกต่างกันไป แต่ใน สัปปุริสธรรม 7 นั้น

    กล่าวไว้ว่า รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้สังคม รู้บุรุษบุคคล

   ยกตัวอย่าง เขานั่งกรรมฐานกันอยู่ คุณก็สวดมนต์ส่งเสียงดังในขณะนั้น

      ถามว่า นั่งกรรมฐานก็เป็นกุศล  สวดมนต์ก็เป็นกุศลครับ บอกว่าทั้งสองอย่างก็ปฏิบัติตามคำสอนของ

      พระพุทธเจ้า  เหตุก็ได้ ผลก็ได้ ตนก็ได้ ประมาณก็ได้ สิ่งที่หายไป กาลไม่ได้ สังคมไม่ได้ บุรุษบุคคลไม่ได้

    ที่จริงผมเองก็ไม่อยากตอบอย่างนี้ เพราะ คุณ อลิสา นั้นกำลังมีความศรัทธาในพระกรรมฐาน

    ผมก็จักเสียกัลยาณมิตร หากพูดแรงไป แต่ที่ผมเป็นห่วงด้วยใจจริงคือ

    ตอนนี้คุณกำลังปรามาส พระอาจารย์ ซึ่งมีผลในการภาวนาของคุณด้วย

    การปรามาสพระรัตนตรัยนั้น ถามว่า พระพุทธเจ้า ก็ดี พระัธรรมก็ดี พระสงฆ์ ก็ตาม นั้น

   จักถือสาผู้ปรามาส หรือไม่ ผมว่า คุณตอบในหัวใจคุณได้ครับส่วนนี้ .......

    แต่ผลของการปรามาสนั้น มีกรรมอยู่ครับ ....... ควรหลีกเลี่ยง  ครับ


    เมื่อก่อนผมไม่ค่อยได้สนใจในส่วนนี้ เพราะผมเรียนธรรมะในสาย มหายาน เป็นส่วนใหญ่

 คำพูดก็ดี จัดเป็นสิ่งที่เรียกว่า บัญญัติ หรือ สมมุติ แต่ผมได้รู้ความจริงก็คือ ปรมัตถสัจจะเป็นเรื่อง

 ที่อยู่ด้านใน สมมุติบัญญัติ เป็นเรื่องที่อยู่ด้านนอก ...

    ควรทำให้ถูก ใช้ให้ถูก ภาวนาให้ถูก

   และผมอยากให้ทบทวนในสิ่งที่พระอาจารย์กล่าวแนะนำใหม่อีกครั้งนะครับ

     
อ้างถึง
1.ท่านเข้าใจอะไรในสังสารวัฏฏ์
     
        ( โทษของสังสารวัฏฏ์ คือ ความทุกข์ ความสุข ความไม่สุขไม่ทุกข์ )

    2.ท่านจะทำอย่างไรในการออกจากสังสารวัฏฏ์
   
        ( นิพพิทา คือความหน่าย ต่อ สังสารวัฏฏ์ การเกิดขึ้นอีกเป็นทุกข์ ร่ำไป )
             
    3.ท่านจะเริ่มต้นที่ไหนในการออกจากสังสารวัฏฏ์
 
        ( ทั้งหมดเริ่ม ที่ขันธ์ 5 ของเรา ไม่ใช่ของใคร )

    4.ท่านศรัทธาอย่างไรในการดำเนินอริยมรรค

        ( ควรเชื่อมั่น ต่อ พระรัตนตรัย มี พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ )



บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณ ISSARAPAP นาน ๆ มาที เหมือน ผม

ผมตามอ่านกระทู้คุณมา ตลอด มาอ่านช่วงนี้รู้สึกจะเปลี่ยน วิถี ไปมากนะครับ

และก็ดีใจ กับการแสดงความเห็นเป็นห่วง ส่วนเรื่องของการวิจารณ์ในเชิงไม่ภาวนานะครับ

คือเหมือนมองคนละมุม ไปอยู่คนละด้าน คุณครูก็ เข้าใจถามนะครับ

ผมอ่านคำถามแล้ว อาจหาญอย่างกับพระถาม พระเลยครับ

แต่ก็เห็นด้วยครับ บางคำถามเหมือนเป็นเยาะเย้ยนะครับ ( คนอ่านทั่วไปก็เข้าใจ )

อ้างถึง
แต่พระอาจารย์นี่มาแปลกกล่าว พุทธบิรษัท มี 3

แสดงว่าพระอาจารย์ ไม่ยอมรับ พระภิกษุณี ที่มีทั่วโลก ใช่หรือไม่ คะ ?

ริดรอนสิทธิสตรี ทำไม ?

จากกระทู้ ลิงก์นี้
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1166.msg4927;topicseen#msg4927

ขออนุญาตมาฉายรอบเดียวในนี้นะครับ เป็นห่วงกัลยาณมิตร น้ำใจงาม ที่มาช่วยโพสต์ให้ผมอ่านทุกวัน

ผมชื่นชมมาด้วยดีตลอดครับ

คือคำพูดส่วนที่อ้างอิง ไม่เหมาะนะครับ คนอ่านรู้สึกได้ทันทีว่า กำลัีงพูดว่าพระอาจารย์ ทั้ง ๆ ที่พระอาจารย์

อธิบายไว้ในวงเล็บ แล้วว่า พระพุทธเจ้าทรงประกาศยกเิลิก บริษัทภิกษุณี ก่อนปรินิพพาน ซึ่งเป็นเช่นนี้

แล้วในส่วนหินยาน เถรวาทนั้น จึงไ่ม่นับพระภิกษุณี ในเมืองไทยขนาดมหาเถรสมาคมยังไม่ยอมรับเลยครับ

ต้องตามไปอ่าน ในเรื่องพระภิกษุณีในเมืองไทย ในบอร์ดนี้ด้วยนะครับ

ประวัติความเป็นมาของพระภิกษุณี
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=410.0

ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=398.0

ดังนั้นพุทธบริษัทก็มี 4 แต่ปัจจุบัน ในเมืองไทยนั้นมีแค่ 3 ครับ

ส่วนคำว่าริดรอนสิทธิสตรี ทำไม ?

ผมว่าในกระทู้นี้ไม่มีคำใดที่พระอาจารย์ไปกล่าวริดรอนสิทธิสตรี เลยนะครับ ?

ดังนั้นเวลาอ่านคำถามแล้ว เหมือนกับยกปัญหาให้เป็นคำพูดของพระอาจารย์

ส่วนนี้ถือว่าไม่งามจริง ๆ ครับ

ส่วนความเห็นของบรรดา พระอาจารย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติในพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น

ผมเองก็ประสพปัญหาเช่นเดียวกับคุณ ISSARAPAP ครับ คือผมอยู่ที่ ลพบุรี สิงห์บุรี และ ชัยนาท

พระที่รู้จัก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นมีน้อยจริง ๆ ครับผมเข้าไปทำบุญที่วัดในเขต 3 จังหวัดนี้

ถ้าพูด มโนมยิทธิ หรือ ธรรมเปิดโลก ( ซึ่งไม่ปรากฏในกองกรรมฐาน 40 นี้ แต่มีพระรู้จักกันมากครับ )

แต่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ พระส่วนใหญ่ส่ายหน้าครับว่า แล้วก็พยายามพูดกับไปที่ มหาสติปัฏฐาน

กับอานาปานสติ และ ภาวนาพุทโธแบบสายพระป่ากันครับ

อันนี้ต้องไปอ่านกระทู้เรื่อง นี้ประกอบด้วยครับ จึงจะเข้าใจเจตนา ปณิธานของพระอาจารย์ครับ


กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ อยากทราบความหมาย
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=301.msg1167#msg1167

ต้องอ่านติดตามจากลิงก์นี้ ครับ เนื่องด้วยกระทู้ตอนนี้มีมากจริง ๆ ครับคนที่ไม่ได้ตามอ่านมาแต่

ต้นจึงไม่ทราบ ปณิธานของพระอาจารย์กัน

ผมเองก็ไม่สนิทกับพระอาจารย์มาก่อน แต่เท่าที่ทราบมา และจากการที่ผมไปที่วัดท่านมานั้น

จึงได้ทราบปฏิปทาท่าน ขอกล่าวสักเล็กน้อยครับ

 พระอาจารย์สนธยา ท่านมีความรู้ดีครับ จบการศึกษา วศบ. ป.ตรีี และ ป.โท บริหาร

เป็นพระเปรียญ 5 ประโยค นธ.เอก มี certificate MIS / MCSE เป็นต้น ท่านมุ่งปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่

การทำเว็บนี้ก็เป็นการเสียสละด้วยส่วนตัวท่าน ในขณะท่านไม่มีกิจนิมนต์ ต้องใช้จตุปัจจัยของท่านเองจาก

บ้านท่าน จากโยมแม่ ลองอ่านผู้บริจาคดูสิครับ

อนุโมทนา กับ ผู้บริจาคร่วมโครงการ RDN ( เรดิโอเน็ต )

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=572.0

จะเห็นส่วนนี้ ที่จริงมีรายจ่ายมากกว่า แต่ท่านก็ประกาศตรง ๆ ผมเชื่อว่ายังไม่มีใครบริจาคให้ท่าน

ตัวผมเองเคยได้รับหนังสือที่วัด จากท่านมา 3 เล่ม ในเล่มหนึ่งมีรายนามผู้บริจาค

ในท้ายเล่ม ท่านเองก็บริจาคค่าจัดพิมพ์ 6000 บาท แถม ซีดีอีก ภาพหลวงปู่อีก ผมเองในวันนั้น

ยังไม่ทำบุญกับท่านเลยสักบาท ( ก็ละอายใจอยู่เหมือนกัน ) ตอนนี้ท่านเองไม่ได้อยู่วัด ทราบว่า

ในช่วงก่อนเข้าพรรษานั้น ไปอยู่ที่แก่งคอย ไร่คุณพิชัย ท่านก็ไปนั่งกรรมฐาน ส่วนตัวท่านเอง ไม่รับ

กิจนิมนต์ ไม่ได้บิณฑบาตร ก็นึกเอาครับว่าท่านต้องลำบากอยู่แล้ว ในช่วงพรรษาข่าวการจำพรรษาของ

ท่านก็ลึกลับมากขึ้น เพราะท่านไม่บอกใครเลย น่าจะมีแต่ศิษย์เอกเท่านั้นที่ทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน ?

ดังนั้นผมว่า คุณ tcarisa นั้นโปรดอย่ากล่าววาจาล่วงเกิน พระอาจารย์อีกเลยครับ

เห็นด้วยกับคุณ ISSARAPAP

 เพราะรักและเคารพในธรรม อยากเห็นกระทู้ของคุณ tcarisa ต่อไป

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

บุญเอก

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 516
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :25: :25:
เห็นด้วยกับ คุณ ISSARAPAP และ คุณ KOMOL ครับ

ผมเองปกติก็ตามอ่านครับ ไม่ค่อยถนัดโพสต์ อีกอย่าง ยังอ่านไม่หมดเลยครับ

กระทู้มีเพิ่มเร็วมาก เข้ามาปุ๊บ เพิ่มไป กว่า 50 เรื่องแล้ว .....

อนุโมทนาครับ ผมเองก็ชอบอ่านเรื่อง ที่ครูอริสา โพสต์เหมือนกันครับ


 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ทำงานอาสา หวังช่วยคนตกยาก แม้จะลำบาก แต่ก็จะทำโดยความไม่หนักใจ
อาสากตัญญู พัทยา ยินดีรับใช้

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ได้สาระ มากครับวันนี้ กัลลยาณมิตรมากันดึกนะครับ

ผมเองก็ติดทำงานอยู่ พึ่งมานั่งอ่านเมื่อสักครู่ ก็เห็นว่าร่วมตอบด้วยในหัวข้อนี้

ตามคุณ ISSARAPAP และ คุณ บุญเอก คุณ komol ครับ

น้ำใจงาม ๆ แบบกัลายณมิตร ครับ

สาธุ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นด้วยครับ กับคุณ ISSARAPAP

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณ คะสำหรับคำแนะนำของทุกท่าน

ตอนแรกที่พิมพ์ลงไป ก็เพราะความที่ตนเอง มีอคติกับพระกรรมฐาน แนวนี้อยู่บ้าง

และก็ได้รับคำชี้แนะจากพระอาจารย์ ที่นับถือ ที่เชียงใหม่ ซึ่งก็แนะนำไม่ให้ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา กันจริงๆ

พอได้อ่านคำแนะนำจาก พี่ ๆ ที่แนะนำด้วยความหวังดี โดยเฉพาะการปรามาสพระอาจารย์ ซึ่งยังไม่เคยพบ

และไม่รู้จักกัน พอได้อ่านที่คุณ komol กล่าวถึงปณิธาน ของพระอาจารย์ กระทั่งความรู้ และความเสียสละ

เมื่อคืนนั่งอ่านแล้ว ก็คิดได้จริง ๆว่า ไม่เป็นการเหมาะสมด้วยจริง ๆ

 จึงกราบขอขมา พระอาจารย์ไปทางเมล และ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงกราบของขมาทางกระทู้ด้วย
 
 ขอพระอาจารย์จงอดโทษแก่ ข้าพเจ้าด้วยเถิด

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ สาธุ

ดีใจจัง เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ในเมื่อวาน
 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ด้วยอีกคนครับ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า

              ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์. ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคือง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น. เพราะถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์นั้น,
 
อันตรายเพราะความโกรธเคืองนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง.

ถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ จะรู้ได้ละหรือว่า คำกล่าวของคนเหล่าอื่นนั้น เป็นคำกล่าวที่ดี (สุภาษิต) หรือไม่ดี (ทุพภาษิต) ?

"ไม่ทราบ พระเจ้าข้า."


"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้." [/color]

พรหมชาลสูตร ๙/๓


ที่มา  พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน โดย อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ




อย่าดีใจตื่นเต้นเมื่อใครชมเชยพระพุทธเจ้า

              "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวชมเชยเรา ชมเชยพระธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่พึงแสดงความชื่นชมโสมนัส หรือความรู้สึกตื่นเต้นในบุคคลเหล่านั้น

เพราะถ้าท่านทั้งหลายมีความชื่นชมโสมนัส มีความตื่นเต้นในบุคคลที่กล่าวชมเชยเรา ชมเชยพระธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์ อันตรายเพราะเหตุนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงรับรองเรื่องที่เป็นจริง ให้เห็นว่าเป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวชมเชยเรา ชมเชยพระธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นจริง ข้อนั้นแท้ ข้อนั้นมีในพวกเรา ข้อนั้นปรากฏในพวกเรา ดังนี้."

พรหมชาลสูตร ๙/๔

ที่มา  พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน โดย อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ




ปรามาส (ปฺรามาด) ดูถูก, ดูหมิ่น

ผมขอมีความเห็นต่างไปจากเพื่อนๆ คำถามของคุณครูอริสา

บางท่านคิดว่า เป็นการปรามาส แต่ผมไม่คิดว่าเป็นการปรามาส

เนื่องจากพระอาจารย์ ไม่มีรายละเอียดที่มาที่ไป ในการแสดงความเห็น

เนื่องจาก ท่านอาจล้าที่จะพิมพ์นานๆ



อย่าเลยครับ อย่าเพ่งโทษคุณครูเลย อย่าได้ตัดสินเธออย่างนั้น

ไม่ยุติธรรมเลย เธอเพียงสงสัยลังเล คำถามของเธอเป็นประโยชน์

และจะไขข้อข้องใจของหลายๆคนได้


คำว่า ปรามาส เป็นคำที่อ่อนไหวมาก อย่าได้ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆเลย

ความสงสัยเป็นเรื่องปรกติของปุถุชน โสดาบันเท่านั้นที่จะละได้



คนที่เป็นศิษย์กรรมฐานมัชฌิมา ใช่ว่าจะกล่าวถึงกรรมฐานสายอื่นๆไม่ได้

รวมทั้งไม่สามารถจะปฏิบัติตามสายอื่นๆได้

ตัวผมเองอาศัย การดูจิต ของพระอาจารย์ปราโมทย์ อยู่เนืองๆ

และผมก็ขึ้นกรรมฐานมัชฌิมา มาแล้ว


เพื่อนๆครับ อย่าได้โกรธใครเลย พึ่งอธิบายให้ทราบด้วยเหตุด้วยผล

พระพุทธองค์ ท่านไม่ให้โกรธและดีใจ ในคำติเตียนและคำชมเชย

ท่านใ้ห้ชี้แจ้งความจริงให้ปราก

 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณกับการให้กำลังใจ จากคุณปุ้มคะ

 ดิฉันได้รับจดหมายจากพระอาจารย์เป็นการส่วนตัวแล้วคะ และก็ทราบว่าควรจัดการที่ตนเองอย่างไร



  เจตนาที่พิมพ์ในคำถามช่วงแรก เป็นเพราะว่าดิฉัน ไม่พอใจกับความเห็นเรื่องการตอบคำถามเรื่องพระสัทธรรม

ปฏิรูป จริง ๆ เพราะดิฉันคุ้นเคยกับคำว่า สันติภาพ คือ พระพุทธศาสนา ในฐานะอุบาสิกาหน่ออ่อนด้วยและเห็น

ความสำคัญของพระพุทธศาสนา ที่ความสันติภาพ คือมองเห็นและเข้าใจว่า พระพุทธศาสนาก็๋คือความสุขสงบ

เย็นทั่วโลก เหมือนตำนานของพระศรีอาริยเมตตรัย ที่ท่านสามารถทำให้ทั้งโลกเสมอภาคกันได้ด้วยสันติภาพ

ตอนนั้นดิฉัน ก็เลยก็มีความอคติกับคำตอบของพระอาจารย์ทุกเรื่อง จึงใช้คำว่า สัทธรรมปฏิรูป ยวนท่านจริง ๆ

และกระทู้สุดท้ายที่ดิฉัน ดูถูกท่านตรง ๆ เลย ในความรู้ของท่าน

    ก็คือการกล่าวดูถูกท่านว่า "ไม่รู้เรื่อง พุทธบริษัท" และ "กล่าวหาท่าว่า ริดรอนสิทธิสตรี" ( ยอมรับว่าเป็น

ความผิดและจงใจ ดูถูก และ ดูหมิ่น จริง ๆในขณะนั้น ) เป็นเพราะเชื่อในพระอาจารย์ที่ปรึกษา หลายรูปจน

กระทั่งตัวเองตกเป็นเครื่องมือในการ ปรามาส พระอาจารย์ที่เรายังไม่รู้จักด้วยซ้ำไป

   พระอาจารย์กล่าวสาเหตุในเมล ส่วนหนึ่งว่า ที่ท่านไม่อยู่วัด และ ไม่ออกมาทำงานศาสนาส่วนหนึ่งเพราะลูก

ศิษย์ท่านต่างวางอุเบกขา ปล่อยให้พระอาจารย์รับเรื่องราวอยู่แต่ผู้เดียว ทุกคนอยากให้พระอาจารย์สอนกรรม

ฐานที่วัด แต่ทุกคนเมินเฉยกับปัญหาที่พระอาจารย์ต้องแบกแทนทุกคน ด้วยคำว่าเกรงใจซึ่งกันและกัน แม้พระ

อาจารย์ถูกกล่าวหามากมาย ทุกคนก็นิ่งเฉย และก็ปล่อยไว้แต่เพียงว่าคนจักเข้าใจกัน ด้วยการวางเฉยโดยไม่มี

ข้อแก้ต่างให้กับพระอาจารย์กัน ที่จริงพระอาจารย์เพียงกล่าวสั้น ๆ ว่า ไม่มีใครช่วยอธิบาย เพียงทุกคนปล่อยให้

ท่านอธิบาย ทุกวันนี้ท่านจึงหันหลังให้กับการเป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน เพียงแต่ยังรักษางานทางเว็บไว้เท่า

นั้น ดิฉันคงกล่าวมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

    ส่วนท่านที่ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น เท่าที่อ่านมา ก็ให้กำลังใจทั้งนั้น เพียงแต่กล่าวห้ามเรื่อง การใช้วาจา

ที่ดูถูก หมิ่นโดยตรง ต้องขอบคุณคำชี้แนะจากกัลยาณมิตรทุกท่าน แม้ ครูนภาเอง ก็ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ

คุณประสิทธิ์ ก็ย้ำว่าอ่านใหม่ ดี ๆ หลาย ๆ รอบ ( ฉันพึ่งเข้าใจน้ำใจของทุกท่าน และซาบซึ้งจริง ๆ )

     พระอาจารย์ แนะนำไว้ว่า

     ปุถุชน มีความผิดกันทั้งนั้น แต่เมื่อผิดแล้ว อย่าเข้าข้างตัวเอง พึ่งขอขมาพระรัตนตรัย เพราะโทษการ

ล่วงเกิน พระรัตนตรัย มีผลปิดคุณธรรม ศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา จึงทำการขอขมาทุกครั้งที่ภาวนา

     พระทำผิด ก็ต้องมีการปลงอาบัติ เพื่อให้สัญญาว่าจักไม่ทำอีก ก็เพราะว่าเพื่อไม่ปิดคุณธรรม

     สาูธุ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
         

     หลากจิตคิดซ่านฟุ้ง       สัทธัมม์
หลงพร่ำผิดเป็นกัมม์         บ่รู้
เหตุแจงข่มเกินคัมภิ์ร        หมายแน่
หวั่นคิดปรามาสสู้             ล่วงล้ำเกินครู


                                               ธรรมธวัช.!      

----------------------------------------------------------------------------------

พระธรรมมหาเสนาบดีสารีบุตร ผินศีรษะไปในทิศนั้นฉันใด พระอัสสชิ ย่อมสถิตย์อยู่ ณ ทิศนั้นแล.

พระราหุลพุทธชิโนรส ผินศีรษะไปในทิศนั้นฉันใด พระธรรมมหาเสนาบดีสารีบุตร ย่อมสถิตย์อยู่ ณ ทิศนั้นแล.

เราเหล่าศิษย์มัชฌิมามีครูบาย่อมมีการขมาอยู่เนืองๆ...ดังนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2010, 01:10:03 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
สันติ น. ความสงบ เช่น อยู่ร่วมกันโดยสันติ. (ป.; ส. ศานฺติ).
สันติภาพ น. ความสงบ เช่น โลกต้องการสันติภาพ จงร่วมมือกันรักษาสันติภาพของโลก. (ป. สนฺติ + ภาว).

ที่มา  พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒

สันติ, สันติภาพ ความสงบ

ที่มา  พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ป.อ.ปยุตโต)




ภาวะของนิพพาน

ความหมายและสภาวะของนิพพานนั้นไม่อาจอธิบายได้ครอบคลุมครบถ้วน
(นอกจากจะบรรลุและรู้ได้เองเฉพาะตน) 

แต่อย่างไรก็ตามนักวิชาการท่านก็ยังพยายามประมวลจากพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงเกี่ยวกับนิพพานไว้ 
และจากพระสาวกต่างๆ ที่ได้กล่าวพาดพิงถึง 

รวมทั้งจากทรรศนะของสำนักพุทธปรัชญาสาขาต่างๆ ที่ได้แสดงไว้ 
จึงได้นำมาประกอบการศึกษาได้ดังนี้

นิพพาน  คือขั้นหนึ่งของจิตที่ดับกิเลสได้โดยสิ้นเชิง  พวกพุทธปรัชญาสำนักเสาตรานติกะ  กล่าวว่านิพพานเหมือนอากาศ  คือไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ และเหมือนกับการดับมอดแห่งเปลวไฟ(3)

นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง (นิพพานํ ปรมํ  สุขํ) เป็นสุขเพราะไม่มีกิเลส  ตัณหา  อวิชชา  เบียดเบียน

นิพพาน  สูญอย่างยิ่ง (นิพพานํ  ปรมํ  สุญญํ)  คือสูญสิ้นกิเลส  ตัณหา  อวิชชา

นิพพาน  สงบจริง  ปราณีตจริง
  คือสงบระงับสังขารทั้งปวง  เป็นที่ดับสนิทแห่งกิเลส

นิพพาน  ไม่สามารถอธิบายได้  เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน  เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติจนบรรลุนิพพานได้เท่านั้นจึงรู้  ไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นรู้และซาบซึ้งได้(4)


อย่างไรก็ตามนิพพานเป็นสิ่งที่ยากแก่การอธิบายให้เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง  ดังบันทึกในพระไตรปิฎกเล่มที่  ๒๕  หน้า  ๑๗๖  ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

 “  ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยากชื่อว่า นิพพานไม่มีตัณหา  นิพพานนั้นเป็นธรรมจริงแท้  ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย  ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว  กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้  ผู้เห็น ”


..............................

ดังนั้น การที่จะรู้ได้ก็ด้วยเพียงการเปรียบเทียบ  ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่จะได้รับรู้ถึงนิพพานซึ่งมีคำใช้เรียกอยู่มาก   เช่น

วิมุตติ          ความหลุดพ้น   เป็นอิสระ     
วิสุทธิ          ความบริสุทธิ์    หมดจด
สันตะ          ความสงบ     ระงับ
                     

สุทธิ            ความบริสุทธิ์สะอาด
เขมะ           ความปลอดภัย
อนุตตระ       ยอดเยี่ยมไม่มีอะไรยิ่งกว่า

อกิญจนะ      ไม่มีอะไรค้างคาใจ 
นิปุณะ          ละเอียดอ่อน
ปณีตะ          ประณีต     
                 

ปรมัตถะ       ประโยชน์สูงสุด
ปรมสุข        สุขอย่างยิ่ง
ปัสสัทธิ        สงบเยือกเย็น

สิวะ             แสนเกษมสำราญ
อรูปะ           ไร้รูป
เกวละ          สมบูรณ์ในตัว


วูปสมะ         ความเข้าไปสงบ
ปณีตะ          สิ่งประณีต
อนิทัสสนะ    ที่มองไม่เห็นด้วยตา

อสังขตะ       สิ่งไม่ถูกปรุงแต่ง
อนาสวะ       สิ่งไม่มีอาสวะ
อมตะ          สิ่งไม่ตาย


สัจจะ           ของจริง
ธุวะ             ยั่งยืน
อัชชระ        ไม่คร่ำคร่า

ตัณหักขยะ   ที่สิ้นตัณหา
วิราคะ         คลายกำหนด
มุตติ           ความพ้น
อปโลกิตะ    ตามที่ปรากฏโดยไม่เสื่อม

ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายนิพพานในเชิงปฏิเสธอีก

น  ปฐวี           จะว่าดินก็ไม่ใช่
น  อาโป         จะว่าน้ำก็ไม่ใช่
น  เต             จะว่าไฟก็ไม่ใช่
น  วาโย          จะว่าลมก็ไม่ใช่


นาย  ลโก        ไม่ใช่โลกนี้
น  ปร   โลโก    ไม่ใช่โลกอื่น
น  อุโภ  จนทิมสุริยา      จะว่าพระจันทร์  พระอาทิตย์ก็ไม่ใช่
อตถิ  ภิกขเว  ตทายตน   แต่ว่าสิ่งนั้นมีจริง

เป็นการยากในอธิบายให้เห็นถึงความสงบอย่างที่สุด  นักปราชญ์ท่านได้เปรียบเทียบไว้เป็นเรื่องเป็นราวว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่  แต่ขีดความสามารถในการรับรู้ของบุคคลนั้นต่างกัน

เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปฏิเสธสิ่งที่ตนเองไม่เคยพบเห็น

อ้างอิง
ข้อมูลจากหนังสือ  "ปรัชญาอินเดีย"  ;  รศ.นงเยาว์  ชาญณรงค์
ข้อมูลที่ใช้ในการเรียบเรียง  :  "ตายเป็นอย่างนี้นี่เอง"  โดย  บัญช์  บงกช
(1) เสฐียร    พันธรังษี ,  ศาสนาเปรียบเทียบ ,  หน้า  154-155
(2) วศิน    อินทสระ , พุทธปรัชญาเถรวาท , หน้า 80
(3) วศิน    อินทสระ , พุทธปรัชญาเถรวาท , หน้า 93-104
(4) จำนงค์    ทองประเสริฐ , ปรัชญาประยุกต์ , หน้า 122
(5) นพดล    พิมพลา , พุทธปรัชญาเถรวาท , หน้า 187-188
เรียบเรียงโดยปราชญ์ขยะ




ผมมีคำพูดมากมายที่จะกล่าว แต่พูดได้เพียงบางส่วน

สิ่งหนึ่งที่รอเวลาจะพูด ก็คือ ความหมายของนิพพาน

การที่คุณครูอริสาเข้าใจว่า สันติภาพ คือ ศาสนาพุทธนั้น

ความจริงเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่เป็นการเข้าใจถูกเพียงบางส่วน

สันติภาพ ในเชิงนิพพานเป็น ปรมัตถ์ธรรม ที่เข้าใจยาก

มันต่างกับ ความหมายที่ปุถุชนส่วนใหญ่เข้าใจ

ผมนำบทความบางส่วน เรื่อง ภาวะนิพพาน มาให้อ่าน เพื่อเป็นกำลังใจให้แม่หญิง 

ขอให้แม่หญิง หาความสำราญกับการอ่านบทความนี้

อย่าได้น้อยใจ หรือ คิดอะไรที่ทำให้ใจเศร้าหมอง เลยนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้
:58: :58: :58:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2010, 01:57:10 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อ้างถึง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย)  เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง  ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์  ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา  ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ท่านทั้งหลายพึงรับรองเรื่องที่เป็นจริง ให้เห็นว่าเป็นจริง  ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวชมเชยเรา ชมเชยพระธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์  ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นจริง ข้อนั้นแท้ ข้อนั้นมีในพวกเรา  ข้อนั้นปรากฏในพวกเรา ดังนี้."

ตอนนี้ลูกศิษย์ พระอาจารย์วางอุเบกขา แล้วให้พระอาจารย์พูดแก้ต่างด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่

ซึ่งการแก้ต่าง ( การแก้ตัว ) ไม่ได้เป็นวิสัยของพระอาจารย์ทีพึงกระทำ ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ขาดในช่วงท้าย

ของพระพุทธองค์ คือการร่วมกันชี้แจงความจริง หรือชี้แจงความจริงในขณะนั้น เพราะวางเฉยกันไว้เรื่องจึง

บานปลาย เพราะการนิ่งของอุบาสก อุบาสิกาในพระพุทธศาสนา เป็นได้ 3 อย่าง คือ 1 ยอมรับ

2 ไม่ยอมรับ 3 ไม่อยากยุ่ง  ส่วนการนิ่งของพระสงฆ์ เป็นได้อย่างเดียว ก็คือ การยอมรับ

  การโต้ตอบในธรรม ไม่ใช่ การขุ่นเคือง การโ้ต้วาทะในธรรม เป็นการฝึกใจประการหนึ่ง

  ในธิเบต พระธิเบต จะใช้วิธีการปุจฉา วิสัชชนา โดยสวมท่าทาง มีการฟาดมือ กระทืบเท้า เพื่อให้พระนั้น

เคยชินกับการถูกวาทะ เป็นการฝึกยับยั้งใจ ไม่ให้โกรธเคือง ชิงชัง เคียดแค้น ผู้กล่าววาจา


  ท่านทั้งหลาย อ่านแล้วอาจจะมองเห็นดี ว่าเป็นตามนั้น แต่ความจริงวิธีการนี้ ใช้ไม่ได้ ( เพราะเคยได้คุยกับ

พระธิเบตที่เป็นคนไทยมาแล้ว  4 ท่าน ) ยังควบคุมไม่ได้ ผ่านการฝึกฝนมา 4 ปี


  เหตุผล เพราะการฝึกอย่างนี้ ไม่ใช่วิถีพุทธแท้

  การฝึก ปุจฉา วิสัชชนา จักได้ผลในครั้งแรก แต่เมื่อกระทำบ่อย ก็เป็นการแสดง ถึงจะเปลี่ยนบุคคล ใจของ

ผู้ฝึกก็รู้ว่า เป็นเพียงการแสดง การทำอย่างนี้นาน ๆ เข้า ก็เข้ากับคำไทยว่า สัปเหร่อชินผี คือสัปเหร่อ ไม่กลัวผี

ที่จริงไม่ใช่ หรือ หมอคุ้นเคย กับ ศพ ไม่ใช่หมอไม่กลัว ผี ( ท่านทั้งหลายอ่านก็น่าจะเข้าใจ ตรงส่วนนี้ )


  การฝึกจริงในประเทศไทย จึงไม่ฝึกแบบนั้น พระไทยจึงฝึกตั้งมั่น ในศีล สมาธิ และ ปัญญา

  โดยเฉพาะสมาธิ จะต้องฝึกมากกว่า เพราะมีอุปการะมาก จักทำให้ใจ มองเห็นตามความเป็นจริงได้(ปัญญา)


  สรุปท่านทั้งหลาย จงสนทนาธรรม ตอบโต้กันด้วยธรรม เพียงเพื่อขจัดกิเลส เถิด อย่าทำเพื่อประการอื่น


 



 ถามว่า ทำไม พระอาจารย์ ทำไมกล่าวที่ไปที่มา ให้ชัดเจน

    ตอบว่า ไม่มีความจำเป็น

 ถามว่า เพราะเหตุไร ?

    ตอบว่า กรรมฐาน ที่สอนเป็นแนวปฏิบัติ มีไว้เพื่อดับกิเลส คือ เวทนา

         อุปมาเหมือน คนป่วย ปวดหัว เราก็หยิบยา แก้ปวดหัว ให้ทาน คนป่วยก็ทาน

         ความเป็นจริง ก็คือ คนป่วยจริง ไม่เรื่องมากถ้าผู้หยิบยา น่าเชื่อถือ

           คงไม่ถามว่า ยาอะไร ใครผลิต หมดอายุวันไหน มาจากที่ไหน มีสูตรอย่างไร

 ถามว่า แล้วถ้าต้องการคำตอบ ในเรื่องรายละเอียดที่มาที่ไป

    ตอบว่า โปรดเข้าศึกษาที่วัดราชสิทธาราม คณะ 5 หรือ หาหนังสือ เกี่ยวกับพระกรรมฐาน

           หรือ ไปที่ฐานข้อมูลพระกรรมฐาน ซึ่งมีไฟล์รายละเอียดมากมาย จนท่านอาจจะไม่อ่านกันเลย

         คำตอบก็คือ คำถาม ที่พระอาจารย์ให้ไว้แล้ว ดังนั้นท่านต้องการรอบรู้เรื่องกรรมฐาน ก็ให้อ่านทุก

         กระทู้ที่เข้ามา

            ถ้าต้องการภาวนาเพื่อ ขจัดกิเลส ก็ทำตามที่สอน ซะนะจ๊ะ

  เจริญพร เพื่อสันติภาพของโลก

   ;)

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาุธุ เจ้าคะ
:25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

P63

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ไม่ค่อยได้ติดตามเข้าเว็ป จึงเพิ่งจะได้อ่านกระทู้นี้

ขออนุโมทนาในคำตอบของคุณ ISSARAPAP และคุณ Komol ด้วยครับ
สมกับเป็นลูกศิษย์พระกรรมฐานของพระอาจารย์  :25:

และได้อ่านข้อความจากพระอาจารย์แล้ว รู้สึกสะอึก
ไม่ทราบว่าในช่วงที่ผ่านมา เกิดปัญหาอะไรบ้าง
แต่เห็นด้วยกับพระอาจารย์ครับว่า บางครั้งลูกศิษย์อาจวางอุเบกขาเกินไป
เรื่องบางเรื่องไม่ชี้แจงก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องบางเรื่องต้องชี้แจง มิฉะนั้นก็จะไม่เข้าใจ
และก็อาจเข้าใจผิดไปตลอดก็ได้

ขอกราบเรียนพระอาจารย์ ณ ตรงนี้ ในบางปัญหาหากพระอาจารย์ไม่สะดวกในการกล่าวด้วยตนเอง ขอให้บอกลูกศิษย์ที่ได้รับมอบหมายช่วยเป็นผู้แจ้งแทนก็ได้ครับ เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น
การบอกบุญก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง หากเรานำปัจจัยต่างๆ ไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ก็ไม่น่าจะกังวลอะไร
ทำให้เห็นชัดเจนจะดีกว่าครับ จะได้รู้กันถ้วนทั่ว และสนับสนุนได้ตามอัตภาพ

เท่าที่เคยสนทนากับพระอาจารย์โดยตรงเรื่องที่มาของการเผยแผ่พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับแล้ว
ตลอดจนได้เห็นหลักฐานบางประการ จึงเชื่อมั่นในความตั้งใจของพระอาจารย์ในการสืบทอดและเผยแผ่พระกรรมฐานนี้  ถึงแม้พระอาจารย์จะพอทราบแต่แรกแล้วว่าจะต้องพบกับอุปสรรคและปัญหาไม่น้อย  แต่หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  คงมิก้าวหน้าไปถึงไหนแน่ เพราะกรรมฐานแนวนี้มิใช่ง่ายนัก การได้พบเจอครูบาอาจารย์โดยตรงและได้ปรึกษาคงดีกว่าในหลายๆด้าน

อย่างไรก็ตาม กราบขอขมาพระอาจารย์มา ณ ที่นี้ หากมีคำกล่าวใดๆ ที่ไม่ตรงประเด็นและไม่เหมาะสมในกระทู้นี้ 
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ปฏิบัติพระกรรมฐาน โดยไม่อธิษฐานกรรมฐาน (ไม่ได้)
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 10:39:46 pm »
0
สาธุด้วยคนครับ  :25: รีมาแนะนำให้อ่านครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2012, 11:12:09 pm โดย Ngangjang »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

เจมส์บอนด์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 186
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


ขอบคุณครับ ที่ช่วยย้อน คำถามเก่า ๆ ที่ลืมไปแล้วมาอ่านทบทวนครับ

 :c017: :25:
บันทึกการเข้า
ps2 psx nds n64 rom nes play1 play2 gamepc xbox wii castlevania finalfantasy nds ps1 sega
ผมชอบเล่นเกมส์ แต่ ก็แบ่งเวลานั่ง กรรมฐาน ครับ คนรุ่นใหม่ไม่กลัวกรรมฐาน