ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระสงฆ์ที่ปฏิับัติภาวนา ได้ขั้นพระอริยะ ท่านฉัน มังสะวิรัติ หรือไม่ครับ  (อ่าน 4815 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

จตุพร

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตามหัวข้อเลยครับ คือผมสงสัย ว่าผู้ปฏิบัติที่ใกล้ ๆ ตัวล้วนแต่ชักชวนให้ผมทานมังสะวิรัติ
แต่พอผมได้ทดสอบแล้ว ปรากฏว่า ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นทันทีครับ เพราะอาหารมังสะวิรัติ

มีราคาแพงกว่า เท่าตัวจากอาหารปกติ เช่น ซื้อแกง 10 บาท ซื้อ อาหารมังสวิรัติ 20 บาท
แถมการกินทานได้ อิ่ม ก็ต่างกันเลยครับ

ที่นี้ผมก็เลยสงสัยว่า พระสงฆ์ ที่ประพฤติ ดี ปฏิบัติชอบ ในเมืองไทยที่เราิคิดว่า ท่านเป็นพระิอริยะ
ท่านล้วนแต่ทาน มังสะวิรัติ หรือ เจ อะไรปานนี้หรือ ไม่ครับ

  :41: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

เฉินหลง

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 153
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕
มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์

                                                           หน้าที่ ๔๒


เนื้อที่ไม่ควรบริโภค และควรบริโภค ๓ อย่าง

[๕๗] พ. ดูกรชีวก ชนใดกล่าวอย่างนี้ว่า ชนทั้งหลายย่อมฆ่าสัตว์เจาะจงพระสมณโคดม
พระสมณโคดมทรงทราบข้อนั้นอยู่ ก็ยังเสวยเนื้อสัตว์ที่เขาทำเฉพาะตน อาศัยตนทำ ดังนี้
ชนเหล่านั้นจะชื่อว่ากล่าวตรงกับที่เรากล่าวหามิได้ ชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่เป็นจริง

ดูกรชีวกเรากล่าวเนื้อว่า ไม่ควรเป็นของบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ เนื้อที่ตนเห็น
เนื้อที่ตนได้ยิน เนื้อที่ตนรังเกียจ ดูกรชีวก เรากล่าวเนื้อว่าเป็นของไม่ควรบริโภค
ด้วยเหตุ ๓ ประการ นี้แล

ดูกรชีวก เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของควรบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ เนื้อที่ตนไม่ได้เห็น
เนื้อที่ตนไม่ได้ยิน เนื้อที่ตนไม่ได้รังเกียจ ดูกรชีวก เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของควรบริโภค
ด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 
  ภิกษุ ชายผู้ได้อุปสมบทแล้ว, ชายที่บวชเป็นพระ, พระผู้ชาย;

       แปลตามรูปศัพท์ว่า “ผู้ขอ” หรือ “ผู้มองเห็นภัยในสังขาร” หรือ “ผู้ทำลายกิเลส”


อ้างอิง พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


    การจะระบุว่า ท่านใด เป็นอริยะ หรือ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างไร เรื่องนี้ต้องเว้นไว้นะครับ

   ผมจะคุยอีกมุมหนึ่ง ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอ เมื่อไปบิณฑบาต เท่ากับไปขอเค้ากิน เมื่อเป็นผู้ขอแ้ล้ว

   คงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ไม่เป็นที่เลื่อมใสอย่างยิ่ง
   
   อีกอย่างภิกษุต้องดำรงตนเป็นคนเลี้ยงง่าย การตั้งเงื่อนไขต่างๆ จึงไม่เป็นการสมควร

   อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ได้บัญญัติวินัย ระบุชัดเจนว่า เนื้อสัตว์ประเภทใดฉันได้ และประเภทใดฉันไม่ได้

   ถ้าถามว่า "ทำไมต้องรับอาหารที่มีเนื้อสัตว์จากชาวบ้าน"  พระอาจารย์ได้อธิบายว่า เพื่อเป็นการสงเคราะห์ให้

   คนทำบุญไ้ด้บุญตามที่เค้าตั้งใจ การปฏิเสธไม่รับ เท่ากับขวางไม่ให้เค้าได้บุญ สมณะไม่ควรทำอย่างยิ่ง

   
   จากประสบการณ์ของผมที่ได้เห็นได้ยินมา พระบางรูป ทานเจ บวกไข่ ตอนบิณฑบาตรับเอาไว้หมด

   แต่พอตอนฉัน จะเลือกฉัน จนชาวบ้านรู้ ชาวบ้านเลยต้องทำอาหารเจใส่บาต

   ขอกล่าวถึงหลวงฤาษีลิงดำสักหน่อย กล่าวกันว่า ท่านฉันเจเขี่ย เจเขี่ย คืออะไร

   เจเขี่ย ก็คือ เลือกฉันเฉพาะผักเท่านั้น โดยเขี่ยเนื้อสัตว์ออกไป



   ส่วนตัวผมทานมังสวิรัติบวกไข่ไก่ ทำกินเอง ค่าใช้จ่ายน้อยครับ ไม่เหมือนอาหารเจ

   ที่เป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารแช่แข็ง ราคาแพงครับ

   ขอคุยเป็นเพื่อนเท่านี้
:welcome: :49: :25: ;)



เรื่องที่คุณเฉินหลงโพสต์นั้นอยู่ใน
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
๕. ชีวกสูตร เรื่องหมอชีวกโกมารภัจจ์
อ่านรายละเอียดได้ที่
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓  บรรทัดที่ ๙๕๐ - ๑๐๔๓.  หน้าที่  ๔๒ - ๔๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=950&Z=1043&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=56

  ลิงค์ที่แนะนำ
   "พระพุทธศาสนาเถรวาท และการบริโภคเนื้อสัตว์"
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=667.msg2744#msg2744


   :s_good: :s_good: :s_good:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2011, 02:39:23 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

chatchay

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 244
  • เกิดเป็นคนต้องมีดี บวชทั้งทีต้องสร้างดีให้กับตน
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เพื่อความอยู่ง่าย เลี้ยงง่ายครับ

แต่ถ้าพูดสมัยครั้ง พุทธกาล ผู้ที่ยื่นเสนอให้ทาน เจ มังสวิรัติ ประมาณนี้ ก็เห็นจะมี พระเทวฑัตร รูปหนึ่งนะครับ
ที่ยื่นข้อเสนอให้พระพุทธเจ้า ออกกฏระเบียบให้พระสงฆ์สมัยนั้น ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ แต่พระพุทธเจ้าได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ นะครับ แสดงให้เห็นว่า โดยส่วน พระพุทธเจ้า ก็ไม่เห็นด้วยกับระเบียบนี้






บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
โทษอันใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินแล้วต่อพระรัตนตรัย ด้วย กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ขอพระรัตนตรัย โปรดจงงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ

nongmai-new

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 73
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ใกล้เทศกาล กินเจ แล้วนี่ นะเดือนหน้า นี้เอง ลองกระแสเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ครับ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า

nopporn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ก็เห็นด้วยคะ ถ้าจะหยุดกันบ้างนะคะ

เพราะมีประโยชน์ นะคะ สำหรับ พระสงฆ์จริง ๆ แล้วท่านก็คงไม่ค่อยอยากฉันเนื้อสัตว์เท่าใด แต่เป็นเพราะความเป็นผู้เลี้ยงง่าย ก็เลยต้องดำรงชีวิตตามอัตตภาพ

  แต่ที่นี้ปัญหา ที่ดิฉัน ( เรา )เจอ และ พบ กับเืรื่อง ราคาของ อาหารประเภทเจ และ มังสะวิรัติ มีราคาแพงซึ่งด้วยเหตุผลแล้ว ไม่น่าจะแพง ดังนั้นถ้าประหยัดต้องทำทานเอง คะ แต่ถือสำเร็จรูปแล้ว จะมีราคาสูงกว่าอาหารปกติ คะ

 :smiley_confused1:

ก็อนุโมทนา กับทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการไม่เบียดเบียน ชีวิตสัตว์ คะ

  :25:
บันทึกการเข้า
อยู่แก๊งค์ ป่วนอ๊บ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

หลวงปู่โต๊ะพบพระโพธิสัตว์กวนอิม

หลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ (วัดประดู่ฉิมพลี)
พระราชสังวราภิมณฑ์


ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงปู่นั่งเจริญกรรมฐานอยู่ในโบสถ์ พลันก็เห็นเซียน 8 องค์เข้ามาพูดกับท่านว่า

"พระแม่กวนอิมมารับท่านเป็นสาวกและให้ท่านปฏิบัติแบบมหายาน คือไม่ฉันเนื้อวัว เนื้อควาย และให้ฉันเจทุกเทศกาลกินเจ"


หลวงปู่ก็ไม่ยอม เถียงไปว่า.........

"พระแม่เป็นคนจีน หลวงปู่เป็นคนไทยและนับถือพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ไม่ตกลงด้วย"

นับแต่นั้นมาเซียน 8 องค์ก็มาเฝ้าอ้อนวอนให้หลวงปู่เปลี่ยนใจ

จนกระทั่งวันหนึ่งเซียนทั้ง 8 องค์ก็มาหาอีกและบอกว่า

"วันนี้พระแม่กวนอิมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง พักรออยู่ข้างนอก"


หลวงปู่ไม่สนใจได้แต่หลับตาเสีย เซียนองค์หนึ่งจึงไปเชิญเสด็จพระแม่กวนอิมเข้ามาในโบสถ์ และบอกให้หลวงปู่ลืมตาขึ้น หลวงปู่ลืมตาเห็นพระรัศมีสว่างไสวและพระลักษณ์สวยงามมาก พระแม่เจ้าให้หลวงปู่เข้าเป็นสาวกทางพุทธศาสนามหายาน และประทานเสื้อกางเกงชุดพระจีนให้ใส่แทน หลวงปู่เผลอรับเสื้อกางเกงมาสวมใส่ พอกางเกงสวมมาถึงเข่า ก็รู้สึกตัวได้สติ รีบดึงกางเกงออกทิ้งไป พระแม่กลับบอกว่า

"ท่านเป็นสาวกของพระแม่แล้ว ต่อไปนี้ท่านจะต้องฉันเจทุกปี

ตามเทศกาลเจของชาวจีน"

แล้วพระแม่กวนอิมและเซียนทั้ง 8 องค์ ก็หายวับไปกับตา



พอถึงเทศกาลเจครั้งแรก หลวงปู่ไม่ยอมฉันเจ หลวงปู่ก็อาพาธหนัก พอหมดเทศกาลเจก็หาย ในปีต่อ ๆ มา ก็เป็นเช่นนี้อีก หลวงปู่ทดสอบอยู่หลายปี จนต้องหันมาฉันเจในเทศกาลเจ อาการอาพาธต่าง ๆ ก็หายสิ้น ท่านจึงฉันเจตามเทศกาลแต่นั้นมา

ทุกปีของเทศกาลเจ หลวงปู่จะแต่งชุดพระจีนในเวลากลางคืน และเมื่อหลวงปู่นั่งสมาธิ พระแม่เจ้าก็ได้พาหลวงปู่ไปเที่ยวดินแดนสุขาวดีพุทธเกษตร พร้อมทั้งสอนวิชชาให้ จึงเป็นสาเหตุว่าชาวจีนทำไมจึงขึ้นกับหลวงปู่โต๊ะมากเป็นพิเศษ และหนึ่งในชาวจีนที่นับถือหลวงปู่โต๊ะมากคือ คุณพ่อของข้าพเจ้าเอง คุณพ่อและคณะศรัทธาธรรมได้ร่วมกันสร้างรูปหล่อพระแม่เจ้าร่วมกับหลวงปู่โต๊ะที่ หน้าถ้ำสิงโตทอง จังหวัดราชบุรี เป็นพระรูปกะไหล่ทองให้ศิษย์ที่นับถือพระแม่กวนอิมสักการะบูชา

ครั้นหลังเมื่อหลวงปู่กลับจากการเยือนพุทธคยาที่ประเทศอินเดีย หลวงปู่ก็เริ่มฉันภัตตาหารมังสวิรัติ คือ การเว้นเนื้อสัตว์และมันสัตว์ทั้งปวงโดยเด็ดขาดอย่างจริงจัง ตราบถึงกาลมรณภาพ


เรื่องราวของหลวงปู่โต๊ะเป็นการแสดงถึง ความสมานสามัคคีของผู้มุ่งหวังสร้างบารมี ไม่ว่าพุทธนิกายใด หรือศาสนาใดย่อมอนุเคราะห์ค้ำจุนกันได้เสมอ ทั้งนี้เพื่อขจัดทุกข์บำรุงสุขให้เกิดขึ้น มีขึ้น แก่ผู้ศรัทธาที่เคารพบูชาเสมอ

และเมื่อหลวงปู่เบิกเนตรองค์พระแม่หยกเขียวนั้นให้แล้วคุณพ่อนำไปวางกับโต๊ะหมู่บูชาที่บ้านในคืนนั้นครั้นเช้าตรู่รุ่งอรุณ ทุกคนต่างตกใจที่ได้ยินแสงระฆังแก้วดังกังวานไปทั่วบ้าน ต่างวิ่งตรูกันออกมาจากห้องนอนมาดูจึงทราบว่าทั่วทั้งโต๊ะบูชามีแสงสว่างไสว เสียงระฆังเพราะมากทุกคนเลยลงไปกราบและว่า "ศักดิ์สิทธิ์ ๆ " และคุณแม่ยังได้รับโชคลาภจากเลขของพระแม่เจ้าในงวดนั้นเอง

ครอบครัวข้าพเจ้าเคารพนับถือพระแม่กวนอิมมาแต่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะคุณย่าผู้ปฏิบัติธรรม และคุณแม่จะสวดมนต์จีนก่อนนอน ข้าพเจ้าจึงจำบทสวดมนต์ของพระแม่ได้ตั้งแต่เด็ก ๆ และในชีวิตก็สวดเป็นแค่บทเดียวคือ กวนอิมแกมึ้งเผ่งอังเกง คุณแม่จึงให้พระแม่กวนอิมแก่ข้าพเจ้าองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นของคุณย่า ข้าพเจ้าดีใจมากเอากลับบ้านพักที่ต่างจังหวัดบูชา และข้าพเจ้าก็เริ่มสวดมนต์กวนอิมแกมึ้งเผ่งอังเกงก่อนนอน พร้อมทั้งอธิษฐานขอบุตรสาวมาเกิดสักคน อยากได้ลูกสาวมาก จำคำพูดคุณย่าได้ว่า......

"ให้บูชาพระแม่ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสปรารถนาสิ่งใดจงอธิษฐานเอา จะสมปรารถนา"

ข้าพเจ้าสวดมนต์ขอบุตรอยู่ 1 ปี และฝันเห็นแต่เพชรเม็ดงามส่องรัศมีสดใสสว่างไปทั่ว แล้วข้าพเจ้าก็ได้บุตรสาวมาเกิดเป็นเด็กอ้วนท้วมสมบูรณ์ น่ารักและเลี้ยงง่าย ไม่เคยป่วยไข้และมีแววเป็นยอดคนแต่เยาว์วัย

กราบสักการะบูชาในพระมหาเมตตากรุณาแห่งองค์พระแม่กวนอิมที่ประทานบุตรน้อยมาเกิดสมใจ





พระราชสังวราภิมณฑ์
หลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ (วัดประดู่ฉิมพลี)


อยู่ในสมณเพศมาตั้งแต่อายุได้ 17 ปี ท่านได้เล่าเรียนพระธรรมวินัย มีความรู้แตกฉานลึกซึ้ง และถือวิปัสสนาธุระเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตอันยาวนานถึง 94 ปีของท่าน เป็นรัตตัญญูผู้รู้กาลนาน เป็นครูของสาธุชนทุกหมู่เหล่า เป็นที่เคารพบูชา ศรัทธาเลื่อมใสของบุคคลทุกเพศวัย ทุกชาติชั้น นับแต่สามัญบุคคลจนถึงองค์พระประมุขของชาติ แม้อายุพรรษาจะมากเพียงใด ท่านก็มิได้ขัดศรัทธาของผู้ที่อาราธนาไปในการบุญกุศลต่าง ๆ มีการไปนั่งเจริญสมาธิภาวนาอำนวยสิริมงคล เป็นต้น

จึงในระยะหลัง ๆ นี้ทำให้สังขารร่างกายท่านต้องตรากตรำมากเกินไป และเกิดอาพาธขึ้นบ่อย ๆ แม้จะได้รับการเยียวยารักษาและดูแลพยาบาลอย่างดีเพียงใด กายสังขารของท่านก็ทนอยู่ไม่ไหว ท่านอาพาธครั้งสุดท้ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2524 หลังจากกลับจากถ้ำสิงโตทอง มีอาการอ่อนเพลียลงตามลำดับ ก่อนมรณภาพ 7 วัน ท่านลุกจากเตียงไม่ได้เลย แต่ยังพอฉันได้บ้าง นายแพทย์ต้องให้น้ำเกลือทุกวัน อาหารนั้นถวายข้าวต้มกับรังนกตุ๋น ทุกเช้าราว 07.00 น.

ถึงวันที่ 5 มีนาคม เวลาเช้าศิษย์ผู้พยาบาลก็ถวายข้าวต้มกับรังนกอีก คราวนี้สังเกตเห็นว่าแขนข้างขวาท่านบวม จึงกราบเรียนกับท่านว่า "แขนหลวงปู่บวมมาก" ท่านก็พยักหน้ารับคำแล้วฉันและหลับตาพักต่อไป โดยให้ออกซิเจนช่วยการหายใจตลอด เวลา 09.00 น. ท่านอ่อนแรงลงอีก และพอถึงเวลา 09.55 น. ท่านก็สิ้นลมด้วยอาการสงบดุจนอนหลับไป ณ กุฏิสายหยุด นับอายุได้ 93 ปี 10 เดือน กับ 22 วัน

ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จฯ แปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ควรทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญศพไปตั้งที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตร พระราชทานเกียรติยศศพเป็นพิเศษ เสมอพระราชาคณะชั้นธรรม พระราชทานโกศโถบรรจุศพ พร้อมฉัตรเบญจาเครื่องประกอบเกียรติยศครบทุกประการ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่การศพโดยตลอด เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน

และตามโอกาสอันควรหลายวาระ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และในการบำเพ็ญพระราชกุศลออกเมรุและพระราชทานเพลิงเผาศพ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พระราชสังวราภิมณฑ์ ตลอดจนศิษยานุศิษย์ ทุกคนหาที่สุดมิได้



ที่มา http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-toh-wat-pradoo-hist-index.htm
ขอบคุณ http://board.palungjit.com/f13/หลวงปู่โตะพบพระโพธิสัตว์กวนอิม-138591.html
ขอบคุณภาพจากhttp://p.moohin.com,www.chinamorality.org.hk,www.dhammajak.net,http://2.bp.blogspot.com



   ผมเพิ่งนึกออก เลยหามาให้อ่าน ขอให้สนุกกับการอ่าน..นะครับ :49: :s_good: ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2011, 06:33:05 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ