ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากภาวนา เพราะไม่อยากเกิดอีก แต่... ติดเรื่องครอบครัว..  (อ่าน 4842 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ratree

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มีเพื่อน ท่านหนึ่ง มาปรารภให้ฟังว่า

 เหตุจากการชักชวนในการภาวนา กันมาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนคนนี้ก็มาขอคำปรึกษาเรื่องการภาวนา

เธอมีความตั้งใจ ที่จะไม่อยากเกิดอีก ( ฟังแล้วอนุโมทนาในใจ ) แต่เธอเล่าให้ฟังถึง

ห่วงที่เธอยังติดอยู่ก็คือเรื่อง ครอบครัว

เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะภาวนา คนในครอบครัว ก็จะคัดค้าน หรือ ไม่อยากให้เธอมีการภาวนาที่สูงขึ้น

เช่น เธอขอรักษาศีล 8 ในบ้านก็ลงมติ ว่าไม่ได้ ...... อย่างนี้เป็นต้น

ขอคำปรึกษา เรื่องครอบครัว กับเรา ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

 ใครมีประสพการณ์ และ วิธีการที่ดี ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย คะ

  :c017:

   
บันทึกการเข้า

indy

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 101
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมว่าการภาวนา มันเกี่ยวกับครอบครัวแนๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
ถามว่าคนที่ปฏิบัติ ได้ทำหน้าที่ที่ดีแล้วหรือยัง ดูแล ลูก สามี ส่วนใหญ่ที่เจอจะเกิดนิพพิทาญาณ ทำให้มันเบื่อไปหมด ลูก ผัว หน้าที่การงาน ไม่เอาแล้ว จะไปนิพพานอย่างเดียว
 ตรงนี้เป้นโจทย์ใหญ่ที่ต้องมาพิจารณา ตรงใช้ปัญญามาแก้ อย่าคิดว่าครอบครัวไม่สำคัญ เพราะถ้าไปไม่ได้
ก็ต้องกลับมาแก้ในกรรมที่ทำไว้กับ ครอบครัวอีก มันเสียเวลาเปล่า
ผมคิดว่าให้ตั้งสติ คิดใหม่ว่า ต้องประคองชีวิตในครอบครัวให้ดีที่สุด ให้เป็นธรรมชาติที่สุด      พร้อมกับภาวนา ไม่จำเป็นต้องศีลแปดหรอก ใช้ศีลห้า เอาโสดาบันก่อน
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
  ข้อมูลที่ให้มากว้างเกินไป ที่จะชี้อะไรๆให้ชัดลงไป คงแนะนำได้แต่เพียงว่า ให้แบ่งชีวิตประจำวันเป็นส่วนย่อยๆ
  คุณจะเห็นเองว่า เวลาไหนภาวนาได้หรือไม่ได้อย่างไร เวลาว่างเพียงสองสามนาที ก็อย่าดูหมิ่น
  ทำสมาธิแค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็ได้บุญแล้วครับ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า


 
มาวะมัญเญถะ ปุญญัสสะ   นะมัตตัง อาคะมิสสะติ
อุทะพินทุนิปาเตนะ      อุทะกุมโภปิ ปูระติ
ปูระติ ธีโร ปุญญัสสะ      โถกัง โถกัมปิ อาจินัง
 
ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่า มีประมาณน้อย จักไม่มาถึง
แม้หม้อน้ำย่อมเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลง ฉันใด
ผู้ฉลาดสั่งสมบุญ แม้ทีละน้อยๆย่อมเต็มได้ด้วยบุญ  ฉันนั้น

  ปัญหานี้ขอให้รอคุณธรรมธวัชมาตอบอีกที คุณธรรมธวัชมีประสบการณ์ตรง
  อย่างไรก็ตาม ขอให้ระวังการเบียดเบียนกายใจของคนในครอบครัวให้มากๆ

   :49:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
น่าเห็นใจ คะ แต่การประคองครอบครัว ไปด้วยกัน ก็ต้องพยายาม เปลี่ยนคนรอบข้างให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ด้วยคะ

แต่จากประสพการณ์ คนที่พยายามประคอง ครอบครัวแล้วภาวนาไปขั้นสูง ด้วยนั้นเท่าที่เห็นมายังไม่มีใครประสพ

ความสำเร็จเลยนะคะ หรือ มีลองยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยได้หรือไม่คะ

 ส่วนตัวเอง ก็มีเพื่อนที่ชอบการภาวนา แล้ว พยายามภาวนาอยู่ในช่วงแรก สุดท้ายก็จบอยู่ที่ ลูก สามี ภรรยา

เคยมีบางคนตั้งใจไว้ ถึงกับทำบ้านให้เป็นวัด นิมนต์พระเข้ามาอบรม ครอบครัวที่บ้าน แต่สุดท้าย ก็ไม่ประสพความ

สำเร็จ คะ ดังนั้น ถ้าพิจารณาให้ดี

  เจ้าชายสิทธัตถะ ก็ออกบวช

  อุปติสสมานพ โกลิตะมานพ

  ยสกุลบุตร

  และอีกหลายท่านนะคะ ที่ต้องละ จากครอบครัว คะ

  การภาวนาขั้นสูง คือ การกระทำเพื่อพระนิพพานนั้น สำหรับบุคคลที่เข้ากระแสแล้ว ตั้งแต่ พระโสดาบัน นะคะ

ไม่ควร คิดถึงเรื่อง ครอบครัวแล้วคะ

  เพราะพระพุทธองค์ ตรัสแล้ว ว่า หนทางนี้แล เป็นหนทางอันประเสริฐ  และ เป็นเพียงผู้เดียวที่ต้องไปคะ

  หากผู้ปฏิบัติเข้ากระแสพระนิพพานแล้ว ตั้งแต่ พระสกิทาคามี นั้นก็ต้องละ จาก ครอบครัว เช่นกันคะ

  มิฉะนั้น ก็ต้องว่ายน้ำ ข้ามฝั่ง จูงลาก กันไป ถ้าจะไม่สำเร็จคะ.....

  เนกขัมมะบารมี มีความสำคัญสำหรับ ผู้ปฏิบัิติเพื่อพระนิพพาน คะ

  แต่อย่างไร ในสภาพสถานการณ์ สังคมปัจจุบันนั้น มีเงื่อนไข หยุมหยิม เยอะรุงรัง ด้วยระเบียบ นานัปประการในการสนับสนุน นะคะ

   ดังนั้นขอสรุป คะ จากที่ดูเพื่อน ๆ ที่พยายาม ภาวนา พยุงครอบครัว กันไปด้วย นั้น ยังไม่เห็นประสพความสำเร็จในการภาวนา ที่จะละตัดสังสารวัฏ กันเลยคะ ล้มหาย ตายจากกันไป ก็นับสิบ แล้วคะ

   ห่วง 3 ห่วง ที่ผูกการภาวนาไม่ไปไหน

    1. ปุตตัง คีเว  บุตร คือ บ่วงผูกคอ

    2. ธะนัง ปาเท ทรัพย์ คือ บ่วงผูกข้อเท้า

    3. สามีภริยา หัตเถ สามีภรรยา คือ บ่วงผูกคอมือ

   การกำหนด ใจ ที่จะละจากครอบครัว จึงเป็น เรื่องที่ทำให้ต้อง คิด มาก คิด มาก วิตก กังวล มาก

และ ก็จะมาพร้อม กับคำว่า ทำพร้อมกัน พยุงกันไป อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า ก็ตามนี้นะคะ

  :25: :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
  คุณรักหนอ นานๆมาที สาธยายธรรมได้ดีครับ รู้สึกประทับใจ ขอชื่นชม

  ว่าแต่อยากให้บอกกล่าวสักนิดว่า การศึกษาทางโลกของคุณรักหนอ มีความก้าวหน้าอย่างไร

 :s_good: :88: :58: :s_hi:
  ขอคุยกับคุณรักหนอ สักหน่อย เรื่องคนมีครอบครัวกับการประสบความสำเร็จทางธรรม

  ในสมัยพุทธกาลในบาลีมีตัวอย่างอยู่บ้าง เช่น

   นางวิสาขา เป็นโสดาบัน ที่มีครอบครัวที่ใหญ่มาก มีลูกมีหลานรวมกันเป็นร้อย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า
นางวิสาขา เป็นโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ

   อีกตัวอย่างคือ พ่อแม่ของยสกุลบุตร ได้เป็นโสดาบัน หลังจากพระยสกุลบุตรได้สำเร็จอรหันต์


   อีกคนคือ สันตติมหาอำมาตย์ คนนี้เพิ่งเสพกามมาเต็มคราบ และทำผิดศีลหลายข้อ แต่พอฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า ก็บรรลุอรหันต์ได้

   อีกสักตัวอย่าง คือ ปัญจัคคทายกพราหมณ์ พราหมณ์คนนี้มีภรรยาที่มีนิสัยตระหนี้ขี้เหนียว พระพุทธเจ้ามายืนอยู่หน้าบ้านยังถูกไล่ สุดท้ายพราหม์ผู้เป็นสามีไั้ด้นิมนต์พระพุทธเจ้าเข้ามาเสวยภัตตาหารเช้า และพระพุทธเจ้าได้เทศน์โปรดสองสามีภรรยาจนบรรลุอนาคามีทั้งคู่


  เรื่องปัญจัคคทายกพราหมณ์นี้ตามอรรถกถา ไม่ปรากฏว่า พราหมณ์คู่นี้ได้ขอบวช จึงกล่าวได้ว่า
การครองเรือนของอริยบุคคลในขั้นอนาคามีนั้น มีความเป็นไปได้

  หากนำเอาสังโยชน์มาวิเคราะห์ อนาคามีตัดสังโยชน์ได้ห้าข้อแรก จะไม่ข้องเกี่ยวกามคุณ พูดง่ายๆก็คือ
สองคนนี้ไม่มีเซ็กส์ด้วยกัน

  ถึงตรงนี้ผมนึกถึงพระมหากัสสปะ ก่อนที่ท่านจะบวช ท่านครองเรือนโดยไม่เคยเสพสังวาสกับภรรยาท่านเลย
ผู้รู้บอกว่า นี้เป็นวิสัยของอนาคามี


  อย่างไรก็ตามในสมัยพุทธกาล คนในสมัยนั้นมีบุญบารมีที่สั่งสมมามากเพียงพอแล้ว จึงบรรลุธรรมได้ง่าย
ผิดกับคนสมัยปัจจุบัน ซึ่งคงเป็นไม่ได้ยากที่จะบรรลุธรรมโดยฉับพลัน

 ;) :25: :49: :welcome:

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 08, 2011, 11:29:05 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เด็กวัด

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 150
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นด้วยกับคุณ รักหนอ นะครับ

  เพราะว่า ในยุคปัจจุบัน มีเงื่อนไขที่สำคัญ ที่ไม่มี นะครับ

   1. พระพุทธเจ้า

   2. พระธรรม ที่แสดงโดยพระพุทธเจ้า โดยตรง

   3. พระสงฆ์ ที่เป็นพระอริยะแน่ๆ ถึงขั้นพระอรหันต์ จริงๆ ที่ได้รับการรับรอง จากพระพุทธเจ้า

   4. อุคคติตัญญู และ วิปจิตัญญู นั้นยุคปัจจุบันนี้ มีจริง หรือ ไม่ หรือมีน้อย เท่ากับไม่มี

 ดังนั้นการภาวนา ในฐานะที่ผมเป็นเด็กวัดเก่า นะครับ ก็เห็นกันมามาก ครับ จนกระทั่งท่านผู้เฒ่า ที่พยายามพยุงครอบครัว ล้มหายตายจากกันไป ตอนนี้ หลายท่านแล้วครับ ในความรู้สึกผมนั้น ไม่ประสพความสำเร็จ

  นางวิสาขา ไม่ได้ไปนิพพาน นะครับ ตอนนี้น่าจะเป็น เทพอยู่นะครับ

  ส่วน สันตติอำมาตย์ องคุลีมาล นะครับ ผมว่า โชคดีที่เกิดในยุคที่พระพุทธเจ้า มีพระชนม์ชีพอยู่นะครับ

 ส่วนการที่เราตัดสินใจ เพื่อการปฏิบัติ และอยู่กับครอบครัวอยู่นั้น น่าจะมีวิธีอยู่นะครับ เพียงแต่อยู่เหมือนไม่อยู่ ฟังเหมือนไม่ฟัง เห็นเหมือนไม่เห็น ต้องทำใจด้วยนะครับ ถ้าเลือกนิพพาน ในขณะที่มีครอบครัวอยู่

   ดังนั้นท่านผู้ภาวนา ที่ไม่มีครอบครัว ท่านได้เปรียบแล้ว ควรรีบขวนขวาย ก่อนที่ครูอาจารย์ ที่ปฏิบัตดี ชอบ จะหายไปหมดนะครับ ยุคนี้ยังพอทันนะครับ

    :13: :coffee2:

บันทึกการเข้า

indy

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 101
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมเชื่อในกฏของกรรมว่ากรรมมีจริง
การเปลี่ยนคนคนรอบข้างให้เป็นสัมมามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาหรือกรรมที่มีร่วมกันยังไม่หมด
คิดว่าถ้าเราพยายามทำความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ววางมันลง ก็จะผ่อนหนักเป็นเบา ถ้าจะให้เร็วขึ้นให้แผ่เมตตาให้เขามากๆ มันจะทุเลา
อีกอย่างหากเจออุปสรรคแบบนี้ อย่าให้จิตเราเศร้าหมองเด็ดขาด ทำให้จิตตกเปล่าๆ พยายามทำให้จิตเราผ่องแผ้วเข้าไว้ ใครจะมาขวางทางก็ยิ้มรับ แล้ววางซะ  จิตคนอื่นจะชั่วก็ชั่งมัน เราต้องทำใจให้ผ่องแผ้ว
ลองทำแบบนี้ดู ปัญญามันเกิดแน่ แล้วจะรู้ว่า ไม่มีใครมาขวางทางเราได้
ทำหน่าที่ของแม่และเมียให้ดีที่สุด อย่าให้เขามาตำหนิเราได้

ให้ภาวนาไปเรื่อยๆ ดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า

Jiraiya

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนมีครอบครัว ยังใช้ชีิวิตคู่ ยังไปนิพพานไม่ได้หรอกครับ ในสมัยนี้ ไม่มีพระพุทธเจ้า มาโปรดด้วยแล้วยากส์ครับ

อุปมา ง่าย ๆ คนยังนอนกอดกัน ด้วยกามคุณ จะไปละกามคุณได้อย่างไร ?

   ถ้าคิดแต่จะรับผิดชอบ ครอบครัว ก็ให้ตายเลยก็รับผิดชอบไม่ได้
 
  เหมือนผลัดวันประกันพรุ่ง ถ้าเป็นแนวทางที่ถูก ก็ควรจะหากัลายาณมิตร แล้ว หยั่งเชิงด้วยการภาวนาเอาจริง ๆ สัก 3 วัน 7 วันก่อนที่ สถานปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ เมื่อคุณบรรลุขั้นได้ขั้นหนึ่งแล้ว และ มีความตั้งใจจะไม่เกิดแล้วจริง ๆ ก็ เนกขัมมะบารมี แบบสามัญเลยครับ

   
  ถ้าหาก มาคอยรับผิดชอบ รับผิดชอบนี้ เชื่อเถอะครับ ผมเห็นมาแล้วมากมายเลยรวมทั้งผมด้วย ก็ยังอยู่ต้องรับผิดชอบ คิดว่าลูกโต ทำงานแล้ว ความรับผิดชอบจะหมด ก็ต้องมาเลี้ยงหลานอีก กรรมที่ไม่สิ้นสุดครับ

  ใช้ สติ กลั่นกรองทดสอบ หากัลยาณมิตร ครับ

 รีบเลยครับ
   
   ความเพียรเป็กิจที่ต้องทำวันนี้ ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้ ครับ

   อนุโมนาครับ

 
บันทึกการเข้า
ซาบซึ้ง ถึงใจ ภาวนาเข้มข้น ไม่หวลคืนกลับ ดับแล้ว ดับจริง