ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คิดอย่างไร ? กับที่มีบุคคลบอกว่าตนเอง สแกนกรรมได้ครับ  (อ่าน 6607 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

translate

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 105
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ปกติ ผมก็นับถือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าเป็นผู้เลิศในการตรัสรู้ เรื่องกรรมของสรรพสัตว์
ที่เรียกว่า จตูปปาตญาณ ( พิมพ์ถูกหรือป่าว )
================================
ดังนั้น ผมเคยคิดว่า มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถล่วงรู้กรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แต่ปัจจุบัน มีบุคคลมาอ้างว่าสามารถสแกนกรรม ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ท่านสมาชิกพุทธบริษัท มีความเห็นกลับเรื่องนี้อย่างไร กันครับ


 :17: :17: :17: :17:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ความรู้ระดับสาวก

อรหันต์ ๔
๑. สุกฺขวิปสฺสโก (ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน)
๒. เตวิชฺโช (ผู้ได้วิชชา ๓)
๓. ฉฬภิญฺโ (ผู้ได้อภิญญา ๖)
๔. ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา)


วิชชา ๓ (ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ — the Threefold Knowledge)
๑. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ญาณเป็นเหตุระลึกขันธ์ที่อาศัยอยู่ในก่อนได้, ระลึกชาติได้)
๒. จุตูปปาตญาณ (ญาณกำหนดรู้จุติและอุบัติแห่งสัตว์ทั้งหลาย อันเป็นไปตามกรรม, เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลาย เรียกอีกอย่างว่า ทิพพจักขุญาณ)
๓. อาสวักขยญาณ (ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย, ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ, ความตรัสรู้)


อภิญญา ๖ (ความรู้ยิ่งยวด)
๑. อิทธิวิธา หรือ อิทธิวิธิ (ความรู้ที่ทำให้แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้)
๒. ทิพพโสต (ญาณที่ทำให้มีหูทิพย์)
๓. เจโตปริยญาณ (ญาณที่ให้กำหนดใจคนอื่นได้)
๔. ปุพเพนิวาสานุสสติ (ญาณที่ทำให้ระลึกถึงชาติได้)
๕. ทิพพจักขุ หรือจุตูปปาตญาณ(ญาณที่ทำให้มีตาทิพย์)
๖. อาสวักขยญาณ (ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป)


ปฏิสัมภิทา ๔ (ปัญญาแตกฉาน)
๑. อัตถปฏิสัมภิทา (ปัญญาแตกฉานในอรรถ, ปรีชาแจ้งในความหมาย, เห็นข้อธรรมหรือความย่อ ก็สามารถแยกแยะอธิบายขยายออกไปได้โดยพิสดาร เห็นเหตุอย่างหนึ่ง ก็สามารถแยกแยะอธิบายขยายออกไปได้โดยพิสดาร เห็นเหตุอย่างหนึ่ง ก็สามารถคิดแยกแยะกระจายเชื่อมโยงต่อออกไปได้จนล่วงรู้ถึงผล)

๒. ธัมมปฏิสัมภิทา (ปัญญาแตกฉานในธรรม, ปรีชาแจ้งใจหลัก, เห็นอรรถาธิบายพิสดาร ก็สามารถจับใจความมาตั้งเป็นกระทู้หรือหัวข้อได้ เห็นผลอย่างหนึ่ง ก็สามารถสืบสาวกลับไปหาเหตุได้ )

๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา (ปัญญาแตกฉานในนิรุกติ, ปรีชาแจ้งในภาษา, รู้ศัพท์ ถ้อยคำบัญญัติ และภาษาต่างๆ เข้าใจใช้คำพูดชี้แจ้งให้ผู้อื่นเข้าใจและเห็นตามได้ )

๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา (ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ. ปรีชาแจ้งในความคิดทันการ มีไหวพริบ ซึมซาบในความรู้ที่มีอยู่ เอามาเชื่อมโยงเข้าสร้างความคิดและเหตุผลขึ้นใหม่ ใช้ประโยชน์ได้สมเหมาะ เข้ากับกรณีเข้ากับเหตุการณ์
)
-----------------------------------------------------

ความรู้ระดับพระพุทธเจ้า

สัพพัญญู คือ ผู้รู้หมด, ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, พระนามของพระพุทธเจ้า
 
สัพพัญญุตญาณ คือ ญาณคือความเป็นพระสัพพัญญู, พระปรีชาญาณหยั่งรู้สิ่งทั้งปวง ทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

สัมมาสัมโพธิญาณ คือ ญาณเป็นเครื่องตรัสรู้เองโดยชอบ


ทสพลญาณ (บาลีเรียก ตถาคตพลญาณ ๑๐ คือ พระญาณอันเป็นกำลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ ที่ทำให้พระองค์สามารถบันลือสีหนาท ประกาศพระศาสนาได้มั่นคง )
 

๑. ฐานาฐานญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ฐานะและอฐานะ คือ รู้กฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขั้นของสิ่งทั้งหลายว่า อะไรเป็นไปไม่ได้ และแค่ไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล และกฎเกณฑ์ทางจริยธรรมเกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซึ่งจะได้รับผลกรรมที่ดีและชั่วต่างๆ กัน )

๒. กรรมวิปากญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม คือ สามารถกำหนดแยกการให้ผลอย่างสลับซับซ้อน ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่สัมพันธ์กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธ์ภายในกระบวนการก่อผลของกรรมอย่างชัดเจน )


๓. สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่คติทั้งปวง คือ สุคติ ทุคติ หรือพ้นจากคติ หรือปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่อรรถประโยชน์ทั้งปวง กล่าวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือ ปรมัตถะ คือรู้ว่าเมื่อปรารถนาจะเข้าถึงคติหรือประโยชน์ใด จะต้องทำอะไรบ้าง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติอย่างไร)

๔. นานาธาตุญาณ (ปรีชาหยั่งรู้สภาวะของโลกอันประกอบด้วยธาตุต่างๆ เป็นเอนก คือ รู้สภาวะของธรรมชาติ ทั้งฝ่ายอุปาทินนกสังขารและฝ่ายอนุปาทินนกสังขาร เช่น รู้จักส่วนประกอบต่างๆ ของชีวิต สภาวะของส่วนประกอบเหล่านั้น พร้อมทั้งลักษณะและหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง อาทิการปฏิบัติหน้าที่ของขันธ์ อายตนะ และธาตุต่างๆ ในกระบวนการรับรู้ เป็นต้น และรู้เหตุแห่งความแตกต่างกันของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น )


๕. นานาธิมุตติกญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อธิมุติ คือ รู้อัธยาศัย ความโน้มเอียง ความเชื่อถือ แนวความสงบใจ เป็นต้น ของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปต่างๆ กัน)

๖. อินทริยปโรปริยัตตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย คือ รู้ว่าสัตว์นั้นๆ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แค่ไหน เพียงใด มีกิเลสมาก กิเลสน้อย มีอินทรีย์อ่อน หรือแก่กล้า สอนง่ายหรือสอนยาก มีความพร้อมที่จะตรัสรู้หรือไม่ )

 
๗. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ่ว การออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิและสมาบัติทั้งหลาย)

๘. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อันทำให้ระลึกภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้ )

๙. จุตูปปาตญาณ (ปรีชารู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นไปตามกรรม)

๑๐. อาสวักขยญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย)



-------------------------------------------------- 

 คุณทรานสเลทครับ อ่านและทำความเข้าใจแล้ว คงทราบว่า

 ระดับสาวกก็รู้กรรมได้นะครับ โดยเฉพาะทศพลญาณของพระพุทธเจ้า

 ในสามข้อหลัง เหมือนระดับสาวกทุกประการ

 แต่ในความเป็นจริง มันมีความต่างกันอยู่

 เนื่องจากพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมา มากกว่าสาวกชนิดที่เรียกว่า

 เทีำยบกันไม่ได้ ทำให้ท่านเห็นได้ไม่จำกัดชาติ

 ครั้งหนึ่งท่านตรัสไว้ว่า จักรวาลนี้ไม่มีเบื้องต้น ไม่มีเบื้องปลาย

 นั่นหมายถึง ท่านใช้พระญาณสำรวจทั้งอดีตและอนาคตแล้ว

 หาที่สุดมิได้ ไม่มีต้นและไม่มีปลาย

 ส่วนสาวกนั้นจำกัดด้วยจำนวนชาติตามกำลังบารมีที่บำเพ็ญมา

 ผมเองจำไม่ได้ว่า อ่านเรื่องนี้มาจากไหน เลยตอบได้เท่านี้


 
  ขอให้ธรรมคุ้มครองครับ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

vijitchai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
มีบุคคลมาอ้างว่าสามารถสแกนกรรม ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ท่านสมาชิกพุทธบริษัท มีความเห็นกลับเรื่องนี้อย่างไร กันครับ

ผมว่า ฟังเขาก่อนเถอะครับ และใช้ปัญญาไตร่ตรอง ในข้อความที่เขาบอก
ถ้า บอกให้เราสะเดาะเคราะห์ด้วยการ บริจาค ทรัพย์ อย่างโน้น อย่างนี้ เราก็ใช้หลักพิจารณาธรรม ร่วมด้วย
แต่เวลาฟังไปแล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่รับได้ยาก และ ดูออกเป็นงมงาย ก็ปรึกษาเพื่อนสมาชิก ที่นี่ก็ได้ครับ

ให้ร่วมกันวิจารณญาณ กัน

เพราะเท่าที่ผมประสพกับผู้ สแกนกรรม ทั้ง ที่ออกรายการทีวี เคเบิ้ล หรือ เป็น เป็น นักบวช
ส่วนใหญ่ 80% จะพูดโน้มน้าวให้เรา บริจารทรัพย์ เพื่อสะเดาะเคราะห์กรรมให้ครับ

เท่าที่ผมประสพมาโดยตรง ก็เห็นมี คุณไพศาล ที่ จ.ว.ลำพูน นี้เชื่อถือได้ครับ ( ไม่ได้เชียร์ หรือ รับรองนะครับ ) เพราะพูดแบบไม่รู้จักกัน รู้ชื่อนามสกุล โคตร บอก พฤติกรรม ได้ด้วย ผมทึ่งมากสำหรับคนนี้ครับ
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อม ครูบาอาจารย์ ผู้สอนกรรมฐาน ทุก ๆ รูป ครับ ข้าพเจ้าขอกล่าวถึง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตลอดชีวิต พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ