ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "พระแก้วมรกต กับ พระบาง"...เป็นพระคู่อริกัน  (อ่าน 9713 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระบาง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหลวงพระบาง

ตำนานพระพุทธยักษ์

โรม บุนนาค เล่าเรื่องพระแก้วมรกตกับพระบาง เป็นพระคู่อริกัน ไว้ในหนังสือมิติลี้ลับ ในพงศาวดาร(สำนักพิมพ์สยาม บันทึก) ว่า

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตจากกรุงธนบุรีมาประดิษฐานฯ กรุงรัตนโกสินทร์ ก็ได้ทรงให้อัญเชิญพระพุทธลาวัณหรือพระบาง มาไว้ด้วยกัน
    ทั้งพระแก้วมรกตและพระบาง ทรงอัญเชิญจากเวียงจันทน์มาไว้ที่กรุงธนบุรี ในแผ่นดินพระเจ้าตากสิน


     ระหว่างนั้น เจ้านันทเสน ราชบุตรพระเจ้าล้านช้าง ซึ่งพำนักอยู่ในพระนคร ได้กราบทูลว่า
    ปีศาจที่รักษาองค์พระทั้งสองไม่ชอบกัน หากไปอยู่ด้วยกันในบ้านเมืองใด มักการเมืองไม่ดีไม่งาม

    เดิมพระแก้วอยู่เชียงใหม่ พระบางอยู่หลวงพระบาง ครั้นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช อัญเชิญพระแก้วจากเชียงใหม่มางานศพพระราชบิดา แล้วไม่กลับไปเชียงใหม่
     สามปีต่อมาเชียงใหม่ตั้งเจ้าเมืองคนใหม่   พระเจ้าไชยเชษฐาก็ยกทัพจากหลวงพระบางไปตีเอาเมืองเชียงใหม่ รบกันเป็นปี ไม่เพียงทัพหลวงพระบางเอาชนะเชียงใหม่ไม่ได้  เชียงใหม่กลับรุกเอาดินแดนใกล้หลวงพระบางเข้าไปทุกที


    พระเจ้าไชยเชษฐาให้เข้าทรงถามผีที่รักษาเมือง คนทรงบอกว่า
     ผีรักษาพระบางไม่ชอบผีที่ รักษาพระแก้ว ขอให้ไล่พระแก้วไปไว้ที่อื่น
     พระเจ้าไชยเชษฐาจึงนำพระแก้วไปฝากไว้ที่เวียงจันทน์ บ้านพี่เมืองน้อง
     นับแต่นั้น ทัพหลวงพระบางก็มีกำลังขึ้น ตีเอาดินแดนที่เสียไปคืนได้หมด
     ฝ่ายเชียงใหม่ก็ถอยกลับไป ไม่มารุกรานอีก บ้านเมืองก็อยู่กันสงบสุข


   
     อีก 200 ปีต่อมา เวียงจันทน์กับหลวงพระบางรบกันเอง เวียงจันทน์ชนะนำพระบางไปไว้รวมกับพระแก้วที่เวียงจันทน์ นับแต่นั้นเวียงจันทน์ก็วุ่นวาย พี่น้องรบรากันเองบ้าง รบกับญวนจนเสียเมืองให้ญวน

     จนเมื่อรัชกาลที่ 1 เสด็จไปอัญเชิญพระแก้วกับพระบางมาไว้ด้วยกันที่กรุงธนบุรี
     เพียงสองปีก็มีเรื่องวุ่นวาย (มีการปฏิวัติ ผลัดแผ่นดิน)


     "ขอพระราชโปรดเกล้าให้แยกย้ายพระแก้วกับพระบาง ให้อยู่ต่างบ้านต่างเมืองกัน
      จึงจะมีความเจริญแก่พระนครซึ่งจะตั้งขึ้นใหม่"


     รัชกาลที่ 1 ทรงเชื่อในคำกราบทูล โปรดให้ เจ้านันทเสนไปครองเวียงจันทน์
     และโปรดนำพระบางไปไว้เวียงจันทน์ด้วย


   
      ครั้นต่อมา ในแผ่นดินพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอนุวงศ์ แห่งเวียงจันทน์เป็นกบฏ กรมพระ ราชวังบวรยกทัพไปตีปราบ เมื่อตีเวียงจันทน์ได้ ทรงเลือกเอาพระสำคัญ มี พระบาง พระแทรกคำ พระฉันสมอ และพระศิลาเขียว (ไม่มีชื่อ) นำมาถวายรัชกาลที่ 3

     โปรดให้นำไปไว้ที่หอนาควัดพระแก้วได้ไม่นาน ก็ทรงทราบเรื่องพระบางแต่หนหลัง มีพระราชดำริว่า
     การนำพระบางมาจะขัดกับพระดำริของรัชกาลที่ 1 โปรดให้พระยาบดินทรเดชา(สิงห์) อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานที่วัดจักรวรรดิราชาวาส

     ส่วนพระฉันสมอ พระราชทานให้พระยาพลเทพ(ฉิม) อัญเชิญไปไว้ที่วัดอัปสรสวรรค์
     พระแทรกคำ พระราชทานให้พระยาราชมนตรี (ภู่) อัญเชิญไปไว้ที่วัดคฤหบดี
     ถือว่าพระทั้งสามถูกอัญเชิญไปอยู่นอกพระนคร


   
      พ.ศ. 2407 เกิดฝนแล้งหนักข้าวยากหมากแพง เหล่าเสนาบดีเข้าชื่อกันกราบทูลรัชกาลที่ 4 ว่า
     "ด้วยได้ยินราษฎรหญิงชายหลายเหล่าซุบซิบกันเนืองๆมานานแล้วว่า ตั้งแต่พระเสิม พระไสยและพระแสน   
      ซึ่งเดิมทีอยู่เวียงจันทน์ และถูกนำมาไว้หนองคาย และโปรดให้อัญเชิญมาไว้ ณ วัดปทุมวนาราม 
      เมื่อปลายปีมะเมีย สัมฤทธิศก ฝนในแขวงกรุงเทพฯตกน้อยกว่าแต่ก่อนทุกปี
      บางพวกก็ว่า พระพุทธรูปเหล่านี้ไปอยู่ ที่ไหนของแพงที่นั่น ลาวเขาถือว่า
      พระพุทธรูปของบ้านร้างเมืองเสีย ปีศาจมักสู่สิง ลาวเรียกว่าพุทธยักษ์ รังเกียจนัก ไม่ให้เข้าบ้านเข้าเมือง"


      ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า พระเสิม พระไสย พระแสน เป็นพระมีชื่อเสียงคนลาวนับถือมาช้านาน
      แต่เหตุไฉน เมื่อรัชกาลที่ 1 หรือเมื่อกรมพระราชวังบวรในรัชกาลที่ 3 เสด็จไป ไฉนจึงไม่ทรงอัญเชิญมา


     
      คราวใดที่ฝนแล้ง ราษฎรก็โทษกันแต่พระเสิม พระไสย สององค์นี้ ทั้งยังขู่ว่า
      จะเอาไป ลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ตั้งแต่อัญเชิญพระบาง พระแทรกคำ พระเสิม พระไสย พระแสน มาก็นาน ยังไม่เห็นฤทธิ์เดชวิเศษเป็นคุณแก่บ้านเมือง
      อีกอย่างลาวเขาก็นับถือ จึงกราบทูล ขอให้คืนแก่เจ้าเมืองลาวตามเดิม


      พระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์(ขำ บุนนาค) บันทึกว่า
      "ทรงสดับในเรื่องราวนั้นแล้วทรงพระราชดำริเห็นด้วย
      ครั้นมาถึง ณ ปีขาล อัฐศก เจ้าอุปราชเมืองหลวงพระบางมาเฝ้าฯ
      จึงโปรดเกล้าให้รับเอาพระบางไปไว้ ณ เมืองหลวงพระบางตามเดิม
      ส่วน พระเสิม พระไสย นั้น โปรดให้ประดิษฐานไว้ที่วิหาร พระแสนประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ วัดปทุมวนาราม ด้วยกันทั้งสามองค์.


      OบารายO


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/column/pol/kumpee/77254
http://www.oknation.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "พระแก้วมรกต กับ พระบาง"...เป็นพระคู่อริกัน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 14, 2013, 09:33:24 pm »
0
ขอกราบอาราธนา  พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระแก้ว พระบาง ขอบารมี พระแก้ว พระบาง จงเกื้อหนุน ความสําเร็จ จนกว่าไม่มีอะไรจะศึกษา สําเร็จในศาสนากาลนี้ ด้วยเทอญ
          ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา