ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - ชมพู่
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ก่อนที่พระพุทธเจ้า จะตรัสรู้ ตอนนั้นมีพระอรหันต์ อยู่ก่อนหรือไม่ คะ เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 10:38:41 am
ก่อนที่พระพุทธเจ้า จะตรัสรู้ ตอนนั้นมีพระอรหันต์ อยู่ก่อนหรือไม่ คะ
  มีหลายคน ชมรมหนึ่งบอกว่า ช่วงที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้น ก็มีพระอรหันต์ อยู่ก่อน

 จริงเท็จอย่างไร ขอท่านผู้รู้ช่วยชี้แจง อธิบายด้วยคะ

  thk56 thk56 thk56 ในน้ำใจ ล่วงหน้าคะ

 :25:
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อาณาจักรโบราณในภาคต่างๆในดินแดนประเทศไทย ( เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาหรือไม่ ) เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 07:24:41 am
อาณาจักรโบราณในภาคต่างๆในดินแดนประเทศไทย เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา หรือไม่ อยากให้พวกเราศึกษาข้อมูลลำดับจากประวัติศาสตร์ กันใหดี คะ

อาณาจักรโบราณในภาคกลาง
1) อาณาจักรทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เป็นอาณาจักรสมัยประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานแน่นนอนแห่งแรกบนผืนแผ่นดินไทย เรื่องราวของทวารวดีปรากฏอยู่ในบันทึกการเดินทางของหลวงจีนอี้จิง ที่เรียกชื่อในบันทึกว่า “โถ-โล-โป-ตี้” ตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและอาจมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐม เพราะพบเหรียญที่นครปฐมมีจารึกภาษาสันสกฤตว่า “ศรีทวารวตีศวรปุณย” แปลว่า “การบุญของผู้ใหญ่ศรีทวารวดี” ในการขุดค้นทางโบราญคดีที่เมืองนครชัยศรี (นครปฐม) ได้พบหลักฐานสมัยทวารวดีจำนวนมาก เช่น ธรรมจักรศิลา พระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ประทับนั่งห้อยพระบาทปางแสดงธรรมรวมถึงโบราญสถานขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีการค้นพบจารึกโบราณที่เขียนด้วยภาษามอญได้รับอิทธิพลพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ศิลปวัฒนธรรมตลอดจนแบบแผนในการปกครองจากอินเดีย เกิดการผสมผสานจนเป็นอารยธรรมทวารวดีที่แพร่หลายไปยังภูมิภาคต่างๆของไทย ทางด้านศาสนาได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาโดยเฉพาะนิกายเถรวาทจนทำให้ทวารวดีกลายเป็นอาณาจักรของชาวพุทธให้ความสำคัญต่อการทำบุญ ทั้งสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญในสมัยทวารวดีและยังปรากฏให้เห็นจนปัจจุบัน คือ พระปฐมเจดีย์(องค์เก่า) ที่จังหวัดนครปฐม
2) อาณาจักรละโว้(พุทธศตวรรษที่12-18) ศูนย์กลางอยู่ที่เมืองละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน ละโว้เป็นเมืองสำคัญหนึ่งในสมัยทวารวดี ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแม่น้ำสำคัญ 3 สายไหลผ่านคือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรีทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ และมีเส้นทางติดต่อกับเมืองในลุ่มแม่น้ำป่าสัก ที่ราบสูงโคราช และเขตติดต่อกับทะเลสาบเขมร เป็นศูนย์กลางการติดต่อระหว่างชุมชนโดยรอบ ส่งผลให้ละโว้กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีเศรษฐกิจดี เมื่อพวกขอมหรือเขมรขยายอิทธิพลเข้ามาในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ละโว้ได้กลายเป็นเมืองประเทศราชของขอมและได้รับอารยธรรมของขอมด้วย
ด้านเศรษฐกิจ อาชีพสำคัญของชาวละโว้คือการเกษตร เพรามีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และมีการติดต่อค้าขายกับชุมชนต่างถิ่น เช่น จีน อินเดีย หลักฐานที่แสดงถึงการติดต่อค้าขาย เช่น เครื่องถ้วยจีน และละโว้ยังได้ส่งทูตไปยังเมืองจีน โดยจดหมายเหตุจีนในพุทธศตวรรษที่17-19 เรียกละโว้ว่า “เมืองหลอหู”
ละว้าภายใต้อิทธิพลขอม พระพุทธศาสนานิกายมหายานและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้เข้ามามีบทบาทในละโว้แทนพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ.1724-1861) มีการสร้างสถาปัตยกรรม และประติมากรรมตามความเชื่อในศาสนาเหล่านี้ เช่น พระปรางค์สามยอด ปรางค์แขก เทวรูปพระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร
------------------------------

อาณาจักรโบราณในภาคเหนือ

1) อาณาจักรโยนกเชียงแสน(พุทธศตวรรษที่ 12-19) มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเชียงแสน (อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย) เรื่องราวของอาณาจักรโยนกเชียงแสน ปรากฏอยู่ในตำนานสิงหนวัติกุมารและตำนานลวจังกราช กล่าวถึงเจ้าชายสิงหนวัติกุมาร ผู้สืบเชื้อสายเจ้านายไท จากมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีน ได้อพยพผู้คนลงมาประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 มาก่อตั้งเมืองที่เชียงแสน ชื่ออาณาจักรโยนกเชียงแสน ต่อมาพวกขอมเข้ายึดครองอาณาจักรโยนกเชียงแสน และขับไล่ผู้ปกครองเดิมออกไป พระเจ้าพรหมกุมารเชื้อสายของกษัตริย์โยนกเชียงแสนสามารถกอบกู้เอกราช และสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เวียงชัยปราการ แต่หลังพระเจ้าพรหม พวกขอมที่เมืองสะเทินในพม่ายกทัพมารุกราน พระเจ้าไชยสิริโอรสของพระเจ้าพรหมจึงพาผู้คนอพยพหนีมาสร้างเมืองใหม่ที่กำแพงเพชร จนกระทั่งในพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรโยนกเชียงแสนจึงถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนา
2) อาณาจักรหริกุญชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-19) ตั้งอยู่ที่เมืองหริกุญชัยหรือจังหวัดลำพูนในปัจจุบัน ตำนานจามเทวีวงค์หรือตำนานเมืองหริกุญชัยกล่าวว่า ฤาษีวาสุเทพเป็นผู้สร้างเมืองหริกุญชัย และขอให้กษัตริย์ละโว้ส่งเชื้อสายพระวงศ์มาปกครอง ละโว้จึงส่งพระนางจามเทวีผู้เป็นพระราชธิดามาเป็นปฐมกษัตริย์แห่งหริกุญชัย จนถึงปลายพุทธศตวรรษที่ 17 พระอาทิตยราชได้ปกครองหริกุญชัย และได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองโดยเฉพาะการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงสร้างพระธาตุหริกุญชัย สร้างวัดทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข
3) อาณาจักรล้านนา(พุทธศตวรรษที่ 19-25) มีศูนย์อยู่ที่เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่(จังหวัดชียงใหม่) ผู้ก่อตังอาณาจักรล้านนา คือ พระยามังรายมหาราช(พ.ศ. 1804-1854) ซึ่งเดิมปกครองเมืองเชียงแสน ขณะนั้นในภาคเหนือมีอาณาจักรน้อยใหญ่หลายแห่ง เช่น หริกุญชัย เขลางค์ (ลำปาง) โยนกเชียงแสน พระยามังรายมหาราชสามารถปราบปรามและรวบรวมแว่นแค้วนต่างๆ ในภาคเหนือเข้าด้วยกันเป็นอาณาจักรล้านนาและตั้งราชธานีแห่งใหม่ขึ้นที่เวียงกุมกาม แต่ประทับอยู่ไม่นานก็ย้ายเมืองอยู่ที่เชียงใหม่ใน พ.ศ.1839 อาณาจักรล้านนามีความเจริญรุ่งเรืองหลายด้าน ที่สำคัญดังนี้
3.1) ด้านภาษา ล้านนามีตัวอักษรใช้สามแบบ คือ อักษรธรรมล้านนาหรืออักษรตัวเมือง อักษรฝักขามที่ดัดแปลงมาจากตัวอักษรของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และอักษรขอมเมืองหรืออักษรไทยนิเทศ
3.2) ด้านการปกครอง สามารถขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางโดยรวบรวมหัวเมืองต่างๆเข้าเป็นส่วน หนึ่งของอาณาจักรล้านนาซึ่งปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีกฎหมายที่ใช้ปกครองเรียกว่า “มังรายศาสตร์”
3.3) ด้านศาสนา พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัยและพม่ามีการสังคายนาพระไตรปิฎกใน พ.ศ.2020 เป็นครั้งที่ 8 มีการสร้างวัดหลายแห่ง เช่น วัดเจดีย์หลวง วัดโพธารามมหาวิหาร(วัดเจดีย์เจ็ดยอด) เป็นต้น
----------------------

อาณาจักรโบราณในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

1) อาณาจักรโคตรบูรณ์(พุทธศตวรรษที่ 12-16) มีศูนย์กลางอยู่ที่นครพนมมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวะนออกเฉียงเหนือ ตลอดจนดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
เรื่องราวของอาณาจักรโคตรบูรณ์ปรากฏอยู่ใน “ตำนานอุรังคธาตุ”ที่กล่าวถึงความเป็นมาของชุมชนในอาณาจักร และประวัติการสร้างพระธาตุพนม อาณาจักรโคตลบูรณ์ได้รับอิทธิพลจากอินเดียมีการปกครองโดยกษัตริย์นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทตามแบบทวารวดีและมีความเชื่อพื้นเมืองเรื่องการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการบูชาพญานาคศาสนสถานที่สำคัญของอาณาจักร คือ พระธาตุพนม
2) อาณาจักรอิศานปุระ(พุทธศตวรรษที่ 12-18) หรืออาณาจักรขอมรุ่งเรืองขึ้นในสมัยพระเจ้าอิศานวรมัน เรื่องราวของอาณาจักรอิศานปุระหรือเจนละ ปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุจีนราชวงศ์ต่างๆและในยันทึกของราชทูตจีน ชื่อ โจว ต้ากวน เขียนบันทึกเรื่องราวของอาณาจักรเจนละไว้ในชื่อ “บันทึกว่าด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีของเจนละ” สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นยุคที่อาณาจักรขอมเป็นปึกแผ่นและเจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปะวิทยาการสูงสุด มีการสร้าง ศาสนสถานเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ขึ้นหลายแห่ง เช่น ปราสาทนครธม ปราสาทตาพรหม ปราสาทหินพิมายจังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี ปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น อาณาขอมได้เผยแพร่อารยธรรมไปยังรัฐที่อยู่ใกล้เคียงหลายด้าน ทั้งด้านการปกครอง ได้แก่ การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ความเป็นสมมติเทพของกษัตริย์ ระบบขุนนางการปกครองแบบจตุสดมภ์ และกฎหมายพระธรรมศาสตร์
ด้านศาสนาและความเชื่อได้แก่ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพุทธศาสนานิกายอาจริยวาทหรือมหายาน ดังจะเห็นได้จากโบราณสถานและโบราณวัตถุ เช่น ปราสาทหิน เทวรูปพระโพธิ์สัตว์ ศิวลึงค์ พระพุทธรูปปางนาคปรก ความเชื่อเรื่องพญานาค เป็นต้น
-------------------

อาณาจักรโบราณในภาคใต้

1) อาณาจักรลังกาสุกะ (พุทธศตวรรษที่ 7-14) มีอาณาเขตควบคลุมพื้นที่ในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา มีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พัฒนาขึ้นมาจากการเป็นเมืองท่าสำคัญที่มีการติดต่อกับต่างชาติโดยเฉพีจนและ อินเดียแต่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนมากกว่าโดยส่งทูตไปเมืองจีนถึง 6 ครั้ง เป็นศูนย์กลางสำคัญของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน จากการขุดค้นทางโบราณคดีที่อำเภอยะรังจังหวัดปัตตานี พบประติมากรรมสำริดพระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร และสถูปจำลองรูปทรงต่างๆจำนวนมาก
2) อาณาจักรตามพรลิงค์ (พุทธศตวรรษที่ 13-18) มีศูนย์กลางอยู่ที่นครศรีธรรมราช มีหลักฐานที่กล่าวถึงตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 8 โดยเอกสารอินเดียโบราณกล่าวถึงอาณาจักรตามพรลิงค์ในชื่อ “ตมลิง” “ตัมพลิงค์” เอกสารจีนสมัยราชวงศ์ถัง เรียกว่า “ถ่ามเหร่ง”สมัยราชวงศ์ซ่งเรียกว่า “ต่านหม่าลิ่ง” ต่อมาเรียกว่า “อาณาจักรนครศรีธรรมราช”
ด้านศาสนา พุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าจันทรภานุศรีธรรมาโศกราชทรงยกทัพไปโจมตีลังกา 2 ครั้ง เพื่อแย่งชิงพระทันตธาตุจากลังกา ทำให้อิทธิพลของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลัทธิลังวงศ์และศิลปะแบบลังกาเข้ามาเผยแผ่และฝังรากลึกอยู่ในอาณาจักรนครศรีธรรมราช ศาสนวัตถุที่สำคัญ คือ พระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราชพระพุทธรูปประทับยืนสำริดปางประธานธรรม ทำให้นครศรีธรรมราชกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนไทย ซึ่งพระสงฆ์จากนครศรีธรรมราชได้นำพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ไปเผยแผ่ยังกรุงสุโขทัยตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
3) อาณาจักรศรีวิชัย(พุทธศตวรรษที่ 13-19) มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปาเล็มบังบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย มีอิทธิพลครอบคลุมตั้งแต่เกาะชวาในอินโดนีเซีย ขึ้นมาถึงอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี อนึ่ง มีนักวิชาการบางท่านเชื่อว่าศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ที่อำเภอไชยา
ด้านศาสนา ในระยะแรกอาณาจักรศรีวิชัยที่ไชยานับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและพระพุทธศาสนานิการมหายาน ต่อมานับถือพระพุทธศาสนานิการเถรวาทจากทวารวดี และพระพุทธศาสนา ลัทธิลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราชดังปรากฏศาสนสถานและศาสนาวัตถุในศาสนาต่างๆ เช่น พระบรมธาตุไชยา อำเภอไชยา พระพุทธรูปปางนาคปรกสำริด ที่วัดหัวเวียงอำเภอไชยา เทวรูปพระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร วัดศาลาทึง อำเภอไชยา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: พัฒนาการของอาณาจักรโบราณในภาคต่างๆ
3  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / รวมวีดีโอพระธรรมเทศนาจากองค์หลวงปู่อุทัย สิริธโร เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 07:35:19 am
รวมวีดีโอพระธรรมเทศนาจากองค์หลวงปู่อุทัย สิริธโร
ที่แสดงแก่นักศึกษาคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ณ วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันที่ 31 มีนาคม - 3 เมษายน 2555

550331


550401A


550401B


550401C


550402


550403A


550403B



 :25: :25: :25:
4  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / เมื่อคืน 20.34 น. ถึง 22.00 น. เข้าเว็บไม่ได้คะ 11 มี.ค.55 เมื่อ: มีนาคม 12, 2012, 08:41:58 am
เมื่อคืน 20.34 น. ถึง 22.00  น. เข้าเว็บไม่ได้คะ 11 มี.ค.55
แจ้งไว้เพื่อทราบ คะ


 :88:
5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระวัดถ้ำสองพี่น้องไม่ลงรอยกันยิงดับคาที่ 24-1-55 เมื่อ: มกราคม 24, 2012, 10:15:45 am
ร.ต.อ.สุริยา ลากุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งมีเหตุพระยิงกันตายที่วัดถ้ำสองพี่น้อง หมู่ที่ 10 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง ที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นวัด พบร่างของพระไทยศิริ หรือพระดำ ศิริลาภ ฉายา เตชปัญโญ อายุ 43 ปี บ้านเดิมเลขที่ 9 หมู่ที่ 9 ต.สองคอน อ.โพธิไทร จ.อุบลราชธานี มรณภาพในสภาพนอนคว่ำหน้า ตะแคงขวา ไม่สวมอังสะ แต่สวมสบง เลือดไหลนองพื้น พบมีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณเหนือราวนมซ้าย 1 นัด แขนซ้าย 2 นัด สะโพกขวาทะลุหลัง 1 นัด และพบหัวกระสุนขนาด 9 มม. ตกที่พื้น รวมถูกยิงจำนวน 4 นัด และยังมีรอยเลือดกระจายไปทั่วบริเวณ พบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ข้างศพ 1 ปลอก อยู่บนขั้นบันไดอีก 3 ปลอก ส่วนผู้ก่อเหตุ เป็นพระวัดเดียวกัน ชื่อ พระสมควร หรือพระอ๊อด บุญปลอด อายุ 32 ปี มาจาก วัดนิมิตมงคล อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี มาอยู่จำพรรษาได้ 1 พรรษา หลังเกิดเหตุได้วิ่งหลบหนีไปทางถนนมิตรภาพพร้อมอาวุธปืน ขณะที่มีผู้พบเห็นว่าขึ้นรถตู้โดยสารหลบหนี ไป
จากการสอบสวน นายปวรุตม์ ศิริลาภ อายุ 53 ปี พี่ชาย พระไทยศิริ หรือ พระดำ ที่ถูกยิงมรณภาพ กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทั่วไป รวมทั้งมาก่อสร้างกุฏิภายวัดด้วย จึงเข้าออกภายในวัดเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุขับรถตู้ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน อว.8382 กทม.มาจอดหน้าบันไดทางขึ้นกุฏิวัด เพื่อจะเข้าไปเอาเครื่องมือช่างที่เก็บไว้ในห้องขึ้นรถ จากนั้นก็เห็น พระสมควร เดินออกมาจากกุฏิ พร้อมตะโกนคุยกันกับตน พร้อมถามว่าจะหาซื้อปืนได้ที่ไหน จึงตอบไปว่า" เป็นพระเป็นสงฆ์ ถามหาซื้อปืนได้ยังไง" จากนั้นจึงหันหลังกลับเดินไปที่กุฏิพร้อมพูดออกมาว่า" เดี๋ยวจะยิงคนปากเสียซักหน่วย" และเดินมาอีกครั้งพร้อมด้วยอาวุธปืน จากนั้นได้หันปากกระบอกไปใส่ตนพร้อมลั่นกระสุนใส่ 1 นัด แต่ตนเห็นก่อนจึงหลีกหนีได้ทัน ขณะเดียวกันนั้น พระไทยศิริ หรือพระดำ ก็กำลังนั่งพูดคุยกับญาติโยม อยู่กุฏิข้างที่เกิดเหตุ ได้ยินและเห็นเหตุการณ์จึงตะโกนพูดกลับไปว่า แค่นี้ถึงกับจะยิงกันเลยเหรอ จึงรีบคว้ามีดตัดไม้ เดินลงจากกุฏิมาเพื่อขวาง พระสมควร ที่กำลังถือปืนอาละวาด ทำให้ พระสมควร ไม่พอใจและลั่นกระสุนใส่ พระไทยศิริ ถึง 4 นัด และร่วงจากบันไดมรณภาพทันที จากนั้น พระสมควร ได้วิ่งไล่ยิงตัวเองแต่ไม่ถูก จากนั้นพระสมควร ก็รีบวิ่งหลบหนีไป
นายปวรุตม์ กล่าวอีกว่า พอเห็นว่า พระสมควร วิ่งหลบหนีไป ตัวเองจึงวิ่งไปหา พระจรูญ อชิปัญโญ เจ้าอาวาส ที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าพระอุโบสถกับพระลูกวัด เล่าถึงเหตุการณ์ด้วยความรีบร้อน จากนั้นได้วิ่งหนีเข้าป่าข้างวัดเกรงว่าพระสมควร จะตามมายิงอีก พร้อมแจ้งตำรวจ มายังที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวน พระสมควร รับสารภาพว่า พระลูกวัดและญาติโยมที่มาถือศีลอยู่ในวัดต่างทราบดีว่า นายสมควร หรือพระสมควร ไม่ค่อยถูกกับพระรูปอื่น ชอบนินทา ทำตัวเป็นผู้กว้างขวางในวัด อีกทั้งไม่ค่อยออกบิณฑบาต ซึ่งเป็นกิจของสงฆ์ แต่เมื่อพระรูปอื่นบิณฑบาตกลับมาก็จะมาฉันท์อาหารรวมด้วย ทำให้พระรูปอื่นไม่ค่อยพอใจ มีปากมีเสียงกันเป็นประจำ และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนยิง จนมาก่อเหตุยิงพระด้วยกันมรณภาพดังกล่าว


http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=549524
6  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไม การยังสงฆ์ ให้แยกแตกจากกันเป็นอนันตริยกรรม คะ เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 09:27:37 am
ทำไม การยังสงฆ์ ให้แยกแตกจากกันเป็นอนันตริยกรรม คะ

  คือไม่เข้าใจ คะ

    การฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้า นี้มองเห็นว่า มีการประทุษร้าย ทางกาย แน่นอน

  แต่การทำสงฆ์ ให้แยกแตกจากกัน นี้ ไม่ได้ทำร้าย ทำไม จัดเป็น อนันตริยกรรม คะ

  ที่สำคัญ กรณี อย่าง พระสงฆ์ มหานิกาย และ ธรรมยุต ในเมืองไทยเรา ๆ นับถือ ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง อย่างนี้ หรือ เรานับถือ พระสงฆ์ เฉพาะในประเทศไทย เท่านั้น อย่างนี้จัดเป็นการทำ อนันตริยกรรม หรือ ไม่คะ

   ดังนั้น คือ ที่จะสอบถาม เราต้องยึดถือ พระสงฆ์ ตรงไหนเป็นกลุ่มหลัก จึงถูกต้องใช่หรือไม่คะ

    :88: :smiley_confused1: :25: :c017:

7  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โหรฟันธง 55 ปีมังกรคะนองน้ำ ภัยพิบัติจะรุนแรง (ไทยโพสต์) เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 11:00:09 am



โหรฟันธง 55 ปีมังกรคะนองน้ำ ภัยพิบัติจะรุนแรง (ไทยโพสต์)

           3 โหรชื่อดังทำนายปี 2555 เป็นปี "มังกรคะนองน้ำ" เป็นปีน้ำดีชะล้างน้ำเสีย หมดยุคนักการเมืองรุ่นไดโนเสาร์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ได้อีกไม่นาน หลังดวงทหาร-ศาลมีฤทธิ์เข้มแข็ง คนทำผิดต่อบ้านเมืองจะถูกลงโทษทันตาเห็น ส่วนภัยพิบัติจะรุนแรง ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว คนตายเป็นเบือ

           ใกล้ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2555 ซึ่งเป็นปีมะโรงหรืองูใหญ่ มีอาจารย์ทางด้านโหราศาสตร์ได้ออกมาทำนายสถานการณ์บ้านเมืองในอนาคต เริ่มจากนายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง กล่าวว่า ปีนักษัตรมะโรงถือเป็นธาตุน้ำ เป็นปีมังกรคะนองน้ำ เพราะพญามังกรเป็นจ้าวแห่งห้วงน้ำมหาสมุทรและอากาศ เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี มีคุณธรรม เป็นปีแห่งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจ เพราะทุกคนจะลงทุนขยับขยายธุรกิจการงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการเกษตรของไทยจะมีโอกาสก้าวไปสู่เวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่ต้องระวังความผันผวนของดิน ฟ้า อากาศ ที่จะยังคงมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งภัยแล้งและอุทกภัย ถ้าไม่มีการเตรียมพร้อมตั้งรับให้ดี มีโอกาสเดือดร้อนจนหมดเนื้อหมดตัวได้

           นายภาณุวัฒน์กล่าวว่า ด้านการเมืองจะเริ่มมีคนรุ่นใหม่ไฟแรงมาสร้างมิติใหม่ให้ดูว่ามีอนาคตสดใส จะมาสร้างแนวทางใหม่ให้ดีกว่ายุคหลายปีที่ผ่านมา ที่ทุกคนต่างถือเป็นอดีตที่น่าจะเป็นบทเรียน เป็นน้ำดีที่จะเข้ามาชะล้างน้ำเสียให้เจือจางลงไปบ้าง ก็ขอให้ทุกคนมีส่วนร่วมรับใช้บ้านเมืองด้วยความจริงใจ อย่าปล่อยให้น้ำเน่าน้ำเสียที่เป็นคนรุ่นเก่า เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่ตกรุ่นไปแล้วต้องมาทำให้น้ำดีกลายเป็นน้ำเสียที่ แย่ลงกว่าเดิมในอนาคต

           "ใครที่ทำไม่ดีไว้กับบ้านเมืองในอดีตที่ผ่านมา จนทำให้เศรษฐกิจพังยับเยิน ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตของผู้คนจากสงครามในการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ไม่ว่าไฟใต้ สงคราม ยาเสพติด ม็อบต่าง ๆ เป็นช่วงที่ต้องมีการรับกรรมจากการกระทำไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นตัวเอง ครอบครัว หรือแม้กระทั่งลูกหลาน บุคคลในครอบครัวที่ได้เคยเสวยสุขจากอำนาจที่ไม่ชอบธรรมเหล่านั้นในช่วงที่ ผ่านมา ไม่ว่าใครก็ตาม ทุกคนหนีไม่พ้นกฎแห่งฟ้าที่ทรงไว้ด้วยความยุติธรรมได้" ซินแสภาณุวัฒน์กล่าว

           นายกรหริศ บัวสรวง สถาบันสอนการพยากรณ์องค์รวม กล่าวว่า ปีนี้พระเสาร์จะมีการโคจรที่ส่งผลกระทบกระเทือนไปทั้งโลก ปีมะโรงถือเป็นสัญลักษณ์ของพญานาค เป็นปีนักษัตรที่ 5 ตรงกับดาวพฤหัสบดีที่โคจรวิกลคติ และยังบังเอิญไปสอดคล้องกับปี ค.ศ.2012 ซึ่งรวมแล้วได้ 5 จึงเป็นรหัสประจำปีที่น่าจะส่งผลดี แต่กับนำเรื่องร้ายแรงมาสู่ชาวไทยและชาวโลก ในปีนี้จะได้เห็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเผชิญกับความ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเป็นปีแห่งความท้าทายไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม

           "นับจากวันที่ 4 มกราคม 2555 ดาวพฤหัสบดีจ้าวแห่งเวหาจะมาเปิดผืนฟ้าให้สดใส ขับไล่อัปมงคลออกไป รัฐบาลชุดนี้อายุสั้นอยู่ได้ไม่นาน ปัจจุบันดวงเมืองต้องการให้มีใครสักคนที่เข้มแข็ง มีความสามารถ รักษาชาติเอาไว้ให้อยู่รอด และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้จริง แต่ในช่วง 3 ปี คือ 2555-2557 จะเกิดพิบัติภัยหลายประการ ทั้งภัยจากคนการเมือง ภัยธรรมชาติจากน้ำ ภัยจากความแห้งแล้ง แผ่นดินไหว ส่งผลให้คนไทยตายไม่น้อยกว่าแสนคน" นายกรหริศกล่าว

           สำหรับภัยจากคนการเมืองที่ต้องการล้มล้างเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง จะเกิดเหตุการณ์นองเลือด ภัยธรรมชาติ ทางภาคเหนือจะเจออุทกภัย ประเทศไทยจะเกิดพายุรุนแรงโจมตีอย่างพายุเกย์ ภัยจากความแห้งแล้งจะเกิดใน ช่วงเวลาระหว่างกันยายน-ตุลาคม เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่โรงแรมสูง จากการโคจรของดาวอังคาร มฤตยู และดาวพฤหัสฯ จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว สตอร์มเซิร์จ แผ่นดินยุบถล่ม ส่วนด้านเศรษฐกิจจะร่อแร่ เพราะผลกระทบจากการบริหารประเทศและการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง 

           ด้านนายเก่งกาจ จงใจพระ โหรอิสระ ทำนายไว้ว่า ในปี 2555 มีดาวใหญ่ย้ายราศีถึงสามดวง มีดาวเสาร์เดินถอยหลังเดินหน้าในราศีกันย์กับราศีตุล ทำให้เกิดแผ่นดินไหวในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนประเทศไทยจะเกิดภัยแล้ง 8 เดือน ตั้งแต่มกราคม-สิงหาคม และฝนจะเริ่มตกหนักเดือนกันยายน-พฤศจิกายน น้ำจะท่วมใหญ่ไปเกิดในภาคใต้ อำเภอหาดใหญ่อาจจะถูกน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง จึงควรตั้งรับให้ดี ส่วนเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี

           "ส่วนการเมืองไทยยังคงวุ่นวาย มีการขัดแย้งและฟ้องร้องกันเป็นรายวันและรายเดือน ตามอิทธิพลดาวที่ทำมุมให้โทษ และอาจจะมีการยุบสภาสูง เพราะดวงวันที่สภาโหวตเลือกนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ลัคนาอยู่ในราศีกันย์ นายกฯ จะเจอศึกอภิปรายจากฝ่ายค้าน ช่วงที่ดาวเสาร์ถอยกลับเข้ามาทับราศีกันย์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะล้มคว่ำจากการเดินสะดุดขาตัวเอง คือถูกยุบพรรคอีกเป็นครั้งที่ 3 ส่วนทหารเริ่มมีบทบาทและกล้าแข็งถ้าได้รับผลกระทบจากทางการเมือง นักการเมืองจึงต้องระวังอย่าไปแหย่รังแตน ขณะที่ศาลจะมีฤทธิ์ ผู้ที่ถูกกล่าวมีคดีขึ้นศาลจะถูกตัดสินทางการเมืองอย่างเฉียบขาด" นายเก่งกาจกล่าวสรุป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ภาพที่ทุกวินาที ที่มีความตาย ไดุ้ทุกเมื่อ เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2011, 09:03:01 am
















[img width=500]http://board.postjung.com/data/582/582065-topic-ix-2.jpg[/img
[img width=500]http://board.postjung.com/data/582/582065-topic-ix-1.jpg[/img

ขอบคุณภาพจาก http://board.postjung.com
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทำบุญที่วัดศรีชุม ลำปาง คะ เมื่อ: ตุลาคม 12, 2011, 10:23:05 am
จากกระทู้นี้คะ http://www.lampangclub.com/board/index.php?topic=6872.0

พอ ดีวันนี้ไปธุระเลย แวะไปทำบุญที่วัดศรีชุม ได้ทำบุญหลายอย่างเลยคะ ทั้งไถ่ชีวิตโคกระบือ
 ทำำบุญสมทบทุนบริจาคโลงศพ
 ทำบุญหล่อพระพุทธรูป บูชาพระราหู
 ใครอยากไปยังมีโอกาสอีกหนึ่งวันนะคะ ไปกันเยอะๆนะคะ

  เพื่อช่วยวัดศรีชุมซ่อมแซมกุฏิที่ถูกไฟไหม้ด้วย












10  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สวดแต่ บทพระพุทธคุณ อย่างเดียวเวลาภาวนา ใช่เป็นการฝึกสมาธิ หรือ ไม่คะ เมื่อ: กันยายน 23, 2011, 09:45:55 am
หากนั่งสมาธิไป แล้วภาวนา "อิติปิโส ฯลฯ" ไปเรื่อยๆ จะมีผลเสียไหม

หรือควรนั่งสมาธิแบบไหนดี

ตัวเรา รู้สึกว่า สวด"อิติปิโส " ไปเรื่อยๆ

ดีกว่า นั่งดูลมหายใจ แต่ไม่แน่ใจ ว่าแบบไหนจะดีกว่า

จะได้เริ่มทำสักที ทุกวันนี้ ไม่ได้ทำเลย
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากให้ห้องกรรมฐาน ช่วยตอบให้ด้วยครับ เรื่อง อานาปานสติ คะ เมื่อ: กันยายน 23, 2011, 09:44:39 am
คือ ผมนั่งภาวนาด้วยอานาปานสติแล้วมีคำถามดังนี้ึครับ
ตอน เราตามรู้ลมหายใจนี้ หากเราตามรู้โดยไม่ใช่คำภาวนาเลย (แบบให้รู้ว่า เข้่าหรือออก จากปลายจมูก) กับ ใช้คำภาวนา เช่น พุท (ขณะที่ลมเข้า) และ โธ (ขณะลมหายใจออก)

มันมีข้อเสียในระยะยาวไหมครับ เพราะว่า กังวลว่าจะติดคำว่า พุทโธ ไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่บางที ลมหายใจอาจจะแผ่วเบามากกกก จนไม่รู้สึก แต่เนื่องจากทำมานาน กลัวว่าจะติด
ขนาดจะล้มตัวนอน ยังติดคำ พุทโธ ไปซะเนี่ย (กลายเป็นฝั่งกมลสันดานไป)

ผม ลองเปลี่ยนวิธีโดยตามรู้แทน แล้วไม่มีคำใดภาวนาช่วยเลย... จะบอกว่ามันทรมานมาก เพราะว่า จิตใจไม่เคยหยุดนิ่งเลยซักทีเดียว ความฟุ้งซ่านมันเข้ามารบกวนตลอดเวลา (จิตใจเรามันช่างร้ายกาจ ไม่เคยหยุดพักการคิด ปรุงแต่งเลยสักทีเดียว) หาความสงบเป็นสมถ ไม่ได้เลย...  ขั้นจะพัฒนาตัวเองไปสู่การวิปัสสนาเลยนั้น คงทำไม่ได้เพราะว่า จิตใจไม่สงบเลย (หากไม่มีคำ ภาวนามาช่วยนะคับ เช่น พุทโธ หรือ เข้า-ออก)

คำ ถามที่สอง_: ณ ขณะที่สงบอยู่นั้น แสงส่ว่าง สีต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในจิตใจ ก็ให้รู้แค่นั้นใช่ไหมคับ เช่น ตอนนี้สีเขียว  ตอนนี้สีส้ม ตอนนี้สีเหลือง ตอนนี้ม่วง ตอนนี้ ไปเรื่อยๆๆ ใช่ไหมครับ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น...(ถูกต้องไหมครับ?)  แล้วต้องเอาจิตใจเราไปตามลม เหมือนเดิม (ผมมองว่ามันเหมือน เรามีการตามอยู่อย่างน้อยสองอย่าง คือ สีทีเห็น และ ลมที่ผ่านจมูก)  มันจะสงบจริงๆตอนไหนคับผม หรือว่า ทำไปอย่างนั้นแหละ.. บางทีอาจจะมี เจ็บตรงนั้นที คันที่ตรงนี้ กลายเป๋็นรู้สึกมากไปกว่าสองแล้่ว...ความสงบจะเกิดได้ยากไหมครับ

พี่ๆ เพื่อนๆ มีเทคนิคอย่างไร ขอความรู้แนะนำผมด้วย เพื่อให้มีการพัฒนายิ่งๆขึ้นไป
(ตอนนี้ผมแค่อนุบาล แต่กำลังพยายามทำให้ดีที่สุดครับ) ขอบคุณครับ

จากคุณ : surinkrub
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เรี่ิมศึกษา เรื่อง สมาธิ ควรเริ่มจากตรงไหน คะ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 12:16:36 pm
คือ บางครั้ง มาทบทวนดูเรื่องการทำสมาธิ ที่ไม่ก้าวหน้า นั้นอาจจะเป็นเพราะเราศึกษาเรื่อง สมาธิ มาไม่เพียงพอ หรือไมดี ดังนั้นก็เลยมาคิดว่า ถ้าจะเริ่มนับหนึ่งเืรื่องการศึกษาภาวนาสมาธิ ควรเริ่มต้นศึกษา เรื่องใดก่อน คะ

โปรดแนะนำด้วยนะคะ

 :c017: :25: :88:
13  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล คือ กุศลศีล เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 09:13:23 am
ใน  กิมัตถิยสูตร  อังคุตตรนิกาย  ทสกนิบาต  ข้อ  ๑  พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 
ทรงแสดงอานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล  คือ  กุศลศีล  ที่มีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้  ๑๐ 
ประการ  คือ
   ๑.  ศีลที่เป็นกุศลมีอวิปปฏิสาร  คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๒.  ความไม่เดือดร้อนใจมีความปราโมทย์เป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๓.  ความปราโมทย์มีปีติเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๔.  ปีติมีปัสสัทธิ  คือความสงบใจเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๕.  ปัสสัทธิ  มีสุข  คือความสุขใจเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๖.  สุขมีสมาธิเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๗.  สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะ  คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็นจริงเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๘.  ยถาภูตญาณทัสสนะ  มีนิพพิทาวิราคะ  คือความหน่ายความคลายเป็นผล  เป็นอานิสงส์
   ๙.  นิพพิทาวิราคะ  มีวิมุตติญาณทัสสนะ  คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่องหลุดพ้นเป็นผล 
เป็นอานิสงส์
   ๑๐.  ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหันต์โดยลำดับ  ด้วยประการฉะนี้



ขอบคุณภาพประกอบจาก http://lukkaew.diaryclub.com

14  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / กัลยาณวัตร คืออะไร พี่น้องเพื่อนสมาชิกธรรม ทราบหรือยัง คะ เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2011, 05:01:43 pm
อานนท์ ! ก็กัลยาณวัตรอันเราตั้งไว้ในกาลนี้
นี้เป็นไปเพื่อความ เบื่อหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อความดับ เพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง
เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน.
อานนท์ ! กัลยาณวัตรนี้ เป็นอย่างไรเล่า ?
นี้คือ อริยอัฏฐังคิกมรรค, กล่าวคือ
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ;
สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ;
สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด
บุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุรษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย....
เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า...
เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย.
ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓.



ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com
15  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / วิธีการทำจิตเมื่อถูกทำร้าย เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 11:49:33 am
วิธีการทำจิตเมื่อถูกทำร้าย

ผัดคุนะ ! ถ้ามีใครกล่าวติเตียนเธอต่อหน้า

ผัดคุนะ ! ในกรณีเช่นนั้น เธอพึงละฉันทะ และวิตก ชนิดที่เป็นวิสัยแห่งชาวบ้านเสีย

ผัดคุนะ ! ในกรณีเช่นนั้น เธอพึงทำความสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“จิตของเราจักไม่วิปริต เราจักไม่เปล่งวาจาหยาบ
และเราจักยังคงเป็นผู้มีความเอ็นดูเกื้อกูล มีเมตตาจิต ไม่มีโทษอยู่ในภายใน” ดังนี้

ผัดคุนะ ! เธอพึงสำเหนียกอย่างนี้

ผัดคุนะ ! ถ้ามีใครประหารเธอด้วยฝ่ามือ ด้วยก้อนหิน ด้วยท่อนไม้ หรือด้วยศาตรา

ผัดคุนะ ! ในกรณีแม้เช่นนั้น เธอก็พึงละฉันทะ และวิตก ชนิดที่เป็นวิสัยแห่งชาวบ้านเสีย

ผัดคุนะ ! ในกรณีเช่นนั้น เธอพึงทำความสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“จิตของเราจักไม่วิปริต เราจักไม่เปล่งวาจาชั่วหยาบ
และเราจักยังคงเป็นผู้มีความเอ็นดูเกื้อกูล มีเมตตาจิต ไม่มีโทษอยู่ในภายใน” ดังนี้

ผัดคุนะ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ แล

- มู. ม. 12/250/264.

16  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ถ้าเราถูกทักว่าชาติที่แล้วไปโกงที่ิดิน เผาบ้าน ทำคนตายสามคนค่ะ ควรเชื่อดีไหมคะ เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 01:10:20 pm
ถ้าเราถูกทักว่าชาติที่แล้วไปโกงที่ิดิน เผาบ้าน ทำคนตายสามคนค่ะ ควรเชื่อดีไหมคะ


แต่ป้าเราถูกทัก ว่าชาติที่แล้วไปโกงที่ิดิน เผาบ้าน ทำคนตายสามคนค่ะ จากตอนที่ดูดวงน่ะค่ะ โดยเป็นการดูดวงจากคนสนิท ที่ไม่เอาเงิน ทางโทรศัพท์ค่ะ โดยมีแค่วันเดือนปีเกิด เวลาเกิดโดยประมาณ กับคุยกับป้าเราทางโทรศัพท์น่ะค่ะ แล้วเขาก็ทำนายๆมาเรื่อยๆจนถึงเรื่องนี้แหละค่ะ เค้าบอกว่ากรรมที่ป้าเราทำหนักมากจนจะโดนจองเวรมีคราวซวยตอนช่วงอายุ 39 51 63 75 บอกเราว่าทุก 12 ปี นรกจะเปิด แล้วป้าเราทำคนตาย 3 คนเค้าเลยจะรอสามปีหลังครบรอบ 12 ปีแล้วถึงจะมาเล่นงานป้าเรา เจ้ากรรมป้าเราจะเอาป้าเราลงนรกให้ได้ต้องระวังไว้ ซึ่งตอนอายุ 27 ผ่านมาแล้วป้าเราไม่โดนอะไรเลยเพราะเป็นปีที่ดีมาก เค้าเลยบอกว่าอาจจะเป็นเพราะป้าเรากำลังอุ้มท้อง มีลูกในปีนั้นอยู่เค้าเลยไม่ทำอะไร แต่ให้ระวังปีเหล่านี้ไว้ และให้คอยทำบุญ ตามวัดพวกชำระธรณีสงฆ์น่ะค่ะ ป้าเราฟังเรื่องนี้แล้วตกใจมาก ไม่รู้เลยว่าควรเชื่อหรือไม่เชื่อดี

เพราะเท่าที่รู้และทราบมา ลุงคนนี้ก็ประมาณว่าฝึกวิชากรรมฐานของพระอภิญญามาหลายรูป และเป็นหมอดู แต่ไม่ได้ืทำความเดือดร้อนให้คนอื่น เราเลยไม่รู้จะเชื่อดีมั้ย ส่วนใหญ่ที่ลุงเค้าทักก็ถูก แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ สรุปแ้ล้ว ขอความเห็นด้วยนะคะ


เป็นของญาติคนหนึ่งคะ ที่ไปดูหมอดู และร่างทรง
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แถลงผลปฏิบัติงานปี 53 เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 12:00:25 pm
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แถลงผลปฏิบัติงานปี 53 ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ 7,855 ราย

วันนี้  17 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงผลการปฏิบัติงานในรอบปี 2553 ว่าได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนทั้งในและต่างประเทศทั้งสิ้น 7,855 ราย นับเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 11 ปี ที่ผ่านมา โดยมี 5 หัวข้อที่น่าสนใจดังนี้

สถิติการถูกข่มขืน,อนาจาร มีมากถึง 635 ราย สูงสุดในรอบ 11 ปี อายุผู้ถูกกระทำต่ำสุด 3 ปี และอายุผู้ถูกกระทำสูงสุด 60 ปี ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นบุคคลใกล้ชิด ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นพ่อเลี้ยงกระทำกับลูกเลี้ยงมากที่สุด , สถิติการถูกทารุณกรรม,กักขัง มีมากถึง 558 ราย สูงสุดในรอบ 11 ปี อายุผู้ถูกกระทำต่ำสุด 3 วัน อายุผู้ถูกกระทำสูงสุด 76 ปี , สถิติการถูกล่อลวงค้าประเวณี มีมากถึง 172 ราย สูงสุดในรอบ 11 ปี อายุผู้ถูกกระทำต่ำสุด 8 ปี อายุผู้ถูกกระทำสูงสุด 40 ปี

สถิติคนหายในรอบปี 2553 มีมากถึง 269 ราย สูงสุดในรอบ 11 ปี อายุผู้ถูกกระทำต่ำสุด 1 ปี 2 เดือน อายุผู้ถูกกระทำสูงสุด 68 ปี , สถิติการถูกล่อลวงทาง Internet มีมากถึง 56 ราย สูงสุดในรอบ 11 ปี อายุผู้ถูกกระทำต่ำสุด 13 ปี และอายุผู้ถูกกระทำสูงสุด 29 ปี ส่วนสถิติที่มีแนวโน้มลดลงคือ ปัญหาแรงงานไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ  ทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็ด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทั้งนี้ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 - 9 , และจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับสถานีตำรวจ , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , กระทรวงยุติธรรม , กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งประชาชนที่เป็นหูเป็นตาช่วยกันแจ้งเบาะแสช่วยเหลือ และขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้ตีแผ่ปัญหาสังคมให้ประชาชนรับทราบ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันและกระตุ้นให้ทุกคนใส่ใจรับ ผิดชอบดูแลสังคมร่วมกัน หากท่านใดพบเห็นการทารุณกรรม การเอารัดเอาเปรียบในสังคม สามารถแจ้งมายังสายด่วนมูลนิธิปวีณาฯ ที่หมายเลย 1134 , 08-1814-0244 หรือ ตู้ปณ.222 ธัญบุรี ได้ทันที

ขอบคุณที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=116058
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การใช้ไม้จิ้มฟันอย่างถูกวิธี เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:07:24 pm
หลาย คนคงจะเคยประสบกับปัญหามีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันหลังการรับประทานอาหาร ซึ่งแต่ละคนก็คงจะมีวิธีแก้ไขต่างๆ กันไป แต่วิธีที่ง่าย สะดวกที่สุด อีกทั้งมีอุปกรณ์ไว้คอยบริการอยู่ตามร้านอาหารทั่วไป ก็คือ การใช้ไม้จิ้มฟัน ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะ คะว่า ไม้จิ้มฟัน ดังนั้นหน้าที่ของมันก็คือ ใช้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหารที่ติดอยู่บริเวณซอกฟันออก


        การใช้ไม้จิ้มฟันอย่างถูกวิธี คือ ใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหารจากเหงือกไปตามซี่ฟัน ไม่ควรทิ่มเข้าไปในซอกฟัน หรือทิ่มจากด้านหน้าฟันทะลุไปถึงหลังฟัน       

    แต่คงมีหลายคนที่ใช้ไม้จิ้มฟันผิดวิธี คือใช้ไม้จิ้มฟัน ทิ่มเข้าไปในซอกฟัน เพราะความเรียวเล็กที่ปลายและค่อยๆ ใหญ่ขึ้นถึงโคน เมื่อทิ่ม เลยเข้าไปในซอกฟันมากๆ เข้า ขนาดของไม้จิ้มฟันก็จะไปเบียดให้ยอดเหงือกถูกกดต่ำลง เมื่อใช้บ่อยๆ เข้ายอดเหงือกที่เคย แหลมปิดซอกฟันก็จะถูกเบียดให้ต่ำลง และทำให้ยิ่งมีช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นส่งผลให้เศษอาหารยิ่งเข้าไปติดง่ายขึ้น อีกทั้งเมื่อเกิด ช่องว่างระหว่างฟันทำให้ขาดความสวยงามด้วย     

  นอกจากนี้เรื่องความสะอาดของไม้จิ้มฟันก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม้จิ้มฟันตามร้านอาหารชั้นนำอาจมีรูปแบบการบรรจุแยกชิ้น ซึ่งก็จะมีความสะอาดในระดับหนึ่ง แต่ไม้จิ้มฟันที่เรา เห็นกันอยู่ตามร้านอาหารทั่วไปมักใส่กล่องไว้เฉยๆ บางร้านมีฝาปิด บางร้านไม่มี ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และ ฝุ่นละอองได้ทั้งสิ้น ถ้าเราใช้ไม้จิ้มฟันอย่างไม่ระวัง โอกาสที่จะทำให้มีการติดเชื้อก็เป็นไปได้ง่ายโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือก อักเสบอยู่แล้ว บางคนมีความเคยชินที่จะต้องใช้ไม้จิ้มฟันหลังอาหารทั้งๆที่ไม่มีเศษอาหารติด ฟัน คือขอเพียงแค่เอาไม้จิ้มฟันไป กัดไว้เล่นๆ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ช่องปากของเราโดยไม่จำเป็น             

     วิธีการทำความสะอาดซอกฟันที่ทันตแพทย์แนะนำให้ใช้ ได้แก่ การใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ไหมขัดฟันเป็นใย ไนลอนที่ใช้ทำความสะอาดซอกฟันและสามารถขจัดคราบอาหารหรือเศษอาหารชิ้นโตๆได้ เป็นอย่างดี รวมทั้งไม่เป็นอันตรายต่อ เหงือกและไม่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน แต่ข้อจำกัดของการใช้ไหมขัดฟันคือการใช้เวลาค่อนข้างมากในการทำความสะอาด ซอกฟันให้ครบทุกซี่         

 

จะ เห็นได้ว่าการขจัดเศษอาหาร ออกจากซอกฟันมีวิธีการหลายวิธี ดังนั้นเราควรเลือกวิธีการที่มีประสิทธิภาพและไม่ส่งผล เสียต่อเหงือกและฟันของเรานะคะ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้ไม้จิ้มฟัน ก็ควรใช้อย่างถูกวิธีและพิจารณาความสะอาดของไม้ จิ้มฟันก่อนที่จะนำเข้าปากทุกครั้งนะคะ
19  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ในโลกนี้ มีใครไม่เคยทำผิด บ้าง ควรอภัยให้คนทำผิดบ้างหรือไม่ เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 11:58:29 am
ในโลกนี้ มีใครไม่เคยทำผิด บ้าง ควรอภัยให้คนทำผิดบ้างหรือไม่

  ความไม่ดี นิสัยไม่ดี ความประพฤติผิด น่าจะเป็นเรื่องวิสัยของคน

 แต่เมื่อสำนึกในความผิดนั้นได้ แล้วกลับตัวเป็นคนใหม่

  เราควรจะให้โอกาสกับคน พวกนี้หรือไม่


    หรือว่า เรื่องที่คนกลับใจ นั้นต้องยกไว้เป็นบางเรื่อง ที่ไ่ม่ควรยกโทษให้

  :03: :03: :03:
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คุณยายวัย 82 ยอดนักกังฟูมาแว๊ว เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 11:18:30 am
คุณยายวัย 82 ปี ชาวแดนมังกรท่านหนึ่ง มีสุขภาพอนามัยที่คนหนุ่มสาวบางคนยังต้องอาย กับลีลาการออกกำลังกายด้วยท่าทางในแบบฉบับกังฟู ไฟติ้ง โชว์ความยืดหยุ่นของร่างกาย โดยไม่แค่ว่ากระดูกกระเดี้ยวจะพังครืนแต่อย่างใด จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพ จนทึ่งกันทั้งบางกับวิทยายุทธ์ของคุณยาย



จ้าว หยู ฟาง คุณยายวัย 82 ปี ที่มีถิ่นพำนักอยู่กลางกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน สร้างความฉงนให้กับผู้ที่พบเห็นอย่างมาก กับลีลาวิทยายุทธ์ในการเอ็กเซอร์ไซส์ของคุณยายในยามเช้าๆ ด้วยท่าทางการดัดตัวที่อ่อนช้อย และแข็งแรง ที่คนหนุ่มคนสาวบางคนยังต้องเอาปี๊บมาคลุมหัวเลยทีเดียว

โดยทุกๆเช้าที่สวนสาธาณะใกล้บ้านของคุณยายจ้าว หยู ฟางนั้ น คุณยายจะมาทำกายบริหารยามเช้าทุกวัน กับการออกท่าออกทาง ที่คนตัวอ่อนอย่างนักกีฬายิมนาสติกหรือเด็กๆ ที่ได้รับการฝึกเท่านั้นจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม หากมองไปยังโปรไฟล์ในอดีตของคุณยายจ้าวแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

คุณยายนั้นมีดีกรีเป็นถึงอาจารย์ในการสอนกังฟูของวัดเส้าหลิน รวมถึงยังฝึกมวยไท้เก๊กมาอีกด้วย มิหนำซ้ำคุณยายยังทำการฝึกโยคะให้กับตัวเองมามากกว่า 70 ปีมาแล้วอีกด้วย คุณยายจ้าว หยู ฟาง ได้อธิบายถึงความแข็งแรงของตัวเองว่า "ฉันออกกำลังกายสามชั่วโมงต่อวัน และได้ทำกิจกรรมเหล่านี้จนเป็นเรื่องปกติของชีวิตแล้ว ขณะเดียวกันฉันก็หยุดกินเนื้อสัตว์มานานเสียจนจำไม่ได้แล้วว่ารสชาติของมัน นั้นเป็นอย่างไร"

"สมัยที่ฉันยังเป็นเด็กนั้น ไม่มีอาจารย์กังฟูคนไหนยอมมาสอนกังฟูให้กับฉัน เนื่องจากมองฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อฉันอยากรู้ฉันจึงต้องเรียนรู้ด้วยตัวฉันเอง จนเมื่อฉันได้กลับไปที่โรงเรียนสอนกังฟูอีกครั้ง และสามารถเอาชนะอาจารย์ได้ เขาถึงยอมที่จะขอโทษฉันในที่สุด" คุณยายกล่าวอย่างภาคภูมิ
21  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สมัยก่อน พระแสดงฤทธิ์ นั้นเพื่อรักษาพระศาสนา เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 11:03:51 am
เช่น คราวที่ บรรดาคนต่างศาสนานั้นกล่าวว่า พระอรหันต์ ไม่มีจริง เพราะไม่สามารถเหาะได้

แต่ พระโมคคัลลานะ ให้ พระ ปิณฑภารทวาชะ เหาะขึ้นไปถึง บาตร การแสดงฤทธิ์ครั้งนั้นเป็นเหตุ

ให้บัญญัติ วินัย ห้ามพระสาวกแสดงฤทธิ์

 แท้ที่จริง การแสดง ฤทธิ์ครั้งนั้น เป็นเหตุให้พวกต่างศาสนา รู้ว่า พระโมคคัลลานะ มีฤทธิ์ เป็นต้นเหตุ

การจ้างสังหาร พระโมคคัลลานะ ประมาณนี้

  แต่สำหรับ ส่วนตัวหนูนั้น พระโมคคัลลานะ นั้นเป็นผู้ทำเรื่อง ฤทธิ์ให้ปรากฏในการบันทึกของพระพุทธศาสนา

เป็นการยืนยันเรื่อง ฤทธิ์ และ ญาน 10 ใช่หรือป่าวคะ

 :25:
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บูชาชูชก... สัญญาณกลียุค? (เจิมศักดิ์ขอคิดด้วยฅน) เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:45:40 pm
บูชาชูชก... สัญญาณกลียุค? (เจิมศักดิ์ขอคิดด้วยฅน)
ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2553 03:00:42 น.
ระยะหลัง เริ่มมีกระแสบูชาชูชก

ขายความคิดที่ว่า มีสรรพคุณในทางโชคลาภ เมตตามหานิยม โดยเฉพาะในเรื่องการขอ ทั้งขอเงินขอทอง ขอกู้หนี้ยืมสิน ขอผัดผ่อนหนี้สิน ขอทวงเงิน ขอเจรจาธุรกิจ ขอความรัก และทุกๆ สิ่งอย่างในด้านการขอ

คิดง่ายๆ ก็ขนาดขอ ยังให้ แล้วทำมาค้าขายจะไม่ให้คล่องตัว ลื่นไหล เงินไหลนองทองไหลมา ได้อย่างไร
คิดได้อย่างนี้ ก็ทำให้กระแสบูชา "ชูชก" ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนไม่น้อย
เรื่องนี้ มีข้อน่าคิด หลายประการ
1) เรื่องราวของ "ชูชก" ปรากฏอยู่ใน "พระเวสสันดรชาดก"

สรุปความสั้นๆ ได้ว่า ชูชกเป็นพราหมณ์แก่คนหนึ่ง ได้เด็กสาวรูปงามมาเป็นเมีย ปรนนิบัติดูแลชูชกอย่างดี อยู่มาวันหนึ่ง เมียเด็กก็บอกให้ชูชกไปหาเด็กมาเป็นทาส คอยรับใช้ทำงานบ้าน โดยแนะให้ไปขอลูกของพระเวสสันดร อันได้แก่ กัญหา-ชาลี ซึ่งพระเวสสันดรก็ให้ทานบุตรและธิดาทั้งสอง ระหว่างเดินทางกลับบ้าน พระราชาซึ่งเป็นปู่ของเด็กทั้งสองคนได้โอกาสขอไถ่ตัวคืนมา แลกกับทรัพย์สินเงินทองบรรดามี และได้จัดเลี้ยงอาหารชั้นเลิศแก่ชูชก แต่ในที่สุด ชูชกผู้ละโมบโลภมากก็กินจนท้องแตกตาย

จากเรื่องราวในพระเวสสันดรชาดกข้างต้น ได้ถูก "ตัดตอนความคิด" และ "แปลงเป็นทุน" โดยอ้างว่า ชูชก คือ สุดยอดนักขอ นักเจรจาค้าขาย
ชูชกสามารถเจรจาทวงหนี้จนได้เมียเด็ก สวยงาม แถมทำงานปรนนิบัติสามีอย่างดีเยี่ยม
ขนาดว่า ไปขอลูกอันเป็นที่รัก พระเวสสันดรก็ยังยกให้
จึงกลายเป็นที่มาของการบูชาชูชกในวันนี้

2) เรื่องราวของ "ชูชก" ในพระเวสสันดรชาดก หากพิเคราะห์ด้วยสติปัญญา โดยไม่บิดเบือนตัดตอน จะพบว่า ชูชกเป็นเสมือนตัวละครที่เป็นตัวร้าย ตรงกันข้ามกับพระเวสสันดร ที่เป็นตัวเอก
ลองนึกเทียบเคียงกับละครหลังข่าว ที่มีพระเอกกับผู้ร้าย
พระเวสสันดร เป็นรูปธรรมของ "การให้"และ "เสียสละ"
ในขณะที่ชูชก เป็นรูปธรรมของ "การขอ" และ "ความโลภ" รวมถึง "ความเห็นแก่ตัว"
3) แม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกของชูชกถูกระบุไว้ชัดเจนว่า เป็น "ตัวร้าย"

ศึกษาตามพระไตรปิฎก จะพบว่า ร่างกายของชูชกนั้น เข้าลักษณะ "บุรุษโทษ" คือ ลักษณะที่เป็นโทษ 18 ประการ ได้แก่ เท้าทั้งสองข้างใหญ่และคด, เล็บทั้งหมอกุด, ปลีน่องทู่ยู่ยาน, ริมฝีปากบนย้อยทับริมฝีปากล่าง, น้ำลายไหลออกเป็นยางยืดทั้งสองแก้ม, เขี้ยวงอกออกพ้นปากเหมือนเขี้ยวหมู, จมูกหักฟุบดูน่าชัง, ท้องป่องเป็นกระเปาะดั่งหม้อใหญ่, สันหลังไหล่หักค่อม คดโกง, หนวดเครามีพรรณดังลวดทองแดง, ลูกตาเหลือง เหลือก เหล่, ร่างกายคดค้อมในที่ทั้งสาม คือ คอ หลัง สะเอว ฯลฯ
เรียกว่า เป็นตัวร้าย ทั้งพฤติกรรม และรูปลักษณ์ภายนอก

4) น่าคิดว่า การที่คนในสังคมสมัยนี้บางส่วน หันไปนิยมชมชอบ ยกย่องบูชาชูชก ทั้งๆ ที่ มีพฤติกรรมเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ มักมากไม่รู้จักพอ เป็นคนขี้ขอ สะท้อนอะไร
เป็นเพราะการคิดแบบตัดตอน เอาผลลัพธ์โดยไม่สนใจวิธีการ
เห็นเงินเป็นใหญ่ คิดเอาแต่ได้

ไม่เห็นคุณค่าของการทำงานหนัก แต่จะเอาอย่างไรก็ได้ หวังรวยเร็วรวยลัด รวยแล้วไม่พอ
บูชาความโลภ มากกว่าความรู้จักพอเพียง พอประมาณ

วิธีคิดแบบนี้หรือไม่ ที่ทำให้สังคมไทยได้นักการเมืองและคนแบบที่ว่า "โกงก็ได้ถ้าช่วยให้รวย" หรือ "รวยแล้วก็ยังโกง" เข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง

วิธีคิดที่นำไปสู่การบูชาชูชก เป็นวิธีคิดแบบเดียวกันกับที่ก่อให้เกิดการบูชาทักษิณ

ด้วยพื้นฐานความคิดอย่างนี้ สอดรับกับระบบอุปถัมภ์ที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย ทำให้ "ระบอบทักษิณ" สามารถฉวยโอกาส แฝงเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง ถึงขั้น "ขอ" เอาคนไปเป็นทาส รับใช้ รับจ้างทำงานให้แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนใจใยดีว่าจะกระทำผิดธรรมนองคลองธรรมอย่างไร คดโกง เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ขอแต่เพียงได้รับปันส่วนผลประโยชน์บ้างก็พร้อมที่จะกระทำ

อย่าลืมว่า คนอย่าง "ชูชก" กินจนท้องแตกตาย เกิดชาติหน้าก็กลายเป็น "เทวทัต" ที่ก่อกรรมแสนเข็ญ และต้องตกนรก รับผลกรรมอย่างทรมานที่สุด
ก็ฝากคิดว่า คนอย่าง "ทักษิณ" เกิดชาติหน้าจะเป็นอย่างไร ?

ระหว่าง "บุรุษโทษ" กับ "นักโทษหนีคดี" จะมีผลกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด?
5) วิธีคิดแบบชูชก ตรงกันข้ามกับวิธีคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียง

น่าคิดว่า ทำอย่างไรผู้คนจะเข้าถึง เข้าใจ และสามารถนำวิธีคิดแบบพอเพียงไปใช้ในชีวิตจริงอย่างรู้เท่าทันมากกว่านี้

วิธีคิดแบบพอเพียง มิใช่ให้คนงอมืองอเท้า ละทิ้งความสะดวกสบายทุกสิ่งอย่าง หรือปฏิเสธเทคโนโลยี

แต่หมายถึงวิธีคิดที่พยายามพึ่งพาความสามารถของตัวเอง เริ่มต้นแก้ปัญหาโดยการลงมือทำด้วยตนเอง มิใช่คอยหวังพึ่งพาผู้อื่น หรือพึ่งอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
ไม่ละโมบโลภมาก ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินอัตภาพ

ที่สำคัญ ผู้คนที่ใช้ชีวิตตามหลักพอเพียงนั้น ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนเพียงใด ก็ล้วนแต่มีความสามารถที่จะเป็น "ผู้ให้" ในบางลักษณะได้ทั้งสิ้น
มีเงินมาก ก็ทำทาน
มีกำลังกายมาก ก็ออกแรงทำงานสาธารณะ
มีเวลามาก ก็แบ่งเวลาไปช่วยดูแลชุมชน ดูแลสิ่งแวดล้ม

มีผลผลิตออกมามาก ก็แบ่งไปขาย หรือแบ่งปันเพื่อนบ้าน นำไปทำบุญ ทำประโยชน์แก่สังคมบ้าง
แทนที่จะคิดเลียนแบบ "ชูชก"หรืออยากจะเป็น "ผู้ขอ" เก่งเหมือนชูชก

น่าจะลองคิดและพยายามในอีกทาง คือ พยายามฝึกฝนเป็น "ผู้ให้" เจริญรอยตามแก่นคิดของพระเวสสันดร
เพื่อสัมผัสกับความสุขของการให้ การเสียสละ การลดความเห็นแก่ตัว
สังคมเรา คงจะน่าอยู่กว่านี้มาก
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความเชื่อ รู้ไว้ไม่เสียหาย เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:30:05 pm
 ความเชื่อ...รู้ไว้ไม่เสียหาย
 "ความเชื่อ" มีอยู่ในตัวคนเราทุกคน บ้างก็เชื่อว่าผีมีจริง วิญญาณมีจริง เชื่อเรื่องดวง
เรื่องเคล็ด และก็เชื่อเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ตัวบุคคลว่าผูกพันหรือคุ้นเคยกับสิ่งไหนมามากกว่า
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาฝากคนที่เชื่อเรื่อง "เคล็ดเสริมดวง" ใครอยาก
โชคดีพลาดไม่ได้เด็ดขาด... (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ)

                            กระเป๋าสตางค์
กระเป๋าสตางค์ใบใหม่เสมอในวันขึ้นปีใหม่ ใส่เงินจำนวน 900 หรือ 9,000 ใน
กระเป๋าไว้สักวัน หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ เพื่อเอาเคล็ดเอาฤกษ์เพื่อให้กระเป๋าใบนั้นเป็นกระเป๋าที่ดี
เรียกเงินเรียกทอง เข้ากระเป๋าได้มาก มีเก็บมากกว่าจะต้องควักออกไป และทุกครั้งที่รับเงินสดเข้า มา ควรนำเงินมาใสjกระเป๋าเอาไว้ก่อน บางคนอาจจะยังคงปล่อยเงินไว้ในซองแล้วก็นำไปฝาก
ธนาคาร ซึ่งถ้าจะเอาเคล็ดเรียกโชคกันจริงๆ ตามความเชื่อของคนเฒ่าคนแก่ ก็ควรเอาเงินเก็บใส่
กระเป๋าสตางค์ไว้ก่อน

                                พระสิวลี 
หาโอกาสไปกราบไหว้พระสีวลีที่วัดใดก็ได้ในท้องที่ที่อาศัย พระสีวลีเป็นเอตทัคคาโชคลาภ
ท่านเป็น 1 ใน 80 ศิษย์เอกของพระพุทธเจ้า เมื่อไปกราบไหว้ขอพรจากพระสีวลี ชีวิตจะมีโชคดีขึ้น
และมีความราบรื่นก้าวหน้า มีเงินมีทองเพิ่มพูนมากขึ้น

                              ยักษ์และราหู
ไม่ควรมีรูปภาพ หรือรูปปั้นยักษ์และราหูประดับตกแต่งในบ้าน เพราะจะทำให้คนในบ้าน
ทะเลาะเบาะแว้งกัน มีแต่เรื่องร้อนๆ ขาดโชคขาดลาภ พลังของวิญญาณ อย่านำโปสเตอร์, รูปภาพ
หนังผี, คนบาดเจ็บจากนิตยสารที่มีแต่ความน่ากลัวมาติดผนังบ้าน หรือรูปคนตายมาติดประดับไว้ที่ห้อง
(ยกเว้นภาพถ่ายบุคคลในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้ว) หลีกเลี่ยงภาพน่ากลัว หรือดูดุร้าย เพราะล้วน
เป็นแหล่งเรียกคลื่นพลังงานที่ไม่เป็นมงคล จะทำให้โชคลาภหดหาย คนในบ้านจะมีแต่เรื่องร้ายๆ เกิด
ขึ้น เกิดอุบัติเหตุ การนำภาพมาติดผนังประดับบ้านควรเลือกภาพที่ดูสวยงาม

                                เตียงนอน
อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับผนังห้องน้ำ เพราะจะทำให้เสื่อมโชคอับโชค
อย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงเล็งตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้ายและอับโชค

                              สุนัข แมวจรจัด
แบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัข หรือแมวจรจัดที่หิวโหยบ้าง ในวันฝนตกก็อนุญาตให้สัตว์จรจัด
เข้ามาหลบฝนในชายคาบ้าน การทำบุญทำทานกับสัตว์นั้นให้อานิสงส์ผลบุญแก่ตัวเราได้อย่างมหาศาล

                                ห้องครัว
ดูแลปัดกวาดเช็ดถูและจัดข้าวของเครื่องใช้ในครัวให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ครัว
สกปรก เพราะครัวเป็นขุมพลังของบ้าน บ้านที่ปล่อยให้ครัวสกปรกจะอับโชค เงินทองหามาได้ก็ต้องจ่าย
ออกไป เจริญรุ่งเรืองช้านัก

                              ผ้าเช็ดหน้า
อย่าให้ของขวัญคนรัก หรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี ถือเป็นของ
ขวัญอับโชค มอบให้กันแล้วจะมีเรื่องต้องพลัดพรากจากกัน หรือมีเรื่องต้องเมินหมางห่างเหินกันไป

                                กระจก 
ขัดถูกระจกในบ้านให้สะอาดใสอยู่เสมอ ถ้าปล่อยให้กระจกขุ่นมัวเป็นประจำ ดวงชะตาของ
คนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรไม่ขึ้น

                                วันบริสุทธิ์
วันที่ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก คือวันโกน วันพระ วันเกิด และวันเข้าพรรษา
ตามธรรมเนียมโบราณนิยมปฏิบัติกันเช่นนี้ เพื่อให้เทวดาคุ้มครองรักษาตลอดไป

                              เหรียญนำโชค
เมื่อเจอเงินตกอยู่ตามทางเดิน แม้จะเป็นเพียงเหรียญบาทก็ให้เก็บเอาไว้ ให้ถือเสมือน
เป็นเหรียญนำโชค การเดินผ่านเลยไป เพราะเห็นว่าเป็นเพียงเหรียญบาท เหรียญสลึงนั้น ถือเป็นการ
ดูถูกเงินทอง ไม่เห็นคุณค่าของเงิน คนเฒ่าคนแก่เชื่อกันว่ามันจะทำให้คุณอับโชคทั้งวัน หรือในช่วง 3 -
7 วันนั้น

                              แหวนเสริมดวง
เลือกสวมแหวนที่ถูกโฉลกกับเดือนเกิด หรือวันเกิดเพื่อเสริมโชคดีให้ชีวิต
ถ้าอยากเสริมดวงการเงิน  - ควรสวมแหวนทอง แหวนเงิน แหวนหยกและแหวนหัว
พลอยสีที่ถูโฉลก
ถ้าอยากเสริมดวงความรัก - ให้สวมแหวนรูปหัวใจ รูปดาว เลือกแหวนเพชรหรือ
เทอร์ควอยส์ก็ได้
วนแหวนลูกปัดและหินสีต่างๆ - จะช่วยเสริมดวงเสน่ห์
การสวมแหวน
สวมแหวนนิ้วกลางขวา - เสริมดวงการเงินและบารมี 
สวมแหวนนิ้วนาง นิ้วก้อย - เสริมเสน่ห์ และเสริมดวงความรัก

                              ทำบุญโลงศพ
ไปที่มูลนิธิใกล้บ้าน ทำบุญบริจาคเงิน ร่วมกันซื้อโลงศพให้ศพอนาถาที่ไร้ญาติ การทำบุญโลง
ศพจะช่วยเสริมดวงชะตาให้กล้าแข็ง เหมาะสำหรับช่วงดวงอ่อน และมีทุกข์มีเคราะห์

                            พระพรหมศักดิ์สิทธิ์
หาโอกาสไปกราบไหว้พระพรหมสักครั้ง ถ้าอยู่ที่กรุงเทพ ก็ไปไหว้ที่หัวมุมสี่แยกราชประสงค์
โรงแรมเอราวัณก็ได้ หรือที่ศาลพระพรหมแห่งใดก็ได้ทั้งนั้น พระพรหมเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวขวัญกัน
มากว่า บนบานอธิษฐานขออะไรมักได้ดังปรารถนา ด้วยว่าท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จนั่นเอง

                                หิ้งพระ
หิ้งพระ หรือหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเทพต่างๆ หรือ ร.5, ในหลวงของ
เรา เมื่อตั้งหิ้งบูชาแล้วจะต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หมั่นเปลี่ยนดอกไม้ พวงมาลัย
ถวายน้ำสะอาด ถ้าปล่อยให้หิ้งสกปรก มีแต่ฝุ่นจับเต็มไปหมด บ้านนั้นจะมีแต่ความเสื่อมถอย โชคลาภหด
หาย ยากที่จะเจริญรุ่งเรือง

                              ไข่ และ ส้ม
ในบ้านเรือนควรมีไข่ และมีส้มไว้ในตะกร้าเสมออย่าให้ขาด เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุข
เข้าบ้าน ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขตลอดไป ไข่และส้มเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ข้อคิดดี ๆ จาก ธนบัตรใบละ 1000 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:19:31 pm
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผ่านไปเห็นแล้วประทับใจ เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 03:32:56 pm
เล่าด้วยภาพ


26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อยากให้ทุกคนได้ยิ้ม จัง เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 03:16:20 pm
1.
เธอกำลังอ่านข้อความของฉัน
 

2.
เธออ่านข้อ
1
จบไปแว้ว
 

3.
เธอกะลังคิดว่ามันฮายังงัย
 

4.
เหมือนเธอจะโดนหลอก
 

5.
เธอเริ่มคิดว่าจาด่าฉันยั! งไง
 

6.
เธอเครียด
 

7.
เธอเครียดมากๆ
 

9.
เธอเครียดสุดๆ
 

10.
เธอเครียดจนเธอลืมดูว่าไม่มีข้อ
8

11.
เธอหันไปดูว่าไม่มีจิงป่าว
 

12.
เธอเลื่อนกลับมาอีกแล้ว เหอๆ
 

13.
เธอเริ่มเลื่อนลงแล้ว
 

14.
เธอเลื่อนลงอย่างเร็ว อย่างเร็ว
 

15.
และก็ เร็ว เร็ว......
 

16.
เร็วมาก ๆ
 

17.
เร็วจนไม่รู้ว่าข้อ
13
นั้นมี
2
ข้อ....
 

18.
แล้วเธอก็ย้อนกลับไปดูอีกครั้ง
 

19.
เธอโดนหลอกเต็มๆ ข้อ
13
มีอยู่ข้อเดียว
 

20.
เธอส่ายหัวไปมา...คิดในใจว่า มันเอาข้อความบ้าอะไรมาให้อ่านเนี่ย.....
 

21.
ไม่มีสาระอะไรเลย...
 

22.
แต่ก็ยังทำให้เธออ่านมันมาถึงตรงนี้....
 

23.
นั่นแน่!!เธอแอบยิ้มยิ้ม...
555

 :bedtime2:
27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความโลภของชายพเนจร เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 03:05:37 pm
ความโลภของชายพเนจร


ใน เมืองอันอุดมสมบูรณ์เมืองหนึ่ง ยังมีชายพเนจรคนหนึ่งเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย เขาไม่มีที่ดินทำกิน วันๆได้แต่เดินเร่ร่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เพื่อรับจ้างคนในเมือง แลกกับข้าวปลาอาหาร
   
      ทุกๆวันเขาได้แต่นั่งอ้อนวอนเทวดา เพื่อขอที่ดินสักผืนไว้เป็นที่ทำกิน แต่เขาก็ยังไม่ได้สมความปรารถนา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ข่าวว่าเจ้าเมืองจะออกเยี่ยมเยียนชาวบ้าน ชายหนุ่มดีใจมาก จึงไปรอพบเจ้าเมืองพร้อมกับพวกชาวบ้าน ขณะที่เจ้าเมือง กำลังเดินทักทายชาวบ้านอยู่นั้น ได้มีงูตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไปหาเจ้าเมืองอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบพุ่งตัวออกไปจับงูร้ายก่อนที่มันจะฉกกัดท่าน
   
เมื่อเจ้าเมืองรอดตายจากงูร้าย จึงบอกกับชายหนุ่มว่า
   
"ขอขอบใจเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าต้องการอะไร ข้าก็จะให้"
   
ชายหนุ่มรู้สึกดีใจมากจึงบอกกับเจ้าเมืองว่า
   
"ข้าต้องการที่ดินสักผืนหนึ่ง ไว้ปลูกบ้าน ปลูกผักปลูกข้าว ทำมาหากิน"   
เจ้าเมืองได้ฟังดังนั้น จึงเอ่ยขึ้นว่า
   
"ตกลง ข้าจะให้ที่ดินแก่เจ้าผืนหนึ่ง เอาเป็นว่าตั้งแต่ชานเมืองนี้ไป เจ้าเดินไปถึงแค่ไหน แค่นั้นก็เป็นที่ดินของเจ้าก็แล้วกัน"
   
ชาย หนุ่มรับคำด้วยความดีใจ เขากราบลาท่านเจ้าเมือง แล้วรีบเดินออกไปยัง ชานเมืองทันที เขาเริ่มต้นเดินๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเขาก็ครุ่นคิดถึงคำของท่านเจ้าเมืองไปตลอด
   
?ถ้าหากเราเดินไปเรื่อยๆ เราก็จะได้ที่ดินมากเท่าที่เราต้องการ?
   
ดัง นั้น แม้ว่าอากาศในตอนบ่ายจะร้อนอบอ้าว ทำให้เขารู้สึกหิวโหยและกระหายน้ำมากเพียงใด ชายหนุ่มก็ไม่ยอมหยุดพัก เขายังคงก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปจนกระทั่งมืด ค่ำ เขาเริ่มรู้สึกหิวและอ่อนล้ามากขึ้น ขาทั้งสองก้าวได้ช้าลง แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดเดิน เพราะคิดอยู่ตลอดว่า ยิ่งเดินได้ไกลเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ที่ดินมากขึ้นเท่านั้น เขาจึงกัดฟันเดินฝ่าความมืดต่อไปเรื่อยๆจนถึงรุ่งเช้า ในที่สุดเขาก็ล้มลง และไม่นานก็ขาดใจตาย ชายหนุ่มไม่ได้ที่ดินดังหวัง แม้กระทั่งที่ดินที่จะฝังศพตัวเอง ก็เพราะความไม่รู้จักพอเป็นเหตุนั่นเอง
   
   

คน ที่ไม่รู้จักพอ ย่อมก่อความเดือดร้อนให้กับตนเองได้ในภายหลัง เพราะความไม่รู้จักพอ ทำให้ไม่รู้จักประมาณในการกินการอยู่ และความโลภที่แม้เกิดขึ้นในใจเพียงเล็กน้อย ก็จะปิดบังปัญญาในการยั้งคิดไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อะไีีร เป็นสิ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนา ต่างจากศาสนาอื่น คะ เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 02:34:47 pm
ที่บ้านหนู กลุ่มชาวเขา ได้มีคริสตจักร

มาสอน เรื่อง ความหวัง เป็น ตัวจุด ความเชื่อ ความรัก และ สันติภาพ

หนูฟัง ก็เห็นเป็นเรื่องที่ดีคะ เพราะสอนให้คนรัก ความสงบความดี

แต่ หนูก็กลับมามอง ที่พระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนา ของ คุณพ่อ คุณแม่ และ หนู ที่นับถืออยู่

มองแล้ว ว่า พระพุทธศาสนา นั้นสอนให้หมดความหวัง ทุกสิ่ง มิใช่ตัว มิใช่ตน มิใช่เรา และ มิใช่ของเรา

หนูลองพิจารณาดูหลาย ที ก็เหมือนจะให้เราหมดหวัง ไม่ต้องรัก ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องมีสันติภาพ

หรือ หนูยังไม่เข้าใจ ในพระพุทธศาสนา

  และถ้าอย่างนั้น พระพุทธศาสนา แตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร ?

  :17: :17: :73:
29  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / นั่งกรรมฐาน แล้วปวดขา ทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2010, 10:23:36 am
เวลาที่เรา นั่งกรรมฐาน ไปได้สัก 20 นาที

แล้วหนูปวดขามาก ๆ 

ถึงตรงนี้ ทุกทีหนู ก็จะหยุดทำคะ

ที่ถูกต้องควรทำอย่างไรคะ ถ้าเราปวดขา ทนไม่ไหวคะ
 :25: :25:
หน้า: [1]