ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิปทาที่ไม่มุ่งตรงต่อ "พระนิพพาน" เป็น "มิจฉาปฏิปทา"  (อ่าน 1784 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
    • ดูรายละเอียด



ปฏิปทาที่ไม่มุ่งตรงต่อ "พระนิพพาน" เป็น "มิจฉาปฏิปทา"
ปฏิปทาสูตร

     [๑๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี...
     พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
     ดูกรภิกษุทั้งหลายเราจักแสดงมิจฉาปฏิปทา และสัมมาปฏิปทา พวกเธอจงฟังปฏิปทาทั้ง ๒ นั้นจงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ


      [๒๐] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
      ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาปฏิปทาเป็นไฉน
      ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ...
      ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ นี้เรียกว่า มิจฉาปฏิปทา


      [๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาปฏิปทาเป็นไฉน
      เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ...
      ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ นี้เรียกว่า สัมมาปฏิปทา


            จบสูตรที่ ๓


อ้างอิง :-
ปฏิปทาสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  บรรทัดที่ ๘๘ - ๑๐๑.  หน้าที่  ๔ - ๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=88&Z=101&pagebreak=0




อรรถกถาปฏิปทาสูตรที่ ๓
                   
     ในปฏิปทาสูตรที่ ๓ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
     บทว่า มิจฺฉาปฏิปทํ ความว่า นี้เป็นปฏิปทาไม่นำสัตว์ออกจากทุกข์ เป็นอันดับแรก.

      ถามว่า ก็เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีปุญญาภิสังขารบ้าง อเนญชาภิสังขารบ้าง มิใช่หรือ. อภิสังขารทั้งสองนั้นเป็นมิจฉาปฏิปทาได้อย่างไร.
      แก้ว่า เพราะถือว่า วัฏฏะเป็นสำคัญ.
      สิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลปรารถนาวัฏฏะกล่าว คือ ภพ ๓ ปฏิบัติโดยที่สุดอภิญญา ๕ หรือสมาบัติ ๘ สิ่งทั้งหมดเป็นไปในฝ่ายวัฏฏะ จัดเป็นมิจฉาปฏิปทา เพราะถือวัฏฏะเป็นสำคัญ.
      สิ่งใดสิ่งหนึ่งอันบุคคลปรารถนาวิวัฏฏะ คือ พระนิพพาน ปฏิบัติโดยที่สุดถวายทานเพียงข้าวยาคูกระบวยหนึ่งก็ดี เพียงถวายใบไม้กำมือหนึ่งก็ดี สิ่งทั้งหมดนั้นจัดเป็นสัมมาปฏิปทาโดยแท้ เพราะเป็นฝ่ายวิวัฏฏะ บุคคลไม่บรรลุพระอรหัตแล้ว จะถึงที่สุดหาได้ไม่ ดังนั้น
   




      พึงทราบว่า ท่านแสดงมิจฉาปฏิปทาด้วยอำนาจอนุโลม แสดงสัมมาปฏิปทาด้วยอำนาจปฏิโลม.

      ถามว่า ก็ในที่นี้ ท่านถามปฏิปทา จำแนกพระนิพพาน กำหนดปฏิปทา แม้ในการตอบ และบทว่า ปฏิปทา ไม่เป็นชื่อแห่งพระนิพพาน แต่คำว่า ปฏิปทานี้ เป็นชื่อของมรรค ๔ พร้อมด้วยวิปัสสนา
      เพราะฉะนั้น บทภาชนะจึงสมด้วยการถามการตอบมิใช่หรือ.

      แก้ว่า ไม่สมหามิได้.
      เพราะเหตุไร. เพราะท่านแสดงปฏิปทาโดยผล. จริงอยู่ ในที่นี้ ท่านแสดงปฏิปทาโดยผล.
      ความในคำว่า เพราะอวิชชานั่นแลดับไปโดยสำรอกไม่เหลือ สังขารจึงดับนี้ มีอธิบายดังนี้ นิพพานกล่าวคือการดับสนิทนี้ เป็นผลของปฏิปทาใด ภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทานี้ เราเรียกว่าสัมมาปฏิปทา.


      ก็ในอรรถนี้ วิราคะ ในคำว่า อเสสวิราคนิโรธา นี้เป็นไวพจน์ของการดับสนิทนั่นเอง.
      ก็ในคำว่า อเสสวิราคา อเสสนิโรธา นี้ มีอธิบายดังต่อไปนี้
      อีกอย่างหนึ่ง เพื่อแสดงมรรคกล่าว คือ วิราคะ อันเป็นเหตุดับสนิทโดยไม่เหลือ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสบทภาชนะนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ปฏิปทาอันเป็นไปกับด้วยอานุภาพ เป็นอันพระองค์ทรงจำแนกแล้ว ดังนี้
      พระองค์จึงตรัส เฉพาะวัฏฏะและวิวัฏฏะ แม้นี้เท่านั้นแล.

               จบอรรถกถาปฏิปทาสูตรที่ ๓   
         

อ้างอิง :-
อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อภิสมัยสังยุตต์ พุทธวรรคที่ ๑ ปฏิปทาสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=19
ขอบคุณภาพจาก http://www.nkgen.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ