ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - poepun
หน้า: [1]
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ความไม่สบายใจ ที่เกิดขึ้น ในกรรมฐานมีความจัดการอย่างไรครับ เมื่อ: มีนาคม 11, 2012, 04:06:10 am
บางครั้ง ชีวิตถูกกระทบด้วยเรื่อง รอบด้าน หลายอย่าง หลายประการ ทำให้รู้สึก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ก็มีหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะปลอบใจตนเองด้วยธรรมะ ข้อคิด คติธรรม แต่หลายครั้งก็ไม่สามารถทำให้ใจที่ลุ่มร้อนอยู่นั้นสงบลงได้ ก็อยากทราบวิธีการดำิเนินพระกรรมฐาน ทีได้ผลที่สุดในการคลายความลุ่มร้อน หรือ ความไม่สบายใจนี้ลงได้ ครับ

ขอบคุณครับ

 :c017: :25:
2  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เมื่อใดเราจะเรียกพระว่า ขรัว หรือ สมเด็จ ครับ เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 08:14:04 am
กระทู้สืบเนื่อง จากเรื่อง  เกจิ และ ครูบา ครับ


ได้ ความรู้ ขึ้นมามากเลยครับ ผมเองก็เรียกตามเขามาตั้งนาน พึงทราบสาเหตุการเรียก

 แต่อย่างไรเสีย การเรียกนั้น ก็เพราะอาศัยความเคารพจึงได้เรียก แต่ถ้าใช้ผิดก็จะไม่ดี
 
  อย่างเช่น การใช้คำเรียก หลวงพ่อโต  ขรัว  สมเด็จ อย่างนี้เป็นต้น  ดังนั้นขอถามต่อเลยครับ

เมื่อใดเราจะเรียกพระสงฆ์ ว่า ขรัว  และ สมเด็จ ครับ


 ขอบคุณ ครับ

 :c017:
3  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เรามี เทวดาประจำตัว จริงหรือครับ เมื่อ: ธันวาคม 08, 2011, 02:24:54 am
ได้ยินมาว่า คนเราเกิดขึ้นมาแล้วมีเทวดา ประจำตัวด้วย
แล้วเทวดาที่ประจำตัวนี้ ติดตามเราอย่างไรครับ เป็นเทวดาชั้นไหนครับ

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเทวดา มีอยู่ประจำเราครับ

 :c017:
4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหตุที่สอนกรรมฐาน ทั้ง 40 กองกรรมฐาน เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 08:20:40 am
ครูบาอาจารย์กล่าวไ้ว้ เหตุที่ท่านสอนกรรมฐาน๔๐ และมหาสติปัฏฐาน๔ จนครบทุกบรรพ
เพื่อจะกันตัวกันใจเราไม่ให้ปรามาสบุคคล อื่น เมื่อเขาปฏิบัติแตกต่างจากเรา
ไม่ยกตนว่าดีกว่าเขา หรือไม่คิดปรุงแต่งว่าด้อยกว่า
เนื่องด้วยการปฏิบัติมีความแตกต่างกันได้
ไม่ปรามาสความดีของบุคคลอื่น
ไม่ทำลายความดีของบุคคลอื่นด้วยการแนะ ว่าเขาทำผิดทำพลาดทำไม่เหมือนเรา

จาก คุณ    : sirnitf
5  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีอธิบายและการดูกาย ทั้ง 18 ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 06:00:46 pm
ไม่ใช่แต่เพียงหลวงพ่อสด อธิบายเรื่องกาย 18 นะครับ อันที่จริงกรรมฐาน มัชฌฺมา แบบลำดับนั้นก็มีการตรวจกาย
ทั้ง 18 ด้วยครับ อย่าลืมนะครับ ว่าหลวงพ่อสดก็มาเรียนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับด้วยนะครับ ผมเคยฟังศิษย์ภายในวัดราชสิทธาราม พูดให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่งครับ

 ส่วนการตรวจกาย 18 นั้น เป็นการขึ้นกรรมฐาน ครั้งแรกของผม เมื่อปี 2547 ครั้งแรก กับหลวงพ่อพระครู ที่คณะ 5 ท่านก็นำจิตผมตั้งแต่ กายหยาบ จน ถึงกาย พระอรหัตผล เลยครับแล้วท่านก็บอกผมว่า จิตผมหน่วงวิปัสสนา มากกว่า สมถะ ให้ตามพิจารณา กายนี้ไม่เที่ยง กายนี้เป็นทุกข์ กายนี้เป็นอนัตตา ก็จะถึงเองครับ
อันนี้เป็นครั้งแรก  ที่ผมได้ขึ้นกรรมฐาน กับท่านเป็นครั้งแรกเลยครับ ส่วนเพื่อน ๆ ผมที่ไปด้วยกับไปเที่ยวสวรรค์ นรก แทนครับ

 :s_hi:
6  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / อยากพ้นทุกข์ ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า ร่วมปฏิบัติธรรม 10-16 พ.ค. 2554 เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 07:06:36 pm
สนใจการปฏิบัติธรรม

อยากพ้นทุกข์

ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า  ปรึกษาที่

อ.แปลง  สุวรรณกาญจน์  155  หมู่  1  บ.ไชยวาน  ต.ไชยวาน  อ.ไชยวาน  จ.อุดรธานี  41290  โทร.086-8548018


ดำเนินรายการโดย

อ.แปลง  สุวรรณกาญจน์

คุณวุฒิ  พ.ม.  กศบ.  นบ.

ประสบการณ์

- ถือศีลปฏิบัติธรรม  44  ปี

- โล่เกียรติยศ  ผู้มีผลงานด้านจริยศึกษา    ดีเด่น  กระทรวงศึกษาธิการ  ปี 2536

- รางวัลเสมาทองคำ  สาขา  การแต่งหนังสือพุทธศาสนาดีเด่น  ปื 2542  ผู้เขียน  ตายแล้วไปไหน  อยู่บ้านนิพพานได้  รู้ทันกรรมนำสุขพ้นทุกข์  อุโบสถศีล  พัฒนาจิต

- วิทยากรบรรยาย  แนวทางปฏิบัติธรรม  อย่างฆราวาส 25 ปี

- ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติธรรมวัดดงยางเดี่ยว  มีกิจกรรมฟังธรรม  รักษาศีลแปด

เดินจงกรม  นั่งสมาธิ  ทุกวันพระ

ขอเชิญร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรม

วิสาขบูชา

10-16 พ.ค. 2554

ที่วัดดงยางเดี่ยว  (บาตรใหญ่)

บ้านยาง  หมู่  4  ต.หนองหาน

อ.หนองหาน  จ.อุดรธานี  กม.29

ถ.อุดรฯ-สกลฯ  แวะซ้าย  3  กม.

เงื่อนไขการอบรม

1. สมัครใจ

2. ตั้งใจสะสมบุญ

3. ใส่ชุดขาวถือศีลแปด

4. ทานอาหารมื้อเดียว

5. ปฏิบัติตามกิจวัตรประจำวัน

6. เครื่องนอนของกินให้เตรียมมา

เนื้อหาหลักสูตร  7  วัน

วันแรก… ปัญหาชีวิต  รู้จักตน  รู้จักธรรมจึงจักทำชีวิตให้มีสุขได้

วันที่ 2  กิเลสวัฏฏะ  กรรมวัฏฏะ  วิบากวัฏฏะ  กฎแห่งกรรม  วิธีแก้กรรม

วันที่ 3  ภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณ  26  ชั้นฟ้า  5  ชั้นดิน

วันที่ 4  ทาน  ศีล  สวรรค์  อาทีนพ  เนกขัมมะ

วันที่ 5  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  อานิสงส์เลิศ  ทำได้อย่างไร

วันที่ 6  มหาสติ  มหาปัญญา  พารู้ธรรม  เห็นธรรม  บรรลุมรรคผลนิพพาน

วันที่ 7  อาสวักขยญาณและจิตบริสุทธิ์

ปรัชญาสถาบัน

…หาตนให้เห็น

…บริโภคให้เป็น

…ดำรงตนให้สมควร

…จะมีสุขเป็นนิรันดร์

ภารกิจประจำวัน

04.00-05.00  ตื่นทำความเพียร/ธรรมรับอรุณ  05.00-06.00  ทำวัตรสวดมนต์เช้า

06.00-08.00  กิจส่วนตัว  ทำอาหาร

08.00-10.00  ทานอาหาร  เก็บล้าง  ทำความสะอาด

10.00-12.00  ทำความเพียร/เดินจงกรม

12.00-14.00  พักผ่อนตามอัธยาศัย

14.00-15.00  ดื่มน้ำปานะ  ปานะมัตถ์

15.00-16.00  สนทนาธรรม  ซักถามปัญหา  16.00-18.00  ทำความสะอาดบริเวณอาคารที่พัก  18.00-19.00  เดินจงกรม/นั่งสมาธิ

19.00-20.30  ทำวัตร  สวดมนต์เย็น

20.30-23.00  บรรยายเนื้อหาหลักสูตร

23.00-24.00  เดินจงกรม  นั่งสมาธิ

24.00-04.00  ปฏิบัติตามอัธยาศัย  พักนอน

ปรัชญาชีวิต

โบราณว่า

1.ชีวิต  คือ  การต่อสู้  ศัตรู  คือ   ยากำลัง  สิ่งมุ่งหวัง  คือ  ความสุข
2.ชีวิต  คือ  ความฝัน  สิ่งสำคัญ  คือ  เงินตรา  ยอดปรารถนา  คือ  ความสุข
3.อ.แปลงว่า  ชีวิต  คือ  ความใฝ่ฝัน  (ทะเยอทะยาน)  สิ่งสำคัญ  คือ  การศึกษา  สิ่งแสวงหา  คือ  ความสุข
ข้อความชวนคิด
… ทำจริงจึงได้ผล
… ทุกคนมีโอกาส
… อย่าประมาทนอนใจ
…หาโอกาสให้แก่ตัว
… อย่ามัวเมาจนเกินไป
… ไม่เอาไปสักสิ่งอัน
… สุขเลิศนั้น  คือ  จิตสงบ
7  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรม ๔ - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ณ บ้านไทย เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 07:04:36 pm
ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมกับ
พระอาจารย์ครรชิต สุทธิจิตโตจากวัดป่าภูไม้ฮาว ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

ตั้งแต่วันที่ ๔ - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ณ บ้านไทย หมู่๕ ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม


อยู่ใกล้กับ สำนักวิปัสสนาธัมโมทยะ โดย การเดินทางเริ่มจากกรุงเทพเลย BIG C นครปฐมจะเจอ 4 แรกแยกให้เลี่ยวซ้ายช่องโรงแรม 99 แล้วจะพบป้ายบ้านไทยตลอดเส้นทาง ระยะทาง ~6 กิโลเมตร

การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต เป็นบุญใหญ่ที่จะทำให้จิตใจร่มเย็นเป็นสุขและเบิกบานด้วยแสงสว่างทางปัญญา อันเกิดจากกระแสธรรมแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อบรรเทาความรุ่มร้อนที่ เกิดจากทุกข์ทั้งปวงให้คลายลง

ด้วยเมตตาธรรม ที่มีต่อคณะศิษย์ชาวนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียงอันเป็นสถานที่ที่พระอาจารย์ครรชิต สุทธิจิตโตเคยมาเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฎซึ่งสมัยก่อนเรียก วิทยาลัยครูนครปฐม เมื่อ ๓๐ ปีก่อน ทำให้ท่านเลือกจังหวัดนครปฐมเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ธรรมะที่ท่านได้มี โอกาสรู้เห็นจากการอุทิศตนศึกษาปฏิบัติมาทั้งสมถะและวิปัสสนากรรมฐานโดยพระ อาจารย์ได้ประมวลการปฏิบัติธรรมที่ปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบหลายสำนัก ว่าแท้จริงมีการเชื่อมต่อและมีจุดร่วมกันอยู่ผู้ปฏิบัติจะเกิดความเข้าใจใน หลักของมหาสติปัฏฐาน๔ ได้อย่างถ่องแท้

ทุกๆ วันแห่งการปฏิบัติธรรม ท่านจะได้พบกับความสุขที่ได้ทำบุญตักบาตร รักษาศีล เจริญจิตภาวนาไปพร้อมๆกับฟังการแสดงธรรม และพระอาจารย์ยังเปิดโอกาสให้สนทนาไขปัญหาชีวิตข้อข้องใจในสภาวธรรมต่างๆ หลังการแสดงธรรมอย่างใกล้ชิดบ้านไทยอยู่ใกล้ ศูนย์ราชการจังหวัดนครปฐมสงบร่มรื่น และมีบรรยากาศเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอาคารสถานที่ เครื่องนอน อาหารครบครันซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยผู้ปฏิบัติสามารถไปกลับ หรือพักค้างก็ได้

ท่านที่สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- คุณอรวรรณ ตั้งมั่นคง 089 7408166
- คุณรัศมี นุชดอนไผ่ 088 4908305

หมายเหตุ ขอเชิญร่วมตักบาตร เวลา ๐๗.๐๐ น ของทุกวัน
8  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / สดุดีกับการสละชีพ ของพระเพื่อพิทักษ์ พระศาสนา เมื่อ: มีนาคม 07, 2011, 02:45:36 pm
วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๖

พระภิกษุในพุทธศาสนานาม ทิจ กวาง ดึ๊ก อายุ ๗๓ ปี ทนเห็นความทารุณโหดร้าย ในการใช้อำนาจรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ไหว จึงได้ประกาศอุทิศชีวิต เพื่อป้องกันพระพุทธศาสนาโดยได้เขียนข้อเรียกร้องต่อ รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ว่า

    ๑. เพื่อป้องกันพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาดั้งเดิมของประเทศชาติ
    ๒. ขอเตือนการกระทำที่บีบคั้น และฆ่าพระภิกษุ นางชี และคนทั่วไปในประเทศ
    ๓. ขอร้องให้ท่านมอบอิสรภาพ ให้แก่ผู้นำชาวพุทธทั้งหลาย ในคณะกรรมการป้องกัน พระพุทธศาสนา พระภิกษุ นางชี และพุทธ ศาสนิกชน ที่ถูกจับขังอยู่ ในขณะนี้
    ๔. ให้ยุติสถานการณ์เลวร้าย และเลิกจับพระภิกษุ นางชี และพุทธศาสนิกชนอีก
    ๕. ให้เลิกองค์การคณะสงฆ์รวมทั้งบุคคลที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาหลอกลวง ปิดบังความจริงเป็นเหตุให้ประชาชนโง่เขลา
    ๖ คณะกรรมการสหพันธ์เพื่อพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ ที่รัฐบาล โง ดินห์ เดียม และพี่ชายตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน

หลัง จากได้เขียนข้อเรียกร้องเสร็จ ท่านก็ได้เข้าสู่ขบวนพุทธศาสนิกชนประมาณ ๑,๐๐๐ คนด้วยความสงบ เพื่อไปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และ พุทธศาสนิกชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ขับรถพุ่งชนเสียชีวิตในวันที่ ๘ พ.ค.๒๕๐๖ ที่ผ่านมา จากนั้นขบวนชาวพุทธศาสนิกชนก็เดินต่อไปอย่างสงบ โดยมีรถนำพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ไปยังกลางเมืองหลวง พระภิกษุผู้เสียสละวัย ๗๓ ปีได้ก้าวลงจากรถไปนั่งขัดสมาธิกลางวงเวียนซึ่งมีพุทธบริษัทแวดล้อมเป็นวง ใหญ่ พุทธบริษัท

ได้หยิบถังน้ำมันเบนซิน ๕ แกลลอนออกมาจากรถคันนั้น แล้วเอาน้ำมันราดบนพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก จนหมด ต่อจากนั้นก็เอาไฟจุดร่างนั้น ไฟลุกโชติช่วง ท่วมร่างของ พระภิกษุ ผู้เสียสละ ขณะที่ไฟลุกท่วมร่างอยู่ปรากฏว่าพระภิกษุวัย ๗๓ คงนั่งนิ่งด้วยสมาธิจิตอันแน่วแน่ไม่ไหวติง ไม่แสดงอาการทุกข์เวทนาในสังขารแต่อย่างใดเลย เปลวไฟอันร้อนระอุ ได้เผาจีวร และผิวหนังไหม้เกรียม อยู่ประมาณ ๑๐ นาที ร่างของท่านที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้น ก็หงายหลังอย่างเงียบสงบ
นี่คือพระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อพิทักษ์พุทธศาสนา นับเป็นรูปแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การพลีชีพของท่านนั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตาม คำ ประกาศในนามพุทธศาสนิกชน ที่จะสละชีวิตรักษาพระพุทธศาสนา ให้พ้นจากการกลั่นแกล้งบีบคั้น และปราบปรามจากรัฐบาล โง ดินห์ เดียม แล้วยังแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว มั่นคง ของพุทธศาสนิกชนด้วย สรีระของท่านถูกห่อหุ้มด้วยธงธรรมจักร พุทธบริษัทจำนวน ๑,๐๐๐ คน พากันอัญเชิญสรีระของท่านไปไว้ ณ เจดีย์วัดซาลอย ในเมืองเว้
หลังจากนั้นได้มีพุทธบริษัทสละชีพเพื่อพระพุทธศาสนาอีก คือ สามเณรวัย ๑๗ และพระภิกษุวัย ๗๑ ที่เมืองเว้ แม่ชีที่เมืองนาตรัง พระภิกษุ เล้ อายุ ๒๐ อุทิศร่างเผาตนในเจดีย์ ซึ่งมีพระภิกษุอีก ๒ รูปที่อดอาหารประท้วงมากว่า ๑๐ วัน ที่เมืองพานเทียต ห่างจากไซ่ง่อน ๑๐๐ ไมล์ แม่ชีเยียง เหียน อุทิศร่างเผาตน ประท้วงการกดขี่เข่นฆ่าชาวพุทธ ของ สังฆราชคริสเตียน
โรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก และที่เจดีย์หูดาม ซึ่งเป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดใน เมืองเว้ พระภิกษุวัย ๗๑ ปี ได้พลีชีพอุทิศร่างพิทักษ์พระพุทธศาสนาอีกเช่นกัน
วันอาทิตย์ ที่หน้าโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิคในไซ่ง่อน พระภิกษุ ทิจ เทียน มี หรือ ฮวางเมียว ได้นั่งขัดสมาธิ รดร่างชุ่มโชกด้วยน้ำมันก๊าด แล้วจุดไฟเผาสรีระของท่านด้วยตนเอง เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ขณะที่ชาวเวียตนามเข้ารีตคริสต์อยู่ในโบสถ์นั้นประมาณ ๑,๐๐๐ คน ท่านได้เขียนจดหมายถึงสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก และ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม เพื่อขอความเป็นธรรมให้เลิกฆ่าและปราบปรามพุทธศาสนิกชน
อุบาสิกา มาย เกี๊ยต อุทิศชีวิตพิทักษ์พุทธศาสนา ในไซ่ง่อน ด้วยการเอาขวานสับข้อมือตัวเอง แล้วเอามือที่ขาดนั้น ผูกกับหนังสือประท้วงการปราบปราม ของคริสเตียนโรมัน คาทอลิค ส่งให้รัฐบาล ?
จากการอุทิศชีวิตโดยการเผาตัวเองเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนานี้เอง ทำให้มีพุทธบริษัทเผาตัวเองตามอีกมากมาย

รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ได้ประกาศว่าจะทำตามข้อเรียกร้องในจดหมายของ พระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ที่อุทิศชีวิตเผาตัวเองนั้น แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดที่กลับกลอกหาความจริงใดๆ ไม่ได้ กลับกลายเป็นสัญญาณไฟเขียวให้ สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก เร่งใช้อำนาจผ่านตำรวจในสังกัด ทำการฆ่าและทำร้ายพระภิกษุ และพุทธบริษัท รุนแรงหนักขึ้น ไปอีก และ กลับกลายเป็นว่า พุทธศาสนิกชนเหล่านี้คือผู้ที่ร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามต้องการล้มล้างรัฐบาล
ตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก ได้ทำการเผาวัด ฆ่าพระภิกษุสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ นางชี และพุทธศาสนิกชนหนักยิ่งกว่าเดิมขึ้นไปอีก
- วัดกลายเป็นที่ต้องห้ามของการทำศาสนพิธี โดยมีลวดหนามและสิ่งกีดขวาง ไปปิดกั้นตามถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่นเว้ และไซ่ง่อน
- พระภิกษุหรือผู้ใส่ชุดขาวหรือชุดอุบาสกออุบาสิกา คือผู้สวมเครื่องแบบของผู้ทำลายความมั่นคงของรัฐบาล
- พระภิกษุสงฆ์โกนศีรษะโล้นห่มผ้ากาสาวพัสสตร์ คือเป้าหมายของตำรวจเวียตนามที่เข้ารีตเป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิค
ภาพของพระสงฆ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ยิง จนกระทั่งมรณภาพบนบาทวิถี กลายเป็นภาพที่ประชาชนเห็นเป็นปกติ ศพของพุทธศาสนิกชน ที่ทับถมตามฐานเจดีย์ คือสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกวัน
ไซ่ง่อน ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖
รัฐบาลคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง ดินห์ เดียม ปฏิเสธอย่างเป็นทางการ ที่จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้ว่า จะเลิกปราบปราม และ เข่นฆ่า ชาวพุทธ จึงมีความคาดหมาย กันว่า อาจมีการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
"เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา" (สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก ควบคุม) ได้บังคับให้องค์กรปกครองคณะสงฆ์เวียตนาม พระภิกษุสงฆ์เจ้าอาวาสวัดในพุทธศาสนา องค์กรพุทธศาสนา ลงนามเซ็นชื่อรับรองว่า จะซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล โง ดินห์ เดียม และจะเชื่อฟัง โง เดียม ถึก ซึ่งเป็นสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค รวมทั้งอยู่ใต้คำสั่งของสมาคม สงฆ์ แห่งชาติ (ที่รัฐบาลตั้งขึ้นเท่านั้น) และจะไม่จัดการเคลื่อนไหวประท้วงใดๆ (สำนักข่าว ยู.พี.ไอ.)


อ่านต่อที่นี่ ครับ

http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%A4%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2-110991.html
9  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / มหกรรม "ธรรมะบรรยาย" @ อุทยานวิทยาศาสตร์ สวทช. 4-6 มีนาคม นี้ เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 08:27:24 am
มหกรรม "ธรรมะบรรยาย" @ อุทยานวิทยาศาสตร์ สวทช. 4-6 มีนาคม นี้    


สวัสดีครับ มีข่าวมาฝากครับ อาจจะล่าช้าไป แต่ก็น่าจะพอชักชวนกันไปฟังได้
เพราะว่า กิจกรรม "ธรรมะบรรยาย" เริ่มต้นวันแรกแล้วในวันนี้ แต่พรุ่งนี้ วันหยุด
เสาร์-อาทิตย์ น่าจะมีประโยชน์บ้าง โดยเฉพาะ วิทยากร ที่จะไปบรรยายอีก 8
ท่าน เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทั้งนั้น เอาไฟล์ กับ โปสเตอร์ งานมาฝาก

10  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ธรรมะก่อนฟ้าสาง อจ.สมภพ โชติปัญโญ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 07:06:35 pm
ธรรมะก่อนฟ้าสาง อจ.สมภพ โชติปัญโญ



ความยาว 1 ชั่วโมง 15 นาที

http://www.wattraisikkha.com/wat/index.php
11  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / คาถาชินบัญชร หลายเวอร์ชั่น เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 06:00:13 pm
chin คาราโอเกะ 01 พระคาถาชินบัญชร MP3.mp3 (25.53 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?zmn1fzjfyyj

chin คาราโอเกะ 02 พระคาถาชินบัญชร WMV.WMV (4.62 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?mimba0wdddz

chin คาราโอเกะ 03 พระคาถาชินบัญชร WMV.WMV (37.18 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?hz0maztxcod

chin คาราโอเกะ 04 พระคาถาชินบัญชร DAT วัดอินทรวิหาร.DAT (53.02 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?k0l4y2wy40m

chin คาราโอเกะ 05 พระคาถาชินบัญชร FLV.flv (90.31 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?2yznqnnyzly

chin คาราโอเกะ 06 พระคาถาชินบัญชร WMV.wmv (57.94 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?ylkogmmdjky

chin01 สวดคาถาชินบัญชร.mp3 (4.72 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?y9vdbzoxzt0

chin02 สวดสังโยคชินบัญชร.mp3 (31.49 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?hgurrdnvbic

chin03 เพลงคาถาชินบัญชร อินเดีย.mp3 (3.63 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?dmzlgyg1oki

chin04 เพลงกาพย์ยานีชินบัญชร.mp3 (21.27 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?dm5qmmttihy

chin05 เพลงกาพย์ยานีชินบัญชร (แปล).mp3 (21 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?y2lmgmbommg

chin06 ชินบัญชร ทำนองสรภัญญะ.mp3 (13.5 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?nny2yztmdmy

chin07 ชินบัญชร ทำนองสรภัญญะ (ประสานเสียง).mp3 (8.07 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?zrtwgwoytzk

chin08 ชินบัญชร ทำนองสรภัญญะ (ดนตรีประกอบ).mp3 (9.03 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?mmnzzlmtyxq

chin09 เพลงแปลชินบัญชร (ชินกร ไกรลาศ).mp3 (18.69 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?dlmjtzmhoyk

chin10 เพลงคาถาชินบัญชร ทิเบต.mp3 (10.67 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?zmyowmaruht

chin11 เพลงคาถาชินบัญชร สรภัญญะ (สำหรับผู้เริ่มฝึกหัด).mp3 (32.51 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?yjojzngjzvn

chin12 เพลงคาถาชินบัญชร ฉบับชำระใจ.mp3 (35.86 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?i52zzmmwzuv

chin13 เพลงคาถาชินบัญชร (ภาษาบาลี) เสฐียรพงษ์.mp3 (12.57 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?e5mz1iovnge

chin14 เพลงคาถาชินบัญชร (ภาษาไทย) เสฐียรพงษ์.mp3 (12.51 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?jnwzmmvzmzy

chin15 เพลงคาถาชินบัญชร (แปล).mp3 (26.54 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?ttm2ztlzyol

chin16 เพลงคาถาชินบัญชร บาลี (ประสานเสียงเด็ก).mp3 (25.51 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?gmnzwnndygn

chin17 เพลงคาถาชินบัญชร (ร้องคู่).mp3 (20.74 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?nxfgd2mmm2t

chin18 เพลงคาถาชินบัญชร แปล (ร้องคู่).mp3 (21.04 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?l3kdzlmnld2

chin19 สวดคาถาพาหุงและคาถาชินบัญชรพร้อมแปลอธิบาย.mp3 (18.91 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?gmj2mnixnzn

chin20 เพลงคาถาชินบัญชร (ภาษาบาลี) ชุดเงิน.mp3 (9.65 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?mnw4dyzqozm

chin21 เพลงคาถาชินบัญชร (ภาษาไทย) ชุดเงิน.mp3 (11.61 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?a5m2f2izm0q

chin22 พระคาถาชินบัญชร MP4.mp4 (10.72 MB)
http://www.mediafire.com/download.php?yomztndjmym


http://www.mediafire.com/imageview.php?quickkey=jzgmmyymjed&thumb=4
12  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เมื่อลูกศิษย์ ถามผมว่า "ปล่อยปลาลงแม่น้ำได้บุญ หรือบาปครับ" เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 04:07:25 am
ขณะที่ไปสอนวันนี้ ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งถามเชิงเล่น เชิงจริงว่า

  อาจารย์ถามเรื่องการปล่อยสัตว์ หน่อยได้บุญหรือไม่

  ผมตอบไปว่า ถ้าจิตเราบริสุทธิ์ เพื่อช่วยชีวิตสัตว์ ก็เป็นบุญ

  งั้นปลาที่หนูไปปล่อย เป็นปลาปิรันย่า ปล่อยลงแม่น้ำไปประมาณ 30 ตัว จะได้บุญหรือไม่คะ

  ผมเองก็งง .....

แต่ฟังแล้ว ก็นำกลับมาคิดในอีกแง่มุมหนึ่งว่า

  การทำบุญในยุคนี้ อาจจะเป็นการทำบาป ก็ได้ เพื่อน ๆ มีความเห็นอย่างไรครับกับเรื่องนี้

 :c017:
13  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมงานบุญ วัดบ้านค่าย ระยอง 1 - 5 มีนาคม 2554 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:37:43 am
ขอเชิญพี่น้องชาวระยอง พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน

ร่วมงานปิดทองประจำปี 2554 ณ วัดบ้านค่าย

ในระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม 2554

ร่วมปิดทองพระประธาน ร.ศ.103 หลวงพ่อวงศ์ หลวงพ่อติ่ง

และในวันที่ 4 มีนาคม 2554 มีเทศน์มหาชาติ พร้อมชมมหรสพสมโภชได้ตลอดงาน
14  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / วันที่ 8 ก.พ. - 25 ก.พ. 56 เทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:31:31 am


งานวัดเขาวงพระจันทร์ครับ

อยาลืมไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท กันนะครับ


15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การวางอารมณ์ในกรรมฐาน มีขั้นตอนอย่างไรครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 11:02:14 pm
อยากทราบวิธีการวางอารมณ์ ในกรรมฐาน นั้นมีขั้นตอนอย่างไรครับ

 ต้องเรียน อะไรก่อน หลัง และ ต้องภาวนา อะไร ก่อน หลัง ครับ

 :25:
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไฟไหม้ตลาดนัดสนามหลวง2วอด เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 12:50:00 am
ไฟไหม้ตลาดนัดสนามหลวง2นานนับชั่วโมงวอดกว่า200ล็อคคาดไฟฟ้าลัดวงจร

 วันนี้( 28 ม.ค.)  ร.ต.ท.ราชันอ่อนใจ พนักงานสอบสวน (สบ 1)สน. ศาลาแดง เกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านขายสินค้าในตลาดนัดสนามหลวง 2 ถนนทวีวัฒนา จึงแจ้งผู้บังคับบัญชาพร้อมรถดับเพลิงกว่า 50 คันรุดไปที่เกิดเหตุพบว่าเพลิงอยู่ระหว่างการลุกไหม้ ช่วงโซน 1 เป็นร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ของเบ็ดเตล็ด โดยต้นเพลิงเกิดจากร้านเฟอร์นิเจอร์ ไม้สักล็อกที่  13-16 ก่อนลุกลามไปยังร้านขายผ้าม่านที่อยู่ใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำสกัด ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบร้านค้าถูกเพลิงไหม้เสียหายกว่า 200 ล็อก จาก การสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุเป็นเวลาปิดทำการมีเพียงพ่อค้า-แม่ค้าที่นำของ มาลงเพื่อเตรียมขายในวันเสาร์-อาทิตย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะประสานไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนสาเหตุและมูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสอบสวนต่อไป.

ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=561&contentId=118135
17  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ที่มาของรูปที่เขาร่ำลือกันว่าเป็นรูปของพระพุทธเจ้า เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 12:43:57 am




อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่ลิงก์ ด้านล่างครับ เยอะมากในคำวิจารณ์ ที่มีประโยชน์ ครับ

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/11/Y4842339/Y4842339.html

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/02/Y8849023/Y8849023.html
18  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ธรรมเจดีย์ อายุเก่าแก่กว่า ๒,๐๐๐ ปี ... เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 12:34:20 am
ธรรมเจดีย์  เป็นพระะคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ อายุเก่าแก่กว่า ๒,๐๐๐ ปี

พระคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณที่ถูกค้นพบในถ้ำแถบหุบเขาบามิยัน แคว้นคันธาระ ประเทศอัฟกานิสถานปัจจุบัน

คาดว่าถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปีพุทธศตวรรษที่ ๖ โดยพระสาวกรุ่นแรกๆ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถือได้ว่าเป็นต้นฉบับพระไตรปิฎกของพุทธศาสนา

หลังจากถูกค้นพบพระคัมภีร์ถูกนำไปเก็บไว้ ณ สถาบันอนุรักษ์สเคอเยน

ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เอกสารโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ได้มีการชำระพระคัมภีร์โดยความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาสันสกฤตโบราณ

และมหาวิทยาลัยออสโล ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานถึง ๑๒ ปี

เนื่องจากเป็นเอกสารโบราณล้ำค่าที่เก่าแก่มาก

ทางสถาบันอนุรักษ์สเคอเยนยังไม่เคยอนุญาตให้นำไปจัดแสดงที่ไหน

แต่ด้วยความร่วมมือจากรัฐบาลนอร์เวย์

ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่พระคัมภีร์จะถูกอัญเชิญออกนอกประเทศนอร์เวย์

เพื่อมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย เป็นเวลา ๙๐ วัน

งานนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลนอร์เวย์ ที่ได้มีการเตรียมการมาเกือบ ๒ ปี การจัดงานในครั้งนี้

เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ไทย–นอร์เวย์

ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นมาร้อยกว่าปีนับแต่รัชสมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือนนอร์เวย์เป็นครั้งแรก


และนับว่ามีความสำคัญยิ่งต่อประเทศไทยและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่จะได้สักการะธรรมเจดีย์ 

ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และจะได้ศึกษาเรื่องราวแห่ง   พระธรรมคำสั่งสอนจากนิทรรศการที่จะได้จัดให้มีขึ้นต่อไป

หาก ท่านที่สนใจ จะไปกราบสักการะ ไปได้ที่

 อาคารพิพิธภัณฑางพระพุทธศาสนา พุทธมณฑล  และชมนิทรรศการถึงความเป็นมาแห่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เริ่มมาตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น. – ๑๘.๐๐ น. ทุกวันค่ะ

ที่มา http://www.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=3899:2010-11-09-17-02-50&catid=25:2008-09-16-16-33-35&Itemid=219


ควรหาโอกาสไปสักการะค่ะ เพราะจะอัญเชิญกลับประเทศนอร์เวย์เร็ววันนี้ค่ะ







ที่มาจากคุณ mod2002 ครับ
19  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สติ เหนือกรรม (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 12:23:38 am
สติ เหนือกรรม (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)




ทุก คนชอบบุญ ทุกคนไม่ชอบบาป แต่ปัจจุบันก็น้อยคนนักที่ปฏิเสธคำยั่วยุต่างๆ นานาของบาป หรือของกรรมนั่นเอง มีน้อยคนนักที่เข้มแข็งปฏิเสธคำยั่วยุของบาปกรรมได้สำเร็จ การทำบาปทำไม่ดีจึงไม่เบาบางจากโลก ทั้งยิ่งวันก็ยิ่งมากขึ้นทุกที


ที่ รู้ได้ดังนี้ก็ด้วยเราพากันสารภาพเอง บอกเองว่า โลกทุกวันนี้มืดแล้ว ไม่มีแสงแห่งความดีงามเพียงพอจะสู่กับอำนาจเลวร้ายของกรรม ที่จริงเราพากันแพ้กรรม ยอมตกอยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของกรรม ยอมคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ได้ต่างๆ นานา


ไม่ใช่เพราะเราอยากทำเช่นนั้น ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครอยากเป็นคนชั่ว แต่ที่พากันเป็นคนชั่วคนไม่ดีก็เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของกรรม โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกกรรมบัญชา ถูกกรรมสั่งให้ยอมเป็นคนไม่ดี ความยินยอมพร้อมใจไปกับกรรมก็เพราะขาดสติอย่างสิ้นเชิง จนไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว ไม่รู้ความควร ไม่รู้ความไม่ควร


สติจึงสำคัญนัก สำคัญที่สุด สติจะทำให้ผู้มีสติรู้ผิดรู้ชอบดังกล่าวแล้วไม่มีใครอยากทำผิด ถ้ามีสติรู้ตัวรู้ผิดชอบ จะรู้เมื่อกรรมเข้ามาบัญชา จะไม่ยอมแพ้กรรม นั่นก็คือจะสามารถรักษาตัวให้พ้นจากการเป็นคนคิดชั่ว คนพูดชั่ว คนทำชั่วได้


จงเห็นความสำคัญที่สุดของสติ พยายามมีสติไว้ให้เสมอ คือพยายามอย่าให้ขาดสติ อะไรเกิดขึ้นได้จะได้ไม่ยอมเป็นผู้แพ้กรรม จะรู้ถูกรู้ผิด รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ชอบ อะไรจะพาไปถูกก็รู้ อะไรจะพาไปผิดก็รู้ อะไรจะพาไปดีก็รู้ อะไรจะพาไปชั่วก็รู้


ความ มีสติรู้เช่นนี้สำคัญนัก ให้มีสติจริง ให้รู้จริง จะไม่ตกอยู่ใต้บังคับบัญชาที่เลวร้ายรุนแรงของกรรม กรรมที่ทุกคนได้ทำไว้มากมายด้วยกันทั้งนั้น เพราะเป็นสิ่งที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน


อกุศลกรรมคือกรรม ไม่ดี ตามทันเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละที่จะบังคับบัญชาผู้ที่ได้ทำกรรมไม่ดีไว้ ให้ทำบาปทำชั่วต่างๆ นานา อันจะฉุดกระชากลากถูไปสู่ห้วงเหวแห่งความชั่วร้าย ที่จะให้โทษทุกข์รุนแรงทั้งสิ้น


: แสงส่องใจ ๑ มกราคม ๒๕๔๙
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
20  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรื่องรวม ๆ เกี่ยวกับสมาธิ เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 12:40:01 am
การทำสมาธิ

การทำสมาธิของคนส่วนใหญ่ประสบกับความล้มเหลว
หรือก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นลบกับการทำสมาธิ
เพราะขาดแนวทางที่ถูกต้อง
หรือมองแนวทางที่ถูกต้องแบบผิดๆ
ซึ่งก็หมายความว่ายิ่งทำสมาธิเท่าไร
ใจก็ยิ่งแกว่ง หรือห่างไกลจากสมาธิที่ถูกที่ชอบมากขึ้นเท่านั้น
ความเข้าใจขั้นพื้นฐานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด
ถ้าขาดความเข้าใจแล้วกระโดดไปพยายามทำสมาธิเลย
เกือบร้อยทั้งร้อยจะพยายามเพ่งจับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแน่นเกินไป
หรือไม่ก็จ้องบังคับความคิดของตัวเองให้ดับไปดื้อๆ
การทำสมาธินั้น ทุกคนหวังจะได้ผลเป็นความสุขสงบ
พูดง่ายๆ สมาธิคือการเปลี่ยนอึดอัดเป็นสบาย
แต่หลายคนทำสมาธิแล้วเปลี่ยนสบายเป็นอึดอัด
แล้วจะไปชอบใจหรือเห็นค่าของสมาธิได้อย่างไรกัน?
เพื่อจะมองเห็นทั้งเป้าหมายของสมาธิแบบที่พระพุทธเจ้าสอน
ตลอดจนทราบขั้นตอนของความสำเร็จอย่างชัดเจน
ก็ขอให้ทำความเข้าใจผ่านข้อสงสัยในหมู่นักเจริญสติ
ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด และก่อให้เกิดความละล้าละลังที่สุด ดังต่อไปนี้


๑) การทำสมาธิกับการเจริญสติต่างกันอย่างไร?
สมาธิคือภาวะของจิตที่ "ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว"
คือนิ่งอยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งสิ่งอื่น
หรือเมื่อมีสิ่งอื่นมารบกวนก็ไม่แกว่งไกวตามง่ายๆ
สติคือภาวะของจิตที่ "รู้เรื่องรู้ราว"
คือไม่ใช่เอากันแค่นิ่งอยู่ในฝัก
แต่ตัดเชือกกันว่าเอาตัวรอดได้หรือเปล่าด้วย
เปรียบเทียบได้กับคนที่เผชิญกับอุบัติเหตุกะทันหัน
ต้องนิ่งด้วย แล้วก็มีความเฉียบคมฉับไวด้วย
จึงจะหลีกหลบสิ่งที่พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ด้วยความเป็นอัตโนมัติทันเวลา
ทางพุทธเปรียบสิ่งกระทบหูตาและกายใจทั้งหลาย
ว่าเหมือนเป็นภัยหรือยาพิษ
เมื่อไม่รู้ว่าเป็นภัยหรือยาพิษเราก็ไม่หลีกหลบ
ผลลัพธ์คือจิตเกิดความเสียหายอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน
สัมมาสติคือฝึกรู้ในสิ่งที่ควรรู้
ไม่ว่าจะนับจากก้าวแรกที่เห็นลมหายใจ
ไปจนถึงก้าวสุดท้ายที่เห็นธรรมทั้งปวง
ล้วนแต่ควรรู้ว่าเหล่านั้นไม่เที่ยง
บังคับให้เป็นอย่างใจไม่ได้
ไม่อาจคงรูปให้เป็นตัวเป็นตนอย่างใดอย่างหนึ่งถาวร
เมื่อรู้ความจริงก็จะได้ไม่มีอาการยึด
เช่น เมื่อรู้แล้วว่าจิตไม่เที่ยง
บังคับจิตให้เป็นไปตามต้องการไม่ได้
เราก็จะได้ไม่คาดหวัง
ยึดมั่นสำคัญผิดว่าจะให้มันทรงนิ่งอยู่ตลอด
หรือเมื่อรู้แล้วว่ากายไม่เที่ยง
เหนี่ยวรั้งให้กายคงอยู่ในสภาพใดสภาพหนึ่งไม่ได้
เราก็จะหมดความทุรนทุรายเมื่อมันเหี่ยวย่นลง
หรือแม้กระทั่งร่างของบุคคลอันเป็นที่รักแตกดับ
เราก็จะไม่ร่ำร้องคร่ำครวญให้ร่างนั้นกลับฟื้นคืนชีพ
การเจริญสติมุ่งหมายเอาการฝึกรู้กายใจตามจริง
ผลลัพธ์สุดท้ายคือสมาธิที่เรียกว่า "อริยสมาธิ"
คือจิตตั้งมั่นรู้อยู่เองเป็นอัตโนมัติว่า
กายใจไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ
ดังนั้น ถ้าจะกล่าวโดยภาพรวม
ก็ต้องบอกว่าการทำสมาธิแบบพระพุทธเจ้า
คือ "การเจริญสติ" แบบที่เราได้ยินกันมากขึ้นในยุคนี้นั่นเอง
เมื่อทำสมาธิจนเป็นอริยสมาธิเต็มขั้น
ก็คือการเกิดปรากฏการณ์ล้างผลาญกิเลสเป็นขั้นๆ
เรียกว่ามรรคผลขั้นโสดา สกทาคา อนาคา และอรหัตต์ตามลำดับ


๒) สมถะกับวิปัสสนาต่างกันอย่างไร?
สมถะหมายถึงการอาศัยวิธีอันเป็นธรรมใดๆ
ทำให้ใจสงบจากกิเลส เพื่อให้พร้อมรู้เป็นวิปัสสนา
พูดสั้นๆคือ "ทำจิตให้สงบลงพร้อมตื่นรู้ตามจริง"
ปัจจุบันคนมักพูดถึงการทำสมถะ
ว่าคือการนั่งสมาธิและเดินจงกรม
หรือหนักกว่านั้นคือสมถะเป็นเครื่องถ่วง
ไม่ให้สนใจวิปัสสนา
ติดสมถะแล้วคือได้ไปเป็นพรหม
หมดสิทธิ์เข้าถึงมรรคผลนิพพาน
สมถะเลยถูกมองเป็นผู้ร้าย
และเห็นวิปัสสนาเป็นพระเอก
ข้อเท็จจริงก็คือไม่มีใครเป็นผู้ร้าย
ไม่มีใครเป็นพระเอก
มีแต่ขาสองข้างที่พาเราเดินไปถึงฝั่ง
ขาดข้างใดข้างหนึ่งก็เรียกว่าขาเป๋
เดินลำบาก ไปถึงปลายทางได้ยาก
หรือยิ่งถ้าขาข้างที่เหลือป้อแป้ปวกเปียก
ก็อาจออกจากจุดเริ่มต้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
คำว่า "วิปัสสนา" นั้น
รากของนิยามมาจากที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสในวิธีเจริญสติ
ใจความคือให้
"ดูกายใจนี้ตามจริงเท่าที่ปรากฏอยู่เป็นปกติ"
และที่เป็นปกติเลยก็คือทั่วทั้งกายใจนี้
กำลังแสดงความไม่เที่ยงให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา
นับตั้งแต่ลมหายใจเข้าออกไปจนกระทั่งความรู้สึกนึกคิด
ใครจะทำหรือไม่ทำวิปัสสนา
กายใจก็แสดงความจริงอยู่อย่างนั้น
ผู้ทำวิปัสสนาเพียงแต่เข้าไปดู เข้าไปรู้อย่างยอมรับเท่านั้นเอง
ฟังดูเหมือนง่าย
แต่ลงมือทำจริงจะยาก
นั่นก็เพราะจิตกระเพื่อมด้วยพลังกระตุ้นของกิเลสอยู่เรื่อยๆ
เช่น แค่ไม่อยากยอมรับว่าเราเป็นฝ่ายผิด
จิตจะบิดเบี้ยว กิเลสจะกระตุ้นให้หาเหตุผลสารพัด
มาพูดให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูก
คนเราสั่งสมนิสัยเช่นนี้กันโดยมาก
คนส่วนใหญ่จึงมีจิตที่ยอมรับตามจริงได้ยาก
หรืออย่างตอนฟุ้งซ่านหาทางแก้ตัวอยู่
ตอนฟุ้งซ่านหาทางมีความสัมพันธ์ทางเพศ
ตอนฟุ้งซ่านหาทางแก้เผ็ดคนที่ทำให้เราเจ็บใจ
จะไม่มีสิทธิ์เห็นความฟุ้งซ่าน
และความฟุ้งซ่านย่อมบดบังทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอกที่ปรากฏตรงหน้า
หรือจะเป็นโลกภายในทางกายทางใจใดๆ
การทำสมถะจึงมีบทบาทสำคัญ ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังกระเพื่อมไหวอยู่มาก
หากอาศัยสมถะมาช่วย ก็จะเห็นอะไรชัดกระจ่างแตกต่างไป
สรุปว่าสมถะคือการลดระดับความกระเพื่อมไหว
หรือสมถะคือการรักษาจิตไว้ไม่ให้กระเพื่อมไหวก็ได้
ประเด็นคือเมื่อจิตลดความกระเพื่อมไหวแล้ว
จึงค่อยมีความสามารถเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ
ไม่ใช่เห็นแบบโคลงเคลง ไม่ใช่เห็นแบบโยกไปไหวมา


๓) จะต้องเริ่มด้วยสมถะหรือวิปัสสนาก่อน?
มักมีการอ้างถึงพระอานนท์
ที่ท่านใจกว้าง เปิดรับทั้งลูกศิษย์ที่ชอบทำสมถะก่อนวิปัสสนา
หรือแบบที่อยากทำวิปัสสนาก่อนสมถะ
ตลอดจนแบบที่อยากทำทั้งสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไป
ความจริงก็คือถ้าเราดูที่ตัวเองอย่างเข้าใจ
ว่าเหมาะกับอะไร
ไม่ถือเอาตายตัวเป็นสากลว่าเริ่มอันไหนก่อนถึงจะดีกว่า
ปัญหาก็จะหมดไป และไม่ต้องกังขาอยู่เนืองๆ
ยกตัวอย่างถ้าเป็นคนกลัดกลุ้มรุ่มร้อนในราคะ โทสะ โมหะอยู่เรื่อยๆ
ก็อย่าเพิ่งฝืนทำวิปัสสนาให้ยาก
ต้องหาทางลดความรุ่มร้อนลงเสียบ้าง
เช่น ลดเหตุแห่งความตรึกนึกถึงเรื่องกามและเรื่องโกรธ
หันมาแผ่เมตตาหรือปลงสังเวชในความเน่าเปื่อยแห่งกายเสียบ้าง
พอร้อนเปลี่ยนเป็นเย็น พอทะยานอยากเปลี่ยนเป็นสงบระงับ
จิตถึงค่อยพร้อมจะเห็นตามจริงแบบวิปัสสนาได้
แต่หากเป็นคนยอมรับตามจริงได้ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร
เคยมีนิสัยเห็นประโยชน์ตามที่มันเป็นประโยชน์
เห็นโทษตามที่มันเป็นโทษ สำนักผิดตามที่ทำผิด
กับทั้งรักษาวาจาสัตย์ พูดคำไหนคำนั้นไม่กลับกลอก
ไม่พูดเอาดีเข้าตัว ไม่โยนชั่วให้คนอื่น
เช่นนี้ไม่ต้องพยายามทำสมถะมากก็ยกขึ้นวิปัสสนาได้เลย
ทำวิปัสสนาไป เดี๋ยวจิตคลายความยินดีในกิเลสทั้งหลาย
กลายเป็นสมถะไปในตัวได้เอง


๔) อานาปานสติคืออะไร?
อานาปานสติเป็นทั้งการทำสมาธิและการเจริญสติ
เป็นทั้งสมถะและวิปัสสนาในคราวเดียวกัน
แต่อย่างที่กล่าวแล้วว่าต้องมี "ความเข้าใจ" เป็นทุนก้อนแรกไว้ก่อน
หากปราศจากความเข้าใจแล้ว
อานาปานสติอาจเป็นสมาธิเก๊ๆ เป็นการเจริญสติเทียมๆ
หรืออาจเป็นสมถะถ่วงความเจริญ หรืออาจเป็นวิปัสสนายาพิษ
แทนที่จะเห็นอะไรตามจริง
กลับเห็นแต่อะไรที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เข้าข้างตัวเอง
พอกพูนมานะอัตตาให้ยิ่งๆขึ้นไปได้ทุกวัน
ขอให้ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง
หากกล่าวว่าอานาปานสติเป็นสมาธิ
ก็หมายความว่าเป็นสมาธิ
ที่อาศัยลมหายใจเป็นหลักตรึงจิตให้ตั้งมั่น
หากกล่าวว่าอานาปานสติเป็นการเจริญสติ
ก็ต้องหมายความว่าเป็นการเจริญสติ
ที่อาศัยการยอมรับตามจริงว่าลมหายใจไม่เที่ยง
ยอมรับตามจริงว่าเมื่อใดถึงเวลาเข้า เมื่อใดถึงเวลาออก
เมื่อถึงเวลาควรหยุด
กระทั่งเห็นชัดขึ้นมาเองว่าลมหายใจนั้น
เข้าแล้วต้องออก ออกแล้วต้องหยุด หยุดแล้วก็ต้องเข้าใหม่
เดี๋ยวก็ยาว เดี๋ยวก็สั้น หาความเที่ยงไม่ได้
มีแต่ภาวะพัดไหวของธาตุลม
ไม่ได้ต่างจากสายลมที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าแม้แต่นิดเดียว
เห็นจนพอ ในที่สุดจิตก็ยอมรับตามจริงว่าลมไม่เที่ยง
ไม่มีลมไหนเลยในชีวิตที่เป็นตัวเรา
ไม่มีลมไหนเลยที่เป็นบุคคล ตัวตน เราเขา
แม้สุขที่เกิดจากอานาปานสติ
ตั้งอยู่ได้นานแค่ไหนก็ต้องเสื่อมลงเป็นธรรมดา
ไม่ต่างจากลมหายใจแต่อย่างใดเลย
เมื่อเข้าใจอยู่ด้วยมุมมองข้างต้น
คำว่าสมถะและวิปัสสนาก็กลายเป็นเครื่องเสริมกัน
ไม่ใช่ศัตรูที่ต้องมาตีกันในอานาปานสติ
ลมหายใจและความสุขสดชื่นจะเป็นเครื่องล่อใหม่
ให้จิตของเราผละออกมาจากเหยื่อล่อแบบโลกๆ
นั่นถือเป็นสมถะ ยกจิตให้พร้อมรู้
และความไม่เที่ยงของลมหายใจที่ปรากฏให้รู้
ก็จะก่อให้เกิดปัญญาเห็นตามจริง
กระทั่ง "ทิ้ง" อุปาทาน เกิดปรากฏการณ์มรรคผลขึ้นในที่สุด


๕) ทำอานาปานสติควรลืมตาหรือหลับตา?
คำตอบคือขึ้นอยู่กับว่าเรามีเวลาเท่าไร ทำที่ไหน
มีเวลามากสักชั่วโมงหลับตาก็ดีจะได้ไม่วอกแวก
มีเวลาน้อยตอนคอยใครจะลืมตาก็ดีจะได้ไม่หลงเพลิน
ในอานาปานสติสูตร
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเจาะจงให้ลืมตาหรือหลับตา
แต่ขอให้พิจารณาตามจุดยืนจริงๆของแต่ละคน แต่ละขณะ
ถ้าลืมตาจะวอกแวกตามเหยื่อล่อสายตาไหม?
ถ้าหลับตาจะเคร่งเครียดเห็นนิมิตล่อใจวุ่นวายไหม?
ถ้ากำลังลืมตาหรือหลับตาแล้วเกิดข้อเสียใดๆ
ก็สลับกันเสีย เพื่อขับไล่ข้อเสียนั้นๆไป เท่านี้ก็จบ
หากลืมตาแล้วรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่อง ก็ควรลืมตาให้มาก
หากหลับตาถึงจะรู้ลมหายใจได้นานๆ ก็ควรหลับตาให้ต่อเนื่อง
อย่าไปกลัว หรือไปยึดรูปแบบว่าจะเอาอย่างไหนถึงจะถูก
เพราะมันถูกตรงจิต ตรงสติ ตรงความสามารถรู้ความไม่เที่ยง
ไม่ใช่ถูกตรงหลับตาหรือลืมตา
สำหรับคนส่วนใหญ่จะพบว่าการหลับตา
คือการปิดกั้นเครื่องรบกวนสายตา อันนี้ก็ถูก
แต่สำหรับคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ถูกรบกวนด้วยเครื่องล่อตาง่ายๆ
และสมัครใจลืมตาทำอานาปานสติ อันนี้ก็อย่าว่ากัน


๖) ทำอานาปานสติควรนั่งขัดสมาธิหรือนั่งเก้าอี้?
ถ้านั่งขัดแข้งขัดขานานๆ
กล้ามเนื้อจะหดเกร็ง
และยิ่งถ้าได้ความพยายามเพ่งลมหายใจมาเสริม
สักพักเดียวก็อาจพบว่าเหน็บกินเหมือนร่ำๆจะพิการได้
แรกเริ่มจึงควรนั่งเก้าอี้ก่อน
อย่าไปติดยึดว่านั่งขัดสมาธิได้ถึงจะเก่งหรือถึงจะถูก
เมื่อนั่งเก้าอี้เจริญอานาปานสติจนบังเกิดความชุ่มชื่นแล้ว
คุณจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อผ่อนคลายสบายมาก
เพราะร่างกายหลั่งสารดีๆออกมา
และจิตก็ไม่ก่ออาการบีบคั้นร่างกายดังเคย
ถึงตรงนั้นถ้าเลื่อนขั้นมานั่งขัดสมาธิ
ก็จะได้ความสมดุลครบวงจร
ตามที่พระพุทธเจ้าแนะว่าอานาปานสติที่สมบูรณ์


๗) เสียงช่วยกำกับการฝึกอานาปานสติมีประโยชน์อย่างไร?
ปกตินักทำสมาธิหรือนักเจริญอานาปานสติมือใหม่
จะจับทิศจับทางไม่ถูก ได้หน้าลืมหลัง ไม่รู้จะเริ่มหนึ่ง สอง สามอย่างไร
ถ้ามีเสียงบอกคอยช่วย ก็จะมีประโยชน์ตรงที่ไม่ต้องหลงทาง
เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากสลบกลางหมอกจัด
ถ้ามีใครมาจูงมือและคอยบอกว่าต้องก้าวขึ้นบันไดอย่างไร
เตือนให้ช้าหรือเร่งให้เร็วตามความเหมาะสมที่จังหวะไหน
โอกาสจะเข้าเขตปลอดโปร่ง ไม่ต้องหลงวกวนค่อยสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อจับหลักได้ถูกต้องแม่นยำแล้ว
ก็ไม่ควรอาศัยเสียงเป็นเครื่องช่วยกำกับ
เพราะเสียงเป็นปฏิปักษ์กับสมาธิจิต
ถ้าคอยพะวงฟังเสียงหรือแปลความหมายของเสียงอยู่
จิตก็จะไม่วิเวกเต็มรอบ เข้าถึงฌานได้ยาก
ไฟล์เสียงช่วยกำกับการฝึกอานาปานสติจากดังตฤณ
แบ่งออกเป็นหลายช่วง
จุดประสงค์เป็นไปเพื่อให้ฟังแล้วเข้าใจตลอดสาย
ว่าจะดำเนินจิตแบบนับหนึ่ง สอง สาม กันท่าไหน
ขณะหนึ่งๆอยู่ตรงขั้นใดของอานาปานสติ
และกระทั่งจะนำไปเทียบเคียงกับโพชฌงค์ได้อย่างไร


http://www.dungtrin.com
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ท่าศพอาสนะ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 12:21:55 am


เป็นอาสนะที่ช่วยในการผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจ

1. นอนหงายราบ เหยียดขา เหยียดแขนข้างลำตัว มือห่างจากสะโพกเล็กน้อย หงายมือ

2. หลับตา ดึงจิตมาอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก เพียงอย่างเดียว

3. ฝึกหายใจลึก และยาว ปรับลมหายใจเข้า-ออก ให้สม่ำเสมอ ไม่กระตุก

4. ผ่อนคลายส่วนต่างๆของร่างกาย และจิตใจ

5. หากจิตล่องลอยคิดเรื่องต่างๆ เมื่อรู้สติ ให้ดึงจิตกลับมา แล้วปล่อยวางความคิดนั้นไป แล้วดึงจิตกลับไปอยู่ที่ลมหายใจ เข้า-ออกใหม่

ข้อควรระวัง

 สำหรับผู้ที่มืปัญหาเรื่องหลัง  เมื่อทำท่าศพอาสนะแล้วรู้สึกปวดหลัง หรือไม่สบายหลัง ให้ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้น หรือจะนอนตะแคงข้างก็ได้
ขอบคุณเนื้อหา
http://www.watcharathath.com/content.php?id=311
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / น้ำมันมะพร้าวบริสทุธิ์ช่วยเยียวยาผู้ป่วย เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 11:29:47 pm
น้ำมันมะพร้าวบริสทุธิ์ช่วยเยียวยาผู้ป่วย
เมื่อวานไปหาหนังสืออ่านเกี่ยวกับโรคมะเร็ง คับ ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อน้ำมันมะพร้าวอะรัยสักอย่าง เลยลองเปิดเข้าไปอ่านดู แล้วมีหน้านึง เค้าพูดถึงหลักฐานยืนยันว่าทำไมน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ถึงช่วยเยียวยารักษา ผู้ป่วย HIV เลยแอบถ่ายหน้านั้นเก็บไว้ หุหุ แล้วเอามาฝากบอกเพื่อนๆคับ

เนื้อหามีอยู่ว่า ชายชาวฟิลิปปินส์คนนึง อายุ 28 ปี เค้ายืนยันว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ช่วยให้เขายังมีชีวิตอยู่ แม้ต้องเผชิญกับโรคร้าย เพราะการรับการรักษาพยาบาลที่ประเทศเค้านั้น แก้ปัญหาให้เค้าได้น้อยมาก ร่างกายเค้าอ่อนแอเพราะโรคแทกซ้อน และเค้ารู้สึกว่าได้รับการรักษาและการตัดสินจากคนรอบข้างโดยไม่ยุติธรรม

เค้าเลยศึกษาแพทย์ทางเลือก และสิ่งสุดท้ายเค้าค้นพบคือน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ หลังจากที่เค้ากินนำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ได้ 9 เดือน เค้าก็ได้เข้าร่วมอภิปรายเรื่องสุขภาพเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นถึงสิ่ง มหัศจรรย์ที่เค้าค้นพบและชัยชนะที่มีต่อเชื้อเอดส์ ก่อนที่เค้าจะใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ร่างกายของเค้าอยู่ในสภาวะเป็นโรคแทรกซ้อน แต่หลังจากกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ได้ 9 เดือน ร่างกายเค้าก้อดีขึ้น เค้าใช้นำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 6 ช้อนโต๊ะต่อวัน และทาน้ำมันมะพร้าวทั่วผิวหนัง 2 ครั้งต่อวัน และเมื่อเค้าไปตรวจร่างกายอีกครั้ง พบว่าจำนวนไวรัสในร่างกายมีจำนวนน้อยลง ผิวพรรณที่เคยแห้ง และมีจุดด่างดำ ก็ดูดีขึ้นอย่างมาก

และก็มีผู้ที่ออกมาให้ความเห็นว่าเห็นด้วยประสิทธิ์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

อันนี้คร่าวๆนะคับ เพราะอ่านแล้วสรุปมาเขียนอีกทีนึง

ยังงัยก้อใช้วิจารณญาณนะคับ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง
หน้า: [1]