ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พัพพุชาดก ตอนที่ 1 ชาดกว่าด้วยวิธีให้แมวตาย  (อ่าน 2003 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
พัพพุชาดก ตอนที่ 1 ชาดกว่าด้วยวิธีให้แมวตาย


ในพุทธกาลสมัยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหารในนครสาวัตถีเผยแผ่คำสอนของพระพุทธศาสนากว้างไกลไปทั่วแคว้นพาราณสี ในกาลนั้นได้มีอุบาสิกาผู้หนึ่งมีนามว่ากาณมาตา นางเป็นอริยสาวิกาผู้บรรลุโสดาบันนางอาศัยอยู่กับลูกสาวคนหนึ่งมีชื่อวา กาณา
 เมื่อถึงวัยอันควร กาณมาตาก็ตัดสินใจยกลูกสาวของตนให้แต่งงานกับชายผู้มีชาติตระกูลดีผู้หนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่อีกตำบลหนึ่ง “ลูกเอ้ย ไปอยู่บ้านเขา เป็นสะใภ้บ้านเขา เจ้าต้องประพฤติตัวให้ดี อย่าให้เสื่อมเสียนะ” “ลูกทราบแล้วท่านแม่ ท่านแม่อย่าห่วงเลย แล้วลูกจะแวะมาเยี่ยมท่านแม่บ่อยๆ ท่านแม่ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีๆ นะคะ”
 หลังจากที่บุตรสาวของนางออกเรือนไปแล้วก็ยังคงหมั่นมาเยี่ยมมารดาอยู่เสมอๆ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ กาณา กลับมาเยี่ยมมารดาของนางด้วยกิจธุระจำเป็นบางอย่าง “มาคราวนี้จะอยู่สักกี่วันล่ะลูก” “ก็สักพักน่ะจ๊ะ ท่านแม่ ลูกว่าเสร็จธุระแล้วก็จะรีบกลับ แต่จะว่าไปลูกก็อยากอยู่กับท่านแม่นานๆ นะคะ”


 “เหอะๆๆ เด็กโง่ เจ้าน่ะโตเป็นสาวแล้วนะ แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ยังจะมาติดแม่อยู่อีกรึ เสร็จธุระแล้วก็รีบๆ กลับไปซะเถอะ สามีเจ้าจะได้ไม่ต้องห่วง เจ้าไม่ต้องห่วงแม่หรอก แม่น่ะอยู่ได้” “ค่ะ ท่านแม่” นางกาณานั้นจากสามีมาอยู่กับแม่ได้พอสมควร สามีของนางก็รู้สึกเป็นห่วงจึงจัดให้คนตามนางกาณากลับบ้าน
 “ท่านหญิง นายท่านให้ข้ามาตามท่านกลับบ้านน่ะ เราเป็นห่วงท่านหญิงมากนะ ท่านหญิงมาหลายวันแล้ว กลับบ้านได้แล้วขอรับ” “ท่านแม่ เห็นทีลูกต้องไปแล้วสามีของลูกถึงขนาดส่งคนมาตาม เขาคงจะเป็นห่วงลูกมากๆ ถ้าอย่างนั้นลูกขอตัวก่อนนะคะ ท่านแม่” “เอาเถอะจ๊ะลูกรัก มันก็สมควรเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว


 แต่เจ้าเองก็มาตั้งหลายวัน จะกลับไปมือเปล่าก็ใช่ที ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะทอดขนมให้เจ้านำติดมือกลับไปฝากสามีของเจ้าด้วยละกันนะ” “ค่ะ ท่านแม่ เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านแม่อีกแรงนึง” สองแม่ลูกลงมือช่วยกันทอดขนมจำนวนมาก หวังจะให้ กาณา นำติดไม้ติดมือไปฝากที่บ้านของสามี ขนมที่ทั้งสองแม่ลูก มีมากมาย สีสันน่ารับประทาน
  “ท่านแม่ ดูสิคะ ขนมที่เราสองคนช่วยกันทำ สีสันช่างน่าอร่อยจริงๆ” “หึๆๆ เรื่องทอดขนมน่ะ แม่ไม่แพ้ใครหรอกนะ เดี๋ยวเจ้าเอาไปฝากสามีเจ้าเยอะๆ ถ้าชอบ วันหลังก็มาเอาอีก เดี๋ยวแม่จะทอดให้” “จ๊ะแม่” ความหอมของขนมที่สองแม่ลูกทำนั้น ส่งกลิ่นหอมขจรไปทั่ว ใครได้กลิ่น ต่างก็ชมและอยากทานขนมกันทั้งสิ้น


 ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งมาบิณฑบาตที่นี่เป็นประจำได้ผ่านมาพบเข้าพอดี “อะ อ้าว หลวงพี่ท่านนี้มาพอดีเลย นิมนต์เลยเจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งทอดขนมเสร็จ ขอใส่บาตรด้วยเลยก็แล้วกันนะเจ้าคะ” “เจริญพร นะโยม ขนมเยอะแยะไปหมดเลย นี่จะมีงานอะไรกันเนี่ย” “ดิฉัน ทอดขนมเพื่อให้ลูกสาวนำไปฝากสามีที่บ้านน่ะเจ้าค่ะ”
ด้วยความหอมของขนมที่นางทอด ทำให้ภิกษุรูปนั้น อดไม่ได้ที่จะชื่นชม และเมื่อออกจากบ้านของ นางกาณมาตาแล้ว ก็พบกับภิกษุอีกรูปหนึ่งเข้า จึงเล่าให้ฟังเรื่องขนมทอดของ นางกาณมาตา “นี่ท่าน ดูซิ ขนมมากมายเลย เราเพิ่งไปที่บ้านของโยม กาณมาตา มาน่ะ ท่านลองไปบิณฑบาตที่นั่นดูซี่ ยังมีขนมอีกมากมายเลย”


“จริงหรือท่าน อื้ม...กลิ่นหอมดีจริงๆ เลยเชียว เห็นทีข้าต้องไปบ้างแล้ว” ไม่เพียงแต่ภิกษุรูปนี้เท่านั้น ที่มาขอบิณฑบาตขนมทอด เพราะเมื่อภิกษุรูปที่ 2 กลับออกไป ก็ไปบอกเล่าให้ภิกษุอีกรูปหนึ่งเป็นรูปที่ 3 ที่มาขอบิณฑบาตขนม พอภิกษุรูปที่ 3_กลับออกไปก็ไปเล่าให้ภิกษุอีกรูปทราบเรื่องขนมทอดเป็นรูปที่ 4
ปรากฏว่าขนมทอดที่นางกาณมาตาทำไว้หวังให้ลูกสาวนำกลับบ้านฝากสามีก็หมดลง “ตายจริงท่านแม่ ขนมที่เราทอดไว้หมดซะแล้ว” “ไม่เป็นไรจ๊ะ ลูกรัก เอาไว้พรุ่งนี้แม่ค่อยทอดให้ใหม่ วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน แม่ขอพักก่อนนะจ๊ะ เจ้าก็ค่อยกลับไปบ้านสามีเจ้า พรุ่งนี้ก็แล้วกัน รอให้แม่ทอดขนมเสร็จก่อนแล้วกันล่ะ”
 “ค่ะ ท่านแม่ ลูกเองก็เหนื่อยเหมือนกัน เราพักกันก่อนนะคะ” แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปดั่งที่คิด เหตุเพราะต่อให้สองแม่ลูกช่วยกันทอดขนมจนเสร็จพร้อมจะนำกลับบ้านแล้วเมื่อไหร่ ภิกษุทั้ง 4_ที่มาขอบิณฑบาตขนมไปเมื่อวันก่อน ก็จะย้อนกลับมาบิณฑบาตอีกครั้ง ซึ่งพวกนางก็ไม่อาจจะปฏิเสธการทำบุญสุนทานได้


 “นิมนต์ค่ะ หลวงพี่ วันนี้ขนมมีมากมายค่ะ” “อึ้ม...ขนมที่โยมทอดเนี่ย อร่อยจริงๆ นะ วันนี้ก็ทอดขนมให้ลูกสาวนำไปฝากสามีอีกเช่นเคยรึ” “ใช่ค่ะ หลวงพี่ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ ขนมยังมีอีกเยอะแยะ ถึงหมดก็ทำใหม่ได้เจ้าค่ะ” แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม ขนมที่สองแม่ลูกทอดไว้หมดเกลี้ยงลงอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ กาณา ก็ยังมิอาจกลับไปบ้านหาสามีด้วยไม่มีของฝากติดมืออีกเช่นเคย “ท่านแม่ ขนมหมดอย่างเนี้ย แล้วลูกจะเอาอะไรไปฝากสามีลูกล่ะคะ” “ช่วยไม่ได้จ๊ะ งั้นพรุ่งนี้เราทอดกันใหม่ก็ได้ เลื่อนไปอีกครั้งคงไม่เป็นไรหรอกนะ” “ท่านหญิง นี่ตกลงแล้ววันนี้ท่านก็ยังกลับไม่ได้อีกหรือเนี่ย นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วนะที่ท่านเลื่อนไปเลื่อนมาอย่างเนี้ย ข้าเกรงว่านายท่านจะโกรธเอาได้นะขอรับ”
 “งั้นเราฝากเจ้าวานไปบอกสามีเราที ว่าพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับแน่นอน วันเนี้ยเจ้ากลับไปก่อนเถอะนะ” “เอางั้นก็ได้ งั้นข้าไปล่ะ” วันรุ่งขึ้น สองแม่ลูกตื่นนอนแต่เช้าเพื่อจะรีบช่วยกันทอดขนมอีกเป็นวันที่ 3 โดยวันนี้ผู้ที่สามีของ นางกาณา ส่งให้มาตาม ก็มาตามนางกลับแต่เช้า “ท่านหญิง นายท่านสั่งข้ามาว่า ถ้าวันนี้ท่านหญิงยังไม่ยอมกลับบ้านอีกเป็นครั้งที่ 3
   นายท่านจะไปมีภรรยาใหม่แล้วนะขอรับ” “จ๊ะๆๆๆ วันนี้แหละ เราจะกลับแน่ๆ รอเราทอดขนมเสร็จก่อนนะ” “ไม่ต้องห่วงจ๊ะ ลูกรัก เจ้าได้กลับแน่ๆ เดี๋ยวแม่จะทอดขนมให้เยอะกว่าเมื่อวานนะจ๊ะ คราวเนี้ย เจ้าเหลือกลับไปฝากสามีเจ้าแน่ๆ ลูกเอ้ย” “ขอบคุณท่านแม่มากค่ะ” แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ทันทีที่สองแม่ลูกทอดขนมเสร็จ ภิกษุทั้ง 4 รูปก็มาบิณฑบาตจนขนมที่ทอดไว้หมดลงอย่างรวดเร็ว


เป็นอันว่า นางกาณา ก็มิสามารถที่จะกลับบ้านสามีได้อีกเช่นเคยเป็นครั้งที่ 3 “แย่แล้วท่านแม่ ขนมที่เราทอดไว้หมดลงอีกแล้ว แล้วทีนี้ลูกจะเอาอะไรไปฝากสามีลูกได้ล่ะคะ” “ทำใจดีๆ ไว้ลูกรัก แม่ว่าสามีของเจ้า คงไม่ใจร้ายมีภรรยาใหม่ จริงๆ หรอกจะ” “ตกลงวันนี้ท่านก็กลับไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย งั้นข้าขอกลับก่อนนะ ข้าเตือนท่านแล้วนะ นายหญิง ว่านายท่านจะมีภรรยาใหม่จริงๆ นะขอรับ ข้าไปก่อนล่ะ” เป็นจริงดังที่คนมาตามได้บอกไว้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวว่า สามีของนางได้ไปมีภรรยาใหม่จริงๆ


เหตุทั้งหมดเพียงเพราะนาง ไม่มีขนมทอดติดมือไปฝากจึงยังมิอาจกลับบ้านสามีได้ ทำให้นางถูกสามีทิ้ง “ฮือๆๆ โชคร้ายแต่ปางหนใด เหตุไฉนลูกถึงต้องถูกทิ้งเพราะเพียงเรื่องแค่นี้ เราไม่น่าใส่บาตรขนมจนหมดเลยท่านแม่ ฮือๆๆๆ” “ทำอย่างไรได้เล่า ลูกเอ้ย พระคุณเจ้าท่านแวะมาบิณฑบาตทั้งที เราจะทำเพิกเฉยได้อย่างไร อย่าร้องไห้ไปเลยลูกรัก” “ท่านแม่ ฮือๆๆๆ” ข่าวการเสียใจ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ของ นางกาณานั้น แพร่สะพัดไปทั่ว
องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทราบเรื่องก็ทรงครองผ้าถือบาตรจีวรเสด็จไปยังวิเวกของ กาณมาตา เพื่อหวังจะถามไถ่ “โอ้ องค์พระศาสดาเสด็จมาถึงบ้านดิฉันเลยรึคะ นิมนต์บนอาสนะเลยเจ้าค่ะ นิมนต์เลยเจ้าค่ะ” เมื่อองค์พระศาสดาประทับนั่งเหนืออาสนะที่จัดถวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ตรัสถาม นางกาณมาตา ด้วยความห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องของบุตรสาว “เราทราบมาว่า ลูกสาวของท่านเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใดฤา” “เอ่อ..คือๆ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ พระคุณเจ้า”
  ดังนั้นนางกาณมาตา จึงเล่าเรื่องที่นางและลูกช่วยกันทอดขนมหวังจะให้บุตรสาวนำกลับไปฝากที่บ้านสามี แต่กลับต้องมาใส่บาตรให้ภิกษุทั้ง 4_รูป ที่มาบิณฑบาตทุกวันจนขนมที่ทอดไว้หมดสิ้น ไม่สามารถกลับบ้านสามีได้ เป็นเหตุให้สามีของบุตรนางไปมีภรรยาใหม่ “เรื่องมันเป็นอย่างนี้เองหรอกหรือ โยมทั้งสองอย่าเสียใจไปเลย ทำใจดีๆ นะ” “ขอบพระคุณ พระคุณท่านมากค่ะที่ปลอบโยนพวกเรา พวกเราเนี่ย ซาบซึ้งใจยิ่งนัก”


 หลังจากถามไถ่และปลอบโยนสองแม่ลูกจนคลายทุกข์ องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร วันต่อมา เหตุการณ์ที่ นางกาณาต้องถูกสามีทิ้งเพราะไม่มีขนมติดมือไปให้สามีเนื่องจากถูกภิกษุ 4 รูปมาบิณฑบาตไปหมดสิ้นก็เป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งธรรมสภา ภิกษุต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างสนใจใคร่รู้ “อื้ม....น่าเห็นใจ นางกาณา ยิ่งนักที่ต้องมาถูกสามีทอดทิ้งด้วยเรื่องเพียงแค่นี้” “เฮ้อ...ไม่รู้จะโทษใครดีเหมือนกัน เรื่องแบบนี้”
เมื่อองค์พระศาสดาเสด็จมายังธรรมสภา เห็นภิกษุจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ก็ทรงตรัสถามถึงเรื่องที่เหล่าภิกษุกำลังสนทนากัน “ภิกษุเอ๋ย นี่พวกเธอกำลังสนทนาประชุมกันเรื่องอะไรหรือ?” “ก็เรื่องที่ นางกาณา โดนสามีทอดทิ้งเพราะใส่บาตรขนมทอดให้แก่ภิกษุทั้ง 4_จนขนมหมด เป็นเหตุให้กลับบ้านไม่ได้ซักทีน่ะขอรับ” “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่เพียงบัดนี้เท่านั้น ที่ภิกษุทั้ง 4_เหล่านั้นกินของ ของนางกาณา แล้วทำความโทมนัสให้เกิดแก่นาง แม้ในครั้งก่อนก็เคยทำให้นางเกิดโทมนัสมาแล้ว” จากนั้นจึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ ย้อนไปในอดีตชาติ ตรัสเล่าชาดกเรื่อง พัพพุชาดกไว้ดังนี้








 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ