ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อลีนจิตตชาดก ชาดกว่าด้วยกัลยาณมิตร  (อ่าน 1547 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
อลีนจิตตชาดก ชาดกว่าด้วยกัลยาณมิตร
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2015, 01:22:15 pm »


อลีนจิตตชาดก ชาดกว่าด้วยกัลยาณมิตร


 ณ นครสาวัตถีมีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อบวชแล้วก็ไม่สามารถบรรลุในพระธรรมได้สักที ภิกษุรูปนี้หมดความหวัง ละความเพียรที่จะปฏิบัติธรรมอีกต่อไป “เฮ้อไม่ว่าเราจะปฏิบัติธรรมเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นผล เราไม่บรรลุธรรมสักที” “ไม่เป็นไรน่า ของอย่างนี้จะไปเร่งรีบก็ไม่ดี ต้องค่อยเป็นค่อยไป” “ใช่แล้วหล่ะท่านอย่าเพิ่งละความเพียรเลย”
 สมเด็จพระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันได้ทราบถึงความหมดหวังของภิกษุหนุ่ม จึงทรงรับสั่งให้ภิกษุนั้นเข้าเฝ้าและกล่าวกับภิกษุนั้นว่า “เธอคลายความเพียรจริงหรือ ในอดีตเธอได้ทำความเพียรจนมีชัยชนะยึดเอาราชสมบัติแห่งกรุงพาราณสี ถวายราชกุมารน้อยได้สำเร็จแล้วบัดนี้เหตุใดจึงมาละความเพียรเสียเล่า
 เหล่าภิกษุที่นั่งเฝ้าเกิดความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องราวอดีตของภิกษุรูปนี้ จึงอาราธนาให้องค์พระศาสดาตรัสเล่า พระพุทธเจ้าเมื่อทรงรับอาราธนาแล้ว จึงตรัสเล่าอลีนจิตตชาดกดังนี้
 กาลครั้งหนึ่งเหล่าช่างไม้แห่งกรุงพาราณสีของพระเจ้าพรหมทัต พากันตัดไม้ในป่าเพื่อมาสร้างบ้านเรือนปราสาทพระราชวังเป็นประจำ วันหนึ่งในขณะที่ช่างไม้ กำลังตัดไม้อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของช้างป่า ช่างไม้จึงเดินไปตามเสียงแล้วก็พบช้างป่าเหยียบโดนตอตะเคียน ที่เท้ามีแผลลึกเลือดไหลโชก
 “เฮ้ย พวกเราช่วยกันหน่อย แผลลึกน่าดูเลยเนี่ย” “เดินยังไงถึงไปเหยียบต่อไม้เข้าได้ละเนี่ย คงเจ็บน่าดูเลย” “ดีนะ ที่พวกเราพกยามาด้วยเป็นประจำ เท้าบวมเบ่งเลย” ช้างนั้นมีความกตัญญูรู้คุณผู้ช่วยชีวิต เมื่อช่างไม้เข้ามาทำงานในป่า ช้างป่่าตัวนี้ก็จะออกมาช่วยงานเสมอ
 “โอ้ว ช้างตัวนี้มันรู้คุณคน ชั่งกตัญญูจริงๆ” “นั่นซินะ ตั้งแต่พวกเราช่วยมันในครั้งนั้นนะ มันก็มาช่วยพวกเราขนไม้ทุกวันเลยนะ” “เบาแรงขึ้นตั้งเยอะ สบายจัง ไม่ต้องขนไม้หนักๆ อีกแล้ว” ต่อมาเมื่อช้างป่าแก่ตัวลง ไม่สามารถช่วยเหลืองานช่างไม้ได้อย่างเดิม จึงได้นำลูกของตน เป็นลูกช้างอาชานัยมาช่วยงานแทน
“เราแก่มากแล้วช่วยงานพวกท่านต่อไปคงไม่ไหว จึงมอบลูกช้างน้อยนี้เป็นเครื่องตอบแทนพระคุณที่รักษาพยาบาลให้” “ลูกเอ่ย เจ้าต้องเป็นช้างที่ดีนะ ช่วยเหลืองานของช่างไม้แทนพ่อด้วยนะลูก” “ได้ครับพ่อ” ลูกช้างน้อยรับช่วยงานแทนพ่อ
 ลูกช้างเป็นสัตว์ว่านอนสอนง่ายเป็นที่รักของบรรดาช่างไม้และลูกๆของพวกเขา ธรรมชาติของอาชานัยทั้งหลายไม่ว่าช้าง ม้า หรือคนก็ตามจะไม่ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะลงในน้ำ เพราะฉะนั้นลูกช้างนี้จึงถ่ายในที่ห่างจากน้ำเท่านั้น "ฮืบ...ฮ้า..สบายจัง แถวนี้คงไกลแม่น้ำพอแล้วนะ”
บังเอิญวันหนึ่งฝนตกหนัก คูตลูกช้างที่แห้งก็ถูกซัดไหลลงสู่แม่น้ำไปติดอยู่ที่พุ่มไม้ใกล้ท่าน้ำในกรุงพาราณสี ครั้งนั้นพวกควาญช้าง นำช้างจำนวน 500 เชือก จะไปอาบน้ำ แต่พอได้กลิ่นคูตของลูกช้างอาชานัย ก็ไม่กล้าลงน้ำสักเชือกเดียว พากันหนีไปจนหมด
 “เฮ้ย เป็นอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นนี่ ช้างตื่นหนีไปหมดเลย โอ๊...โอ๊ว..จะโดนช้างเหยียบไหมเนี่ย เจ้าตกใจอะไรกัน” ในที่สุดนายหัตถาจารย์ก็ค้นพบคูตช้างอาชานัย เอามาผสมน้ำรดทั่วตัวช้างทุกเชือกจนมีกลิ่นหอม ช้างเหล่านั้นจึงลงอาบน้ำกันได้
 เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงทราบเรื่อง จึงเสด็จลงเรือขนานแล่นขึ้นไปต้นน้ำถึงที่อยู่ของพวกช่างไม้ “เราขอช้างอาชานัยนั่นเถิด” “ถ้าเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์หม่อมฉันก็ยินดีพระเจ้าค่ะ” ถึงแม้ช่างไม้จะยินดีมอบช้างอาชานัยให้พระเจ้าพรหมทัต
 แต่ลูกช้างอาชานัยนั้นก็ไม่ยอมไป ด้วยกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยงานของช่างไม้ พระเจ้าพรหมทัตพระราชทานค่าเลี้ยงดูแก่ช่างไม้เป็นจำนวนมาก และแม้จะพระราชทานสิ่งของแก่เหล่าช่างไม้ ตลอดจนเสื้อผ้าแก่หมู่ภรรยาก็ยังไม่ยอมไป ในที่สุดก็พระราชทานเครื่องเล่นเครื่องใช้สำหรับเด็กหญิงเด็กชายที่เป็นเพื่อนเล่นของลูกช้าง
ลูกช้างจึงยอมไปด้วยความรักและอาลัย พระเจ้าพรหมทัตทรงโปรดปรานช้างอาชานัยนี้เป็นที่สุด ทรงทำการอภิเษกยกขึ้นเป็นราชยานพาหนะ ทรงตั้งไว้ในฐานะเป็นพระสหาย ทรงเลี้ยงดูเสมอด้วยพระองค์ นับแต่ได้ช้างอาชานัยนี้มา ราชสมบัติในชมพูทวีปได้ตกอยู่ในเอื้อมพระหัตของพระราชาโดยสิ้นเชิง
 “เจ้านี่ชั่งเป็นช้างคู่ทุกข์คู่ยากของเราจริงๆ" "องค์เหนือหัวทรงรักเราขนาดนี้ เราก็ต้องทดแทนคุณด้วยชีวิต” ต่อมาพระเจ้าพรหมทัตทรงสวรรคต ในขณะที่พระมเหสีทรงครรภ์แก่ พวกคนเลี้ยงช้างพยายามปิดข่าวไม่ให้พญาช้างรู้ ด้วยเกรงว่าพญาช้างจะเสียใจจนหัวใจแตกสลาย
 ฝ่ายพระเจ้าโกศลทรงสดับข่าวสวรรคตของพระเจ้าพรหมทัต จึงคิดจะโจมตีหวังยึดครองเมืองพาราณสี “ทหารเตรียมไพร่พลให้พร้อมเราจะโจมตีเมืองพาราณสี เฮ้อๆ ฮ้าๆ ฮ่าๆ เมื่อขาดเจ้าเมืองแล้วใครจะกล้ามาทำศึกกับเรา พาราณสีต้องตกเป็นของเราแน่ๆ ฮ่าๆ ฮ้าๆ” เมื่อพระเจ้าโกศลยกกองทัพมาล้อมเมืองพาราณสี
ชาวเมืองก็ปิดประตูป้องกันอย่างดี ส่งสารถวายพระเจ้ากรุงโกศลขอรอให้พระอัครมเหสีคลอดเสียก่อนจึงจะพร้อมทำศึก ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงโกศลทรงรับตกลง เวลาผ่านไปเจ็ดวัน พระมเหสีให้กำเนิดโอรสนามว่า อลีนจิตตราชกุมาร เพราะทรงช่วยให้จิตท้อแท้ของมหาชนมีฝันดีขึ้น
  “ลูกแม่ ชื่นใจเหลือเกิน” เมื่อพระโอรสประสูติแล้วทหารและชาวเมืองพาราณสีก็เริ่มออกสู้รบแต่มักพ่ายแพ้กลับมาเนื่องๆ อำมาตย์และพระเทวีจึงเห็นว่าควรบอกเรื่องราวทั้งหมดแก่พญาช้างอาชานัย จึงพากันไปยังโรงพญาช้าง
“บัดนี้พระเจ้าพรหมทัตได้สวรรคตลงแล้ว บ้านเมืองก็ระส่ำระสาย ทหารออกรบคราใดก็พ่ายแพ้กลับมา ท่านอย่าปล่อยให้พระโอรสของสหายท่านตายเสียเลยนะ” พญาช้างเอางวงลูบคลำกุมารน้อยไว้เหนือกระพอง ร้องไห้คร่ำครวญแล้ววางโอรสให้บรรทมในพระหัตถ์ของพระเทวีดังเดิม
ช้างอาชานัยหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็ฮึกเฮิมหวังจะไปจับพระเจ้าโกศลเพื่อปกป้องโอรสองค์น้อย พวกทหารอำมาตย์รีบสวมเกราะพากันห้อมล้อมพญาช้างออกจากประตูเมืองไป “เราพร้อมจะทำศึกแล้ว ทหารทั้งหลายออกไปรบปกป้องโอรสกันเถอะ เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายโอรสสหายเรา"
พญาช้างแผดเสียงโกญจนาทจนข้าศึกแตกตื่นกลัว พากันหนีจนหมด เมื่อทหารฝ่ายตรงข้ามฝันหนีดีฝ่อ พญาช้างจึงใช้งวงคว้าพระเจ้าโกศลไว้ แล้วนำตัวมาวาง ณ เบื้องบาทของพระราชกุมารน้อย เมื่อเหล่าทหารจะรุมกันฆ่าพระเจ้าโกศล พญาช้างก็ห้ามปรามไว้ “ครั้งนี้พวกเราจะปล่อยท่านกลับไป ถึงแม้โอรสจะยังเป็นเด็ก แต่ท่านอย่าได้ประมาทว่าสามารถจะชนะโอรสของเราได้”
  ตั้งแต่นั้นมานครพาราณสีก็ไม่มีข้าศึกมาโจมตีอีกเลย พระราชกุมารได้รับการอภิเษกเมื่อพระชนม์ได้เจ็ดพรรษาทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมตลอดพระชนม์ชีพ เมื่อสวรรคตก็ได้เสด็จอุบัติในเมืองสวรรค์
ชาวเมืองและช้างอาชานัย ถือเอาอลีนจิตตกุมารเป็นที่พึ่ง ไม่ย่อท้อเพียรสู้รบจนได้ชัยชนะ
 เหมือนภิกษุที่มีพระบรมศาสดาเป็นที่พึ่ง เร่งความเพียรจนชนะกิเลสเถิด ในบัดนั้นพระภิกษุผู้คลายความเพียร จึงเกิดสติเร่งความเพียรจนบรรลุพระอรหัตผล
 
พระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต ได้มาเป็น พระนางสิริมหามายา
พระเจ้าพรหมทัต ได้มาเป็น พระเจ้าสุทโธทนะ
พญาช้างอาชานัย ได้มาเป็น ภิกษุผู้คลายความเพียร
พ่อของพญาช้าง ได้มาเป็น พระสารีบุตร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ