ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บาลีวันละคำ ทฤษฎีคาน  (อ่าน 1949 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บาลีวันละคำ ทฤษฎีคาน
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2015, 11:00:51 pm »
0
ทฤษฎีคาน
------------
ในบรรดาทฤษฎีหรือกลวิธีเบี่ยงเบนจุดสนใจ โดยเฉพาะเมื่อถูกกล่าวหา หรือถูกตั้งข้อสงสัยว่ากระทำผิด หรือกระทำการอันไม่ชอบธรรม หรือไม่ถูกไม่ควรนั้น ทฤษฎีคานถูกนำมาใช้กันมาก
เช่นเมื่อมีเสียงบอกว่า นาย ก โกง
ก็จะมีเสียงตอบว่า นาย ข ก็โกง
พอมีเสียงพูดแบบนี้ น้ำหนักที่บอกว่า “นาย ก โกง” ก็จะลดลง โดยที่ไม่ต้องแก้หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ เลยว่า นาย ก โกงจริงหรือเปล่า
เช่นเดียวกัน พอมีคนพูดว่า นักการเมืองไทยโกงการเลือกตั้ง
ก็จะมีเสียงตอบว่า นักการเมืองโกงเลือกตั้งกันทั่วโลก และประเทศอื่นโกงมากกว่าเราอีก
และยังแถมเหน็บเข้ามาอีกด้วยว่า มีที่ไหนบ้างที่ไม่โกง
พอพูดอย่างนี้ ก็เลยไม่ต้องมีการพิสูจน์ตรวจสอบว่านักการเมืองไทยโกงการเลือกตั้งจริงหรือเปล่า
ต่อจากนั้นก็พากันเห็นว่า โกงการเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่น่ารังเกียจอะไร
ทำให้นักการเมืองไทยสามารถโกงการเลือกตั้งได้ต่อไป
และการโกงการเลือกตั้งนั้นก็กลายเป็นความชอบธรรมยิ่งขึ้น
เป็นอันไม่ต้องคิดที่จะแก้ไขป้องกันการโกงเลือกตั้งอะไรกันอีกต่อไป
-------------
หลักของทฤษฎีคานก็คือ ยกเอาการกระทำอย่างเดียวกันของคนอื่น ที่อื่น ขึ้นมาถ่วงดุล เพื่อให้เห็นว่ากรณีที่กำลังถูกกล่าวหานั้นมีทำกันทั่วไป ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีสิทธิ์หรือมีความชอบธรรมที่จะกระทำเช่นนั้นได้ และแม้ต่อไปก็ย่อมสามารถกระทำเช่นนั้นได้อีก โดยไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ผิด + ผิด = ถูก
เพียงแค่หาผิดที่อื่นขึ้นมาคานเท่านั้น ก็จะกลายเป็นถูกทันที
คล้ายๆ กับจุดดำบนพื้นขาวย่อมเป็นจุดเด่น
ถ้าทำพื้นที่ทั้งหมดหรือส่วนมากให้เป็นสีดำ ก็จะแก้ปัญหาได้โดยยังคงจุดดำไว้ได้เหมือนเดิม
------------
ผมสังเกตว่า เวลานี้มีผู้ใช้ทฤษฎีคานอีกลักษณะหนึ่งแล้ว
โปรดอ่านข้อความนี้ครับ -
..........
"ประเด็นเหล่านี้ดิฉันอยากขอความกรุณาและตั้งข้อสงสัยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ความยุติธรรมกับดิฉันเหมือนกับผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท่านอื่นๆ หรือไม่..."
..........
นี่เป็นทฤษฎีคานอีกแบบหนึ่ง คือการยกเอาการปฏิบัติในกรณีอื่นขึ้นมาถ่วงดุลกับกรณีที่ตนกำลังถูกปฏิบัติ
ถ้าสมมุติใหม่ อาจช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น
สมมุติว่าแม่กำลังจะตีลูกคนหนึ่งที่ทำผิด
ลูกคนนั้นอุทธรณ์ว่า เมื่อคราวที่ลูกอีกคนหนึ่งทำผิดแบบเดียวกัน แม่ไม่เห็นตีเลย
จะเห็นได้ทันทีว่าถ้าแม่ตีลูกคนนี้ ก็จะไม่เป็นธรรม
ประเด็นที่ถูกเบี่ยงเบนหรือกลบเกลื่อนไปก็คือ ข้อเท็จจริงในการกระทำผิดครั้งนี้ของลูกคนนี้สมควรที่จะถูกตีหรือไม่ – ยังไม่ได้ถูกยกขึ้นมาพิจารณา เพราะถูกคานด้วยการกระทำผิดของลูกอีกคนหนึ่งเสียก่อน
แทนที่จะพิจารณาเนื้อหาของการกระทำผิด ก็กลายเป็นย้ายประเด็นไปที่เอาการปฏิบัติต่อการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันในครั้งก่อนมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน
เปรียบเทียบอีกทีให้เห็นชัดๆ
สามเณรรูปหนึ่งฉันข้าวค่ำ
หลวงพ่อไม่ลงโทษ (ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม)
ต่อมาสามเณรอีกรูปหนึ่งฉันข้าวค่ำบ้าง
หลวงพ่อจะลงโทษ
สามเณรรูปหลังนี่อุทธรณ์ว่า ทีรูปโน้นหลวงพ่อยังไม่เห็นลงโทษเลย
ถ้าหลวงพ่อไม่ลงโทษ – เพื่อความยุติธรรม (เนื่องจากครั้งโน้นก็ไม่ได้ลงโทษ)
การฉันข้าวค่ำก็กลายเป็นความชอบธรรมไป
ทุกวันนี้สังคมเรามีคนกระทำการอันไม่สมควรอยู่ทั่วไปได้ โดยอาศัยทฤษฎีคานนี้
จะเรียกว่าอะไรดีครับ
ความฉลาดของคนโง่
หรือว่า-ความโง่ของคนฉลาด ?
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บาลีวันละคำ ทฤษฎีคาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2015, 02:45:09 am »
0

      สาธุ ครับ

            ออกมา ซักวันละหน่อย  นะครับ หลวงพี่

                   อย่าหายไปเลย

                    เฮอะๆ...
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา