ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มโนชชาดก(การคบคนชั่ว)  (อ่าน 2510 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
มโนชชาดก(การคบคนชั่ว)
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2012, 06:01:42 pm »
มโนชชาดก(การคบคนชั่ว)


ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นสิงห์โตตัวผู้ อยู่กับสิงห์โตตัวเมีย ได้ลูก ๒ ตัว คือลูกตัวผู้ ๑ ตัว ตัวเมีย ๑ ตัว ลูกตัวผู้ได้มีชื่อว่า มโนชะ เมื่อมโนชะเติบโตแล้วก็รับเอาลูกสิงห์โตตัวหนึ่งมาเป็นเมีย ดังนั้นสิงห์โตเหล่านั้น จึงมีรวมกัน ๕ ตัว สิงห์โตมโนชะได้ฆ่ากระบือเป็นต้นในป่า นำเนื้อมาเลี้ยงพ่อแม่น้องสาวและเมีย
อยู่มาวันหนึ่งมันเห็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ชื่อคิริยะที่บริเวณที่หากินเหยื่อตน มันหนีสิงห์โตมโนชะไม่ทัน จึงได้นอนหมอบลง สิงห์โตมโนชะจึงถามว่า สหายเอ๋ยอะไรกัน เมื่อสุนัขจิ้งจอกบอกว่า ข้าแต่นาย ฉันประสงค์จะปรนนิบัตินาย จึงรับมันไว้แล้วนำมายังถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของตน
 
พระโพธิสัตว์เห็นพฤติการณ์นั้นแล้ว แม้จะห้ามว่า ลูกมโนชะ เอ๋ย ธรรมดาสุนัขจิ้งจอกทั้งหลาย ทุศีล มีบาปธรรม ประกอบสิ่งที่ไม่ใช่กิจ เจ้าอย่าเอาสุนัขจิ้งจอกนั้นไว้ในสำนักของตน ดังนี้ก็ไม่อาจจะห้ามได้
อยู่มาวันหนึ่งสุนัขจิ้งจอกอยากจะกินเนื้อม้า จึงพูดกะมโนชะว่า ข้าแต่นาย ขึ้นชื่อว่าเนื้ออย่างอื่นที่พวกเราไม่เคยกินไม่มี เว้นไว้แต่เนื้อม้า พวกเราจักจับม้ากันเถอะ
มโนชะถามว่า ม้ามีที่ไหน นะ ?
สุนัขจิ้งจอกตอบว่า ที่ฝั่งแม่น้ำเมืองพาราณสี
มโนชะรับคำสุนัขจิ้งจอกแล้ว ไปกับมันในเวลาที่ม้าทั้งหลายพากันอาบน้ำในแม่น้ำ ตะครุบม้าได้ตัวหนึ่ง ยกขึ้นหลังมาถึงประตูถ้ำของตนทีเดียว
ลำดับนั้น พ่อของเขากัดกินเนื้อม้าแล้ว จึงพูดว่า ธรรมดา ม้าเป็นสัตว์สำหรับใช้สอยของหลวง และพระราชาทั้งหลาย ก็ทรงมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย อาจตรัสสั่งให้พวกนายขมังธนูผู้แม่นธนูยิง ขึ้นชื่อว่าสิงห์โตที่กินเนื้อม้า ที่จะอายุยืนไม่มี ต่อแต่นี้ไปเจ้าอย่าตะครุบม้ามากิน
มโนชะไม่ทำตามคำพ่อยังตะครุบอยู่นั่นแหละ พระราชาทรงสดับว่า สิงห์โตตะครุบม้ากิน จึงทรงให้สร้างสระโบกขรณี สำหรับม้าไว้ภายในพระนครนั่นเอง แม้จากสระโบกขรณีนั้น สิงห์โตก็ยังมาตะครุบเอาเหมือนกัน พระราชาจึงทรงให้สร้างโรงม้า แล้วให้หญ้าและน้ำแก่ม้า ในภายในโรงนั้นเอง สิงห์โตก็ไปทางด้านบนกำแพง ตะครุบเอาจากภายในโรงนั่นแหละ
 
พระราชาตรัสสั่งนายขมังธนูยิงเร็ว คือยิงได้ไม่ขาดระยะมาคนหนึ่งมา แล้วตรัสว่า ดูก่อนพ่อ เจ้าจักอาจยิงสิงห์โต ได้ไหม ? เขาทูลว่า ได้พระพุทธเจ้าข้า แล้วได้ให้คนสร้างป้อมไว้ชิดกำแพงใกล้ทางสิงห์โตมาแล้วได้ยืนบนนั้น สิงห์โตมาแล้วให้สุนัขจิ้งจอก ยืนอยู่นอกป่าช้า แล้ววิ่งเข้าพระนคร เพื่อจะตะครุบม้า
ฝ่ายนายขมังธนู เวลาสิงโตมาก็คิดว่า สิงห์โตเวลาตัวเปล่ามีความรวดเร็วว่องไวมาก จึงยังไม่ยิงสิงห์โตในตอนนั้น แต่ครั้นเวลามันตะครุบม้าแล้วเอาม้าขึ้นหลังกลับไป นายขมังธนูนั้นจึงยิงสิงห์โต ที่ความรวดเร็วว่องไวลงแล้วเพราะแบกของหนัก ด้วยลูกศรที่แหลมคม เข้าที่ด้านหลัง ลูกศรทะลุออกทางด้านหน้าแล้ว วิ่งไปในอากาศ
 
สิงห์โตร้องว่า ข้าถูกยิงแล้ว นาย ขมังธนูยิงสิงห์โตนั้น เสียงสะบัดของสายธนูดังเหมือนสายฟ้า สุนัขจิ้งจอกได้ยิน เสียงสิงห์โตและเสียงสายธนูแล้ว คิดว่า สหายของเราจักถูกนายขมังธนูยิงตายแล้ว ธรรมดาว่าความคุ้นเคยกับสัตว์ทั้งหลายที่ตายแล้ว ย่อมไม่มี บัดนี้ เราจักไปที่อยู่ของเราตามปกตินั่นแหละ เมื่อจะเจรจากับตัวเอง จึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า:
[๙๗๖] เหตุใดลูกศรจึงไม่หลุดไปจากแหล่ง และสายจึงหดหู่เข้ามา พระยาเนื้อ
ชื่อมโนชะสหายของเรา คงถูกเขาฆ่าตายเป็นแน่
[๙๗๗] ผิฉะนั้น บัดนี้ เราจะหลีกไปชายป่าตามความสบาย ธรรมดาสหายผู้
ตายแล้วเช่นนี้ไม่มี เราผู้มีชีวิตอยู่พึงได้สหาย *
 
 
ฝ่ายสิงห์โตวิ่งไปด้วยความเร็วอย่างเอกทีเดียว สลัดให้ม้าตกลงที่ประตูถ้ำ แล้วตนเองก็ล้มลงตาย ภายหลังญาติของมันพากันออกไปดู ได้เห็นมันเปื้อนเลือด มีเลือดไหลออกจากปากแผลที่ถูกยิง ถึงความสิ้น ชีวิต เพราะคบสัตว์เลว พ่อ แม่ น้องสาวและเมียของมัน ได้พากัน กล่าวคาถา ๔ คาถา ตามลำดับว่า:
[๙๗๘] บุคคลผู้คบหากับปาปชน ย่อมไม่ได้ความสุขยืนนาน จงดูพระยาเนื้อ
ชื่อมโนชะ มาคบกับสุนัขจิ้งจอก ทำตามคำสอนของสุนัขจิ้งจอก
[๙๗๙] มารดาย่อมไม่ยินดีกับบุตรผู้คบหาปาปชน จงดูแต่พระยาเนื้อชื่อมโนชะ
คบกับสุนัขจิ้งจอก นอนจมเลือดอยู่
[๙๘๐] บุรุษมาถึงความเป็นอย่างนั้นบ้าง จะต้องถึงความเลวทรามต่ำช้า ผู้ใดไม่
ทำตามคำของบุคคลผู้หวังความเกื้อกูล ช่วยชี้ประโยชน์ให้ ผู้นั้นเป็น
ผู้เลวทรามต่ำช้า
[๙๘๑] อนึ่ง ผู้ใดเป็นคนชั้นสูงแต่มาคบหากับคนชั้นต่ำ ผู้นั้นเป็นคนเลวทราม
ต่ำช้ากว่าเขาเสียอีก อย่างนี้ จงดูแต่ราชสีห์เป็นสัตว์ชั้นสูงเป็นใหญ่กว่า
มฤคชาติ แต่มาคบหากับสุนัขจิ้งจอกผู้ชั่วช้า ต้องตายด้วยกำลังลูกศร
ของนายพราน
 
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสอภิสัมพุทธคาถาหลังสุดว่า:
[๙๘๒] บุรุษผู้คบหากับคนเลวทราม ย่อมเลวทราม ผู้คบหากับคนที่เสมอกับตน
ย่อมไม่เสื่อมในกาลไหนๆ เมื่อจะเข้าไปคบหากับคนที่ดีกว่าตน ควรรีบ
เข้าไปคบหา เพราะฉะนั้น จงคบแต่ผู้ที่ดีกว่าตน
 
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมทั้งหลาย ในที่สุดแห่งสัจจะ ภิกษุ ผู้คบหาฝ่ายผิด ได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า หมาจิ้งจอกในครั้งนั้น ได้แก่พระเทวทัตในบัดนี้ มโนชะ ได้แก่ภิกษุผู้คบฝ่ายผิด น้องสาว ได้แก่ พระอุบลวรรณาเถรี เมีย ได้แก่พระเขมาภิกษุณี แม่ ได้แก่มารดาพระราหุล ส่วนพ่อ ได้แก่เราตถาคต ฉะนี้แล
จบ มโนชชาดก




ที่มา  http://www.intaram.org/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=34&thispage=5
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ