ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “วัตถุมงคล กับ ใจมงคล” ชาวพุทธเลือกแบบไหน  (อ่าน 236 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



“วัตถุมงคล กับ ใจมงคล” ชาวพุทธเลือกแบบไหน

ในโลกออนไลน์ต่างมีความคิดที่แตกต่างกัน ระหว่างผู้ที่ชื่นชอบวัตถุมงคลที่พระสงฆ์ปลุกเสกกับผู้ที่ชื่นชอบธรรมะแท้ๆ ในแนวพระป่าวัดป่า ความแตกต่างเกิดขึ้นเพราะมุมมองที่มีกันคนละมิติและมองเห็นความจริงกันคนละด้านนั่นเอง
 
คนที่ชอบวัตถุมงคลต่างก็บอกว่า การสร้างและเสกวัตถุมงคลนี้มีมานับหลายร้อยปีตั้งแต่กรุงสุโขทัยมาถึงลพบุรี อยุธยา และก็มาถึงในยุคปัจจุบัน สร้างแล้วผู้คนเอาไปบูชาเพื่อไว้ป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็นทั้งคุณไสย ทั้งสิ่งอัปมงคลต่างๆ ตลอดทั้งแก้และกันเพื่อทำให้ชีวิตไม่ตกอยู่ในอันตราย
 
สมัยนี้เมื่อสร้างวัตถุมงคล ให้จำหน่ายวัดก็พอมีรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเอง อีกทั้งไว้คอยปรับปรุงซ่อมแซมเสนาสนะภายในวัด เพราะไม่เคยมีหน่วยงานไหนอุดหนุนวัดและพระสงฆ์ได้ อย่างจำนวนที่มากพอต่อความต้องการได้ ทั้งพระและวัดจึงต้องหารายได้เอง เพื่อเสียค่าน้ำค่าไฟและซ่อมแซมบูรณะเสนาสนะเอง ส่วนวัตถุมงคลนั้นจะดีจริงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์นั้นๆ ของผู้ที่นำเอาไปบูชา

แต่ผู้ศึกษาธรรมะในสายพระป่าวัดป่า ก็มีมิติการมองไปอีกมุมหนึ่งว่า ศาสนาพุทธที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เหมือนไปผิดทาง เน้นวัตถุเพื่อหารายได้เพียงอย่างเดียวมากไป ตามความจริงการเป็นพระต้องสมถะ สงบ อยู่ได้แบบตามมีตามเกิด พระภิกษุแปลว่าผู้ขอ เดินออกบิณฑบาตนี่คือการขอ  ดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะการขอ ไม่ใช่ดำเนินชีวิตอยู่ได้เพราะการสร้างรายได้
 
@@@@@@@

วัตถุมงคล มองกันตามความจริงผู้เสกไม่ว่าจะยุคไหนรุ่นไหนต่างก็ต้องละสังขารไป พูดง่ายๆคนสร้างคนเสกยังตายเลย แต่ทว่าในสายพระป่าวัดป่านิยมสอนให้ใจเกิดความเป็นมงคล เพราะจะทำให้เกิดปัญญาในแก้ไขและตัดสินปัญหาต่างๆ ได้ รู้จักความสงบในจิตใจได้ ความแตกต่างอยู่กันตรงนี้

มีการวิจัยในเชิงจิตวิทยาว่า..ผู้ที่อาศัยวัตถุมงคลยึดเหนี่ยวจิตใจนั้นเป็นเพราะใจยังไม่แข็งแรงมากพอ ยังต้องพึ่งสิ่งภายนอกอยู่ ส่วนผู้ที่ไม่สนใจในวัตถุมงคลใดๆ เลยนั้นเป็นเพราะใจเขาเป็นที่พึ่งแห่งใจได้แล้วจิตใจแข็งแรงมากพอ
 
ผู้ที่ชอบวัตถุมงคลโดยมากยังชอบดื่ม หรือไปในสถานที่อโคจรเป็นเสียส่วนมาก นี่ในมุมวิชาการเขามองแบบนั้น แล้วต่างก็ยกแก้วสุราข้ามหัวของวัตถุมงคลที่แขวนอยู่เพื่อเอาเข้าปาก จึงเกิดคำถามว่า ความขลังศักดิ์สิทธิ์นั้นจะอยู่ตรงไหน ตามหลักของพระพุทธเจ้า คำสอนนั้นทรงห้ามวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งนั้น


@@@@@@@

ในตำนานพระพุทธรูปแก่นจันทร์ ตอนพระองค์ขึ้นสวรรค์โปรดพระมารดา ศรัทธามหาชนคิดถึงพระองค์จึงนำเอาไม้แก่นจันทร์มาแกะเป็นรูปพระองค์ เพื่อบูชาระลึกถึง ครั้นทรงเสด็จลงมาสั่งให้นำไปทำลายเสีย บ้างมองว่าอินเดียยุคนั้นไม่นิยมสร้างรูปเคารพของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ถือว่าไม่เป็นมงคลนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่พระพุทธเจ้าไม่สอนไปในแนวนี้จึงสั่งให้ทำลาย
 
เราจะศึกษาและนับถือพุทธแบบไหน วัตถุมงคล หรือ มีใจที่เป็นมงคล อีกอย่างประเภทพระสร้างปลัดขิกนี่ ไม่ควรสร้างและทำยิ่งนัก เพราะปลัดขิก คือ สัญลักษณ์ตัวแทนแห่งศิวลึงค์ในศาสนาฮินดู สร้างเหรียญเคารพ และอื่นๆ ยังพอรับฟังได้บ้าง หวังว่าชาวพุทธคงใช้ปัญญาพิจารณาเอาเองได้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรในเรื่องวัตถุมงคลนี้





Thank to : https://www.thansettakij.com/blogs/lifestyle/529746
คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย​ ราช รามัญ , 23 มิ.ย. 2565 เวลา 5:30 น. 920
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ