ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พญายักษ์วัดแจ้ง ตำนานแห่งวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร  (อ่าน 336 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




พญายักษ์วัดแจ้ง ตำนานแห่งวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

วันหยุดพักผ่อนของคนที่ทำงานมาทั้งอาทิตย์ มีพักเพียงเสาร์กับอาทิตย์ เวลาน้อยนิดใช้ให้คุ้ม ให้รางวัลกับตนเอง กิน ชอป เที่ยว หรือจะนอนพักอยู่บ้าน หากิจกรรมทำก็เป้นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แต่มีอีกหลายคนที่ไม่อยากอยู่บ้าน อยากเที่ยว เดินชิล ๆ หาอาหารกินให้เอมอิ่มสำราญ หรือไม่ก็แวะเวียนไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวทะเล น้ำตกหรือเที่ยวใกล้ ๆ ไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลเสริมโชคลาภให้กับตนเอง


วันหยุดพักผ่อน มีสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำให้ไปชมกับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น งดงาม ไปกราบไหว้พญายักษ์และขอพรพระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร พระประธานในพระวิหารปางมารวิชัย ชมพระปรางค์ที่ประดับประดาตบแต่งอย่างสวยงาม เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่ได้ไปสัมผัสมองเห้นความอลังการด้วยสายตา

สถานที่ที่กล่าวมาคือวัดวัดอรุณราชวราราม วรมหาวิหาร หรือที่เรารู้จักคุ้นเคยกับชื่อ “วัดแจ้ง” ซึ่งตามประวัติมีเรื่องเล่าว่า “วัดแจ้ง” ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ตามประวัติมีการบัทึกเอาไว้ว่า วัดอรุณราชวราราม วรมหาวิหาร มีมาตั้งแต่ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมทีนั้นมีชื่อว่า “วัดมะกอก”

มูลเหตุที่เรียกชื่อวัดนี้แต่เดิมว่า “วัดมะกอก” นั้น ตามทางสันนาฐานเข้าใจว่าคงจะเรียกคล้อยตามตำบลที่ตั้งวัด ซึ่งสมัยนั้นมีชื่อว่า “บางมะกอก” (เมื่อนำมาเรียกรวมกับคำว่า “วัด” ในตอนแรกๆคงเรียกว่า “วัดบางมะกอก” ภายหลังเสียงหดลงคงเรียกสั้นๆว่า “วัดมะกอก” ) ตามคติเรียกชื่อวัดของไทยสมัยโบราณ เพราะชื่อวัดที่แท้จริงมักจะไม่มี จึงเรียกชื่อวัดตามชื่อตำบลที่ตั้ง เช่น วัดบางลำพู วัดปากน้ำ เป็นต้น ต่อมาเมื่อได้สร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกันนี้ แต่อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกชื่อวัดที่ตั้งใหม่ว่า “วัดมะกอกใน” แล้วเลยเรียกวัดมะกอกเดิมซึ่งอยู่ตอนปากคลองมะกอกใหญ่ว่า “วัดมะกอกนอก” เพื่อให้ทราบว่า เป็นคนละวัด




ส่วนที่เปลี่ยนเป็นเรียกว่า “วัดแจ้ง” นั้น เล่ากันเป็นทำนองว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา สำเร็จเรียบร้อย ใน พ.ศ. 2310 แล้ว มีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาพลล่องลงมาทางชลมารค พอถึงหน้าวัดนี้ ก็ได้อรุณหรือรุ่งแจ้งพอดีทรงพระราชดำริเห็นเป็นอุดมมหามงคลฤกษ์ จึงโปรดให้เทียบเรือพระที่นั่งที่ท่าน้ำ เสด็จขึ้นไปทรงสักการบูชาพระมหาธาตุ ขณะนั้นสูงประมาณ 8 วา ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหน้าวัด แล้วเลยเสด็จประทับแรมที่ศาลาการเปรียญใกล้ร่มโพธิ์ ต่อมาได้โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดแล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดแจ้ง”

จวบจนสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เถลิงถวัลยราชสมบัติ แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ พระองค์เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จ โดยพระราชทานนามวัดว่า “วัดอรุณราชวราราม” และกลายเป็นวัดประจำรัชกาลในพระองค์



หากท่านไปเที่ยววัดอรุณ อย่าลืมไปไหว้สักการะ พระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร ซึ่งเป็นพระประธานในพระวิหารปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 6 ศอก หล่อด้วยทองแดงปิดทอง

ตามประวัติได้เขียนว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อขึ้นพร้อมกับพระประธานในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม ฝั่งพระนคร ประดิษฐานอยู่บนแท่นไพทีเหนือฐานชุกชีขนาดใหญ่ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2496 ได้พบพระบรมธาตุ 4 องค์ บรรจุในโกศ 3 ชั้น คือ เงิน นาค และทองเป็นชั้น ๆ โดยลำดับ อยู่ในพระเศียร เหตุที่พบก็เพราะเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสขณะนั้นยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมไตรโลกาจารย์ ได้เห็นแสงสว่างปรากฏในห้องที่จำวัด และก่อนหน้านั้นพระครูใบฎีกาเจริญ ผู้เฝ้าพระวิหารได้เห็นแสงพระรัศมี ลอยฉวัดเฉวียนอยู่ที่พระพุทธรูปสำคัญ แล้วหายไปที่พระเศียรถึง 2 ครั้ง ท่านจึงให้พระครูใบฎีกาเจริญ ขึ้นไปดูที่พระเศียรจึงพบพระบรมธาตุดังกล่าว เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2496



นอกจากนี้สิ่งที่สายมูต้องไปคือ ไหว้พญายักษ์วัดแจ้ง ขอพร ของานขอโชคลาภวาสนา ซึ่งพญายักษ์วัดแจ้งนั้น ตามประวัติกล่าวเอาไว้ว่าหน้าประตูซุ้มยอดมงกุฎมี 2 ตัว มือทั้งสองกุมกระบอง ยืนอยู่บนแท่น สูงประมาณ 3 วา ว่ายักษ์ที่ยืนด้านเหนือ (ตัวขาว) คือ สหัสเดชะ ส่วนด้านใต้ (ตัวเขียว)คือ ทศกัณฐ์ ปั้นด้วยปูน ประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นลวดลายรูปลักษณะและเครื่องแต่งตัว รูปยักษ์คู่นี้เป็นของทำขึ้นใหม่

หากท่านใดที่ไปจะเห็นพญายักษ์สูงใหญ่ โดดเด่น สง่างาม น่าเกรงขาม ทุกท่านกราบไหว้ขอพร อธิฐานจิตสวดคาถาดังนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคล

คาถาบูชาพญายักษ์วัดแจ้ง

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓ จบ)
ยักโข โย อรุเณ รัมเม วราราเม ปติฏฐิโต
ยักขานังธิปะตี ยักโข ยักเข โส อภิปาละโก
หิริโอตตัปปะสัมปันโน ธัมมิโก ภาคะมาวะโห
เอตัสเสวานุภาเวนะ สทา โสตถี ภวันตุ เม ฯ

พญายักษ์วัดแจ้งตนใด ประดิษฐานที่วัดอรุณราชวราราม พระอารามหลวงอันรื่นรมย์ พญายักษ์วัดแจ้งตนนั้น ยิ่งใหญ่เหนือประดายักษ์ ปกปักรักษา คุ้มครองเหล่ายักษ์และมนุษย์ มีหิริโอตัปปะละบาปดำรงพุทธธรรม นำโชคลาภยศศักดิมงคล ด้วยอานุภาพของพญายักษ์วัดแจ้งตนนั้น ขอความสวัสดิมงคลจงเกิดมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเทอญ.




นอกจากนี้ยังมี พระอรุณ หรือ พระแจ้ง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งองค์พระและผ้าทรงครองทำด้วยทองสีต่างกัน หน้าตักกว้างประมาณ 50 ซม. ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ด้านหน้าพระพุทธชัมภูนุทฯ ตามประวัติกล่าวว่า เป็นพระพุทธรูปที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ เมื่อปีมะเมีย พ.ศ.2401และได้นำไปประดิษฐานอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โปรดให้อัญเชิญมาไว้ในพระวิหารนี้ ด้วยทรงพระราชดำริว่า นามพระพ้องกันกับวัด



วัดแจ้ง เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาชมสถาปัตยกรรม ความงดงามที่ยังคงให้เราได้สัมผัสและชมงานศิลปะ งานจิตรกรรมและงานประติมากรรม อีกทั้งได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบริเวณวัดอีกด้วย นับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีโอกาสแล้วต้องไปให้ได้สักครั้ง เพราะมีอะไรมากมายที่เรายังไม่เคยเห็น จะได้เห็นความสวยงาม อลังการงานฝีมือที่จะผ่านมากี่ยุคสมัย ความสวยงามก้ยังให้เราได้ชื่นชม แม้จะบูรณะมาสักกี่ครั้ง ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากไปกว่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความโดดเด่น สวยงามคู่กับความเป็นไทย



สำหรับการเดินทางมาเที่ยววัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหารหรือวัดแจ้ง สามารถเดินทางเรือข้ามฟากหรือเรือด่วนเจ้าพระยา มาลงที่ท่าวัดอรุณฯ หรือนั่งรถโดยสารหรือขับรถส่วนตัวมาเข้าทางหอประชุมกองทัพเรือ ส่วนการแต่งกายขอให้เหมาะสมถูกกาลเทศะ และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้หญิงควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ใส่เสื้อสายเดี่ยว แขนกุด เอวลอย หรือเสื้อที่เว้าโชว์สัดส่วนไม่ใส่กระโปรง กางเกงรัดรูป ให้ใส่กระโปรง กางเกงยาวเลยเข่า ส่วนผู้ชายพึงใส่กางเกงขายาว และเสื้อเชิ้ตมีแขน



วันหยุดขอให้เที่ยวพักผ่อนกันอย่างสนุกสนาน เต็มอิ่ม ให้คุ้มกับวันหยุด ชาร์ตแบตเติมพลังให้เต็มที่แล้วไปทำงานกันอย่างสบายใจ มีความสุขกับสิ่งที่เราทำ และหากท่านใดยังไม่รู้ว่าวันหยุดไปเที่ยวไหนขอแนะนำให้ไปเที่ยว วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร หรือวัดแจ้ง ชมพระปรางค์ ที่งดงามโดดเด่นเป็นสง่า และเป็นวัดเดียว ที่ประดับด้วยชิ้นกระเบื้องเคลือบสี อย่างงดงามและประณีต บางลายใช้จานชามของโบราณ เป็นของเก่าหายาก เช่น ชามเบญจรงค์ มาประดับตกแต่งและที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือการถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตก เป็นมุมมองผ่านเลนส์ที่สร้างความสุขประทับใจให้กับเรานั่นเอง





ขอขอบคุณ :-
ข้อมูลบางส่วน : https://www.watarun1.com/th
URL : https://today.line.me/th/v2/article/2DZavXe?view=topic&referral=linetodayshowcase
เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • chai payangluang
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ