ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อปัณณกธรรมชาดก-ชาดกว่าด้วยข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันความผิดพลาด  (อ่าน 2832 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์

อปัณณกธรรมชาดก-ชาดกว่าด้วยข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันความผิดพลาด

อปัณณกธรรมชาดก เป็นนิทานชาดกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้กับอนาถบิณฑิกเศรษฐีและสาวกของอัญญเดียรถีย์ 500_คน ณ เชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี เนื่องด้วยอัญญเดียรถีย์เหล่านี้ล้วนเป็นคนกลับกลอก พอฟังธรรมก็เกิดศรัทธาประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
แต่พอพระพุทธศาสดาเสด็จจากไป ก็หันกลับไปนับถือลัทธิเดิมกันทั้งหมดสิ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงระลึกชาติแต่หนหลังและพบว่า ในกาลก่อนนั้น มนุษย์ทั้งหลายนี้เคยถือเอาสิ่งที่มิใช่สรณะ มาเป็นสรณะโดยอาศัยการคาดคะเนถือเอาผิดๆ จึงถึงให้เกิดการพินาศใหญ่หลวงมาแล้ว และพระองค์ก็ทรงเล่าเรื่องราวในกาลนั้นให้ฟัง
 ณ กรุงพาราณสี มีพ่อค้ารายใหญ่อยู่สองคน ซึ่งทั้งสองต่างมีอุปนิสัยที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน พ่อค้าคนที่ 1 มีนิสัยเจ้าอารมณ์ หูเบา เชื่อคนง่าย ขาดสติพิจารณา “เฮ้ย! นาย ผู้หญิงคนเนี่ยสุดยอด เก่งทั้งงานบ้าน งานเรือน นายเอาไปใช้สอยทำงานที่บ้านสิ คุ้มค่าคุ้มราคา นาย”
  “แหม... นายจ้างรูปหล่อ เท่ห์ สมาร์ทขนาดเนี้ยะ ดิฉันจะรับใช้อย่างเต็มที่เลยค่ะ” “ฮึๆๆๆ ข้าก็หล่ออย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ เจ้าเนี่ยเข้าใจพูด เอาล่ะข้ารับไว้ทำงานก็แล้วกัน” “หึ! ไม่น่ารับมาทำงานเลย กลายเป็นนางนกต่อซะได้ พาโจรขึ้นบ้านแท้ๆ เลยเรา” “สาวใช้คนนั้นมันพาคนมาขโมยสมบัติของเจ้านายไปตั้งเยอะแน่ะ”
 “ข้าว่าและ ดูแผล๊บเดียวก็รู้ ผู้หญิงจริตอย่างนั้นน่ะ หึ! สวยซะเปล่า เป็นโจรไปซะได้ เซ็ง! อุตส่าห์จะขอเป็นแฟนซะหน่อย” ส่วนพ่อค้าอีกคนกลับชอบใฝ่หาความรู้ ช่างสังเกตและยึดถือ อปัณณกธรรม 3_ข้อ เป็นธรรมะประจำใจ
ข้อที่ 1 คือการป้องกันตน มิให้มัวเมา ในรูป รส กลิ่น เสียง อินทรีย์สังวรณ์ “นายวาณิช หันมามองข้าสักนิดซิคะ ข้าจะร่ายรำให้ท่านดู” “หันมาสนใจข้าดีกว่า สาวสวยกว่าตั้งเยอะ” “อย่ามายั่วยวนข้าซะให้ยากเลย ข้ารู้หรอกนะว่าพวกเจ้านะ จะล่อลวงเอาเงินจากข้า ฮึๆๆๆ”
อปัณณกธรรม ข้อ 2 คือการเตรียมป้องกันมิให้เกิดโทษจากการกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม โภชเนมัตตัญญุตา “แหวะ ไม่น่ากินเยอะเลยตู โอ้ย เหล้าอะไรเนี่ย แรงจริงๆ เลย” “เหอะๆ ฮ่าๆๆ เจ้านี้มันคออ่อนแล้วยังไม่รู้สภาพตัวเองอีก”
 อปัณณกธรรม ข้อ 3 คือเตรียมป้องกันมิให้เกียจคร้านละเลยหน้าที่ชาคริยานุโยค “โอ้ย...ง่วง นอนดีกว่า วันนี้หยุด ขี้เกียจ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” นอกจากตนจะตั้งอยู่ในอปัณณกธรรม 3_ประการนี้แล้ว พ่อค้าผู้นี้ยังอบรมบริวารให้ปฏิบัติตามและยึดธรรมนี้ไว้ในใจเช่นกัน
  “โอ้! ช่างเป็นหลักธรรมที่ดีจริงๆ มี 3 ข้อเอง สั้น กระชับ ฉับไว” “นายจ้างของเราช่างเป็นเจ้านายที่รอบรู้โดยแท้ มิเสียแรงที่เรามาทำงานด้วย” อยู่มาคราวหนึ่งพ่อค้าทั้งสองต่างคิดจะเดินทางข้ามทะเลทราย เพื่อไปค้าขายยังเมืองเดียวกัน แต่เส้นทางนี้แห้งแล้งมาก
 อาหาร น้ำและหญ้าระหว่างทางก็ขาดแคลนไม่พอเพียงสำหรับคนและโค พ่อค้าทั้งสองจึงไม่สามารถร่วมเดินทางไปพร้อมกันได้ “หึๆๆ...เราเดินทางกันไปก่อนดีกว่า หนทางยังราบเรียบไม่ถูกเหยียบย่ำให้แตกเป็นฝุ่น หญ้าเลี้ยงโคก็เต็มที่ ยังไม่มีใครแตะต้องพืชผักผลไม้ก็ยังบริบูรณ์อยู่ทั้งสองข้างทาง
น้ำตามทางยังใสสะอาดอยู่ น่าดื่มกิน ที่สำคัญสินค้าก็ยังสามารถตั้งราคาได้ตามใจชอบ เหอะๆ ไปก่อนรวยก่อนนะโว้ย ฮ่าๆๆๆ” “ฮิๆๆๆ คราวนี้ต้องได้เงินมาเพียบแน่ๆ” “ที่ได้เงินมาเพียบน่ะ ของนายจ้างเขาทั้งนั้นแหละ แกก็ได้ค่าแรงเท่าเดิม แกจะดีใจไปทำไมวะ”
 “เราไปทีหลังดีกว่า หนทางที่ขรุขระจะได้ราบเรียบสม่ำเสมอ เพราะคนชุดก่อนถากถางไว้แล้ว ส่วนหญ้าเลี้ยงโคก็จะงอกขึ้นมาใหม่อ่อนกำลังดี พืชผักชุดแรกที่คนตัดกินไปก็จะแตกยอดขึ้นมาใหม่ อ่อนกำลังน่ารับประทาน ในบริเวณที่ไม่มีน้ำ คนชุดแรกก็ต้องขุดบ่อน้ำเอาไว้แล้ว
  เรื่องราคาสินค้าก็ตั้งตามพ่อค้าชุดแรกเลยล่ะกัน คงไม่มีปัญหาอะไร” เมื่อถึงเวลาเดินทาง พ่อค้าผู้ขาดสติจึงจัดคนออกเดินทางพร้อมขบวนสินค้า และเสบียงและน้ำสำหรับระยะทางกันดารถึง 60_โยชน์ “เอ้า! พวกเราเร็วเข้า เดินทางกันได้แล้ว” เดินทางเข้าวันที่ 7 กองเดินทางของพ่อค้าคนที่ 1 ก็เข้าไปในเขตยักษ์กินคน
 “เฮ้ย! เจ้าพวกมนุษย์มากันแล้วเว้ย หิวท้องกิ่วมาหลายวัน คราวนี้จะกินเนื้อให้อิ่มแปล้เลย” “เหอะๆ ใจเย็นไว้ ปล่อยให้พวกมันชะล่าใจไปก่อน พวกนี้มันไม่ระมัดระวังตัวกันหรอก เสร็จเราแน่” ยักษ์เหล่านี้มีอยู่แค่ 20_ตน มันจึงไม่กล้าต่อกรกับคนถึง 500_คน
 พวกมันจึงวางแผนล่อลวงเพื่อหลอกกินเนื้อมนุษย์เหล่านี้ พวกยักษ์จำแลงกายเป็นคนนั่งรถเทียมด้วยโคขาว สวนทางมา บนล้อมีโคลนติดหนาเตอะเหมือนเพิ่งเดินทางฝ่าสายฝนที่ตกหนักมาใหม่ๆ แต่ละคนท่าทางแข็งกระด้าง กำแหงหาญเคี้ยวกินเง่าบัวอย่างเอร็ดอร่อย
ทำทีให้รู้ว่า สองข้างทางที่พวกเขาผ่านมานั้น มีห้วยหนองคลองบึงเต็มไปหมด “ท่านวาณิช ท่านจะทนขนน้ำไปให้หนักทำไม ข้างหน้ามีห้วยหนองคลองบึงตลอดทาง พวกข้ายังว่ายไปเก็บฝักบัวมากินกันเลย” “อ่า จริงหรือท่าน” พ่อค้าหูเบาได้ฟังดังนั้นก็หลงเชื่อสั่งลูกน้องให้เทน้ำทิ้ง
หวังสะดวกสบายไม่ต้องแบกของหนัก แต่เขาไม่สังเกตเลยสักนิดว่า บุคคลเหล่านี้มีท่าทางแข็งกร้าว ห้าวหาญ ในตาแดง แม้ยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดก็ไม่มีเงาปรากฏ ผิดมนุษย์ กลุ่มขบวนการพ่อค้าเดินทางไปตลอดวันจะหาน้ำสักหยดก็ไม่พบ ครั้นตกเย็นก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หิวโหย อดทั้งข้าวและน้ำ ทั้งคนและโคก็สลบไสล
พ่อค้าผู้ขาดสติพาบริวารสู่หายนะเสียแล้ว “โอ่ย! หิวน้ำ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ข้าวปลาก็ไม่มีกิน” “ทรมานเหลือเกิน ข้าไม่มีเรี่ยวแรงเดินแล้ว” “ไม่มีแรงเดินแล้ว น้ำก็ไม่เหลือสักหยด โอ้ย!” ทั้งคนและโค เมื่อหมดเรี่ยวแรงก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของยักษ์ในค่ำคืนนั่นเอง
 “ฮ่าๆๆๆ เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ หลงกลแผนเราจนได้ ฮ่าๆๆๆ เอาเนื้อหวาน ๆ ของเจ้ามาให้ข้ากินซะดีๆ เสร็จเราแน่ หิวท้องกิ่วมาหลายวัน คราวนี้จะกินให้อิ่มแปล้เลย ให้ข้ากินซะดีๆ”  “ไอ้พวกมนุษย์หน้าโง่ ฮ่าๆๆๆ” จุดจบอันหายนะของเหล่าวาณิชผู้ขาดสติ ล้วนเกิดจากผู้นำขาดหลักธรรม อปัณณกธรรมโดยแท้
หลายวันต่อมานายวาณิชผู้ยึดหลักธรรม อปัณณกธรรม อยู่ในใจ ก็นำกองเกวียนออกเดินทางรอนแรมมาจนล่วงเข้าเขตทะเลทราย “เอ้า! พวกเราหยุดพักกันตรงนี้ก่อน ทางข้างหน้าเป็นทะเลทราย พวกเราต้องใช้ความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ” นายวาณิชประชุมกับลูกน้องให้ทุกคนปฏิบัติ อปัณณกธรรม โดยเคร่งครัด
เมื่อกองคาราวานเคลื่อนเข้าสู่แดนอันตราย พวกยักษ์กินคนก็แสร้งทำเป็นคณะเดินทางผ่านมาเช่นเดิม ทำอุบายหลอกล่อเหมือนเช่นตอนหลอกพ่อค้าคนแรก “พวกท่านจะขนน้ำไปให้หนักทำไม ข้างหน้าฝนตกชุ่มฉ่ำ มีลำน้ำห้วยหนองมากมาย ไม่ต้องกลัวขาดน้ำหรอก” “ข้าไม่เชื่อหรอก คนพวกเนี่ย มีลักษณะรูปร่างแปลกๆ เหมือนไม่ใช่มนุษย์”
 คิดได้ดังนั้น นายวาณิชก็กล่าวเตือนกับลูกน้องไม่ให้หลงเชื่อ และให้เหตุผลประกอบ “หากทางข้างหน้าฝนตก ลมฝนต้องพัดเอาความชุ่มชื้นไปทั่วระยะ 3 โยชน์ ฟ้าก็ย่อมแล่บ เห็นแสงสว่างไกลเป็น 2_เท่า เมฆดำก็ต้องก่อตัวเหนือพื้นโลกบริเวณนั้น เสียงฟ้าร้องก็ต้องปรากฏให้ได้ยินบ้าง
 แต่ทุกท่านสังเกตเถิดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย ฉะนั้นสิ่งที่พวกนั้นพูด พวกเราไม่สามารถเชื่อได้เลย” นายวาณิชไม่หลงเชื่อกลอุบายนั้น ยังคงสั่งให้คณะเดินทางต่อไป พร้อมทั้งกำชับให้ประหยัดน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก ย่ำค่ำจนรุ่งสางทุกคืนก็ยังรักษาวินัยจัดเวรยามระมัดระวังอันตรายโดยไม่ประมาท
 “บัดซบที่สุด! คนพวกนี้มันระมัดระวังตัวกันจัง หิวโว้ยหิว แล้วจะกินเจ้าพวกนี้มันยังไงกันว่ะเนี่ย มันระวังตัวกันขนาดนี้”  “เซ็งเลยตู อดกินจนได้” และแล้วขบวนคาราวานของนายวาณิชก็พ้นผ่านเขตแดนยักษ์กินคนมาได้อย่างปลอดภัย และสามารถขายสินค้าได้ราคางามถึงสองเท่า
 นำกำไรเดินทางกลับไปยังพาราณสีโดยหลักธรรม อปัณณกธรรมคุ้มครองชีวิต นับแต่นั้นมาบริวารทั้ง 500_คน ก็นำเอา อปัณณกธรรม มาป้องกันความผิดพลาดในการดำเนินชีวิต ปฏิบัติตัวเป็นผู้มีสติมีเหตุผล รู้คุณ รู้โทษ ไม่ตัดสินสิ่งใดโดยคาดคะเนอีกต่อไป

 
 
คาถาประจำชาดก
อาปัณณะกะฐานะเมเก ทุติยัง อาหุ ตักกิกา
เอตะทัญญายะ เมธาวี ตัง คัณเห ยะทะปัณณะกัง
 
การตัดสินใจโดยการถือวิธีการคาดคะเนเดาเอา จัดว่าถือผิด
ควรถือตามเหตุผลเป็นจริง จึงจัดว่าถูก
สิ่งใดไม่ผิดผู้เป็นบัณฑิตย่อมถือสิ่งนั้น
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
    • ดูรายละเอียด
 st12 st12 st12
น้องท่านนี้ นำ้ใจงาม นำชาดกมาฝาก กัน ทุกวัน

 like1
บันทึกการเข้า

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ขอบคุณคร้าพี่ nirvanar55   thk56 like1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 15, 2015, 02:40:09 pm โดย Pom jaravee »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ