ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เทพเจ้าอมตะที่ชาวโลกเรียกว่า "พระเจ้า" มีหรือไม่?  (อ่าน 6330 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
0
เทพเจ้าอมตะที่ชาวโลกเรียกว่า "พระเจ้า" มีหรือไม่

ปัญหา ศาสนาบางศาสนาเชื่อว่ามีเทวดาที่มีอมตะเที่ยงแท้ แน่นอน ในเรื่องนี้ พระพุทธศาสนามีทัศนะอย่างไร ?

ตอบ 

เทวดาที่มีอมตะเที่ยงแท้ แน่นอน = พระวิสุทธิเทพ หรือพระอรหันต์
อธิบาย : เทพในทางพุทธศาสนาเถรวาทมี 4 ประเภท 1.สมมุติเทพ 2. อุบัติเทพ 3. วิสุทธิเทพ 4. เทวาติเทพ
อันหมายถึง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 ประเภท

คือ

1. พระปัญญาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น  พระศรีศากยะมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น
2. พระสัทธาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้า
3. พระวิริยาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้า

เทพในขั้น 3 ที่เรียกพระวิสุทธเทพ และในขั้น 4 ที่เรียกเทวาดิเทพ = พระอรหันต์ พวกท่านล้วนเป็นอมตะ จากพุทธดำรัสที่ว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัดราคะ โทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่ง นิพพานธาตุ  ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ"

ส่วน 1.สมมุติเทพ 2. อุบัติเทพ เป็นเทพที่ไม่เป็นอมตะ  แม้แต่อรูปพรหมที่มีอายุยืนที่สุดในหมู่เทพ  ก็มีอายุแค่ 84,000 มหากัป ก็ต้องจุติ(ตาย)  ในสีหสูตร ขันธ. สํ. (๑๕๕, ๑๕๖) พระพุทธองค์จึงตรัสว่า:

"แม้เทวดาทั้งหลายที่มีอายุยืน มีวรรณะมากด้วยความสุข ซึ่งดำรงอยู่ได้นานในวิมานสูง ได้สดับธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้ว โดยมากต่างก็ถึงความกลัว ความสังเวช ความสะดุ้ง ว่าผู้เจริญทั้งหลายได้ยินว่าเราทั้งหลายเป็นผู้ไม่เที่ยง แต่เข้าใจว่าแน่นอน... ได้ยินว่า ถึงพวกเราก็เป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่แน่นอน ติดยู่ในกายตน"

" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าโลก กับเทวโลกเช่นนี้แล "

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ จึงเป็นเหล่าเทพเจ้าอมตะที่ชาวโลกเรียกว่า "พระเจ้า"  แต่ตถาคตมีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าโลก กับเทวโลกเช่นนี้แล พระพุทธองค์จึงเรียกพระพุทธเจ้าว่า "พุทธะ" และบรรดาสาวกว่า "อนุพุทธะ"

พราหมณ์ ! ท่านจงจำเราไว้ว่า เป็น "พุทธะ" ดังนี้เถิด  บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๔๙/๓๖.
บันทึกการเข้า

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้เป็นข้อความ ทั้งหมดครับ ควรจะยกมาอ่านทั้งหมดครับ



ทรงขนานนามพระองค์เองว่า "พุทธะ"

(การสนทนากับโทณพราหมณ์, เริ่มในที่นี้ด้วยพราหมณ์ทูลถาม)

"ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นเทวดาหรือ ?"

พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นเทวดาดอก.

"ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นคนธรรพ์หรือ ?"

พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นคนธรรพ์ดอก.

"ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นยักษ์หรือ ?"

พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นยักษ์ดอก.

"ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นมนุษย์หรือ ?"

พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นมนุษย์ดอก.

"ท่านผู้เจริญของเรา ! เราถามอย่างไรๆ ท่านก็ตอบว่ามิได้เป็นอย่างนั้นๆ, ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นอะไรเล่า ?"

พราหมณ์เอย ! อาสวะ เหล่าใด ที่จะทำให้เราเป็น เทวดา เพราะยังละมันไม่ได้, อาสวะเหล่านั้นเราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว, พราหมณ์เอย ! อาสวะเหล่าใดที่จะทำให้เราเป็น คนธรรพ์ เป็น ยักษ์ เป็น มนุษย์ เพราะยังละมันไม่ได้, อาสวะเหล่านั้น เราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มีไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว.

พราหมณ์ ! เปรียบเหมือนดอกบัวเขียว บัวหลวง หรือบัวขาว, มันเกิดในน้ำเจริญในน้ำโผล่ ขึ้นพ้นน้ำตั้งอยู่ น้ำไม่เปียกติดมันได้ ฉันใดก็ฉันนั้นนะพราหมณ์ ! เรานี้เกิดในโลก เจริญในโลก ก็จริง แต่เราครอบงำโลกเสียได้แล้ว และอยู่ในโลก โลกไม่ฉาบทาแปดเปื้อน เราได้.

พราหมณ์ ! ท่านจงจำเราไว้ว่า เป็น "พุทธะ" ดังนี้เถิด.

บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๔๙/๓๖.
ตรัสแก่โทณพราหมณ์ ที่โคนไม้ระหว่างทางแห่งหนึ่ง.




ผมได้เข้าศึกษา หลักธรรมฝ่ายมหายาน ที่วัดเสียวลิ้มยี่ ประเทศจีนมาครับ ที่มีการบรรยายเรื่องเทพไว้ครับ

แต่ ฝ่ายหินยาน เถรวาทยังคง กล่าวแค่ พระอริยบุคคล 4 จำพวก 8 ประเภท ครับ

บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขันธสังยุตต์ - มัชฌิมปัณณาสก์ - ขัชชนิยวรรค - ๖. สีหสูตร

[พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน]

    ๖. สีหสูตร

    ว่าด้วยอุปมาพระพุทธเจ้ากับพญาราชสีห์

    [๑๕๕] พระนครสาวัตถี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พญาสีหมฤคราช เวลาเย็นออกจากที่

อาศัยแล้ว เหยียดกายแล้ว. เหลียวแลดูทิศทั้ง ๔ โดยรอบแล้ว บันลือสีหนาท ๓ ครั้ง แล้วออก

เดินไปเพื่อหากิน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกสัตว์ดิรัจฉานทุกหมู่เหล่าได้ยินเสียงพญาสีหมฤคราช

บันลือสีหนาทอยู่ โดยมากย่อมถึงความกลัว ความตกใจ และความสะดุ้ง จำพวกที่อาศัยอยู่

ในรู ย่อมเข้ารู จำพวกที่อาศัยอยู่ในน้ำ ย่อมดำน้ำ จำพวกที่อาศัยอยู่ในป่า ย่อมเข้าป่า

จำพวกปักษี ย่อมบินขึ้นสู่อากาศ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถึงพระยาช้างทั้งหลายของพระมหากษัตริย์

ซึ่งถูกผูกด้วยเครื่องผูก คือ เชือกหนังอันมั่นคง ในคามนิคมและราชธานี ก็สลัดทำลายเครื่อง

ผูกเหล่านั้นจนขาด กลัวจนมูตรคูถไหล หนีเตลิดไป. ดูกรภิกษุทั้งหลาย พญาสีหมฤคราช

มีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลาย เช่นนี้แล.

    [๑๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้ง ซึ่งโลก ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควร

ฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเบิกบานแล้ว เป็นผู้

จำแนกธรรม เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรงแสดงธรรมว่า รูปเป็นดังนี้ เหตุเกิดขึ้นแห่งรูป

เป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ ฯลฯ สัญญาเป็นดังนี้ ฯลฯ สังขารเป็น

ดังนี้ ฯลฯ วิญญาณเป็นดังนี้ เหตุเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เทวดาทั้งหลายที่มีอายุยืน มีวรรณะมากด้วยความสุข ซึ่งดำรงอยู่ได้นาน

ในวิมานสูง ได้สดับธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้ว โดยมากต่างก็ถึงความกลัว ความสังเวช

ความสะดุ้งว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า เราทั้งหลาย เป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ แต่ได้เข้าใจว่าเที่ยง

เราทั้งหลายเป็นผู้ไม่ยั่งยืนเลย แต่ได้เข้าใจว่ายั่งยืน เราทั้งหลายเป็นผู้ไม่แน่นอนเลย แต่

ได้เข้าใจว่าแน่นอน ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ถึงพวกเราก็เป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน

ไม่แน่นอน นับเนื่องแล้วในกายตน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคต มีฤทธิ์ศักดานุภาพ

ยิ่งใหญ่กว่าโลก กับทั้งเทวโลกเช่นนี้แล.

    พระผู้มีพระภาค ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้ จบแล้ว จึงได้ตรัส

คาถาประพันธ์ต่อไปว่า

    [๑๕๗] เมื่อใด พระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดา หาบุคคลเปรียบมิได้

    ตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร คือ ความเกิดพร้อม

    แห่งกายตน ความดับแห่งกายตน และอัฏฐังคิกมรรคอันประเสริฐ

    อันให้ถึงความสงบทุกข์ แก่โลกกับทั้งเทวโลก. เมื่อนั้น แม้ถึงเทวดา

    ทั้งหลาย ผู้มีอายุยืน มีวรรณะ มียศก็กลัว ถึงความสะดุ้งว่า ท่านผู้

    เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า พวกเราไม่เที่ยง ไม่ล่วงพ้นกายตนไปได้ ดังนี้

    เพราะได้สดับถ้อยคำของพระอรหันต์ผู้หลุดพ้น ผู้คงที่ เหมือนหมู่มฤค

    สะดุ้งต่อพญาสีหมฤคราชฉะนั้น.

    จบ สูตรที่ ๖.
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ที่จริง เรื่อง สมมุติ บัญญัติ ผมเคยเข้าใจผิด มาจาก การศึกษาฝ่ายมหายาน มาแล้ว พึ่งจะมาเข้าใจตอน

พบพระอาจารย์

  เชิงบัญญัติ นั้น มีกล่าวไปได้เรื่อย ๆ ครับ ไม่สิ้นสุด

  เชิงปรมัตถ์นั้น สิ้นสุด ไม่มีคำกล่าว

  นิกายเซ็น เป็นนิกายที่ผมปลื้มมาก เพราะว่าง จากบัญญัติ

   พระพุทธศาสนา นั้นไม่ใช่ เทวนิยม ครับ และไม่ใช่ อเทวนิยม

   

   แก่นแท้ ไม่ได้อยู่ที่การชี้นำใคร แต่อยู่ที่การชี้นำใจของตน มีสัมมาทิฏฐิเป็นที่ตั้ง


   การเข้าสู่ความเป็นพุทธะ อยู่ การกำหนดวิปัสสนา

    ตั้งแต่การเรียน นาม และ รูป

   อธิบายกันได้ไปเรื่อย แต่ ถ้าอธิบายในการภาวนาแล้ว แม้อย่างที่ผมอธิบาย พระอาจารย์ ก็ยังกล่าวว่าไม่ผ่าน

  ถ้าจะผ่านทำอย่างไร กับไปเริ่มต้นตั้งฐานจิต ภาวนาพุทธานุสสติใหม่ จนกว่าจะแจ่มชัด และรู้เห็นตามความเป็น

  จริงด้วยใจ ไม่ใช่ด้วย อรรถะ หรือ พัยญชนะ


   ในส่วนตัวผมนั้น การที่ยกพระสูตร 2 ฝ่ายมาผนวกกัน และใส่ความคิดเห็นแบบที่เรารู้ลงไปนั้น อันนี้เป็น

อันตรายครับเพราะทำให้ สัทธรรม ของ

  พระพุทธเจ้าที่ถูกรักษาไว้ ถูกบิดเบือนได้ ด้วยอรรถกถา ต่าง ๆ ตามแต่ภูมิธรรมใครจะยกอธิบาย ดังนั้น

   ผมขอร้องคุณ Tuenum ครับ อย่าได้ผสมผสาน คัมภีร์ต่าง ให้เป็นหนึ่งเดียวเลยครับ

   
     เพราะพระสูตรบางสูตร ก็ไม่ได้เหมาะกับผู้ปฏิบัติทุกคนทุกท่าน บางธรรมก็ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะไม่สอด

คล้องกับจริต การหยิบยกธรรมะคือพระสูตรควรยกมาทั้งเรื่อง นอกจากพระพุทธภาษิต ที่เป็นคาถานั้นไม่ต้อง

เพราะเป็นกลาง

     ผู้ศึกษาธรรม มีระดับการศึกษา เหมือนบัวสี่เหล่า พึงจำแนกวิธีการภาวนาดีกว่าครับ


     ที่ผมอยากทราบวิธีการภาวนา วิธีแก้อารมณ์ในการภาวนา วิธีรับมือกับกิเลสที่หลอกล่อให้เราอยู่กับสังสารวัีฏ

สิ่งเหล่านี้ผมต้องการเห็นมาก และต้องการรู้มากกว่า เรื่องเทพทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะวิธีการภาวนา

    ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ คือสิ่งที่ผมติดตาม


     :25: :25:

 
   
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าพี่น้องเชื่อเรื่องของพระพุทธเจ้า พี่น้องก็หน้าจะรู้ว่า เทวดามีมาก่อนมนุษย์ ไม่ใช่ว่ามีมนุษย์ก่อนถึงค่อยมีเทวดาใช่ไหม

มีสวรรค์ มีนรกใช่ไหม แล้วใครกันละ ที่เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เป็นกษัตริย์สูงสุดบนสวรรค์

ซึ่งพวกผมเรียกกันว่าพระเจ้านั่นเอง

พระเจ้าในที่นี่ ในแต่ละพื้นที่ก็ตั้งชื่อพระเจ้าไปต่าง ๆ นา ๆ ตามจินตนาการ เพราะไม่รู้จักพระเจ้าที่แท้จริง

แต่พระเจ้าคือ พระผู้ชอบธรรม และเป็นเจ้าของเจ้านายผู้ใหญ่ที่สุด

สิ่งที่พระเจ้าสร้างก็คือชีวิต พระเจ้าเป็นวิญญาณ ได้ปั้นมนุษย์ขึ้นมาจากผงคลีดิน และถ่ายลมปราณใส่วิญญาณเข้าไป

ซึ่งชาวพุทธจะรู้ถึงจุดนี้ดีว่า ร่างกายมนุษย์เป็นธาตุดิน มีลมปราณ มีไฟเป็นอุณหภูมิ และมีของเหลวในร่างกาย

งานศพชาวพุทธก็มีการเผา กลายเป็นควัน เอากระดูกส่วนนึงไปลอยอังคาร และส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้คงสภาพเดิม

พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อนมัสการ สรรเสริญ พระเจ้าที่มองไม่เห็น เพราะพระองค์ทรงเป็นวิญญาณ

ไม่แปลกเลยที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่หาสิ่งที่นมัสการ ไม่ว่าจะไปเจออะไรแปลก ๆ ก็กราบไหว้

สร้างรูปปั้นมากราบไหว้

เนื่องจากในใจมนุษย์มีจิตใต้สำนึกที่จะนมัสการสรรเสริญ แต่หาสิ่งที่ตามหานมัสการไม่เจอ เพราะไม่รู้

สิ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่รูู้คือพญามารที่ได้หลอกล่อให้มนุษย์คู่แรกได้ทำบาป และต้องออกห่างจากพระเจ้าไป

ทำให้มนุษย์นั้นเป็นทาสของบาป และเคราห์กรรมเวรกรรมนั้น

แม้แต่ทุกวันนี้มันก็ยังอยู่ มันสามารถหลอกผู้อื่นได้ในคราบของพระ หรือเทวดา เพราะมันก็คือเทวดา

ที่ได้ก่อกบฏต่อพระเจ้ามันสามารถนำสิ่งที่ถูก เอามาบิดเบือนให้คนเราเข้าใจผิดได้ แม้กระทั่งการสร้างรูปปั้น

ศาสดาของศาสนาไม่ได้บอกให้สร้าง

มันหลอกทุกอย่าง หลอกได้แม้กระทั่งพระสงฆ์ ให้เห็นผิดเป็นชอบ เลยเป็นที่มาของคำว่าผีหลอก

มันหลอกแม้กระทั้งคำว่าสวัสดีเป็นคำทักทาย ทั้งที่สวัสดีเป็นคำอวยพร และใช้อวยพรกันตอนเจอหน้ากัน

แต่ปัจจุบันมนุษย์เราก็ไม่รู้ สอนกันแบบผิด ๆ ว่าการสวัสดีเป็นสิ่งดี แสดงถึงมารยาท คนจึงทำไปเพราะไม่เห็นความสำคัญของมันไปแล้ว

บอกว่าหวัดดีแทน ซึ่งจากคำอวยพร ก็เป็นคำสาปแช่ง คำสาปแช่งก็สามารถเกิดขึ้นได้แม้ไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำพูดของเรา หรือวจีรกรรม

คนปัจจุบันไม่ได้ฟังคำเทศนาของพระพุทธเจ้า แต่จะฟังคำเทศนาของพระสงฆ์ที่มันบิดเบือนไป

เพราะความหวังดีเพื่อที่จะให้คนฟังเทศน์ ไม่ง่วง ไม่เบื่อ แต่พอฟังไปแล้วก็อนิจจัง ไม่ได้อะไรเลย

ไปจำแต่ท่อนสนุก ๆ เท่านั้น

บางคน ก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมตรงตัว แต่ก็ไม่เข้าใจ เพราะเคราะห์กรรมเวรกรรมนั้นได้บังตาเขาอยู่

และพญามารนั่นแหละครับ ที่เป็นนายทาส หรือเจ้ากรรมนายเวรของเรา

แล้วผู้ปฏิบัติธรรม ก็ไม่น่าแปลกใจเลย ที่จะมีสิ่งเข้ามารบกวนทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จ

กลายเป็นต้องอุตทิศส่วนกุศล หรือบำเหน็จที่เราได้ทำไว้นั้นให้มัน เพื่อให้มันไม่เบียดเบียน

เพื่อการดำรงค์ชีวิต และความสุขกายสุขใจของเรา

ต้องทำประจำ แล้วสุดท้ายเราก็ต้องไปชดใช้ในนรกอยู่ดี เพราะความดี อุทิศให้แต่ไม่ลบความบาปนั้นเลย
บันทึกการเข้า

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
“ลูกขออธิษฐานขอเชิญพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของลูก เพราะลูกเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า ได้มาเกิดเป็นมนุษย์

ยอมรับความยากจนเแทนลูก พระองค์ยอมรับความเจ็บป่วยของลูกผ่านร่างกายที่ถูกเคี้ยนของพระองค์

ท่านยอมรับเคราะห์กรรมเวรกรรมสิ่งต่าง ๆ ทั้งบาปที่ลูกได้ทำไป

และลูกเชื่อว่าลูกสามารถที่จะละจากทางบาป เพราะพระโลหิตของพระเยซูได้ชำระล้างจิตใจของลูก ให้ลูกนั้นเป็นคนที่ชอบธรรม

ลูกเชื่อว่าเมื่อพระองค์ตายไปวิญญาณของพระองค์ได้ลงไปชดใช้เคราห์กรรม เวรกรรมของลูกทั้งหมดในนรก 3 วัน และเป็นขึ้นมาจากความตาย และเสด็จขึ้นสวรรค์

ลูกขออธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน”

เมื่อคุณอธิษฐานด้วยความเชื่อ ด้วยไร้ความสงสัย ต่อจากนี้ไปคุณก็สามารถขอสิ่งที่คุณปรารถนาจากพระองค์ได้ (แต่ต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะครับ)

เช่นพระเจ้า ลูกอยากเลิกเหล้า เลิกบุรี่ ขอพระองค์ได้โปรดช่วยลูกด้วยเถิด ลูกขออธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

พระเจ้าลูกตาบอด ลูกต้องการที่จะมองเห็น ของพระองค์ทรงทำให้ตาของลูกมองเห็น เพราะลูกเชื่อว่าพระเยซูได้รับเคราะห์กรรมเวรกรรมส่วนนี้ของลูกไปแล้ว ลูกของอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

แล้วคุณไม่ต้องสงสัยว่าสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นได้ไง เพราะผมได้บอกแล้วว่า พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แน่นอน

และสิ่งที่คุณรับเชื่อแล้วนั่น สิ่งที่ทำต่อไปคือ ไปคริสตจักร(โปรแตสแต๊น) เพราะคุณเป็นเหมือนเด็กเพิ่งเกิด คุณต้องการคนที่เลี้ยง และสอนคุณ

อ่านพระคัมภีร์ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณจะขาดไม่ได้ เพราะพระคัมภีร์ เป็นพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งจะบอกทางออกของปัญหาทุกปัญหาในชีวิตคุณได้

การอธิษฐาน คุณอย่าลืมที่จะอธิษฐานละ เพราะการอธิษฐานนั้น คุณก็จะได้รับตามความปรารถนาของคุณ

และเมื่อคุณพลาดทำบาปอีก คุณก็ต้องบอกกับพระองค์ ให้พระองค์ทรงประทานอภัยให้ แล้วตั้งใจที่กลับใจใหม่ทุกครั้ง

คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ เรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต …มาระโก 2:17
บันทึกการเข้า

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0



พระเจ้าคือผู้ช่วยเหลือ ทำให้คนตาบอดหายตาบอด ทำให้คนเดินไม่ได้เดินได้

เป็นตัวอย่างบางส่วนที่มานำเสนอ เพราะวันนี้ผมมาช่วย คุณมีคนเจ็บ คนป่วย ก็บอกเขาระลึกถึงพระเจ้าเถอะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2010, 11:07:50 pm โดย Survival »
บันทึกการเข้า

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ถึงจะใจกว้าง แต่อย่าลืมอนันตริยกรรม 6 นะครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 11:32:31 pm »
0
เพื่อนสมาชิก ชาวกรรมฐาน ถ้าทราบเหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องอนิัตริยกรรม

มี 6 ประการ นะครับ ให้อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อนี้ด้วยครับ

ถึงเราจะใจกว้างแต่อย่าลืมพระดำรัสของพระพุทธเจ้าองค์ฺปัจจุบันด้วยนะครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=90.0

บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
“เพราะลูกเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ยอมรับความยากความเจ็บของลูกผ่านร่างกายที่

ถูกเคี้ยนของพระองค์ ท่านยอมรับเคราะห์กรรมเวรกรรมสิ่งต่าง ๆ ทั้งบาปที่ลูกได้ทำไป เพราะพระโลหิตของพระ

เยซูได้ชำระล้างจิตใจของลูก ให้ลูกนั้นเป็นคนที่ชอบธรรม ลูกเชื่อว่าเมื่อพระองค์ตายไปวิญญาณของพระองค์ได้

ลงไปชดใช้เคราห์กรรม เวรกรรมของลูกทั้งหมดในนรก 3 วัน”

การกระทำของ พระบุตร เป็นดุจดั่ง พระโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมี สานุศิษย์รุ่นหลังอาศัยความนอบน้อมบันทึกเรื่อง

ราวของพระบุตร และเสริมเติมแต่งคัมภีร์เพื่อแสดงถึงความนอบน้อมกตัญญู หากแต่เนื้อแท้หลักธรรมไม่มี โลก

ทุกวันนี้ประจักษ์แล้วแก่ใจว่าพระเจ้าไม่ได้ให้อะไร มนุษย์เจริญได้ด้วยปัญญาของตน วันนี้คุณศรัทธาพระเจ้าโดย

ขาดความรับผิดชอบในตัวเอง โดยยอมให้พระบุตรรับผิดบาปใช้เคราะห์กรรมแทนคุณในนรก แล้วตอบแทนด้วย

การกล่าวสรรเสริญพระคุณ ยอมนอบน้อมด้วยศรัทธา เพียงเท่านี้ไม่สมเหตุสมผล ที่สุดคุณก็สร้างกรรมอีกแล้ว

สารภาพผิดบาปโยนกรรมให้พระบุตรเกิดกลับมาใช้เคราะห์กรรมแทนคุณอีกซ้ำๆ คุณไม่ต้องค้นหาแล้วพระเจ้า

เพราะพระเจ้าสถิตย์แล้วในใจคุณ เพียงคุณศรัทธาในตัวเองแล้วค้นที่ใจ น้อมมาที่ใจ ด้วยการรู้จักภาวนา ภาวนา

และก็ภาวนา หากจิตคุณละเอียดถึงขั้นรูปสัญญา/อรูปสัญญา ก็ไปเป็นรูปพรหม อรูปพรหม ก็พระเจ้าอยู่ดีครับ

พระเจ้าอยู่ที่ใจ ใจอยู่ที่ภาวนาครับ แต่ผมไม่ต้องการเป็นพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่เที่ยง นิพพานเท่านั้นที่เที่ยง

ไม่มีสิ่งใดนิรันดร์ ความไม่กลับมาเกิดนี่ซิสำคัญ ดับเสียซึ่งสังขตธรรมทั้งปวง ดังนั้นสรรพสิ่งจึงไม่มีแม้พระเจ้าก็

ไม่มี
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติที่ไร้รูปแบบ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=227.0
 :25: :25:
บันทึกการเข้า

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
0
คุณISSARAPAP ครับ


ขอบพระคุณมากที่เอาข้อความฉบับครบถ้วนของพุทธพจน์ที่ผมลงไปมาลง  ผมขอชี้แนะคุณเล็กน้อย

1. การเข้าสู่ความเป็นพุทธะ ไม่ได้อยู่ที่ การกำหนดวิปัสสนา   พุทธะ = พระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สำเร็จได้ด้วยสมาธิ หรือสมถะกรรมฐาน ในระดับที่เจโตวิมุติไม่กำเริบทั้งนั้น  เพราะท่านต้องเข้าใจเรื่องโลกและจักรวาลและภพภูมิต่างๆ  มีแต่ผู้ที่เจโตวิมุติไม่กำเริบเท่านั้น จึงจะข้าถึงความรู้เหล่านั้นได้

การกำหนดวิปัสสนา เป็นเรื่องของสาวก ที่ต้องการหลุดพ้นโดยเร็ว

2. ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเทวนิยม ครับ  ไม่ใช่ศาสนาอเทวนิยมแบบที่คุณเข้าใจ(เดี๋ยวจะเอาเรื่องมาลง)  อย่าไปเชื่อพวกมารแก๊งค์หัวล้านห่มผ้าเหลือง  ที่เรียนแต่ปริยัติ  ปฎิบัติไม่ถึงขั้น  พวกนี้แหละยำเละพุทธศาสนาของแท้ของพระพุทธเจ้า

มีอย่างที่ไหน  องค์พระผู้เป็นเจ้าได้อวตารมาเกิดเป็นศาสดาของศานาพุทธ  แต่ไปเจอไอ้พวกสาวกที่เชื่อมาร โดนมารหลอก  จนไม่เข้าใจพุทธศาสนา

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเทวนิยม ที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว  เพราะบอกถึงวิธีเข้าสู่ความเป็นเทพในทุกชั้นทุกระดับ  ตั้งแต่การเข้าไปเป็นพระพุทธเจ้า  พระโพธิสัตว์ พรหมชั้นสุธาวาส และพรหมชั้นโลกีย์ทุกชั้น  เทวดาทุกระดับ  และยังบอกวิธีเข้าไปสู่ความเป็นเปรต ไปถึงการตกนรกในทุกชั้น จนถึงชั้นตำที่สุด คือ โลกันต์
บันทึกการเข้า