ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "ไก่กับไข่" อันไหนเกิดก่อนกัน  (อ่าน 4035 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
"ไก่กับไข่" อันไหนเกิดก่อนกัน
« เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 01:38:20 pm »
0
ไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกัน
จากคอลัมภ์ จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว
นิตยสารธรรมะใกล้ตัว Lite ฉบับที่ ๓๑


เมื่อก่อนผมอยากรู้ขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ
กับคำถามชวนฟุ้งซ่านที่ว่า
ไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกัน

ฟังดูง่ายๆก็เป็นคำถามตื้นๆ
แต่ถ้าคิดเอาจริงเอาจัง
มันก็เล่นงานเราให้เกิดความรู้สึกไม่เป็นสุข
เหมือนกับว่าจนตายก็คงหาคำเฉลยจากไหนไม่ได้แน่ๆ


คนทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา
ก็คงตายไปพร้อมกับความอัดอั้นตันใจ
ตกลงไม่รู้ว่าไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกัน
คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่ทราบจะเชื่อใครดี
เถียงไปก็หัวแตกเปล่า
เชื่ออย่างหนึ่งก็สามารถเปลี่ยนข้างไปเชื่ออีกอย่างหนึ่งได้


หนึ่งในคนที่ตายไปพร้อมกับความอัดอั้นตันใจดังกล่าว
อาจกลับชาติมาเกิดเป็นนักวิทยาศาสตร์ยุคเรา
ยุคเดียวที่มีสิทธิ์รู้คำตอบที่แน่ชัด
วันนี้เขาได้เปิดเผยให้ชาวโลกรู้แล้วครับ
เป็นคำตอบที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
ไม่ใช่แค่คาดเดาเอาแบบเรื่องโคมลอยยกเมฆแต่อย่างใด


สำนักข่าว CBS ระบุว่านักวิทยาศาสตร์สัญชาติอังกฤษ
นามว่าดอกเตอร์โคลิน ฟรีแมน (Colin Freeman)
ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชื่อ เฮกเตอร์ (HECToR)
ในการสำรวจตรวจดูรายละเอียดเปลือกไข่
จนรู้ว่าไข่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้อย่างไร

คือหมายความว่าถ้าเรารู้จริงว่าไข่ "ต้องมาจากไหน"
ก็เป็นอันจบ ไม่ต้องเถียงกันอีกเรื่องต้นกำเนิดของไข่


ผลปรากฏว่าโปรตีนที่จำเป็นต่อการก่อตัวของไข่
หาพบได้ในตัวไก่เท่านั้นครับ
ฉะนั้น ข้อสรุปอันเป็นที่สุดก็คือ ตัวแม่ไก่ต้องมาก่อนไข่!

คราวนี้ก็เหลือคำถามที่ชวนขนหัวลุกล่ะว่า
แล้วไก่มาปรากฏตัวอยู่ก่อนไข่ได้อย่างไร
ใครหรืออะไรเป็นผู้สร้าง?


หลายศาสนาคงมีคำตอบยืนยันให้กับหลักความเชื่อของตน
ถ้าเอาตามคำอธิบายของพุทธเรา
ก็มีคำตอบอันเป็นที่สุด
ก่อนเกิดไก่ มีกรรมให้เกิดไก่
ก่อนกำเนิดในภพหรือภาวะของความเป็นไก่
มีภาวะอกุศลอันดำมืดบางอย่าง
บันดาลให้เกิดการก่อร่างสร้างภาวะไก่ขึ้นมา


และก่อนเกิดกรรม มีความไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วได้ผลอย่างไร
เป็นตัวขับดันขั้นปฐมสุด
ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าสังสารวัฏเริ่มต้นที่สุดจากความไม่รู้


แม้แต่พระสัพพัญญุตญาณอันรู้แจ้งทุกสิ่ง
ก็ไม่อาจเล็งเห็นได้ว่าต้นกำเนิดกับวาระสุดท้ายของสังสารวัฏ
อยู่ตรงไหนในห้วงแห่งกาลเวลาอันเป็นอนันต์
การถามถึงชาติแรกก็ดี
การถามถึงเรื่องไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกันก็ดี
ล้วนเป็นไปเพื่อความไม่อาจยุติ
ในเมื่อมันมีเหตุของมันมาเรื่อยๆ
ขาดเหตุไม่มีทางได้ผล


ศาสนาพุทธเรามีแต่การออกจากวงจรอุบาทว์
ของเหตุและผลแห่งทุกข์
ทุกข์อันได้แก่การมีกายใจในอัตภาพต่างๆ
ยกขึ้นเป็นที่ตั้งของความพลัดพรากจากที่รัก
เป็นที่ตั้งของความเศร้าโศกอมโรคนานัปการ


สรุปคือพุทธเรามีคำตอบอันเป็นที่สุดทุกข์
และชี้ว่าคำตอบอันเป็นที่สุดโลกนั้นไม่มีครับ
คิดไปหัวแตกเปล่าอยู่ดี
แม้จะมีวิทยาการล้ำสมัยขนาดไหนมาช่วยก็ตาม

ดังตฤณ
กรกฎาคม ๕๓


ที่มา CBS News http://bit.ly/af0NnW
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ภาพวิวัฒนาการของ "ไข่ไก่"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 01:41:50 pm »
0

ภาพวิวัฒนาการของ "ไข่ไก่"

 








บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
นิทานพื้นบ้านเรื่อง"ดาวไก่น้อย"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 01:49:51 pm »
0

นิทานพื้นบ้านเรื่อง"ดาวไก่น้อย"


พระอาทิตย์ยามเย็นส่องแสงนวลสี เหลืองอ่อยใกล้ลับภูเขา  สองเฒ่าตายายกำลังกลับจากหาฝืนในป่าก็กลับ กระต๊อบ  ยายก็มาหุงหาข้าวปลาอาหาร ตาก็ถือขันข้าวเปลือกไปให้อาหารแม่ไก่กับ ลูก 6 ตัว ที่พาลูกไปเที่ยงป่าไผ่หลังกระต๊อบทั้งวัน

ตกค่ำตายายก็จุดตะเกียงนั่งกินข้าวนอกชานซึ่งมีหลังคาคลุมอยู่  เสียงร่ำลือหนาหูว่ามีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกรดหลังหมู่บ้าน ตายายกินข้าว ไปพลางปรึกษากันว่าจะฆ่าแม่ไก่ตัวนี้เสีย เพื่อไปจังหันพระ แม่ไก่ที่ กำลังกกลูกนอนอยู่ได้ยินก็บอกกับลูกว่า “ลูกเอ้ย….มื้ออื่นแม่จะต้องตายแล้ว แม่จะต้องตอบแทนบุญคุณที่ตายายชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เป็นลูกเจี๊ยบ”

ลุกไก่ทั้ง 6 ได้ยินดังนั้นก็ร้องให้บอกแม่แน่นขึ้น แม่ไก่ก็กระซิก สะอื้นสั่งเสียลูกต่อไปว่า “ลูกๆทั้ง 6 คนต้องรักกัน สามัคคีกัน น้องต้องเชื่อฟังพี่ แม่ตายแล้วก็อย่าพากันไปเล่นไกลกระท่อม เดี๋ยวจะพลัดหลงทาง” นางแม่ไก่ กอดลูกน้อยนอนร้องไห้ทั้งคืน จนหลับไปกลางดึกด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่คราบน้ำตานั้นยังไม่จางหายไปจากเบ้าตาของแม่ลูก ลูกไก่บางตัวยัง ไม่หลับสนิทยังสะอื้นกระซิกๆ ยันสว่าง

เช้าวันนี้ เป็นวันนี้แปลกและเศร้าสลด แม่ไก่ไม่ได้พาลูกไปออกหากิน เช่นเคย นางกอดลูกรอความตายหน้ากระท่อม ถึงแม้นางอยากตายเพื่อตอบแทนบุญคุณตายาย แต่ก็หาอยากจากลูกในอกไปไม่ นางกอดลูกอยู่อย่างนั้น รอความตายอย่างน่าสงสาร บางทีอยากอยากจะพาลูกหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่กลัวว่าลูกจะอยู่อย่างลำบากระหกระเหินเร่ร่อน ตากับยายเดินลงกระท่อมาแล้ว ตายายตรงรี่เข้าแม่ไก่ทันที

ตามปกติการจับไก่ที่ไม่ค่อยเชื่องต้องใช้คนหลายคนวิ่งไล่กันพัลวัน พอจนมุมก็จับคอแล้วรวบขา เอาหัวไก่ห้อยต่องแต่งในกำมือคนจับ แต่แม่ไก่ตัว นี้ยอมให้ตาอุ้มไปโดยดี ลูกไก่ได้ออกจากอกแล้ว น้ำตาของทั้งสองฝ่ายต่างไหลออกจากเบ้าตาอีกครั้งและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะ หยุดซักที ลูกไก่วิ่งตามตามาอย่างสุดฝีเท้าแต่ก็ไม่อาจห้ามปรามตากับ ยายได้

แม่ไก่โดนยายถอนขนบริเวณต้น คอ นางแม่ไก่ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด ลูกไก่ได้แต่ร้อง เจี๊ยบๆๆๆ ยิ่งหลายตัว ยิ่งส่งเสียงหนวกหูคนฟัง แต่ความจริงแล้ว ลูกไก่เหล่า นั้นกำลังร้องเรียกหาแม่ บ้างก็ร้องไห้ ร่ำรำพันถึงแม่ บางตัวอดไม่ได้ถึงกับต่อว่าด่าตากับยาย แม่ไก่ถูกถอนขนเกือบครึ่งคอ ตาก็หยิบมีดมา เพื่อจะปาดคอให้ตาย แม่ไก่หลับตาแน่นเบ้า ลูกไก่ยิ่ง ร้องเจี๊ยบๆๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ มีดได้ปาดเนื้อคอแม่ไก่แล้ว

เลือดกำลังไหลออกมาอย่างช้าๆ ยายเอาถ้วยมารองเลือดไว้ ตาใช้ปาดไปมา สองสามครั้งเลือดก็ไหลออกมาดังเปิดก๊อกน้ำ บัดนี้แม่ไก่หมดแรง และเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหลือคณา ลูกตาของแม่ไก่เหลือกขึ้นบนฟ้าแล้วก็ สะอึกสองทีแล้วนางแม่ไก่ก็ตายจริงๆแล้ว ลูกไก่ได้เห็น เหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ส่งเสียงเรียกแม่ด้วยความไร้เดียงสา เจี๊ยบๆๆๆ เสียงนี้ดังก้องกระท่อม…

แม่ไก่ตายแล้ว…..แม่ไก่ตายแล้วไม่รู้ว่าลูกจะอยู่อย่างไร ไม่รู้ว่าลูกทนทุกข์ทรมานเมื่อขาดแม่ ลูกไก่ร่ำไห้เรียกหาแม่ตลอด เวลาน้ำร้อนเดือดแล้ว ยายน้ำร่างแม่ไก่ไปลวกแล้วถอนขน แม่ไก่ไม่ รู้หรอกว่า ตอนแม่ถูกถอนขน มันเจ็บกระดองใจลูกผู้เห็นแม่ขนาดไหน ใจลูกอยากจะตายแทนแม่เหลือเกิน

แม่จ๋า  แม่จ๋า แม่อยู่ไหน  ลูกจะตายกับแม่ แม่รอหนูนะจ๊ะ  ไม่ว่าแม่อยู่ไหน หนูจะตามไปทุกหนทุกแห่ง หนูจะไปเกิดเป็นลูกแม่ทุกชาติ แม้แม่จะเกิดเป็นไส้เดือนกิ้งกือ หนูก็จะไปเกิดในท้องแม่ แม้แม่จะเกิดเป็นพยาธิหนูก็จะไปเกิดในท้องแม่ ทำไม ทำไมแม่ต้องมาจากหนูไปด้วย แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ทำไมไม่พาหนูไปอยู่ด้วย
 

พอถอนขนเกรียนแล้ว ยายก็จะเอาร่างนั้นไปจี่เพื่อเผาขนอ่อนที่เหลือ ทันใดนั้นเอง ลูกไก่ทั้งหมดตัดสินใจ วิ่งสุดฝีเท้ากระโดดเข้ากองไฟตายไปกับแม่……ด้วยอานิสงส์อันประเสริฐ  ทั้งหมดได้เกิดเป็นดาว……………………….


ที่มา  http://www.websitecartoon.com/231-ดาวไก่น้อย.นิทาน
 
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เพลง "ดาวลูกไก่ 1-2" พร ภิรมย์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 01:56:10 pm »
0

ดาวลูกไก่ 1-2 พร ภิรมย์


เพลงแหล่ ดาวลูกไก่ 1.
คำร้อง/ทำนอง บุญสม อยุธยา (พร ภิรมย์)
ขับร้อง พร ภิรมย์

โอ้ชีวิตคิดไฉน ว่าใครหนอใครลิขิต
ประกาศิตของศิวะ หรือของพระพรหมเจ้า

ว่าต่างกำเนิดเกิดมา พอลืมตามองโลก
บ้างมีโชคบ้างอับโชค มีสุขโศกปนเศร้า

จอมนราพิสุทธ์ ท่านสอนพุทธบริษัท
เป็นธรรมะปรมัตถ์ อ้างถึงอำนาจกรรมเก่า

ว่ากุสะลาธรรมา มนุษย์เกิดมามีสุข
อกุสะลาพาให้ทุกข์ ดังไฟที่ลุกรุมเร้า

บ้างกึ่งดีกึ่งชั่ว เพราะตัวของตัวมัววุ่น
สร้างทั้งบุญทั้งบาป เหมือนคำที่ฉาบด้วยขาว

ผมมิใช่บัณฑิต อันมีจิตสิเหน่หา
ที่จะเป็นนักเทศนา มาเจรจายั่วเย้า

จึงตั้งศรัทธาสาทก เรื่องยาจกยากจน
มีตากับยายสองคน ปลูกบ้านอยู่บนเชิงเขา

แกเลี้ยงแม่ไก่อู มีลูกอยู่เจ็ดตัว
เช้าก็ออกริมรั้ว จิกกินเม็ดถั่วเม็ดข้าว

เวลามีเหยี่ยวเฉี่ยวโฉบ นังแม่ก็โอบปีกอุ้ม
กางสองปีกออกคลุม พาลูกทั้งกลุ่มเข้าเล้า

แม่ไก่จะปลอบขวัญลูก เสียงกุ๊กกุ๊กปลุกขวัญ
ลูกตอบเจี๊ยบเจี๊ยบดังลั่น ทั้งทั้งที่ขวัญเขย่า

แล้วเขี่ยข้าวออกเผื่อ ต่างคุ้ยเหยื่อออกให้
ลูกไก่แม่ไก่ไร้ทุกข์ ซิไม่มีสุขใดเท่า

ถึงคราวจะสิ้นชีวิต เมื่ออาทิตย์อัสดง
ยังมีภิกษุหนึ่งองค์ เดินออกจากตรงชายเขา

ธุดงค์เดี่ยวด้นดั้น เห็นสายัณห์สมัย
หยุดกางกรดพลางทันใด หลังบ้านตายายผู้เฒ่า

อยากรู้เรื่องต่อก็ต้อง เปิดหน้าสองฟังเอา



เพลงแหล่ ดาวลูกไก่ 2.
คำร้อง/ทำนอง บุญสม อยุธยา (พร ภิรมย์)
ขับร้อง พร ภิรมย์

พระธุดงค์ลงกลด ตะวันก็หมดแสงส่อง
อาศัยโคมทองจันทรา ที่ลอยขึ้นมายอดเขา

ฝ่ายว่าสองยายตา จึงเกิดศรัทธาสงสาร
พระผู้ภิกขาจาร จะขาดอาหารมื้อเช้า

อยู่ดงกันดารป่านนี้ หรือก็ไม่มีบ้านอื่น
ข้าวจะกล้ำน้ำจะกลืน จะมีใครยื่นให้เล่า

พวกฟักแฟงแตงกวา ของเราก็มาตายหมด
นึกสงสารพระจะอด ทั้งสองกำสรดโศกเศร้า

สักครู่หนึ่งตาจึงเอ่ย นี่แน่ะยายเอ๋ยตอนแจ้ง
ต้องเชือดแม่ไก่แล้วแกง ฝ่ายยายไม่แย้งตาเฒ่า

ฝ่ายแม่ไก่ได้ยิน น้ำตารินหลั่งไหล
ครั้นจะรีบหนีไป ก็คงต้องตายเปล่าเปล่า

อนิจจาแม่ไก่ ยังมีน้ำใจรู้คุณ
ที่ยายตาการุณ คิดแทนคุณเม็ดข้าว

น้ำตาไหลเรียกลูก เข้ามาซุกซอกอก
น้ำตาแม่ไก่ไหลตก ในหัวอกปวดร้าว

อ้าปากออกบอกลูก แม่ต้องถูกตาเชือด
คอยดูเลือดแม่ไหล พรุ่งนี้ต้องตายจากเจ้า

มาเถิดลูกมาซุกอก ให้แม่กกก่อนตาย
แม่ขอกกเป็นครั้งสุดท้าย แม่ต้องตายตอนเช้า

อย่าทะเลาะเบาะแว้ง อย่าขัดแย้งเหยียดหยัน
เจ้าจงรู้จักรักกัน อย่าผลุนผลันสะเพร่า

เจ้าตัวใหญ่สายสวาท อย่าเกรี้ยวกราดน้องน้อง
จงปกครองดูแล ให้เหมือนดังแม่เลี้ยงเจ้า

น่าสงสารแม่ไก่ น้ำตาไหลสอนลูก
เช้าก็ถูกตาเชือด ต้องหลั่งเลือดนองเล้า

ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด เหมือนถูกเด็ดดวงใจ
ต่างพากันโดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว

ด้วยอานิสงส์อันประเสริฐ ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2010, 02:34:37 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "ไก่กับไข่" อันไหนเกิดก่อนกัน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 10:35:08 pm »
0
ชอบเรื่องนี้ จริง ๆ ครับเพราะผมเคยไปได้รับคำตอบ ที่วัดเสียมลิ้มยี่

เรียกว่าตอบรู้่อย่างฉับพลัน

ผมเอง ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ?

พระ ควาสงสัยเกิดขึ้นเมื่อใด ไก่ กับ ไข่ ก็เกิดเมื่อนั้น

ผมเอง ทำหน้างง ๆ  สรุปว่า ความสงสัย เป็นตัวเกิด ของ ไก่ และ ไข่

พระ ความไม่รู้ คือ ความสงสัย

ผมเอง ยิ่งงงมากขึ้น  ตกลง ความไม่รู้ คือ ตัว เกิด ไก่ และ ไข่

พระ อามิตาภ

ผมเอง หยุดนิ่งคิด และ รู้โดยฉับพลัน ทันที ( รู้อะไรก็ไม่รู้ บอกไม่ได้)



ไม่เคย ได้ฟังเพลงแหล่ ของไทยเรื่องดาวลูกไก่ จนหลงลืมไปว่า เราไม่ใช่คนไทย เพราะคลายสมมุติเรื่องชาติ

แต่พอลองไปเปิดฟังตามลิงก์ แล้วรู้สึกว่า เราลืมตัวว่าเราเป็นคนไทยนะนี่ ไม่ได้ฟังเพลงนี้มาร่วม 20 กว่าปีแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

ช่วงนี้ผมเริ่มจะใจอ่อน เรื่องการบวชพระที่ประเทศไทยแล้ว ยิ่งตามเข้ามาอ่านเว็บ และฟัง RDN ด้วยแล้ว

รู้สึกว่า พระไทย มีดีเยอะเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เลิกล้มเรื่องบวชที่วัดเสียวลิ้มยี่ ครับ

 :25:
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "ไก่กับไข่" อันไหนเกิดก่อนกัน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 08:18:49 pm »
0
สรุปแล้ว ไก่ กับ ไข่ ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ได้อยู่ดี

 แต่ทีแน่นอน เราเลือกที่จะเกิดได้ นะครับ ในปัจจุบัน

   คือ อบายภูมิ

       เทวดา

       พระอริยะ


 :s_good: :s_good: :s_good:
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม