ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตักกบัณฑิตชาดก-ชาดกว่าด้วยการข้องแวะกับกิเลสคือบ่อเกิดแห่งทุกข์  (อ่าน 2415 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ตักกบัณฑิตชาดก-ชาดกว่าด้วยการข้องแวะกับกิเลสคือบ่อเกิดแห่งทุกข์

ตักกบัณฑิตชาดกบอกเล่าถึงเหตุแห่งความทุกข์อันเนี่ยงมาจากกิเลสลุ่มหลง ดังเรื่องราวในอดีตชาติ พระชาติหนึ่งของพระพุทธองค์บังเกิดขึ้นในที่พักสงฆ์ พระอารามเชตวัน กรุงสาวัตถี ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งเมื่อออกบิณฑบาตได้พบกับสตรีผู้เลอโฉมเข้าในเช้าวันหนึ่ง
 เนื่องจากภิกษุรูปนี้ยังมีพรรษาในเพศบรรพชิตไม่มากนักทำให้ไม่สามารถละกิเลสได้โดยเกิดความต้องจิตพิศมัยในความงามของสตรีนางนั้นเข้า "โอ้!น้องหญิงเธอช่างอ่อนหวานรูปโฉมงดงามเหลือเกินใจหวั่นไหวไปหมดแล้ว" วันคืนผ่านไปความรักความลุ่มหลงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
 พระภิกษุหนุ่มเฝ้าแต่คิดถึงแม่นางผู้เลอโฉมจนมิอาจปฏิบัติกิจสงฆ์ได้ แม้พระวิหารอันร่มเย็นไม่อาจทำให้จิตใจท่านเป็นสุขได้เลย “เฮ้อ..ความรักช่างกัดกร่อนหัวใจเรายิ่งนัก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถลืมภาพน้องนางคนนั้นได้เลย นี่แหละที่พระพุทธองค์ตรัสไว้มีรักที่ไหนย่อมมีทุกข์ที่นั้น ช่างบีบหัวใจจริงๆ เลย"   
  เมื่อกิเลสเข้าครอบครองจิตใจ ความต้องการหาแสวงหาสัจจธรรมก็ถูกทำลายลงไปด้วย” “รอยยิ้มของน้องหญิงนั้นช่างน่ารักสดใสไม่ว่าจะอยู่ในอริยบทใด ก็น่าชวนมองหลงใหลยิ่งนัก น้องหญิงเธอคือความต้องการอันแท้จริงมิใช่สิ่งอื่นใดอีกแล้ว ความงามของน้องทำให้ความสวยงดงามอื่นใดในโลกหมดค่าลงไป โอ๊ย..บีบหัวใจจริงๆ เลย”
 ความทุกข์นั้นเผาใจจนภิกษุนั้นล้มป่วย ไม่อาจปฏิบัติกิจใดๆ ได้ เอาแต่นอนโทรมอยู่หลายวันจนพระกัลยาณมิตรที่พบเห็นมิอาจทนนิ่งดูดายได้พากันมานิมนต์ไปยังกุฎฏิที่ประทับของพระองค์ “ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ เราไปเฝ้าพระศาสดาให้ทรงช่วยเถิด” “นั่นนะสิท่านอย่าได้มัวเมากับกิเลสอยู่เลยความงามเป็นแค่ของภายนอก”
 เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงตักเตือน “ดูก่อนภิกษุธรรมดาเมื่อหญิงนั้นเป็นเหตุแห่งความทุกข์เช่นนี้เหตุใดเธอยังปรารถนาอีกเล่าบัณฑิตในกาลก่อนก็เคยพบโทษจากหญิงไม่ดีมาแล้ว” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสชาดกครั้งเสวยพระชาติเป็นฤาษีนามว่า “ตักก” ให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจดังนี้
 นางงามผู้หนึ่งเกิดในตระกูลเศรษฐีสมบูรณ์พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติและรูปสมบัติต่อหน้าบิดาเธอนุ่มนวลดั่งเทพธิดาน่ารักน่าทะนุถนอม “ลูกสาวของเรานะสวยกว่าใครในพาราณสีแล้ว” แต่เมื่อลับสายตาผู้เป็นพ่อแล้วเธอกลับกลายเป็นอีกคนทั้งเจ้าอารมณ์ โกรธง่าย ซ้ำยังปากร้าย มือไวบ่าวไพร่ในบ้านล้วนถูกนางด่าว่าและทุบตีให้เจ็บปวดใจอายและอยู่เสมอ
 “นอกจากแก่แล้วยังโง่อีกเหรอ ข้าบอกว่าอย่าเอาของมาวางตรงนี้มันเกะกะเวลาข้าเดินออกมา บอกแล้วไม่จำเดี๋ยวก็ตบให้หายแก่เลย” “ผมกลัวแล้วล่ะครับคุณหนู อย่าๆ ตบตีข้าน้อยเลย” วันหนึ่งที่ธิดาเศรษฐีและบริวารพากันไปเล่นน้ำในแม่น้ำคงคาตั้งแต่บ่ายถึงจนกระทั่งเย็นจนขณะนั้นฝนได้ตั้งเค้าอย่างรวดเร็ว
 “คุณหนูรีบขึ้นมาเถอะค่าฝนตั้งเค้าแล้ว” “อย่ามาออกคำสั่งกับชั้นนะ ชั้นจะเล่นน้ำต่อใครจะทำไม”  “อย่าไปสนใจเลยพวกเรา ปล่อยให้เล่นคนเดียวเถอะ เรานะกลับดีกว่า” แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อยู่ๆ ก็มีลมกระโชกแรงแม่น้ำคงคาบังเกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่พัดมาตรงที่ที่ธิดาเศรษฐีเล่นน้ำอยู่
คลื่นกระแทกกับร่างนางอย่างแรง จนนางทรงกายไม่ไหวพัดจมลงไปกับสายน้ำ “ช่วยด้วย ๆ ช่วยเราด้วย ช่วยด้วย” เมื่อน้ำทะลักล้นมาอย่างแรงร่างของหนูแสนสวยก็ถูกกระชากลอยหายไป เมื่อพายุสงบลงธิดาเศรษฐีก็พบว่าได้พลัดมาถึงป่าเขาเสียแล้ว
  แม้ร่างกายจะอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อยเพียงใดแต่นางก็สามารถพยุงกายชีวิตมาได้เป็นเวลาครึ่งคืน “โอ้! นั้นที่พักของใครกันหรือว่าเรารอดชีวิตแล้วเค้าจะมองเห็นเรามั๊ยนะ” ตลอดเวลาที่ลอยอยู่ในน้ำนางพยายามร้องให้คนช่วย แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงนางเลย
จนกระทั่งนางลอยมาถึงหน้าศาลาวัดของฤาษีหนุ่มตนหนึ่ง ก็เกิดโชคดีที่ฤาษีได้ยินเสียงนาง จึงออกมาดูเมื่อเห็นหญิงลอยน้ำอยู่ด้วยอาการสิ้นเรี่ยวแรงจึงออกไปช่วย “แม่นางทำใจดี ๆไว้ชั้นจะลงไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ” ฤาษีหนุ่มดึงคุณหนูรูปงามขึ้นสู่ฝั่งให้ชีวิตใหม่แก่เธออีกครั้งในตอนนั้นธิดาเศรษฐีดูน่าสงสารนักเนื้อตัวเย็นเฉียบปากคอสั่นเพราะความหนาว
“ยื่นมือมาสิชั้นจะลงไปช่วยดึงเจ้าขึ้นมาเอง” “ข้าหนาวเหลือเกิน” “ เจ้านะนอนที่ศาลานี้แล้วกันชั้นนะไปนอนข้างนอก” “ขอบคุณมากท่านฤาษีท่านช่างมีน้ำใจกับข้ายิ่งนัก” ธิดาเศรษฐีแสนสวยฟื้นตัวแข็งแรงด้วยที่พักและอาหารของฤาษีตั้งแต่วันแรก แต่จนกระทั่งเข้าวันที่สามนางก็ไม่มีทีท่าที่จะจากไป
  ฤาษีตนนี้ทนได้อย่างไรนะเราอุตส่าห์พักอยู่ด้วยตั้งหลายวันยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีกเองก็ออกจะสวยดูซิจะทนไปได้สักกี่น้ำ บุตรีใช้เสน่ห์มายาเข้าก่อกวนจนสุดท้ายบารมีที่บำเพ็ญมาขาด ฤาษีหนุ่มต้องพ่ายแพ้หลงรักนางชนิดห้ามใจไม่ไหวและแล้วทั้งสองก็อยู่กินอย่างสามีภรรยา
 ต่อมาอีกไม่นานธิดาเศรษฐีทนชีวิตที่แสนเงียบเหงาในป่าไม่ไหวก็อ้อนฤาษีหนุ่มผู้เป็นสามีย้ายเข้าไปอยู่ในเขตเมือง ฤาษีหนุ่มกับเมียสาวก็พากันไปปลูกกระท่อมอยู่ที่ชายแดนแห่งหนึ่ง ฤาษีหนุ่มเปลี่ยนตัวเองจากนักบวชมาเป็นพ่อค้านมเปรี้ยว เมื่อว่างจากทำงานเข้าก็ยังเอื้อเฟื้อต่อชาวบ้าน ด้วยการอบรมสั่งสอนให้ทุกคนรู้ผิดชอบชั่วดี
 อะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาปเป็นที่นับถือโดยทั่วไป ธิดาเศรษฐีกับฤาษีหนุ่มใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ต่อมาอีกไม่นานชะตาร้ายก็มาเยือนครานั้นมีโจรป่าบุกเข้าปล้นหมู่บ้านกวาดทรัพย์สมบัติของชาวบ้านไปมากมายรวมทั้งได้ฉุดธิดาของเศรษฐีไปด้วย
เมื่อมาอยู่รังโจรธิดาเศรษฐีได้รับการบำรุงบำเรอกับนายโจรอย่างดีจนติดใจไม่อยากกับไปเป็นเมียของบัณฑิตอีก ธิดาเศรษฐีได้วางแผนให้คนส่งข่าวแก่ตักกบัณฑิตว่านางจำใจอยู่กับนายโจรในป่านี้ทุกวันช่างเป็นไปด้วยความทุกข์ใจแสนสาหัสให้บัณฑิตรีบหาทางพานางหนีไปด้วย
 “ตาแก่ชั้นให้แกร้อยหนึ่งฝากไปบอกสามีชั้นให้หน่อยแต่อย่าปากโป้งไปบอกใครนะไม่งั้นชั้นแกตายแน่” เมื่อบัณฑิตได้ข่าวจากเมียสาวก็ลอบเข้าไปในรังโจรเพื่อพานางหนีในอุบายที่นางวางไว้ “ท่านพี่ๆ ซ่อนตัวอยู่ในนี้ก่อนนะพอค่ำๆ พอพวกโจรออกไปปล้นเราค่อยหนีไปพร้อมกัน”
คนนำทางพาเขาไปซ่อนตัวในยุ้งข้าวตามที่นัดไว้ ไม่ทันพลบค่ำหญิงนางสารพัดพิษก็ไปบอกแก่นายโจรสามีใหม่ว่ามีศัตรูมาซ่อนตัวในยุ้งข้าว “ท่านพี่รีบไปจัดการมันสิค่ะ ใครก็ไม่รู้น่ากลัวๆ” “อย่ากลัวเลยเดี๋ยวพี่เนี่ยจะไปจัดการมันให้ มันซ่อนตัวอยู่ในยุ้งข้าวใช่มั๊ย มันกล้ามาแหย่หนวดเสือเลยรึ”
 โจรป่าจับตัวตักกบัณฑิตไว้ เมื่อพบว่าไม่มีหอกดาบติดตัวจริงจับมัดไว้ แล้วพลัดกันเปลี่ยนพลัดกันเฆี่ยนตีก่อนจะฆ่าทิ้ง แม้บัณฑิตจะเฆี่ยนตีมากเท่าใดก็จะร้องออกมาแค่ 4_คำ จนน่าประหลาดใจ  โกรธง่าย อกตัญญู ส่อเสียด คิดร้าย ตักกบัณฑิตเล่าให้นายโจรฟังตั้งแต่แรกพบกับเมียสาวและแผนการร้ายของนางที่ทำให้เขาต้องมาถูกพวกโจรจับไว้และเฆี่ยนตี
 “นางคนนี้มันช่างเลวจริงๆ ตักกบัณฑิตทั้งช่วยชีวิต ทั้งเลี้ยงดูนาง นางยังคิดฆ่าได้ ต่อไปน่ะ นางคงหาทางฆ่าเราได้เหมือนกัน คนอย่างนี้อยู่ต่อไปก็หนักแผ่นดิน” นายโจรสามีใหม่ตัดสินใจกำจัดทิ้ง จึงวางแผนเสร้งไปพาเมียสาวมายังพรานทหาร “มาสิจ๊ะเมียรักข้าจับศัตรูที่เจ้าได้แล้วนะ เดี๋ยวข้าจะผ่าอกมันให้เห็นกับตาเลย ดีมั๊ยจ๊ะ?
  “ดีจ๊ะ ฆ่าให้ตายเลยนะ ไม่งั้นน่ะมันจะกลับมาทำร้ายเราได้นะค่ะท่านพี่” ธิดาเศรษฐีดึงไปจิกศีรษะดึงแขนตักกบัณฑิตให้แหงนคอรอคมดาบของนาโจรสามีใหม่อย่างเหี้ยมโหด “เร็วสิจ๊ะท่านพี่ข้าน่ะเตรียมท่าเหมาะไว้ให้ท่านพี่ลงดาบแล้ว เอาแค่ครั้งเดียวให้ตายเลยนะ
 “ทำไมเจ้าถึงทำกับเราได้ เจ้าลืมความรักของเราแล้วหรือ” “อย่าพูดมากนักเลยน่า รำคาญจริงๆ เลย” “เอายังจะลงดาบแล้วนะ เมียรักเจ้าเองก็ยืนนิ่ง ๆไว้นะ จับให้ดีๆล่ะ” วินาทีนั้นธิดาเศรษฐีผู้เลอโฉมก็เจ็บแปลบเข้าที่เนินอกถึงหัวใจแทนที่คมดาบจะผ่าร่างตักกบัณฑิตและลากคมลึกถึงก้อนหัวใจธิดาเศรษฐีผู้เลอโฉม
 “ทำไมๆท่านพี่ข้าน้องทำไม” “คนชั่วอย่างเจ้ามันต้องตอบแทนด้วยความตาย” “ท่านทำร้ายนางทำไม” “ท่านบัณฑิตข้าต้องขอขมาที่ข้าได้ล่วงเกินท่านไป” “ข้าให้อภัยท่าน” ตักกบัณฑิตสอนหลักธรรมสำหรับปุตุชนให้นายโจรฟังก่อนอำลาไปยังป่าใหญ่เพื่อบำเพ็ญเพียรเป็นฤาษีต่อจนสิ้นอายุขัย
 นายโจรนั้นเมื่อได้ฟังคำสั่งสอนตักกบัณฑิต จึงตามไปในป่าบวชเป็นฤาษี จนสำเร็จอภิญญา 5_สมาบัติ 8_เมื่อพระพุทธองค์ตรัสชาดกนี้จบแล้วก็ทรงตรัสกับภิกษุที่หลงใหลกับรูปโฉมของนางงามจนลืมกิจสงฆ์ว่า “คนไม่ดีมักโกรธง่าย อกตัญญู ส่อเสียด คอยแต่จะทำลาย ดูก่อนภิกษุเธอจงประพฤติพรหมจรรย์เถิดจะไม่คลาดความสุขเป็นแน่

 
โกธนา อกตญญ จ  ปิสุณา จ เภทิกา
พรฺหมฺจริย จร ภิกขุ โส สุข น วิหาหิสิ
 
นายโจร กำเนิดเป็น พระอานนท์
ตักกบัณฑิต เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ