โลกนี้คือโรงละครชีวิตของคนเราเมื่อยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะต้องแสดงบทบาทให้เต็มที่ เหมือนกับที่พูดกันว่า โลกนี้คือโรงละครใหญ่ ชายหญิงไซร้คือตัวละคร เราเเสดงละครตามบทบาทตามหัวโขนที่สวมกันมา แสดงให้เต็มที่ รำให้สุดแขน แพนให้สุดปีก อยู่ในตำเเหน่งก็ทำงานให้เต็มที่ และเมื่อถึงเวลาก็ต้องวางหัวโขน ถอดหัวโขน และลาเข้าโรงละครดังบทประพันธ์ว่า
โลกนี้คือโรงละคร ปวงนิกรเราท่านเกิดมา
ต่างร่ายรำทำทีท่า ตามลีลาของบทละคร
บางครั้งก็เศร้าบางคราวก็สุข บางทีก็ทุกข์หัวอกสะท้อน
มีร้างมีรักมีจากมีจร พอจบละครชีวิตก็ลา
ถ้าเป็นโรงละครแห่งชาติ ลาแล้วเข้าโรง แต่ละครชีวิต ลาเเล้วเข้าโลง อ้างอิง :-
- คำเทศนาของ พระพรหมบัณฑิต(ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, ศ.,ดร.) ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, กรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้าคณะภาค ๒, เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- จากพระธรรมเทศนา ๕๗ กัณฑ์ เรื่องกุศลกรรมกถา ว่าด้วยเรื่องการทำดี สมัยดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพโสภณ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙.,Ph.D) แสดงในการบำเพ็ญกุศลสัตตมวารอุทิศถวายพระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน) ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
ที่มา :-
http://www.watprayoon.com/main.php?url=about1&code=content140