ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย  (อ่าน 15641 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

chutina

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ก่อนรถตู้พลิกคว่ำหลายตลบ ประตูหลุดผู้โดยสารกระเด็นออกจากนอกตัวรถร่างร่วงกระแทกพื้นดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย

พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.สน.วิภาดี รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบนทางด่วนโทลเวลย์ ฝั่งขาเข้าช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณู และ ม.เกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง เจ้าหน้าที่พบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายทะเบียน 13-7795 กทม. เลขข้างรถ ต 11827 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีชัยสมรภูมิ เสียหลักพลิกคว่ำจนสภาพรถพังยับเยิน

โดยมีผู้โดยสารชายหญิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 6คน ห่างไปเล็กน้อยพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กทม.จอดอยู่กลางทางด่วนในสภาพหน้ารถพังยับเยิน ตรวจสอบข้างในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตเป็นการด่วน

ขณะเดียวกันบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตช่องทางคู่ขนานฝั่งขาเข้า ช่วงสะพานลอยด้านหน้าสำนักงานปรมาณู และข้างคลองริมรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตชายหญิง ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถตู้ที่กระเด็นตกลงมาจากทางด่วน กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน จำนวน 6 ศพ  นอก จากนี้ยังพบศพกระเด็นไปติดอยู่บนสะพานลอยคนข้ามถนนอีก 1 ศพ และอีก 1 ศพกระเด็นตกลงไปในคลองข้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมแล้วมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นชาย 5 หญิง 3 ส่วนบนพื้นถนนเต็มไปด้วยเศษกระจก เศษเหล็กเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบปิดการจราจร เพื่อเคลียร์พื้นที่ส่งผลให้การจราจรเส้นทางวิภาวดีฝั่งขาเข้านั้นติดขัด อย่างหนักยาวไปจนถึงรังสิต

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถตู้โดยสารคันดังกล่าวกำลังวิ่งไปส่งผู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ ชัยฯ มาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ก็ถูกรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค คู่กรณี ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชนท้ายอย่างจังจนทำให้รถตู้เสียหลักพลิก คว่ำหลายตลบ กระจกแตก ประตูหลุด จนผู้โดยสารกระเด็นออกจากนอกตัวรถจนได้รับบาดเจ็บ และร่วงลงมาเสียชีวิตด้านล่างดังกล่าว

รายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 8 รายประกอบด้วย

1.นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 40/73 ซอยอารีย์ 4 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและสารสนเทศ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง ม.ธรรมศาสตร์

2.นายศาสตรา เช้าเที่ยง เจ้าหน้าที่ประจำ สวทช. สภาพศพห้อยอยู่บนสะพานลอยคนข้าม

3.นายปรัชญา คันธา อายุ 21 ปี อยู่้บ้านเลขที่ 105/29 หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

4.นายอุกฤษฎ์ รัตนโฉมศรี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 1 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นักวิจัยไบโอเทค

5.น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลานสาวของนางนฤมล นิลวรรณ ดารานักแสดงตัวประกอบรุ่นใหญ่

6.นางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี คนขับรถตู้

7.นายเกียรตินัน รอดอารี อายุ 23 ปี

8.น.ส.ตรอง สุดธนกิจ 24 ปี 

ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมด 7 รายประกอบด้วย 1.น.ส.กัญจน์นภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี 2.นายวรัญญู เกตุชู อายุ 20 ปี 3.น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 18 ปี คนขับรถเก๋ง 4.นายมูฮัมหมัด ชารีฟ อายุ 31 ปี 5.นายวิสรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี 6.นายสุนทร ปิตตาทานัง อายุ 43 ปี และ 7.หญิงไทยไม่ทราบชื่อ

ความคืบหน้าล่าสุด นายณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พระเอกชื่อดังจากค่ายเอ็กแซ็กท์ ได้ยอมรับแล้วว่าคนขับซีวิคที่ชนรถตู้จนมีคนเสียชีวิต คือน้องสาวต่างมารดา ชื่อจริง นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา วัย 18 ปี มีชื่อเล่นว่า แพรวา

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูงประมาณ 100กม./ชม. ก่อนที่จะสะบัดแล้วพุ่งชนรถตู้อย่างจัง เบื้องต้น นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ถูกตั้งข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ อย่างไรก็ดี นางสาวอรชร ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยให้การว่า เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน ก็มาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

ที่มา
http://news.sanook.com/991173-%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-8.html
บันทึกการเข้า

aom-jai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชีวิตคนไม่เที่ยง จริง ๆ อ่านแล้วรู้สึกปลงใจมาก ไม่ประมาทต่อการภาวนาทันที

เพราะความตายอันจะมาหาเรานั้นไม่มี

 สำหรับคนที่เสียชีวิตนั้น ญาติพี่น้อง ต่าง ๆ ก็คงเก็บทั้งอารมณ์ โกรธแค้น ปลง ไป

  อะไรจะเกิดกับเด็กสาวที่มีอายุ 18 แต่ขับรถโดยความประมาท อีก....

  :'(
บันทึกการเข้า

doremon

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 171
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ท่านั่งขับรถที่ถูกต้อง


การนั่งขับรถในท่านั่งที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้า แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่
          เริ่มจากการปรับเบาะนั่งให้ได้ระยะเหมาะสม ปรับตำแหน่งพวงมาลัย และปรับมุมกระจกมองข้าง-มองหลัง นั่งให้เข่าอยู่สูงกว่าตะโพกเล็กน้อย งอข้อศอกเล็กน้อย ปรับพนักพิงให้เอนเล็กน้อย การนั่งชิดพวงมาลัยเกินไป ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ เพื่อต้องการมองด้านหน้าสุดของฝากระโปรงหน้า เพราะกลัวจะกะระยะไม่ถูกก็ไม่ควรทำ ควรใช้วิธีกะระยะเอาเอง เพราะท่านั่งที่งอข้อศอกมากเกินไปทำให้การหมุนพวงมาลัยไม่คล่อง นอกจากนี้ หากเกิดอุบัติเหตุ แม้คุณจะคาดเข็มขัดนิรภัย ก็ยังเสี่ยงต่อการอัดเข้ากับพวงมาลัย เพราะเข็มขัดรั้งไว้ไม่ทัน ทั้งเสี่ยงต่อการปะทะกับถุงลมนิรภัยที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ ซึ่งเท่ากับเป็นการโดนเสยกลับ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตทีเดียว 

          การปรับเบาะและท่านั่งขับรถที่ถูกต้อง มีผลมากต่อความปลอดภัยในการขับรถ รวมถึงความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนด้วย การปรับเบาะที่ถูกต้องทำได้ไม่ยาก แค่ใช้ฝ่าเท้า เน้นว่าฝ่าเท้า ไม่ใช่ปลายเท้า เหยียบแป้นคลัตช์ให้สุด หรือถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็ใช้ฝ่าเท้าเหยียบแป้นเบรก แล้วเลื่อนตัวเบาะนั่งให้เข่างอเล็กน้อย นั่นเป็นตำแหน่งของเบาะนั่งที่เหมาะสมบางคนชอบปรับเบาะให้เอนมากๆ แล้วชะโงกตัวโหนพวงมาลัย จนหลังมาสัมผัสกับพนักพิงเต็มที่ เช่นนี้ก็ทำให้สูญเสียความฉับไวและแม่นยำในการควบคุมรถยนต์ เมื่อจะมองกระจกมองข้างและกระจกส่องหลังก็ต้องเบนแนวสายตามากขึ้น แถมยังทำให้เกิดความเมื่อยล้าเมื่อนั่งอย่างนี้นานๆ
          การปรับพนักพิงที่ถูกต้อง จะต้องไม่เอนหรือตั้งเกินไป ถ้าปรับพอดี จะเช็คได้โดย ใช้มือซ้ายจับพวงมาลัยในตำแหน่ง 9 นาฬิกา มือขวา 3 นาฬิกา แล้วข้อศอกต้องงอเล็กน้อย แต่แผ่นหลังต้องแนบกับพนักพิงตลอดเวลา ปรับเสร็จแล้วลองเลื่อนมือไปวางไว้บนสุดของวงพวงมาลัย แถวๆ ข้อมือต้องแตะกับพวงมาลัยจึงจะถูกต้อง ถ้าวงพวงมาลัยอยู่เลยไปถึงกลางฝ่ามือหรือโคนนิ้ว แสดงว่าปรับพนักพิงเอนเกินไป ถ้าวงพวงมาลัยอยู่ชิดเลยข้อมือเข้ามาแสดงว่านั่งชิดเกินไป
          หมอนรองศีรษะ ก็สำคัญ ควรปรับให้พอดี โดยให้เอนศีรษะแล้วพิงช่วงกลางหมอนพอดี แต่ศีรษะไม่ต้องพยายามพิงหมอนเวลาขับ เพราะหมอนรองศีรษะมีไว้รองรับเมื่อเกิดการชนแล้วศีรษะจะได้สะบัดไปด้านหลัง น้อย ไม่ใช่ไว้พิงตอนขับ
          เข็มขัดนิรภัย ถ้าปรับสูง-ต่ำได้ ก็ควรปรับต่อจากการปรับเบาะ จะได้พอดีกัน ที่ถูกต้องสายเข็มขัดนิรภัยต้องพาดจากไหปลาร้าเฉียงลงมาที่สะโพก ส่วนด้านล่างก็พาดอยู่แถวกระดูกเชิงกราน อย่าให้สายพาดคอ หรือห้อยเลยหัวไหล่ลงไป
          พวงมาลัย ของรถรุ่นใหม่ๆ มักปรับสูงต่ำได้ ก็ควรปรับให้พอดี คือ ไม่สูงเกินไปเพราะจะเมื่อยเมื่อขับนานๆ และไม่ต่ำเกินไปจนติดต้นขา กระจกมองข้างและกระจกมองหลังเปรียบเสมือนตาหลังของคนขับ กระจกมองข้างควรปรับไม่ก้มหรือเงยเกินไป และปรับให้เห็นด้านข้างของตัวรถเรานิดๆ อย่าให้เห็นแต่ทางด้านหลังล้วนๆ ส่วนกระจกมองหลังก็ปรับให้เห็นด้านหลังเป็นมุมกว้างที่สุด ไม่ใช่ปรับไว้ส่องหน้าตัวเองแบบที่หลายคนทำกัน
          ทั้งหมดที่แนะนำต้องปรับตอนรถจอดนิ่งในที่ปลอดภัย อย่าปรับตอนขับรถหรือจอดบนถนน อันตราย ถุงลมนิรภัย หรือแอร์แบ็ก ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ มักมีมาให้อย่างน้อย 1 ใบในฝั่งผู้ขับ ถุงลมนิรภัยจะพองตัวขึ้นเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีไว้รองรับร่างกายส่วนบนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไม่ให้ปะทะกับพวงมาลัยหรือแผงหน้าปัดโดยตรง ช่วยลดความบาดเจ็บได้ แต่ก็ต้องมีการใช้งานที่ถูกต้องด้วย
          สิ่งสำคัญในการขับรถที่มีถุงลมฯ คือ ต้องปรับเบาะและพนักพิงให้เหมาะสม อย่าให้ชิดเข้ามามากเกินไป คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง และจับพวงมาลัยให้ถูกตำแหน่ง ถ้าปรับเบาะชิดไป และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ร่างกายส่วนบนอาจปะทะกับถุงลมฯ ผิดจังหวะ คือ ปะทะตอนถุงลมยังพองตัวไม่สุด ร่างกายพุ่งไปด้านหน้าแล้วเจอกับถุงลมฯ ที่พุ่งสวนออกมา กลายเป็น 2 แรงบวกเจ็บหนักแน่
          การจับพวงมาลัย ก็เกี่ยวข้องกับถุงลมฯ เพราะถ้าจับไม่ถูกตำแหน่งแขนอาจไปขวางทางการพองตัวของถุงลมฯ ทำให้ถุงลมฯ ไม่ได้ทำงานตามที่ออกแบบมา
          ส่วนรถที่มีถุงลมฯ ฝั่งข้างคนขับก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังไม่วางของขวางทางถุงลมฯ และอ่านคำเตือนเรื่องถุงลมฯ ในคู่มือประจำรถอย่างละเอียดก่อนใช้งานด้วย ถุงลมนิรภัยจะช่วยลดความบาดเจ็บได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้งานอย่างถูกวิธี จำง่ายๆ ว่า อย่านั่งชิดเกินไป และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการขับรถ ไม่งั้นอาจกลายเป็นถุงลมมหาภัยได้
ตำแหน่งการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง
          จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่า คนไทยมีการจับพวงมาลัยผิดตำแหน่งกันมากกว่าครึ่ง แต่ก็ไม่ได้สำรวจอย่างจริงจัง แค่ลองนั่งริมถนนคอยดูคนขับรถผ่านไปเท่านั้น 3 สาเหตุที่ทำให้หลายคนปฏิบัติกันผิดๆ ก็คือ

1. เน้นความสบายของตนเองเป็นหลัก
2. จับพวงมาลัยตามใจชอบ ก็ไม่เห็นจะเกิดอุบัติเหตุเลย
3. ไม่มีใครบอกใครสอน ทั้งตอนหัดขับรถ หรือคนอื่นนั่งไปด้วย

          ตำแหน่งที่ถูกต้องของการจับพวงมาลัย เมื่อเปรียบเทียบกับหน้าปัดนาฬิกา เพราะเป็นวงกลมเหมือนกันน่าจะเข้าใจกันได้ง่าย มือซ้ายอยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกา มือขวาอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาส่วนตำแหน่ง 10 และ 2 นาฬิกา อนุโลมได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะความแม่นยำในการบังคับควบคุมจะด้อยกว่าตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกาซึ่งอยู่ครึ่งหรือช่วงกลางของวงพวงมาลัยพอดี
การกำพวงมาลัยสำหรับการขับรถบนเส้นทางเรียบ ไม่ใช่วิบาก ควรใช้นิ้วโป้งเกี่ยวช่วยด้วยเสมอ กำแน่นพอประมาณ แต่ไม่หลวมเกินไป ควรจับพวงมาลัย 2 มือ ที่ตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกาอยู่เสมอ (แต่ไม่ถึงกับเกาหรือปรับวิทยุไมได้) อย่าชะล่าใจเมื่อเห็นเส้นทางโล่งๆ หรือเดินทางไกล เพราะถนนเมืองไทยมีหลุมโดยไม่ได้คาดหมาย หรือมีอะไรให้หักหลบฉุกเฉินได้เสมอ และหลังเปลี่ยนเกียร์แล้ว อย่าวางมือคาไว้บนหัวเกียร์ ให้ยกมือขึ้นมาจับพวงมาลัยครบ 2 มือตามปกติ
          อ่านแล้วนอกจากจะนำไปปฏิบัติ (เหมือนว่าบางคนจะแก้ไขยาก เพราะเคยชิน แต่ถ้าตั้งใจก็ไม่ยาก) ก็ควรเผยแพร่ออกไปเท่าที่ทำได้ เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลยกับการจับพวงมาลัยครบ 2 มือตามตำแหน่งที่บอก เกือบตลอดการขับ ถ้าขับทางไกลแล้วรู้สึกเมื่อย ก็แค่บีบข้อศอกเข้ามาแตะลำตัวเท่านั้นเอง ไม่ควรคิดว่าจับพวงมาลัยตำแหน่งแบบไหนๆ ก็ไม่เคยขับรถชน เพราะถ้าพลาดเพียงครั้งเดียว อาจไม่มีโอกาสนึกถึงการแนะนำนี้เลยก็เป็นได้
ข้อมูลจาก : http://usedcar.exteen.com/20081029/entry
บันทึกการเข้า

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
แจ้งข้อหาหนักสาวซีวิคทำคนตาย-บาดเจ็บ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 08:49:29 am »
0
ตำรวจออกหมายเรียกตีนผีทีนเอจมารับทราบข้อหาขับรถประมาททำให้คนตายและ บาดเจ็บ กับไม่มีใบอนุญาตขับขี่ในตอนเที่ยงวันที่ 5 ม.ค.นี้ หากไม่มาจะออกหมายจับต่อไป สลดนักศึกษาสาว มธ.ที่ได้รับบาดเจ็บตายเพิ่มเป็นศพที่ 9 พ่อแม่คณาจารย์และเพื่อนๆพากันมารับศพนำไปบำเพ็ญกุศลที่บุรีรัมย์ เพื่อนๆ เผย เป็นคนเรียนเก่ง จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในเดือน ส.ค.นี้ ฮึ่ม หากคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมจะรวมตัวกันเคลื่อนไหว อธิการบดี มธ. ชี้ น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียอนาคตของชาติ ส่งทีมกฎหมายมือดีที่สุดของมหาวิทยาลัยเข้าดูแลทั้งทางแพ่งและอาญา
 


    จากกรณี น.ส.อรชร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 16ปี ขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถตู้โดยสาร ยี่ห้อโตโยต้า สีเทาฟ้า ทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร บนทางด่วนโทลล์เวย์ ก่อนถึงทางลงบางเขนฝั่งขาเข้า ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย และบาดเจ็บอีก 7ราย เมื่อตอนค่ำวันที่ 27  ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. โรงพยาบาลวิภาวดี แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ราย  เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว คือ น.ส.จันจิรา ซิมกระโทก อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะนี้ศพถูกนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ แล้ว เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง   และจนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.อรชร  ว่าจะเข้าให้ปากคำเมื่อใด

ส่วน ที่ สน.วิภาวดี พ.ต.ท.ชัยวิณ เสมาทอง ผอ.ป.ป.ท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผอ.สปท.5 ป.ป.ท. และพ.ต.ท.พงศพร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.การสืบสวนและสะกดรอย กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ฉัตรชัย  เอี่ยมอ่อง พงส.(สบ3) เจ้าของคดี เพื่อขอทราบรายละเอียดที่เกิดขึ้นและความคืบหน้าทางคดี

พ.ต.ท.พงศธร เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม  ให้มาขอข้อมูลจากพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับคดีดังกล่าว  เนื่องจากเป็นที่สนใจของประชาชนจำนวนมาก โดยเพียงแค่มาดูในเรื่องของการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเพื่อให้เกิดความเป็น ธรรมกับทั้ง  2 ฝ่ายเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนในการสอบปากคำพยานและผู้ต้องหาแต่อย่างใด  และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้าน เอแบคโพลล์ ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องประสบการณ์และสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากประชาชนอายุ 18 ปี ขึ้นไปในกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ประชาชนทราบข่าวอุบัติเหตุรถตู้ถูกเฉี่ยวชน ร้อยละ 94.8 ไม่ทราบข่าว ร้อยละ 5.2 ส่วนประสบการณ์เคยพบเห็นอุบัติเหตุด้วยตัวเอง ร้อยละ 58.4 เคยพบเห็น ร้อยละ 41.6 ไม่เคยพบเห็น สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ร้อยละ 97.6 ขับรถเกินความเร็วที่กำหนด ตำรวจไม่เข้มงวดกวดขันจับกุมผู้กระทำผิด ร้อยละ 95.5 เมาแล้วขับ ร้อยละ 94.1 และประชาชนต้องการอยากเห็นความมีน้ำใจของผู้ขับขี่ ร้อยละ 86.8 อยากเห้นตำรวจอยู่ประจำทางแยก ร้อยละ 86.0

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความ  กล่าวถึงกรณีพ่อแม่ของเด็กสาววัย 16 ปี ปล่อยให้ลูกขับรถยนต์บนท้องถนนจนเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตถึง 9 คน ว่า  ในแง่ความรับผิดทางอาญาซึ่ง ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน ปี พ.ศ. 2546  พ่อแม่ที่ไม่นำพาปล่อยปละละเลย ให้บุตรไปกระทำความผิด มีโทษจำคุก 3 เดือน ที่ผ่านมาศาลเคยพิพากษาจำคุกคดีเยาวชนแข่งรถยนต์ รถ จยย. หรือรอลงอาญาไปก็มีมาแล้ว ดังนั้นพ่อแม่ต้องคอยกำกับดูแลไม่ให้เด็กไปกระทำผิดกฎหมาย
ส่วนทางแพ่งก็ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 430 โดยพ่อแม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิด ของบุตรผู้เยาว์  ในส่วนค่าสินไหมทดแทนประกอบด้วย ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ ค่าขาดประกอบการงาน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายในอนาคตจากการเจ็บป่วยทั้งกายและใจ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5ต่อปี สำหรับเจ้าของรถฮอนด้า ซีวิค อาจจะต้องรับผิดด้วย หากปล่อยให้บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถไปขับโดยไม่รู้หรือไม่ชำนาญเส้น ทางย่อมมีส่วนต้องรับผิดในละเมิดอีกด้วย ในส่วนบริษัทประกันภัยของรถฮอนด้าซีวิค อาจยกข้อต่อสู้ และปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ว่าคนขับรถไม่ใช่เจ้าของรถและไม่มีใบอนุญาตขับขี่

ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของ น.ส.จันจิรา หรือน้องป้าย ซิมกระโทก ได้ถูกส่งจาก รพ.วิภาวดี มาให้แพทย์แผนกนิติเวช รพ.ตำรวจ ผ่าชันสูตรแล้ว โดยมีเพื่อนๆจากสถาบันเดียวกันกว่า 20 คน มารอรับศพผู้ตายด้วยบรรยากาศโศกเศร้า ส่วนพ่อและแม่กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมเอกสารจะเดินทางมาติดต่อขอรับศพอย่าง เป็นทางการในช่วงบ่าย
น.ส.พัฒนทิพย์ ศักดิ์ศรีบุญดี อายุ 22 ปี นักศึกษาเพื่อนสนิทในกลุ่ม กล่าวว่า ป้ายเป็นคนดีมีมนุษยสัมพันธ์ให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆเสมอ ไม่น่าจะด่วนจากไปรวดเร็วอย่างนี้ ทั้งที่กำลังจะจบการศึกษารับพระราชทานปริญญาบัตรพร้อมกันอยู่แล้วในช่วง เดือน ส.ค. 54 ก่อนเกิดเหตุทราบว่าป้าย กำลังโดยสารรถตู้คันดังกล่าวไปลงที่จตุจักรและจะต่อไปหาพี่ชายที่ คอนโดมิเนียมย่านรัชดา เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านเกิด จ.บุรีรัมย์ ด้วยกัน แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน
น.ส.พัฒนทิพย์ กล่าวอีกว่า เห็นอาการบาดเจ็บของเพื่อนแล้วเศร้าใจมาก หมอบอกว่าป้าย ถูกผ่าตัดไป 2 ครั้งแล้วแต่ไม่ดีขึ้นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจนสมองบวม กระดูกหักทั่วร่างกาย และต้องเจาะช่องท้อง จนกระทั่งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 ธ.ค.หมอบอกให้ทุกคนทำใจและแล้วป้ายก็จากไปในช่วงเช้ามืดวันนี้ ความรู้สึกของตนอยากให้คู่กรณีออกมารับผิดชอบบ้างแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะ เป็นอุบัติเหตุและหลักฐานทางคดียังไม่กระจ่างชัดเจน แต่ก็ไม่น่าเงียบหายไปแบบนี้ควรจะยื่นมือมาช่วยเหลือครอบครัวของเหยื่อด้วย ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากไม่ได้รับความเป็นธรรมพวกตนจะช่วยกันเคลื่อนไหวเรียกร้องความ ยุติธรรมให้เพื่อนและเหยื่อรายอื่นๆอย่างแน่นอน

ในเวลาไล่เลี่ยกัน รศ.ดร.นิตยา วัจนภูมิ รองคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะอาจารย์ ได้เดินทางมารับศพน้องป้าย เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจจากการจากไปของลูกศิษย์ น.ส.จันจิรา เป็นคนตั้งใจเรียนกำลังจะเป็นบัณฑิตและได้เลือกเรียนในสาขาที่สังคมต้องการ มาก หลังทราบข่าวทางคณะได้ประสานไปยังพ่อและแม่ของ น.ส.จันจิรา เพื่อให้ความช่วยเหลือในส่วนที่ดูแลได้อย่างเต็มที่เช่นในวันนี้ทางคณะจะพา กันไปส่งศพผู้ตาย ที่ จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิด
ส่วนกรณีที่มีข่าวนักศึกษารวมตัวกันเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมทาง คดีให้กับเหยื่อนั้น ขอเรียนว่าได้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน แต่ทั้งนี้พวกเรายังเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมคาดว่าคดีไม่น่ามีปัญหา เพราะทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยกับประชาชนทั่วประเทศกำลังจับตาดูอยู่

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้กำชับพนักงานสอบสวนคดีรถเก๋งชนท้ายรถตู้บนโทลเวย์ทำให้มีผู้เสียชีวิต เป็นจำนวนมาก ว่า ให้ทำสำนวนการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ต้องหาจะเป็นลูก หลานของคนมีนามสกุลดังหรือมีชื่อเสียง  มั่นใจว่าคดีนี้จะไม่เงียบหายไปเพราะเป็นคดีที่สะเทือนขวัญทั้งสื่อมวลชนและ ประชาชนให้ความสนใจอีกทั้งสังคมก็จับตาดูอยู่ พนักงานสอบสวนต้องทำสำนวนอย่างรัดกุมและรอบคอบ

ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นความสูญเสียของมหาวิทยาลัยและของประเทศที่ต้อง สูญเสียอนาคตของชาติไปอย่างน่าเสียดาย มธ.ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกคน อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่ต้องมาดูว่าปัญหาของเรื่องนี้เกิดจากอะไร การที่พ่อ แม่ ผู้ปกครองปล่อยให้เด็กอายุ 16 ขับรถทั้งๆที่ไม่มีวุฒิภาวะและขับรถเร็ว เป็นปัญหาของสังคมไทยที่ต้องช่วยกันแก้ไข ผู้ปกครองต้องแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้สังคมไทยสนใจเรื่องนี้แบบไฟไหม้ฟาง
ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า สำหรับความช่วยเหลืออาจารย์และนักศึกษาที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น ทางมหาวิทยาลัยมีระบบดูแลช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยมีการประกันอุบัติเหตุกลุ่ม ซึ่งในส่วนของอาจารย์จะได้รับเงิน 160,000 บาท รวมทั้งเงินสมาชิกสหกรณ์อีก 300,000 บาท ส่วนนักศึกษาที่เสียชีวิตจะได้รับเงินประกันอุบัติเหตุ 160,000 บาท และเงินช่วยเหลือจากทางมหาวิทยาลัยอีกรายละ 20,000-30,000 บาท
อธิการบดี มธ. กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีหลายฝ่ายเกรงว่าผู้กระทำผิดจะรอดพ้นคดีเนื่องจากเป็นผู้เยาว์และ นามสกุลดังนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะทาง มธ. ได้ตั้งทีมนักกฏหมายที่ดีที่สุดของมหาวิทยาลัยไปช่วยดูแลคดี โดยที่ญาติๆของผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บไม่ต้องจ้างทนายความเอง ซึ่งทีมกฏหมายของมหาวิทยาลัยจะช่วยดูแลทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา และหากพบว่าผู้กระทำผิดมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาก็จะมีการเรียกร้องค่า เสียหายจากผู้กระทำความผิดต่อไป แม้จะเป็นผู้เยาว์ก็ตาม ขอให้ชาว มธ.และสังคมสบายใจว่า มธ.จะดูแลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในสังคม

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงการดำเนินคดีว่า   เรื่องที่มีข่าวว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีไปต่างประเทศแล้วนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงตอนนี้ยังอยู่ในประเทศ ขอยืนยันว่า  การทำคดีจะดำเนินการแบบตรงไปตรงมา ด้านรถยนต์จะสืบสวนว่าใครเป็นเจ้าของ และทางผู้ปกครองรู้เห็นด้วยหรือไม่ หากพบว่าเป็นใจให้ขับรถด้วย จะเรียกตัวมาสอบปากคำเพราะกรณีนี้เป็นเรื่องของความประมาท
ส่วนเรื่องคดี  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการติดต่อประสานจากญาติของเด็กสาววัย 16 ปี คนขับรถเก๋งแล้วว่าจะมาพบในเวลา 19.30 น.ของวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา   แต่เมื่อถึงเวลาไม่มีใครเดินทางมา    พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกให้มารายงานตัวในวันที่ 5 ม.ค.นี้ เวลา 12.00 น.  แต่หากสะดวกมาก่อนหน้านั้นก็ได้ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ มีโทษปรับ 1,000 บาท ซึ่งในวันดังกล่าวพนักงานสอบสวนจะเปิดโอกาสให้คู่กรณีเจรจาเรื่องค่าเสียหาย ต่อกันด้วย ทั้งนี้ หากไม่มาตามหมายเรียกตำรวจจะดำเนินการออกหมายจับต่อไป

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายค่าสินไหมแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุรถตู้โดยสารถูก รถฮอนด้า ซีวิค ชนบนทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ ว่า คปภ.รับทราบแล้วรถฮอนด้าเป็นฝ่ายผิด และขณะนี้บริษัทประกันภัยเริ่มจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทผู้เสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นรายละ 200,000 บาท แยกเป็นวงเงินจากรถตู้ที่ทำประกันภัยภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ไว้กับบริษัทนำสินประกันภัย จำกัด(มหาชน) 100,000 บาท และวงเงินจากรถยนต์ฮอนด้าที่ทำประกันภัยภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับบริษัทนวกิจประกันภัย จำกัด(มหาชน) อีก 100,000 บาท
หลังจากนี้ คปภ. เร่งรัดให้บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง จ่ายค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนรถยนต์ฮอนด้า ทื่ทำประกันภัย พ.ร.บ ไว้กับบริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด วงเงินคุ้มครองรายละ  200,000 บาท และวงเงินประกันภัยภาคสมัครใจ (ประเภท 1) จากบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด(มหาชน) ที่อยู่ระหว่างพิจารณาจ่ายตามฐานุรูปเพิ่มเติมวงเงินคุ้มครองไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท หรือกรณีละไม่เกิน 10 ล้านบาท หลังจากที่จ่ายไปแล้ว 100,000 บาท
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นจะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จากการประกันภัย พ.ร.บ.ในวงเงิน 50,000 บาท และการประกันภัยค่ารักษาพยาบาลของการประกันภัยอุบัติเหตุภาคสมัครใจ อีกรายละ 100,000 บาท

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฏราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์นำพวงมาลาพระราชทานวาง หน้าศพของ ดร.ศาสตารา เช้าเที่ยง นักวิจัยของสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตรวม 9 ศพ บนทางด่วนโทลล์เวย์ โดยตั้งศพบําเพ็ญกุศลที่วัดเกาะนัมทา อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยมีนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นางกรองกาญจน์ โกมลภมร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการมาร่วมงานศพ
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
“สาวซีวิค”โผล่พ่อแม่พานั่งรถเข็น เดินสายเยี่ยม 5 คนเจ็บ ที่ รพ.วิภาวดี เปิดใจอยากไปบวชถือศีลอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต

จากเหตุการณ์สลดใจ น.ส.อรชร (สงวนนามสกุล)อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว ประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถตู้โดยสาร บนทางด่วนโทลล์เวย์ ก่อนถึงทางลงบางเขน(ฝั่งขาเข้า) ทำให้มีผู้โดยสารในรถกระเด็นออกมาเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย และบาดเจ็บอีก 6 ราย เหตุเกิดเมื่อตอนค่ำวันที่ 27  ธ.ค. ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและนักวิชาการ สำหรับสาววัยรุ่นคนขับเก๋งยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.แต่ไม่ยอมเปิดเผยสถาน ที่ หลังจากถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อรชร (สงวนนามสกุล) คนขับรถเก๋งชนรถตู้บนทางยกระดับโทลล์เวย์ ได้ยอมให้สัมภาษณ์เปิดใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องสลดใจขึ้นมา โดยโทรศัพท์เข้ามา ในรายการเช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า ทางโมเดิร์นไนน์ทีวีว่า อยากแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้นที่จะทำให้เกิดการสูญเสียในครั้งนี้ จากนั้นได้เล่าเหตุการณ์บางช่วงบางตอนอ้างว่า     ก่อนเกิดเหตุขับรถอยู่เลนขวาแล้วก็เห็นรถตู้ที่วิ่งอยู่ข้างหน้า แต่รถขับกินเลนเข้ามาฝั่งตนนิดนึงจึงได้เปิดไฟสูงเพื่อขอทางรถตู้ก็กลับเข้า ไปในเลนตัวเอง จากนั้นตนพยายามเร่งเครื่องเพื่อจะแซงให้พ้น ปรากฏว่ารถตู้ได้กินเลนออกมาอีก

น.ส.อรชร เล่าเหตุการณ์ต่อด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแหบแห้งว่า ด้วยความตกใจจึงรีบบีบแตรแล้วพยายามหักหลบหนี ส่งผลทำให้ร่างถลำเข้าไปกระแทกใต้แผงคอนโซลอย่างแรงเนื่องจากไม่ได้คาดซี ทเบลล์(เข็มขัดนิรภัย) จากนั้นก็จำไม่ได้เห็นเหตุการณ์ว่าเป็นเช่นไร ลุกขึ้นมาได้ก็ช่วงมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯช่วยนำออกมาจากรถ ภาพที่เห็นกำลังยืนกดโทรศัพท์นั้น คือต้องโทรแจ้งประกันเพราะว่าเจ้าหน้าที่ไม่ส่งโรงพยาบาลจนกว่าจะโทรเรียก ประกัน ส่วนขับรถด้วยความเร็วมากแค่ไหนนั้นจำไม่ได้ ขอไม่พูดเพราะวันที่ 5 ม.ค.54 นัดจะไปให้ปากคำตำรวจ

เมื่อถามว่า ช่วงนี้มีความตั้งใจจะทำอะไรบ้าง น.ส.อรชร ตอบว่า ขอแสดงความเสียใจเพราะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เกิดขึ้นจากความประมาท ยอมรับผิดเพราะว่าถ้าหนูไม่ขับเร็วในวันนั้นเหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หรืออาจจะไม่รุนแรงขนาดนี้ แต่หนูพยายามเต็มที่แล้วที่จะหักหลบ เพียงแต่ว่ารถมันเสียหลักแล้วไปกระแทกต้องขอโทษจริงๆ นอกจากนี้อยากไปบวชหรือไปถือศีลเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต รวมทั้งอยากไปร่วมงานศพแต่ด้วยสถานการณ์ที่สื่อออกไปนั้นภาพมันค่อนข้าง รุนแรงนิดนึง

“คุณพ่อแม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้หนูฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะตั้งแต่ เกิดเรื่องก็ไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ตและเล่นบีบีเพราะคุณหมอให้ยาเพื่อพัก ผ่อน เพิ่งจะมารู้ทุกอย่างชัดก็เมื่อคืนที่ผ่านมา(30ธ.ค.) ยืนยันมีเฟซบุ๊กอันเดียวไม่ได้เล่นทวิตเตอร์และไฮไฟว์ หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่ได้มีการอัพเดตข้อความอะไรร้ายแรงที่เกี่ยวกับ เหตุการณ์สถานะใดๆทั้งสิ้นขอย้ำว่าไม่มีเลยจริงๆ กระทั่งเริ่มจากเห็นข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พอถามผู้ปกครองก็จึงรู้ว่ากระแสภายนอกเป็นยังไง ตกใจมากเลยต้องออกมาพูดอะไรสักอย่าง” น.ส.อรชร กล่าว

ต่อมาเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อรชร พร้อมด้วยมารดาและบิดา เดินทางเข้าเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 รายที่ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 11 พร้อมนำกระเช้าดอกไม้และขนมมามอบให้ สภาพของน.ส.อรชร ต้องนั่งรถเข็นคนไข้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บฟกช้ำ ได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมกล่าวขอโทษเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนมารดาของน.ส.อรชร ก็กล่าวขอโทษเช่นเดียวกันแต่ที่ออกมาเยี่ยมช้าเพราะลูกสาวก็ได้รับบาดเจ็บทำ อะไรไม่ถูก สำหรับที่ต้องย้ายโรงพยาบาลเพราะกลัวเนื่องจากกระแสข่าวในอินเทอร์เน็ตโจมตี ลูกสาวอย่างรุนแรง หลังจากเสร็จเรื่องก็อาจจะส่งลูกกลับไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา
ด้านนายวรัญญู  เกตุชู  1 ใน5 ผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า น.ส.อรชร ได้มาขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปบอกว่ารู้สึกผิด นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากกระแสในอินเทอร์เน็ตที่โจมตีรุนแรง ส่วนพ่อของน.ส.อรชร บอกว่าไม่ต้องห่วงในเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมายพร้อมจะรับผิดชอบเต็มที่ หากมีหมายเรียกก็พร้อมที่จะนำลูกไปเข้าพบตำรวจ ก็รู้สึกดีที่น้องและครอบครัวออกมาขอโทษ ส่วนเรื่องการฟ้องร้องค่าเสียหายนั้นผมยังไม่ได้คิดเพราะมารดาบอกให้พัก รักษาตัวให้หายดีเสียก่อน

ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของน.ส.จันจิรา  ซิมกระโทก หรือน้องป้าย อายุ22 ปี นักศึกษา ชั้นปี 4 ม.ธรรมศาสตร์ ที่เสียชีวิตเป็นรายที่ 9 นายสะโอด นางปิยะวรรณ ซิมกระโทก ผู้เป็นพ่อและแม่ ได้รับศพบุตรสาวกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านสวน ต.ห้วยหิน อ.หนองหงส์ ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกของคนในครอบครัวและบรรดาญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนๆร่วมสถาบัน โดยมีกำหนดทำพิธีฌาปณกิจศพ เวลา15.00 น. วันที่ 1 ม.ค.54

ขณะเดียวกัน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะลุงของน.ส.อรชร ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเสียใจต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและพี่น้องในตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ทุกคนโดยเฉพาะตนเป็นผู้ใหญ่ของตระกูลก็รู้สึกเสียใจ  และทางพ่อเด็กพร้อมที่จะช่วยเหลือดูแลชดใช้ให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนในเรื่องความยุติธรรมที่สังคมกังขาว่าจะมีการช่วยเหลือในฐานะตระกูลใหญ่ ขอให้ไว้วางใจทางตระกูลเราได้เลย โดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรมต้องเกิดขึ้นกับทุกคน

“ผมไม่เคยลงไปยุ่งเกี่ยวในทางคดี ส่วนน้องชาย ซึ่งเป็นพ่อของเด็กก็บอกแล้วในเรื่องคดีความให้ตำรวจว่ากันไปตามกฎหมาย เชื่อว่าสภาพจิตใจของหลานสาวอยู่ในอาการไม่ค่อยดี หากเป็นไปได้ขอให้สื่อหยุดการเสนอข่าวได้แล้วเพราะขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอน ขบวนการของกฎหมายแล้วจึงขอให้มั่นใจการทำงานของตำรวจ ตระกูลเราไม่มีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานแน่นอน”พล.อ.วิชญ์ กล่าว

ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=113020
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
น่าเสียดายเยาวชน ของชาติ นะคะโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ๆ ทำงานด้านวิทยาศาสตร์ ยิ่งหายากด้วย

อันนี้ถ้าสรุปแล้ว คงเป็นเวรกรรมที่ทำร่วมกันในชาติก่อนแน่ ๆ เลยคะ

 :'(
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


1 ม.ค. 54 จากกรณีสาวอายุ 16 ปี ที่ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคชนรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และเป็นกระแสข่าวคึกโครมสะเทือนขวัญประชาชนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ล่าสุด พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะลุงของสาว16 ได้ออกมาวอนสื่อหยุดให้ข่าวหลานสาวได้แล้ว

โดย พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ทางครอบครัวและพี่น้องในตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ทุกคนรู้สึกเสียใจต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตนเป็นผู้ใหญ่ของตระกูล รู้สึกเสียใจ และทางพ่อเด็กพร้อมที่จะช่วยเหลือดูแล และชดใช้ให้กับผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนในเรื่องความยุติธรรมที่สังคมกังขาว่าจะช่วยเหลือในฐานะตระกูลใหญ่ ขอให้ไว้วางใจตระกูลเรา

“ยืนยันว่าพี่น้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรม ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ทางหลานสาวเสียใจ พี่น้องก็เสียใจ เชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่เมื่อเป็นอุบัติเหตุขึ้นมา เราต้องมาช่วยกันดีกว่า

ทั้งนี้ ผมไม่เคยลงไปยุ่งเกี่ยวในทางคดี ส่วนน้องชายซึ่งเป็นพ่อของเด็กก็บอกแล้วในเรื่องคดีความให้ตำรวจว่ากันไปตาม กฎหมาย ขอให้ทุกคนสบายใจได้ เชื่อว่าสภาพจิตใจของหลานสาวตนตอนนี้อยู่ในอาการไม่ดีแน่ หากเป็นไปได้ขอให้สื่อหยุดการเสนอข่าวได้แล้ว เพราะขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอน ขบวนการของกฎหมายแล้ว และขอให้มั่นใจการทำงานของตำรวจ เพราะตระกูลเราไม่มีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานแน่นอน” พล.อ.วิชญ์กล่าว

เรียบรียงข่าวโดย Mthai News
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7340 ข่าวสดรายวัน


อาลัยแน่นวัด-พิธีเผา'ดร.'เหยื่อสาว16

พร้อม2ศพ 'นศ.สาว' กับนักวิจัย จี้-ขอโทษ



อาลัยลูก - นางถวิล เช้าเที่ยง ร่ำไห้โดยมีญาติคอยปลอบระหว่างร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หนึ่งในเหยื่อสาว 16 ขับรถชนจนตกทางยกระดับโทลล์เวย์เสียชีวิต ที่วัดเกาะนัมทาฯ จ.ราชบุรี ตามข่าว

พระ ราชทานเพลิงศพแล้ว 2 เหยื่อรถซิ่งสาว 16 ทั้งศพ ดร.เป็ดกับนักวิจัยหนุ่ม'สวทช.' ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติพี่น้องและครอบครัว เมียสาวหนุ่มนักวิจัยวอนคู่กรณีให้ออกมาขอโทษอย่างจริงใจ ส่วนที่อุบลราชธานี ญาติพี่น้อง-เพื่อนน.ศ.ร่วมอาลัยในพิธีฌาปนกิจศพน.ศ. สาวมธ. บรรยากาศสุดเศร้าสลด พ่อเหยื่อสาวเผยฝ่ายรถตู้มาเคารพศพแล้ว แต่ฝ่ายรถเก๋งคู่กรณียังไม่เห็นแม้แต่เงา

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุสยอง ขวัญสาววัย 16 ขับรถเฉี่ยวชนท้ายรถตู้โดยสาร บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ทำให้รถตู้พลิกคว่ำ ผู้โดยสารจำนวนมากกระเด็นตกลงมายังถนนเบื้องล่าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า คดีจะเป็นมวยล้มเพราะเด็กสาวมีนามสกุลใหญ่และมีญาติเป็นทั้งนายทหารระดับสูง และมีชื่อเสียงในวงสังคม หลังเกิดเหตุผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณี จนสาว 16 พร้อมผู้ปกครองเริ่มออกเยี่ยมผู้บาดเจ็บพร้อมเปิดใจว่า เป็นอุบัติเหตุ หลังเกิดเหตุก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก และล่าสุดแม่ของสาว 16 เดินทางเข้ากราบขอขมาแม่ของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง นักวิจัยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่วัดจังหวัดราชบุรี


ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 ม.ค. ที่วัดเกาะนัมมทาปทวลัญชาราม อ.เมือง จ.ราชบุรี นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เดินทางเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ ดร.เป็ด อายุ 33 ปี นักวิจัยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค ทะเบียน ฎว 8461 กรุง เทพมหานคร ซึ่งมีสาวอายุ 16 ปี เป็นคนขับ เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ดอนเมือง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ดร.ศาสตรา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน ซึ่งญาติได้นำศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดเกาะนัมทาฯ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี โดยมีเพื่อนที่ร่วมงาน อาจารย์ นักศึกษาจากสถาบันที่ ดร. ศาสตรา เคยร่ำเรียนมา รวมทั้งญาติๆ มาร่วมงานจำนวนมากท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าของเพื่อนๆ และบรรดาญาติๆ

สูญเสีย - นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมฯ เป็นประธานฌาปนกิจศพน.ส.สุดาวดี นิลวรรณ น.ศ.เหยื่ออีกรายที่จ.อุบลราชธานี เมื่อ 2 ม.ค.



ด้าน นางสาวถวิล เช้าเที่ยง อายุ 62 ปี มารดาบุญธรรมของ ดร.ศาสตรา ยังทำใจไม่ได้นั่งร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะอาลัยกับการจากไปของลูกชาย และในงานไม่มีญาติของสาวอายุ 16 ปีที่เป็นต้นเหตุให้ ดร. ศาสตรา เสียชีวิตมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงดังกล่าวแม้แต่คนเดียว

และเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ที่วัด บางพระราชวรวิหาร ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ดร.ทวีศักดิ์ กออนันต์ตกูล ผอ. สนง.พัฒนาและวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นาย อุกฤษฏ์ รัตนโฉมศรี นักวิจัยไบโอเทคสำนัก งานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ที่เสียชีวิตจากรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิคชน ท้ายรถตู้โดยสารจนตกทางด่วนโทลล์เวย์

ทางญาติได้นำศพมาบำเพ็ญกุศลที่ บ้านเกิดโดยตั้งศพสวดอภิธรรมจำนวน 5 คืน ซึ่งมีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเข้าร่วมงานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้ กว่า 500 คนท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวรัตน โฉมศรี และเพื่อนฝูงที่เดินทางมาร่วมไว้ อาลัยครั้งสุดท้าย ซึ่งต่างเสียดายในความรู้ความสามารถของผู้เสียชีวิตที่ทำประโยชน์ให้แก่ ประเทศชาติและกำลังจะมีอนาคตที่รุ่ง โรจน์ ซึ่งผู้บังคับบัญชาใน สวทช.ต่างมีความเสียดายที่ต้องขาดบุคลากรที่มีความรู้ และเก่งทางด้านวิชาการไปอีกท่านหนึ่ง


นางสุภัชส์ศวีร์ รัตนโฉมศรี อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทมี้ดจอห์นสันนิว ทิชัน (ประเทศไทย) จำกัด ภรรยาของนายอุกฤษฏ์ รัตนโฉมศรี ผู้เสียชีวิตได้เปิดเผยว่าได้แต่งงานกันมา 3 ปีแล้ว มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน คือ ด.ช.ภีมชยุติม์ รัตนโฉมศรี อายุ 3 ขวบ ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นคนรักครอบครัวเป็นอย่างมากโดยบุตรชายได้ให้ปู่กับย่า ดูแลอยู่ที่บ้านบางพระ ตนกับสามีจะมาเยี่ยมลูกทุกวันหยุดเป็นประจำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้รู้สึกตกใจที่สูญเสียสามีไปอย่างไม่มี วันกลับและยังตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ตอนนี้จึงต้องเป็นต้องเป็นเสาหลักให้แก่ลูก จึงอยากให้คู่กรณีออกมาขอโทษอย่างจริงใจในเมื่อผิดก็ให้ยอมรับผิดไม่ใช่ให้ ครอบครัว ไปขอโทษแทน ซึ่งถ้าออกมาขอโทษอย่างจริงใจ เชื่อว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็พร้อมให้อภัย ส่วนในเรื่องของรูปคดี ถ้าผลการสอบสวนออกมา ถ้ามีความยุติธรรมก็พร้อมจะยอมรับแต่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะดำเนินการ ทวงความยุติธรรมให้ถึงที่สุด ส่วนเรื่องคู่กรณีและเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นยังไม่ติดต่อมาแต่อย่างไร ซึ่งคิดว่าเมื่อเรียบร้อยจากงานศพของสามีก็จะติดตามผลความคืบหน้าของคดีว่า ไปถึงไหนแล้ว

สูญเสีย- นางสุภัชส์ศวีร์ รัตนโฉมศรี เปิดใจในงานพระราชทานเพลิงศพนายอุกฤษฏ์ รัตนโฉมศรี นักวิจัยสวทช. สามี หนึ่งในเหยื่อรถชนตกโทลล์เวย์ ที่จ.ชลบุรี เผยทั้งคู่กรณีและตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 2 ม.ค.



สำหรับ นายอุกฤษฏ์ รัตนโฉมศรี อายุ 31 ปี เป็นนักวิจัยไบโอเทคสำนักงานพัฒนาวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของนายอนันต์และนางรุจิตรา รัตนโฉมศรี สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะเทคโนโลยีชีวภาพมหาวิทยาลัยเทค โนโลยีราชมงคลตะวันออก เริ่มปฏิบัติงานที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยี ชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ตั้งแต่เดือน พ.ย.2545 ในตำแหน่งผู้ช่วยนักวิจัยห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีเอนไซม์ หน่วย วิจัยเทคโนโลยีทรัพยากรชีวภาพ

นายอุกฤษฏ์เป็นกำลังสำคัญของห้อง ปฏิบัติการมาตลอดระยะเวลา 8 ปีในการทำงาน ซึ่งการทำงานได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นคนเก่งคนขยันและเป็นคนดีให้ความช่วย เหลือกับเพื่อนร่วมงานทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานความสามารถในการทำ วิจัยที่โดดเด่นโดยมีผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวาร สารนานาชาติจำนวนมาก ได้รับรางวัลผลงานสิ่งประดิษฐ์จากสภาวิจัยแห่งชาติในปี 2551 และในปี 2553 ได้รับรางวัล Excellent Paper Award of the Society of Biotech nology Japan จากสมาคมเทคโนโลยี ชีวภาพ และยังได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันการพัฒนาแนวความคิดสู่ผลิตภัณฑ์ประจำ ปี 2553 ในเดือน พ.ย.2553 ที่ผ่านมา สร้างความสุขและความภูมิใจให้กับทุกคน ในห้องปฏิบัติการตลอดมา

ที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร อ.เมือง จ.อุบล ราชธานี นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธาน ฌาปนกิจศพ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหยื่ออุบัติเหตุรถเก๋งชนรถตู้โดยสาร ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายกระเด็นตกจากทางด่วนโทลล์เวย์ ซึ่งญาตินำมาตั้งบำ เพ็ญกุศลตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศภายในงานมีคณาจารย์ เพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานจำนวนมาก

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.สภ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นบิดาน.ส.สุดาวดี กล่าวคำไว้อาลัยให้บุตรสาวที่จากไป เพราะความประมาทของผู้ขับรถทั้งสองฝ่าย ด้วยเสียงอันสั่นเครือ ทำให้ บรรยากาศภายในงานเศร้าสะเทือนใจ เพื่อนนักศึกษาและผู้ร่วมงานหลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ถึงกับหลั่งน้ำตาตลอดช่วงกว่า 4 นาที ที่พ.ต.อ.ศรัญกล่าวถึงความหวังของบุตรสาว ที่ต้องการเข้าเรียนในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อมาเป็นรุ่นน้องของพ่อที่เรียนจบจากคณะนี้เช่นเดียวกัน และ น.ส.สุดาวดี ยังบอกว่า จะขอเรียนต่อวิชากฎหมายระดับปริญญาโทในต่างประเทศ เพื่อจบมาสอบเป็นผู้พิพากษา แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อน

ส่วนการแสดงความ รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น พ.ต.อ.ศรัญ กล่าวว่า ฝ่ายเจ้าของรถตู้โดยสารได้นำพวงหรีดมาเคารพศพ เพื่อแสดงความเสียใจกับครอบครัวส่วนฝ่ายรถยนต์ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 03, 2011, 03:08:18 pm โดย ครูนภา »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นับว่าเป็นการสูญเสีย ร่วมชะตากรรม ส่วนผู้ที่เป็นคู่กรณ๊นั้น ก็ต้องรอบทพิสูจน์ด้านกฏหมายต่อไป

ก็สงสารทุกฝ่าย และเสียใจต่อการจากไป ของทุกคน

  แต่วันนี้ ปัญหา กำลังจะถูกแก้อย่างไร ที่ว่ายุติธรรม

   :25: :'( :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ปอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 119
  • จิตที่ฝึกดีแ้ล้ว ย่อมนำสุขมาให้
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ติดตามข่าวอยู่ คะ อ่านที่นี่ก็ดีคะ รวมไว้ตั้งแต่ต้น

ขอบคุณผู้โพสต์คะ

   :13:
บันทึกการเข้า

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


บช.น.เตรียมสถานที่รับมอบตัวโชเฟอร์”สาวซีวิค”วัย 17 ปี หลังมีคำสั่งให้ย้ายจาก สน.วิภาวดี เพราะสถานที่กว้างขวางกว่า ขณะที่แม่ของสาวนักเรียนนอก รับ หวั่นกระแส”แอนตี้”ของสังคมออนไลน์ แต่ยืนยัน ลูกสาวเข้าให้ปากคำตามนัดแน่ พฐ.รุดเก็บหลักฐานรถคู่กรณีอีกรอบ ขณะที่กรมพินิจฯ ระบุขั้นตอนสอบเยาวชน แจง พงส.ต้องส่งตัวให้สถานพินิจภายใน 24 ชม.ขณะที่ ผอ.สถานพินิจฯ มีอำนาจพิจารณาจะให้ประกันตัวหรือไม่
               
ความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุสยองขวัญรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ของสาวนักเรียนนอกตระกูลดังวัย 17 ปี พุ่งชนรถตู้โดยสารบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งผู้โดยสารและคนขับรถตู้รวม 9 ศพ บาดเจ็บอีกหลายราย กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่มเมืองเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในโลกสังคมออนไลน์ที่ส่วนใหญ่โจมตีสาววัยรุ่นคนขับรถเก๋งคันต้นเหตุ จนเจ้าตัวเครียดหนัก แต่ก็พร้อมจะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามนัดหมาย

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 4 ม.ค.ที่ สน.วิภาวดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาตรวจสอบรถตู้โดยสารโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-บีทีเอส หมอชิต และรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี น.ส.หญิง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ขับขี่ และเกิดอุบัติเหตุกับรถตู้คันดังกล่าวบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ มีผู้เสียชีวิต 9 ราย เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาหลักฐานร่องรอยการเฉี่ยวชนเพิ่มเติม จากนั้นจะนำหลักฐานทั้งหมดไปมอบให้กับ พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน(สบ3) สน.วิภาวดี เจ้าของคดีดังกล่าว เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีต่อไป
       
ด้าน พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.สน.วิภาวดี กล่าวว่า ในตอนแรกทางพนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี ได้จัดเตรียมสถานที่ของโรงพักเพื่อรับมอบตัว น.ส.หญิง เรียบร้อยแล้ว เพราะคาดว่าน่าจะมีสื่อมวลชนและญาติของทั้งฝ่ายมาที่โรงพักจำนวนมาก แต่ล่าสุดมีคำสั่งให้เปลี่ยนสถานที่รับมอบตัว จาก สน.วิภาวดี ไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เนื่องจากสถานที่กว้างขวาง สะดวกสบายกว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ได้จัดเตรียมห้องประชุมปารุสกวัน 2 ไว้ เป็นสถานที่มอบตัว รวมทั้งพนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำ น.ส.หญิง ที่จะเข้ามอบตัวในวันที่ 5 ม.ค.นี้ เวลา 08.00 น.
       
ส่วนความเคลื่อนไหวของครอบครัวตระกูลดัง นางลัดดาวัลย์ (สงวนนามสกุล) มารดาของ น.ส.หญิง คนขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค คันเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดสอบปากคำ น.ส.หญิง บุตรสาว ซึ่งจะเดินทางไปพร้อมกับบิดา ตน และทนายความ โดยบุตรสาวได้หยุดกินยามา 2 วันแล้ว เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาในการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้บุตรสาวอาการดีขึ้นมาก เดินได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็น อย่างไรก็ตาม ตนกลัวกระแสของสังคมออนไลน์มาก เพราะเมื่อเข้าไปตรวจสอบดูตามเว็บไซด์ต่างๆ ยังมีกระแสแอนตี้บุตรสาวอยู่มาก ซึ่งแม้จะทำให้รู้สึกหวั่นใจบ้าง แต่ก็พร้อมจะเข้าให้ปากคำกับตำรวจในวันที่ 5 ม.ค.แน่นอน     

ด้านนายสุนทร เพิงมาก รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน  กล่าวถึงคดีเยาวชนอายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ชนรถตู้บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ว่า ตามขั้นตอน หลังจากตำรวจเจ้าของคดีแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาแล้ว  พนักงานสอบสวนจะมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาต้องมาพบพนักงานคุมประพฤติ โดยต้องมีคำสั่งส่งตัวผู้ต้องหามายังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเมตตา ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งผู้อำนวยการสถานพินิจฯ มีอำนาจพิจารณาจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการแจ้งจับกุมตัวหรือไม่ หากเป็นการไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา และเข้าสู่ขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ไม่ต้องพิจารณาเรื่องการให้ประกันตัว เพราะถือว่ายังไม่มีการจับกุมตัว เมื่อสอบสวน ทำรายงานเสร็จก็ปล่อยตัวได้  แต่หากตำรวจแจ้งว่ามีการจับกุมตัวแล้ว จึงจะพิจารณาเรื่องการควบคุมตัว ซึ่งตามปกติเป็นเด็กผู้หญิงจะควบคุมตัวที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านปรานี

นายสุนทร กล่าวต่อว่า ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ หากมีการเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องส่งตัวเยาวชนคนดังกล่าวมาที่สถานพินิจฯ กรุงเทพฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติ และนักจิตวิทยาได้สอบปากคำ แล้วทำรายงานเสนอต่อศาลตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติเมื่อผู้กระทำผิดเป็น เยาวชน ซึ่งสถานพินิจฯ จะเตรียมพนักงานคุมประพฤติ และนักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญเข้าสอบปากคำกรณีนี้ ขณะที่นางทัศนาวิไล ไกรนรา ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ จากตำรวจเกี่ยวกับกรณีเยาวชน อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งซีวิคชนรถตู้ ดังนั้นสถานพินิจฯ จึงยังไม่ต้องเตรียมการใดๆ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการสอบปากคำ และการจัดเตรียมนักจิตวิทยา ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ กล่าวว่าหากมีการส่งตัวมายังสถานพินิจฯ ก็จะทำการสอบสวนไปเช่นเดียวกับเยาวชนที่กระทำผิดในรายอื่นๆ ตามปกติ
           
ส่วนกรณีอุบัติเหตุรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ทะเบียน พศ 2256 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนรถตู้โดยสาร โตโยต้า สีขาว ทะเบียน อย 235 กรุงเทพมหานคร บริเวณทางลงด่วนสุขุมวิท 62 เขตพระโขนง พลิกคว่ำชนขอบกั้นทาง มีผู้บาดเจ็บนับ 10 ราย หวิดเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย นางสมจิต รัตนาฤทธิ์นนท์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่าทาง กทพ.ได้ตรวจสอบจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบนทางพิเศษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ตรวจสอบแล้วไม่พบซากสุนัขในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นทางด่วนระดับดิน ไม่ใช่ทางยกระดับ รถที่เกิดอุบัติเหตุจึงไม่สามารถตกจากทางด่วนได้แต่อย่างใด.

ขอบคุณที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=113635
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

สาว 16 พร้อมพ่อ-แม่ และทีมทนายชุดใหญ่ เข้าบช.น.มอบตัวคดีชน 9 ศพตกโทลล์เวย์ ตร.แจ้ง 2 ข้อหาขับรถประมาทมี ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กับขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ก่อนส่งต่อไปสถานพินิจฯสอบอีกรอบและปล่อยตัวไป สาวน้อยเอ่ยปากขอโทษและยืนยันเป็นอุบัติเหตุ ตร.ลุยเช็กบิลเจ้าของรถซีวิคที่ให้เด็กไม่มีใบขับขี่นำไปใช้ สอบพบสาว 16 ไร้ใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็นของไทยหรืออเมริกา ญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย มธ.นัดแต่งชุดดำไว้อาลัยอาจารย์และเพื่อน น.ศ.ที่เสียชีวิต 'ปริญญา เทวานฤมิตรกุล' รองอธิการบดีมธ.จัดทีมทนายชุดใหญ่ขอร่วมเป็นโจทก์ฟ้องอาญา-แพ่ง ช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมด

ความคืบหน้าคดีสาว 16 ขับรถเก๋งซีวิคชน กับรถตู้บนทางยกระดับโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 5 ม.ค. พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา พร้อมด้วยนางลัดดาวัลย์ เทพ หัสดิน ณ อยุธยา พ่อแม่ของสาว 16 พร้อมทนายอีก 3 คน พาลูกสาวเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อรายงานตัวตามหมายเรียกกับพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์

โดยสาว 16 สวมเสื้อชุดสีดำ แว่นตาดำ ด้านซ้าย-ขวามีพ่อแม่เดินคล้องแขนเป็นกำลังใจ พ.อ.รัฐชัย และลูกสาวมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนนางลัดดาวัลย์ค่อนข้างเคร่งเครียด เมื่อมาถึงก่อนทางเข้าห้องประชุม บรรดาสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และวิทยุ ประมาณ 100 คนต่างรุมถ่ายภาพ และพยายามสอบถามแต่ไม่มีคำตอบกลับมา ก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าห้องประชุม ซึ่งพนักงานสอบสวนปิดห้องทันที ก่อนจะนำป้าย'พื้นที่หวงห้าม'มาวางไว้ด้านหน้า ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน

ระหว่างการสอบปากคำอยู่นั้นมีนายสุ พจน์ จินันทุยา อายุ 65 ปี อาของนายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตพร้อมนางโทโมะโกะ นันโด ภรรยานายภิญโญเดินทางมายังบช.น. โดยนาย สุพจน์ กล่าวว่า มาสังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องการสอบปากคำเพื่อให้เกิดความเป็น ธรรม การมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องขอความธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งหากครอบครัวของ ผู้ต้องหาต้องการมาพูดคุยหลังสอบปากคำเสร็จ ก็ยังไม่พร้อมพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนสาเหตุที่อาจารย์ภิญโญ ไม่ยอมซื้อรถนั้นเนื่องจากเงินเดือนไม่พอกับรายจ่าย จึงจำเป็นต้องโดยสารรถตู้ไปทำงานอีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วย

ต่อมา เวลา 11.50 น. หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่พาทั้งหมดออกมา โดยสาว 16 กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ขอไปพูดที่สถานพินิจฯ แล้วกันคะ ตอนนี้หนูขอไปก่อน เดี๋ยวไปพูดที่สถานพินิจฯ" เมื่อถามว่ามีอะไรจะพูดขอโทษหรือไม่ สาวซิ่งซีวิค พูดว่า "ขอโทษค่ะ หนูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ" จากนั้นเดินออกไปขึ้นรถด้านหน้า บช.น.

พล.ต.ต. อำนวย กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือพอสมควร ส่วนรายละเอียดในสำนวนพูดตรงนี้ไม่ได้ หลังสอบปากคำก็พิมพ์มือเรียบ ร้อยก็ตกเป็นผู้ต้องหา จากนั้นนำตัวส่งสถานพินิจฯ เพราะคดีนี้ขึ้นศาลเด็กและเยาวชนกลาง เพราะผู้ต้องหาอายุเพียง 16 ปี 6 เดือนส่วน จะควบคุมตัว หรือปล่อยตัวชั่วคราวก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสถานพินิจฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เกี่ยวข้องเพราะไม่มีการจับกุมเพียงการมารับทราบข้อ กล่าวหา

เมื่อถามว่าแสดงว่าให้การรับสารภาพ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ทางคดีขออนุญาตไม่ลงในรายละเอียด แต่ผู้ต้องหาก็รับทราบข้อกล่าวหาทั้ง 2 ข้อหา คือข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายมีผู้ถึงแก่ ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้อหา ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งข้อหานี้เป็นข้อหาเล็ก แต่ข้อหาหลักคือ ขับรถประมาท ส่วนเจ้าของรถพนักงานสอบสวนจะนัดหมายมาสอบปากคำโดยนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ถามว่ามีข่าวว่าสาววัย 16 ปี มีใบขับขี่สากล พล.ต.ต. อำนวย กล่าวว่า ไม่ได้นำมาแสดง

รอง ผบช.น. ระบุว่า เรื่องการเจรจาค่าเสียหายสอบถามผู้ปกครอง และในชั้นพนักงานสอบสวนแล้วก็มีอำนาจที่จะจัดให้เจรจาค่าเสียหายในทางแพ่ง ไม่ว่าเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งการเยียวยาคนเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้เกี่ยวข้อง ทราบว่ามหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ตั้งทีมกฎหมายขึ้นมาเพื่อดูแลในส่วนนี้ด้วย ทางผู้ปกครองของสาววัย 16 ปี ก็ประสงค์ให้ตำรวจนัดเจรจาอีกครั้ง ส่วนจะเจรจากันกี่ครั้งกี่คราวได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องอนาคต ถ้าหากตกลงกันได้ด้วยดีอย่างสมานฉันท์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของทีมงานกฎหมายที่ทางมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ตั้งขึ้นก็ต้องไปฟ้องร้องกันทางแพ่งต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้ความมั่นใจกับครอบครัวผู้เสียหายและผู้เสียชีวิต เพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.ต. อำนวย กล่าวว่า บอกตรงๆ ว่าไม่มีปัญหา ทาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ตั้งทีมกฎหมาย ขึ้นมา คดีก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อน มีทั้งวงจรปิด ประจักษ์พยานมีคนเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ใช่ทั้งรถตู้ และไม่เกี่ยวกับรถของสาววัย 16 ปี ซึ่งเป็นคนนอกหรือคนกลาง คดีนี้มีความชัดเจนถึงกล้าแจ้งข้อหาสาววัย 16 ปีฝ่ายเดียว ในส่วนของรถตู้ไม่ได้แจ้งข้อหา ส่วนในทางคดีดูหลักฐานแล้วละเอียดรัดกุมโดยตั้งเป็นชุดพนักงานสอบสวนขึ้นมา

พล.ต.ต. อำนวย กล่าวด้วยว่า เตือนอยู่เป็นประจำ เช่น ผู้ปกครองที่ปล่อยลูกให้มาแข่งรถจักรยานยนต์ซิ่งซึ่งเป็นความผิดชัดเจน แต่กรณีนี้ยังห่างเพราะเป็นความผิดโดยประมาท เกณฑ์อายุที่จะสามารถขับรถได้นั้นคือดูวุฒิภาวะ

เวลา 12.15 น. ครอบครัวสาว 16 มาถึงสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ (บ้านเมตตา) เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติใช้เวลานานเกือบ 5 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น ก่อนที่นางลัดดาวัลย์ จะกล่าวว่า ลูกสาวรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากเป็นไปได้ ก็พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมผู้เสียหายทุกคน อย่างไรก็ตามลูกสาวมีโรคประจำตัวต้องกินยาเป็นประจำ ดังนั้นคงไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ จะให้เรียนต่อในประเทศไทย ส่วนเรื่องใบขับขี่นั้น ยอมรับว่าลูกสาวไม่มีทั้งใบขับขี่ของประเทศไทยหรือใบขับขี่ของต่างประเทศ

ผู้ สื่อข่าวถามว่า ลูกสาวได้ให้ปากคำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ บ้าง นางลัดดาวัลย์ ปฏิเสธที่จะพูดถึงในรายละเอียดพร้อมย้ำว่ารู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และชี้แจงถึงกรณีที่ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบตั้งแต่แรกว่าเป็นเพราะลูก สาวยังรู้สึกช็อกต่อเหตุการณ์ และได้รับบาดเจ็บ ส่วนเรื่องการบวชชีนั้นคงต้องหารือกันอีกครั้ง

นายพิทยา ปักเข็ม ทนายความ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คุมประพฤติและเจ้าที่สังคมสงเคราะห์ สอบปากคำเยาวชนที่กระทำผิดและผู้ปกครอง ซึ่งในส่วนของเด็กนั้นเบื้องต้นรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่สภาพร่างกายดีขึ้นแล้ว หลังจากนี้มีโปร แกรมไปบวชชี แต่ยังไม่กำหนดวัน เวลา และสถานที่ ส่วนเรื่องคดีความเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน โดยวันนี้น้องยังไม่พร้อมพูดกับสื่อมวลชนและสังคม คาดว่าต้องให้เวลาอีกสักระยะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ สาวซีวิคพร้อมมารดาพยายามหลบเลี่ยงสื่อมวลชน โดยสาวซีวิคถูกพาตัวออกไปขึ้นรถซึ่งจอดคอยอยู่ด้านหน้าสถานพินิจฯ ในขณะที่มารดาเป็นผู้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

นาง ทัศนาวไล ไกรนรา ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ กล่าวว่า หลังจากรวบรวมข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้วกรมพินิจฯ จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน โดยจะไม่มีการแนบความเห็นใดๆ เพื่อให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้พนักงานอัยการส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบ ครัว ศาลเยาวชนจะส่งสำเนาคำฟ้องกลับมายังสถานพินิจฯ อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นสถานพินิจฯ จึงจะเสนอรายงานข้อเท็จจริงในส่วนของสถานพินิจฯ ส่งศาลเพื่อพิจารณาคดีต่อไป

"เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความเสียหาย ครั้งใหญ่ อีกทั้งผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นญาติผู้เสียหายสามารถเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในการฟ้องคดี หรือสามารถยื่นคำร้องต่อผอ.สถานพินิจฯ เพื่อขอยื่นฟ้องเอง และสามารถเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวมีอัตราโทษ 7 ปี แต่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนและได้มอบตัว หลังจากเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ สอบปากคำเสร็จสิ้นแล้วก็จะไม่มีการควบคุมตัว จึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยกเว้นทางเจ้าหน้าที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็จะนัดเป็นครั้งไป" ผอ.สถานพินิจฯ กล่าว

ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า การเข้า พบพนักงานสอบสวนของเยาวชนหญิงอายุ 16 ปีในวันนี้ เป็นการเข้ามอบตัว ดังนั้นพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว หลังแจ้งข้อหาจะต้องปล่อยตัวกลับไปไม่ต้องมีการพิจารณาเรื่องประกัน โดยเมื่อมาถึงบ้านเมตตาเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเหมือนคดีทั่วไป คือ ถ่ายภาพ พิมพ์ลายนิ้ว มือ สืบเสาะและพินิจโดยพนักงานคุมประพฤติ ด้วยการสอบปากคำเบื้องต้นเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิด นิสัยความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สภาพแวดล้อม การอบรมสั่งสอน ฐานะความเป็นอยู่ พร้อมทั้งตรวจสุขภาพกายและจิต เพื่อทำความเห็น รายงานต่อศาลเยาวชนและครอบครัวว่าวิธีการที่เหมาะสมกับเยาวชนรายนี้ควรเป็น อย่างไร ภายใน 30 วัน

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเยาวชนยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ฯ ผู้ที่อนุญาตให้เยาวชนรายนี้ใช้รถยนต์ก็ควรรับผิดชอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนควรแจ้งข้อกล่าวให้ในฐานะเป็นผู้ให้การสนับสนุน หรือส่งเสริมให้เยาวชนประพฤติตนไปในทางเสียหายหรือกระทำความผิดตามมาตรา 26 (3) ของพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"คดีนี้ควรเป็น อุทาหรณ์สำหรับเยาวชนทั่ว ไปว่า ก่อนจะทำอะไรต้องคิดถึงผลกระทบให้รอบด้านเสียก่อน เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้ว มิใช่เฉพาะกับตนเองและครอบครัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อบุคคลและครอบครัวอื่นๆ อย่างประมาณค่ามิได้ และที่สำคัญตัวน้องที่ก้าวพลาดกระทำความผิดในครั้งนี้ จะมีแผลเป็นทางใจติดตัวไปชั่วชีวิต จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ให้ความช่วยเหลือ ไม่ควรปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องรักษา และในระยะนี้ไม่ควรให้น้องเขาอยู่คนเดียว ในที่นี้รวมไปถึงญาติผู้เสียหายก็ควรมีองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูอย่าง ใกล้ชิด" นายธวัชชัยกล่าว

นางนงภรณ์ รุ่งเพชรวงศ์ ผอ.กองสิทธิและเสรีภาพ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า พร้อมจะให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับการใช้สิทธิของผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ทั้งเรื่องการจัดหาทนายความและการจ่ายค่าชดเชยผู้เสียหายในคดีอาญา โดยผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมได้เต็มที่

วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นักศึกษานัดกันแต่งกายด้วยชุดสีดำเพื่อไว้อาลัย และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์ เวย์ โดยนักศึกษาส่วนใหญ่ทั้งชาย-หญิงสวมเสื้อและชุด สีดำ นอกจากนี้ภายในมหาวิทยาลัยยังติดป้ายแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจำนวน หลายป้าย รวมถึงป้ายเรียกร้องความเป็นธรรม และความรับผิดชอบจากผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยในวันที่ 10 ม.ค.นี้ ทางมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ จะจัดทำบุญใหญ่ให้กับผู้เสียชีวิต ตั้งแต่ช่วงเช้าโดยจะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ภายในอาคารโดมบริหาร

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการเข้าไปเป็นฝ่ายกฎหมายช่วยเหลือครอบครัว และญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานศพและเยี่ยมผู้ที่บาดเจ็บจึงได้ทราบว่า ส่วนใหญ่ได้ปรึกษาในเรื่องของคดีความว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปและต้องการให้ทา งม.ธรรมศาสตร์ เข้าไปช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและคดี ทางม.ธรรมศาสตร์ที่มีศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายให้กับประชาชนอยู่แล้ว รวมถึงผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นคนของธรรมศาสตร์เอง จึงได้พิจารณาเข้าช่วยเหลือทั้งหมด แม้จะไม่ได้เป็นนักศึกษาของธรรม ศาสตร์ โดยจะดำเนินการทางกฎหมายไปใน 2 ทางคือทั้งแพ่งและอาญา

"ในส่วนของ อาญาในข้อหากระทำโดยประ มาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น ถ้าหากเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายแล้วทางฝ่ายกฎหมายของมธ.ก็ไม่จำเป็นจะ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอะไร และหากคดีไปถึงชั้นศาลแล้ว ทางมธ.ก็จะถามความยินยอมจากญาติของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ จากนั้นจึงจะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมในคดีเพื่อติดตามความคืบหน้า ส่วนทางแพ่งหากทางผู้ก่อเหตุได้เยียวยาญาติ และผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว ทางมธ.ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเข้าไปช่วยแต่อย่างใด แต่หากยังไม่ได้มีการช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือไม่เป็นที่พอใจ ทางมธ.ก็จะเข้าไปเป็นโจทย์ร่วมเพื่อเรียกร้องทางแพ่งในคดีอาญา" นายปริญญา กล่าว

รองอธิการบดี มธ. กล่าวต่อว่า ในฐานะของคนมธ.ก็มีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่มีโอกาสไปงานศพและเยี่ยมผู้บาดเจ็บแล้วคิด ว่าความรู้สึกของญาติของผู้ได้รับผลกระทบนั้นคือถ้ามีใครมาทำอะไรก็ควรจะ ต้องรับผิดชอบ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้อยู่ในกระแส หรือความสนใจของคนจำนวนมาก ก็เนื่องจากว่าผู้ที่ทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้นนั้นหรือครอบครัวออกมาแสดงความ รับผิดชอบค่อนข้างช้า จึงเกิดความไม่พอใจ สิ่งที่ทางครอบครัวของผู้กระทำควรจะทำในเรื่องของความเป็นธรรมที่ไม่จำเป็น จะต้องจบที่ศาลก็ได้ ถ้าหากแสดงความรับผิดชอบที่เหมาะสม แต่ตอนนี้ยังเห็นตรงนี้น้อยเกินไปสำหรับผู้สูญเสีย ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจกระทำ แต่ถ้ามีความ รับผิดชอบตรงนี้ก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

นายปริญญา กล่าวอีกว่า ในความเห็นส่วนตัวนั้นคิดว่าคงไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้น แม้แต่ผู้ที่ขับรถซีวิคเองก็ตาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากมีผู้สูญเสียมาก โดย มีสาเหตุมาจาก 1.การขับรถโดยประมาท 2.ในส่วนของรถตู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เนื่องจากที่ผ่านมารถตู้ดัดแปลงต่อเติมส่วนต่างๆ ทั้งที่นั่งที่เกินกว่ารถจะรับได้ ติดถังแก๊สด้านหลัง และเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากมาย การสูญเสียครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะต้องมีการจัดระเบียบรถตู้และระบบขนส่ง มวลชนกันใหม่ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

"ใน ส่วนของมธ.เองที่ได้มีมาตรการเฉพาะหน้าไปแล้วตั้งแต่หลังวันที่เกิดเหตุคือ 1.ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกคน 2.ต้องไม่ใช้ความเร็วเกิน 100 ก.ม.ต่อชั่วโมง 3.ห้ามให้มีผู้โดยสารเกินกว่าที่นั่งที่กำหนด แต่หลังจากนี้ก็จะต้องมีมาตรการที่นำไปสู่การจัดระเบียบอย่างจริงจัง" รองอธิการบดี มธ. กล่าว

นายธนพล ทายะติ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความเคลื่อน ไหวของนักศึกษามธ.ต่อเรื่องดังกล่าวว่า ทราบข่าวในคืนที่เกิดเหตุ และติดตามข่าวจนทราบว่ามีเพื่อนนักศึกษาเสียชีวิตด้วย หลังจากวันนั้นจึงมีนักศึกษาตั้งกลุ่ม 'accident watch' เพื่อติดตามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก่อนกลุ่มนี้จะเข้ามาร่วมกับองค์ การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อช่วยกันดูแล และรณรงค์การขับขี่เพื่อให้ปลอดภัย ทำป้ายแสดงความเสียใจติดไว้ตามสถานที่ต่างๆรวมถึงเข้าไปให้ข้อมูลในโซเชียล มีเดีย เพื่อกระตุ้นให้เรื่องนี้ไม่หายไปโดยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ส่วนการแต่งกายด้วยชุดดำเป็นแนวคิดของน.ศ. กลุ่มหนึ่งที่ต้องการไว้อาลัย และแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต

ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREEyTURFMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB3Tmc9PQ==
บันทึกการเข้า

มะเดื่อ

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 181
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
http://video.nationchannel.com/data/6/2011/01/05/jh7bfdc9bedef87bbjba5.flv


ความคืบหน้าของคดีครับ
บันทึกการเข้า

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
กร้าวคดี 9 ศพโทลล์เวย์ไม่มีมวยล้ม
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 12:38:46 pm »
0
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ม.ค. ที่ สน.วิภาวดี พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รองผบก.จร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี น.ส. หญิง (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคชนกับรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก ว่าพนักงานสอบสวนได้สอบ ปากคำพยานไปแล้ว 6 ปาก คาดว่าน่าจะครบถ้วน และล่าสุดทราบแล้วว่าเจ้าของรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ที่แท้จริงเป็นใคร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยได้มีการออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ (13 ม.ค.) แต่ทางเจ้าของรถได้ขอเลื่อนไปก่อน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า  รถเก๋งฮอนด้าคันดังกล่าวมีการสวมทะเบียน นั้น ได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าไม่มีการสวมทะเบียนแต่อย่างใด น่าจะเป็นการเข้าใจผิด  เพียงแต่เป็นการเช่าซื้อมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง
   
รอง ผบก.จร. กล่าวต่อว่า โดยประเด็นหลักในการสอบปากคำเจ้าของรถจะเป็นเรื่องที่ยินยอมให้ผู้ที่ไม่มี ใบอนุญาตขับขี่นำรถมาขับ ซึ่งหากเจ้าของรถมาตามหมายเรียกก็จะแจ้งข้อหาให้ทราบ โดยจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าไม่มาก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังต้องรอผลการสอบ น.ส.หญิง จากสถานพินิจคุ้มครองเด็กและ เยาวชน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ส่งอัยการต่อไป โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา น.ส.หญิง ไว้ 2 ข้อหาคือขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ให้มาเจรจา ตกลงเรื่องค่าเสียหายแล้วและหากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องในชั้นศาลต่อไป ทั้งนี้ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน.


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=115433
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้ก็เป็นคติเตือนใจ กับ เยาวชน ซึ่งเป็นหัวเลี้ยว หัวต่อ อายุ 16 - 18 ปี ซึ่งถือว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะเลย

ซึ่งไม่ควรจะปล่อยให้ทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ดูเหมือนชีวิตคุณหนู ก็มักจะเป็นอย่างนี้กัน

 :03:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

ekkasit

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 14
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เฮ้อ ผมหละ ไม่ชอบเล้ย ตอนนี้ หายไปเลย คดีเป็นไงมั่งไม่รู้เลย
บันทึกการเข้า

The-ring

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องนี้ยังตามอ่านอยู่ครับ เพราะอยากรู้ว่าเรื่องจบลงอย่างไรครับ ใครมีความคืบหน้า ช่วยมาโพสต์ต่อด้วยนะครับ
 :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า

เจมส์บอนด์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 186
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เผย “บอย” เจ้าของรถซีวิค เข้าพบตำรวจรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว รอความชัดเจนให้ยืมหรือไม่ให้ยืม ก่อนเปรียบเทียบปรับ

เมื่อ วันที่ 19 ม.ค.  พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รองผบก.จร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี สาวซีวิค  ขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิคชนรถตู้บนโทลล์เวย์จนมีผู้เสียชีวิต 9 รายและบาดเจ็บหลายรายว่า สำหรับคดีดังกล่าวได้มีการสอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องไปจนครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงหลักฐานบางอย่างจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และการเจรจากับญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้อาสาที่จะเป็นคนกลางในการเจรจากับญาติของ ผู้เสียหายทั้งหมด หากตรงนี้ครบถ้วนก็จะสามารถสรุปสำนวนได้

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับในวันนี้ที่เจ้าของรถฮอนด้าซีวิคจะต้องเข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียกของ พนักงานสอบสวนนั้น เบื้องต้นได้มีการส่งทนายมาให้ปากคำก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหากับเจ้าของรถ เนื่องจากไม่ได้เป็นคนให้สาวซีวิค ยืมรถเก๋งคันดังกล่าวไปขับ สำหรับที่มาที่ไปของรถเก๋งมรณะคันนี้ เดิมทีมีนายสันฐิติ(ขอสงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของ แต่ภายหลังถูกไฟแนนซ์ยึดรถ กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งมาซื้อรถต่อ แต่ยังไม่ได้มีการโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของกัน ยังคงเป็นชื่อของนายสันฐิติอยู่ ต่อมาหญิงคนดังกล่าวได้นำรถเก๋งไปให้แฟนหนุ่มชื่อนายบอย(ไม่ทราบชื่อนามสกุล จริง)ใช้ และนายบอย ก็ให้สาวซีวิคนำรถไปใช้อีกทอดหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่เป็นคนให้ ยืมรถไปจะต้องถูกแจ้งข้อหาและเปรียบเทียบปรับ ไม่ใช่เจ้าของรถ

“ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนายบอย มาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปรียบเทียบปรับ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการ "ให้ยืม" หรือ "ไม่ให้ยืม" ซึ่งสาวซีวิคอาจจะขับรถคันดังกล่าวออกมาโดยที่ไม่ได้บอกกับนายบอยก็เป็นได้ ทำให้ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ทำคดีก็ไม่ได้หนักใจ ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูตามที่มีการตั้งข้อสังเกตแน่นอน” พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าว.

ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=116374
บันทึกการเข้า
ps2 psx nds n64 rom nes play1 play2 gamepc xbox wii castlevania finalfantasy nds ps1 sega
ผมชอบเล่นเกมส์ แต่ ก็แบ่งเวลานั่ง กรรมฐาน ครับ คนรุ่นใหม่ไม่กลัวกรรมฐาน

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


“อำนวย” โวคดีสาวซีวิคชนสยองเก้าศพ รุดหน้าไปแล้ว 80% เชื่อกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ สองฝ่ายเจรจาค่าเสียหายกันได้

วันนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีสาววัยรุ่นอายุ 16 ปี ซิ่งรถเก๋งเฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสารบนทางด่วนทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย ว่า ขณะคืบหน้าไปแล้ว 80% ส่วนเจ้าของรถซีวิคและผู้ที่ให้เด็กสาวยืมรถไปขับหรือเป็นผู้ที่ครอบครองรถ ก่อนให้ยืมนั้น ตำรวจก็ติดตามมา6สอบปากคำแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องดำเนินคดีในข้อหาอนุญาตให้ผู้ขับขี่ซึ่งไม่มีใบอนุญาต นำไปใช้มีโทษปรับ 2,000 บาท

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า แต่ประเด็นหลักในขณะนี้คือการเจรจาค่าเสียหาย ระหว่างญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กับคู่กรณี  ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ม.ธรรมศาสตร์ได้จัดประชุมเพื่อหารือในการเรียกค่าเสียหาย โดยเชิญญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมดเข้าร่วมประชุม หลังจากนี้ทางม.ธรรมศาสตร์จะติดต่อตนเพื่อให้นัดกับฝ่ายเด็กสาวเข้าร่วม เจรจา   ในส่วนของสำนวนคดีที่ค้างอยู่นั้น ยังคงรอสำนวนการชันสูตรบาดแผลของคนเจ็บที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล  ซึ่งแพทย์ยังไม่ระบุว่าจะต้องรักษาตัวอีกกี่วัน หากแพทย์ระบุมาแล้วก็จะรวบรวมสำนวนให้เสร็จสิ้น

“จากการสอบสวนเจ้าของรถซีวิค ทราบว่าได้ให้ชายคนหนึ่งยืมไป ก่อนที่ชายคนนั้นจะให้เด็กสาวยืมอีกทอดหนึ่งจากห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งคดีนี้ไม่สลับซับซ้อนอะไร ทะเบียนรถก็เป็นของจริงไม่ได้มีการสวมทับ ทั้งนี้ ในส่วนการเจรจานั้น มีความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถือว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ซึ่งมีความสำคัญมากในสังคมนี้  เพราะจะเป็นการปรองดองและหาข้อสรุปร่วมกันในที่สุด” พล.ต.ต.อำนวย

ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=116309
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยอมรับสาวขับซีวิค ชนรถตู้บนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ เป็นน้องสาวต่างมารดา

     พระเอก "ณัฏฐ์ เทพฯ" ยอมรับคนขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ชนท้ายรถตู้โดยสารบนโทลล์เวย์ จนทำให้มีคนตาย 8 ศพ เป็นน้องสาวต่างมารดา พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ปัดแสดงความคิดเห็นใดๆ...

      จาก อุบัติเหตุสยองส่งท้ายปีเสือ เมื่อรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถตู้โดยสารหมายเลขทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ ต-11827 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต ถึงบีทีเอสจตุจักร บนทางด่วนยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทลล์เวย์ ฝั่งขาเข้า แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ช่วงระหว่างหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้ผู้โดยสารรถตู้ตกลงมาเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บอีก 7 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.45 น. วันที่ 27 ธ.ค. โดยที่คนขับรถเก๋งคือ น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา นั้น

      ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พระเอกนักแสดงชื่อดังของค่ายเอ็กแซ็กท์ เปิดเผยผ่านเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอ็กแซ็กท์ถึงกรณีมีผู้ ตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ขับขี่รถฮอนด้าซีวิคชนรถตู้บนโทลล์เวย์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย น่าจะมีความเกี่ยวพันกับนักแสดงหนุ่ม โดยยอมรับว่า น.ส.อรชร คือ น้องสาวต่างมารดาของตนเอง

      เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ็กแซ็กท์ กล่าวว่า นายณัฐ ทราบข่าวแล้วรู้สึกเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่เบื้องต้นครอบครัวของนายณัฐ ได้แยกครอบครัวกับ น.ส.อรชร ทราบว่าครอบครัวของน้องสาวคงจะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตัวเขาเป็นคนนอกไม่อยากแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่อาจจะไปเยี่ยมในเวลาอันใกล้นี้

     นักแสดงหนุ่มเผยด้วยว่า น้องสาวต่างมารดามีชื่อจริงว่า น.ส.อรชร ชื่อเล่นว่า "แพรวา" เพื่อยุติ ความสับสนในชื่อ

http://www.zabjung.com
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0




และก็บทวิจารณ์ร้อนแรงเหลือเกินคร้า...โปรดวิจารณญาณด้วยธรรมะด้วยนะคร้า..ถ้าจะอ่าน
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V10079162/V10079162.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 20, 2011, 01:46:30 am โดย หมวยจ้า »
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
โทลล์เวย์แจ้งความเรียกค่าเสียหายจาก แพรวา
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 01:49:22 am »
0

ทางด่วนโทลล์เวย์ แจ้งความเรียกค่าเสียหายจาก "แพรวา" 4 หมื่นบาท เป็นค่าทำเสาไฟ-พื้นผิวจราจรเสียหาย ขณะที่พนักงานสอบสวนระบุ คดีคืบหน้าไปมาก ใกล้ส่งอัยการได้แล้ว ส่วนเจ้าของรถซีวิคมรณะ 9 ศพ ที่ให้ "แพรวา" นำไปขับนั้น ทางตำรวจสอบปากคำแล้ว รอให้ทนายมารับทราบข้อหา

วานนี้ (21 ม.ค.) นายวีรวัฒน์ วีรารักษ์ นิติกรผู้รับมอบอำนาจจากบริษัททางยกระดับดอนเมืองจำกัด มหาชน (ดอนเมือง- โทลเวย์) ได้แจ้งมายัง พ.ต.ท.วิจิตร ด่านธำรงสกุล พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.วิภาวดี ว่าหลังเกิดเหตุ น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 16 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว ชนกับท้ายรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ จนทำให้มีผู้โดยสารในรถกระเด็นออกมาเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทางบริษัทฯได้ตรวจสอบสภาพความเสียหายแล้วพบ ว่า มีทรัพย์สินของทางบริษัทได้รับความเสียหาย ประกอบด้วยเสาไฟส่องสว่างและพื้นผิวจราจรเป็นรอย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 บาท ทางบริษัทมีความประสงค์ที่จะแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อเรียกค่าเสียหายกับ ฝ่ายผู้ก่อเหตุต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.วิจิตร หนึ่งในทีมพนักงานสอบสวนคดีนี้ กล่าวว่า ขณะนี้คดีคืบหน้าไปมาก ใกล้จะส่งให้ทางอัยการได้แล้ว เหลือแต่เพียงรอผลพิสูจน์จากหน่วยงานอื่นที่ทำงานประสานกัน คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้ในส่วนการดำเนินการกับนายบอย ผู้ครอบครองรถเก๋งฮอนด้าซีวิค รายสุดท้ายก่อนให้ น.ส.แพรวา ยืมไปขับจนเกิดเหตุนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ของกฏหมาย เนื่องจากทางนายบอย ได้แจ้งว่าจะให้ทางทนายมารับทราบข้อกล่าวหาในเร็วๆนี้

พ.ต.ท.วิจิตร กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีตัวแทนของทีมงานมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปกครองของ น.ส.แพรวา นั้น ยังไม่ได้การประสานงานจากทางตัวแทนมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

sompong

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 218
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
"ราชสกุลเทพหัสดิน" แถลง "แพรวาไม่ได้เฉี่ยวชนรถตู้"
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 10:01:02 am »
0

"ราชสกุลเทพหัสดิน" แถลง "แพรวาไม่ได้เฉี่ยวชนรถตู้"

รถตู้ตกโทล์เวย์

พ.ต.ท. ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน สบ 2 สน.วิภาวดี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึงความคืบหน้าสวนคดี น.ส.เอ (นามสมมุติ) ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค ชนรถตู้โดยสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บนทางด่วนโทลล์เวย์ วิภาวดีรังสิต เมื่อเดือนธันวาคม 2553 ว่า ขณะนี้สำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และส่งสำนวนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว หากสำนวนถูกส่งกลับมาก็จะนัดผู้ต้องหาเพื่อนำตัวส่งมอบให้กับอัยการพร้อม สำนวนการสอบสวนเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะส่งฟ้องได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ทางตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ออกแถลงการณ์เรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พ.ต.ท.ฉัตรชัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันได้มีฟอร์เวิร์ดเมล อ้างว่า เป็นแถลงการณ์ของตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริงทั่วไปเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนทางยกระดับอุตราภิมุข มีข้อความสรุปว่า ผู้ต้องหายืนยันว่า ไม่ได้เฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร แต่หักหลบรถตู้โดยสารที่เปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน ทำให้รถที่ผู้ต้องหาขับขี่มานั้นเสียหลักชนเข้ากับกำแพงกั้นขอบทาง เป็นเหตุให้รถยนต์เก๋งซีวิคได้รับความเสียหาย

"จาก หลักฐานที่มีอยู่สามารถยืนยันได้ว่า ไม่มีร่องรอยการชนเข้าไปด้านหลัง เต็มๆ อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ หรือที่เรียกว่าชนเข้าอย่างจังจนเป็นเหตุให้รถตู้โดยสารเสียหลัก ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น ผู้ต้องหาย่อมต้องเสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน เพราะรถยนต์เก๋งซีวิค มีน้ำหนักและขนาดเล็กกว่ารถตู้โดยสารมาก และหากมีการชนอย่างที่ว่านั้นจริง จะต้องปรากฏร่องรอยการชนบนรถทั้งสองคันอย่างแน่นอน และจากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้น ก็ไม่ปรากฏว่าสีของรถยนต์เก๋งซีวิค ไปปรากฏบนส่วนหนึ่งส่วนใดของรถตู้ และในทางกลับกัน สีของรถตู้ก็ไม่ปรากฏบนตัวถังของรถยนต์เก๋งซีวิค

"ทีม กฎหมายขอเรียนไปยังทุกท่าน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายของผู้ต้องหา เพราะที่ผ่านมา ทางฝ่ายผู้ต้องหาถูกประณามถึงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายผู้ต้องหาได้พยายามดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุดตามกำลังความ สามารถ เท่าที่จะทำได้ รวมทั้งการติดต่อขอพบผู้ได้รับบาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งบางท่านก็ได้รับแจ้งว่า ไม่สะดวกที่จะให้เข้าพบ บางท่านก็ได้เข้าพบและเจรจา โดยบางท่านได้เสนอข้อเรียกร้องเป็นจำนวนเงินที่สูงมากเกินกว่ากำลังความ สามารถที่ครอบครัวจะพึงปฏิบัติได้ ทั้งที่ข้อเท็จจริงบางเรื่องยังไม่ได้สรุปชัดเจนและศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา จึงอยากจะร้องขอให้ทุกท่านได้พิจารณา รวมทั้งทีมงานด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก ผู้เสียหายได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบก่อนดำเนินการ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย" แถลงการณ์ระบุ

ด้าน นายปกป้อง ศรีสนิท ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หนึ่งในทีมนักกฎหมายของ มธ. กล่าวว่า ในส่วนของทีมงานนักกฎหมายของ มธ.คงไม่จำเป็นต้องตั้งรับหรือหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อมาหักล้างกับ ฟอร์เวิร์ดดังกล่าว เพราะเป็นเพียงข้อต่อสู้ของฝ่ายผู้ต้องหา ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครรู้ เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งอัยการเพื่อพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป
บันทึกการเข้า

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
น่าสงสาร เธอนะ เรื่องยังไม่จบ อีก

น่าเห็นใจทุกฝ่าย น่าจะเป็นเพราะกรรม ส่วนหนึ่ง

 :13:
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ