ปัจจุบันทั่วโลกยอมรับว่าการฝึกสมาธิ มีประโยชน์ต่อสุภาพทั้งทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ผ่านมามีผลการวิจัยมากมาย จากหลากหลายสถาบันพบว่า การฝึกสมาธิช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยบางอย่างได้ เช่น
ช่วยควบคุมความอยาก
น้ำหนักที่มากเกินไปนำไปสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคร้าย
หลาย โรค เช่น เบาหวาน มะเร็ง หัวใจ ฯลฯ และคนอ้วน เป็นจำนวนไม่น้อยเกิดจากการรับประทานอาหารเร็วเกินไป ส่งผลให้บริโภคอาหารมากเกินความต้องการของร่าง กาย เพราะประสาทสัมผัสไม่ทันรับรู้ว่า รับประทานอะไรลงไป
บ้างและควรอิ่มหรือยัง
การฝึกสมาธิ หรือ ฝึกจิตใจจะช่วยให้สามารถควบคุมความเร็วในการรับประทานอาหารได้ โดยนักวิจัยมีคำแนะนำดังนี้ คือ นำอาหารที่ชอบมานั่งพิจารณาเหมือนกับไม่เคยเห็นมาก่อน เลยในชีวิต จานั้นสังเกตลักษณะภายนอกของ อาหารอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วค่อยๆ รับประทานโดยเคี้ยวอย่างช้าๆ ระหว่างนั้นถามตัวเองว่า อาหารมีรสชาติอะรไบ้าง เปรี้ยว หวาน เค็ม ก่อนจะกลืนลงไปเป้าหมายของการกระทำดังกล่าวคือเคี้ยวให้นานที่สุด ซึ่งจะ ช่วยลดทั้งความเร็วในการรับประทานอาหารและ ปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละมื้อลงได้
ช่วยลดอาการปวดหลัง
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กในสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งปวดหลังเรื้อรังเกือบทุกวัน หลังจากฝึกสมาธิอาทิตย์ละ 4 วัน เป็นเวลา 8 อาทิตย์ ช่วยลดอาการปวดหลังได้ นอกจากนั้นผู้ป่วยอีก 2 คน ใน
การศึกษาครั้งนี้ สามารถเดินโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า และหลังจากฝึกสมาธิติดต่อไปจนครบสาม
เดือนพบว่า ผู้ป่วยหนึ่งในสามรับประทานยาแก้ปวดและยานอนหลับน้อยลงอีกด้วย
ช่วยให้ความจำดีขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้โรงพยาบาลแมสซาชูเซตต์ใช้เครื่อง MRI สแกนสมองของผู้ที่ฝึกสมาธิและไม่ได้ ฝึก ผลการวิจัยพบว่าเนื้อสมองของผู้ที่ฝึกสมาธิหนาขึ้น ซึ่งหมายความว่าเซลล์สมองยัง คงเจริญเติบโต จึงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้นั่นเอง
ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
ผลการวิจัยพบว่า การฝึกสมาธิเป็นประจำช่วยลดความวิตกกังวลได้ 44% ลดความหดหู่ซึมเศร้าได้ 34% นอกจากนั้นหลังจากที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนซินในสหรัฐอเมริกา ทดลองฉีดวัคซีนให้อาสาสมัครพบว่า ร่างกายของอาสาสมัครที่ฝึกสมาธิสามารถผลิตแอนติบอ
ดี้ได้มากกว่าอาสาสมัครที่ไม่ได้ฝึกสมาธิอย่างเห็ฯได้ชัด
ช่วยให้ชีวิตครอบครัวราบรื่น
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งนอร์ทแคโรไลนาพบว่าคู่สามีภรรยาที่ต่างคนต่าง ฝึกสมาธิรู้สึกพึงพอใจกับการใช้ชีวิตคู่เพิ่มขึ้น และเครียดกับชีวิตคู่น้อยลง โดยความพึงพอใจดังกล่าวยังคงอยู่ต่อไปนานถึงสามเดือนอีกด้วย
การฝึกสมาธิจึงไม่ใเรื่องของคนคร่ำครึ เชย หรือหัวโบราณอีกแล้ว........เชื่อหมอน่ะครับ หมอเรียนมา
ที่มาข้อมูล
http://www.watnai.org/live/index.php?option=com_kunena&Itemid=65&func=view&catid=7&id=44