ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - สาวิตรี
หน้า: [1] 2
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การฆ่า คนทางอ้อม จัดเป็นปาณาติบาต ด้วยหรือไม่คะ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 10:16:11 am
การฆ่า คนทางอ้อม จัดเป็นปาณาติบาต ด้วยหรือไม่คะ คือ มีครอบครัวหนึ่ง คะ ลูกทำผิด แล้ว พ่อแม่ ก็พูดว่าตักเตือนสอน สุดท้าย ลูกก็แขวนคอตาย

   อยากทราบว่า การที่คนพูดจาถากถาง สอนเป็นต้น จะหวังดี หรือ หวังร้าย แต่ก้เป็นสาเหตุให้ คนตัดสินใจตาย อย่างนี้ จัดเป็นปาณาติบาตหรือไม่คะ

   หรือ อีกกรณีหนึ่ง ที่เรากลั่นแกล้ง อีกคนจนเสียชื่อ เสียเสียง ตกระกำลำบาก บ้างก็ตายไปอย่างนี้ จัดเป็นการผิดศีล ข้อปาณาติบาต หรือไม่คะ

  เชิญพอกพูนธรรมกันทุกท่านคะ

   :25: :88: :58: :c017:
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขอโทษ กับ ขอขมา มีความหมายแตกต่างกันอย่างไรคะ เมื่อ: ธันวาคม 30, 2011, 01:52:39 pm
ขอโทษ กับ ขอขมา มีความหมายแตกต่างกันอย่างไรคะ

 สมมุต หนู ปรามาส พระรัตนครัย แล้วหนู ก็ตั้งจิตอธิษฐาน แล้ว พูดว่า ขอโทษ คะ อย่างนี้จัดว่าเป็น การขอขมา หรือไม่ คะ หรือ ว่าเป็น แค่เพียง ขอโทษ

  หรือ หนู จะยังไม่เข้าใจ เรื่องการขอขมา คะ

  โปรดอธิบาย ให้ ด้วยนะคะ

  :25: :smiley_confused1:
3  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งสมาธิ แต่ได้ยินเสียงด้านนอก ตลอดเวลา ทำให้ไม่เป็นสมาธิ เมื่อ: กันยายน 22, 2011, 11:01:09 am
หมายถึง นั่งกรรมฐานอยู่ ข้างห้องคุยกันส่งเสียงดังมาก โหวกเหวก โวยวายกัน เราจะทำอย่างไรถึงจะทำสมาธิ โดยดับเสียงที่รบกวนขณะนั้นได้

  :25:
4  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ความรักใด เสมอด้วยตนไม่มี เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 10:18:11 am
ที่ว่ารัก รักนั้นประการใด
         ถาม  ที่ว่ารัก รักนั้นประการใด

         ตอบ  ตั้งแต่จำความได้ ทุกคนรู้จักคำว่า “รัก รัก รัก” กันทั้งนั้น รักพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน วงศาคณาญาติ รักเพื่อนพ้อง ญาติสนิทมิตรสหาย รักสินทรัพย์ เงินทอง ข้าวของ ตลอดจนสัตว์เลี้ยง แต่ก็ไม่มีรักใดที่ยิ่งใหญ่กว่ารักตนเอง
         ดังที่พระพุทธพจน์ที่ว่า “ความรักเสมอด้วยตนไม่มี” ที่พระพุทธองค์ตรัสเช่นนี้เพื่อสอนให้ทุกคนรู้ว่าเมื่อเรารักตัวของเราเอง ยิ่งกว่าใครๆ คนอื่นเขาก็รักตัวของเขายิ่งกว่าใครๆ เหมือนกัน ฉะนั้นจึงไม่ควรทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นให้ต้องได้รับทุกข์ฉันนั้น
         พระพุทธองค์ตรัสเรื่องเกี่ยวกับความรักไว้ว่า
         “ความโศกเกิดแต่ความรัก ภัยคือความกลัวเกิดแต่ความรัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ความกลัวจักมีแต่ที่ไหน”
         ก็ความรักอันเป็นเหตุให้เกิดความโศกและความกลัวนี้ เป็นความรักที่เนื่องด้วยโลภะตัณหาอันเป็นบาปอกุศล เป็นความรักที่เกิดจากความต้องการผูกพันรักใคร่ แต่ยังมีความรักอีกชนิดหนึ่งซึ่งปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้รับความสุขโดยประการ เดียว รักโดยไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ เป็นความรักที่บริสุทธิ์สะอาดเพราะมีอโทสะ ความไม่โกรธเป็นมูลราก จึงเป็นบุญกุศลความรักชนิดนี้คือ เมตตา
         ความรัก ๒ อย่างนี้ มีเหตุเกิดต่างกัน ผลที่ได้รับจึงต่างกัน ความรักชื่อว่าเมตตา เป็นประเสริฐ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทุกคนมีเมตตาต่อกัน ถ้าทุกคนมีเมตตาต่อกัน โลกนี้จะเต็มไปด้วยความสุข เพราะไม่มีใครเบียดเบียนประทุษร้ายใครๆ ให้เดือดร้อน



 
 

จากคุณ    : aunemaek2
5  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เบญจกัลยาณ๊ นี้ วัดที่รูป หรือ วัดที่คุณธรรม เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 09:10:50 am
เบญจกัลยาณ๊ นี้ วัดที่รูป หรือ วัดที่คุณธรรม

คือยังไม่ทราบ ความหมายของคำว่า เบญจกัลยาณ๊ คะ

เพื่อน ๆ บอกว่า เขาวัดกันที่ คุณสมบัติ ที่ รูป อีกพวกบอกว่า วัดกันที่คุณ สมบัติ คุณธรรม

อย่างไร คือ ความหมายที่แท้จริง คะ

 :41: :c017:
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีเติม วัน สำหรับ 12call คะ เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2011, 02:55:57 pm
สำหรับคนที่มีเงินเหลือ เกิน 35 บาทขึ้นไป คะ แต่วันหมดอายุแล้ว

ถ้าจะเติมวัน ให้กด *500*9#  เื้ืท่านี้ คะ ก็จะได้วันเพิ่ม 30 วันและ เหมาจ่ายโทรฟรี 5 วัน คะ

แต่โดนหัก 30 บาท นะคะ ( ถูกที่สุด ในระบบ 12call แล้วคะ )

สำหรับ โปรโมชั่น เติมเงิน เติมวัน สู้ DTAC ไม่ไ้ด้คะ ถูกกว่ามากๆ 


 :88:
7  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปล่อยสัตว์ก็คือ ปลดปล่อยใจแห่งพุทธะ เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 11:17:05 am
พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์


“อยากให้ใจคนประจักษ์ใจพุทธะ
เปลี่ยนโลกีย์โลกเป็นแดนวิสุทธิ์
ไม่มีอะไรดีกว่าการ “ปล่อยสัตว์”....



ปล่อยสัตว์ก็คือ ปลดปล่อยใจแห่งพุทธะ
ในอนาคต สภาวะพุทธะนั้นแยบยล 
ใจคนแปรผันตามเหตุปัจจัย
มีเพียงรักเวไนย์  จิตโพธิจึงบังเกิด....

ใครสามารถช่วยทุกข์ของสัตว์ได้
ก็สามารถสำเร็จได้...
      
นานๆไปทุกขณะจิตเข้าสู่ธารกระแสเมตตาแห่งโพธิสัตว์เช่นนี้
แล้วใจฉันก็คือใจพุทธะนี่เอง
ดังนั้นเมื่อใจคิดเมตตาช่วยเหลือสัตว์
หนึ่งชีวิตก็คือจิตหนึ่งโพธิสัตว์...

ปล่อยชีวิตสัตว์ทุกวันจิตเมตตาเพิ่มพูนทุกๆวัน
พุทธะมีหรือจะไม่สำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อรู้เหตุปัจจัยของการปล่อยสัตว์แล้ว
หาใช่กุศลเล็กๆไม่
ผู้มีปณิธานพึงปฏิบัติและหมั่นเพียรให้มาก


http://www.navagaprom.com/oldsite/con1.php?con_id=586
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ศาลสั่งจำคุก"เปิ้ล นาคร" 6เดือน ! ข้อหาหมิ่นประมาท ( น่าอ่านนะคะ ) เมื่อ: มิถุนายน 11, 2011, 01:10:12 pm
ศาลสั่งจำคุก"เปิ้ล นาคร" 6เดือน ! ข้อหาหมิ่นประมาท
 

 

ศาลพิพากษาจำคุก 'เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย' พิธีกรดัง ข้อหาหมิ่นประมาท 'พายุ เนื่องจำนงค์' โดยโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์และนิตยสารบันเทิงหลายฉบับ...

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 8 มิ.ย.ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่ นายพายุ หรือ พรรณธฤต เนื่องจำนงค์ ลูกชาย พล.ต.ต.ปิยะชาติ เนื่องจำนงค์ นายตำรวจคนดัง กับนางสุนัทที เนื่องจำนงค์ อดีตเจ้าแม่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยิงเสียชีวิต ยื่นฟ้องนายนาคร หรือเปิ้ล ศิลาชัย พิธีกรรายการฮาจะเกร็ง นั่งยางโชว์ สาระแนโชว์ เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาโดยมีนายสุวิทย์เพชรจำรัส ผู้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องแทน

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 29-31 มี.ค.53 จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โมเดิร์นไนน์ทีวี และผู้สื่อข่าวนิตยสารหลายฉบับ ทำนองว่า นายพายุเบิกความเป็นพยานต่อศาลแพ่ง และศาลแพ่ง กรุงเทพใต้ ในคดีที่ น.ส.ฑีรนาฏ เนื่องจำนงค์ น้องสาว ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเฟอร์นิเจอร์ 450,000 บาทว่าโจทก์ยังค้างค่าสนับสนุนทีมเรือเจ็ตสกีของจำเลย และนายพายุไม่เชื่อในคำสาบาน ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะโจทก์ชำระค่าสปอนเซอร์ไปครบแล้ว ทำให้คนทั่วไปที่อ่านข้อความเข้าใจผิดไปว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสียหายต่อชื่อเสียง ขอให้ศาลลงโทษจำเลย และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ และในเว็บไซต์สนุกดอทคอม เว็บไซต์กอสซิปสตาร์ดอทเอ็มไทยดอทคอม เว็บไซต์สยามดาราดอทคอม และเว็บไซต์รักดาราดอทเน็ต เป็นเวลา 7 วัน

ศาลพิพากษาจำเลยมีเจตนาใส่ความนายพายุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ทำให้ผู้อ่านข้อความเข้าใจว่านายพายุเป็นคนไม่ดี ทำให้โจทก์เสียหาย พิพากษามีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 4 หมื่นบาท จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี กับให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์และนิตยสารบันเทิงหลายฉบับด้วย

 

ที่มา : www.thairath.co.th
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พื้นที่ชีวิต - แม่ชี ดร.ไพเราะ 26May11 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 11:33:52 am
พื้นที่ชีวิต - แม่ชี ดร.ไพเราะ 26May11

10  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / แสดงธรรม ก็เพื่อให้เขาหายทุกข์ ไม่หวังอย่างอื่น เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2011, 10:45:28 am
แสดงธรรม ก็เพื่อให้เขาหายทุกข์ ไม่หวังอย่างอื่น

พระธรรมคือสภาพที่ทรงไว้ซึ่งความจริงแท้ ไม่แปรไปเป็นอื่น บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากมลทิน และสูงค่ากว่าสิ่งใด ๆ เมื่อพระธรรมบริสุทธิ์อยู่เช่นนั้น ไฉนผู้แสดงธรรมจึงปล่อยให้เจตนาไม่บริสุทธิ์มาเจือปน อยากให้คนเคราพ ศรัทธา อยากมีชื่อเสียงโด่งดัง


        แสดงธรรมเพื่อธรรม นำเข้าไปสัมผัสใจให้ผู้ฟังรู้ซึ้งถึงธรรม ไม่ดีกว่าหรือ การแสดงธรรมเพื่อตนจะเกิดผลอะไร นอกจากอัตตาที่เติบโต แสดงธรรมเพื่อคนอื่น แม้ตนจะไม่เกิดผลอะไร แต่ก็เป็นที่น่าพึงใจของธรรม เพราะธรรมนั้นมีค่าอยู่ในตัว ไม่ต้องการสิ่งใด อยู่ในสภาพอนัตตา* แสดงธรรมเพื่อธรรมเถิด จะประเสริฐที่สุด

*********************

จันทูปมาสูตร

      ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า

        "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นเหมือนดวงจันทร์ จงพรากกาย พรากจิตออก (หมายถึงให้ภิกษุเว้นจากการตรึกตรองถึงกามเป็นต้น แม้ว่าจะอยู่ในบ้านหรือในป่า) เป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ( หมายถึง ให้ภิกษุทำตัวเหมือนอาคันตุกะที่เข้าไปสู่ตระกูล ถ้าเจ้าของบ้านเลื่อมใส นิมนต์ให้ฉันก็จงฉัน แต่ถ้าเจ้าของบ้านไม่เลื่อมใส ไม่นิมนต์ ก็ไม่ควรเข้าไปทำความคุ้นเคย) ไม่คะนองเข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลายเถิด

        กัสสปะเปรียบเหมือนดวงจันทร์ พรากกายพรากจิตออก เป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ไม่คะนองเข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลาย

       เธอทั้งหลายจะเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร ธรรมเทศนาของภิกษุเช่นไร ไม่บริสุทธิ์ ของภิกษุเช่นไรบริสุทธิ์"

        ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า

        "พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นแกนนำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่ง ขอประทานวโรกาส พระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นที่จะอธิบายเนื้อความแห่งภาษิตนี้ให้แจ่มแจ้ง ภิกษุทั้งหลายรับฟังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจักทรงจำไว้ พระพุทธเจ้าข้า"

        พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรื่องนี้

        "ภิกษุรูปหนึ่งคิดว่า 'ไฉนหนอ ชนทั้งหลายพึงฟังธรรมของเรา ครั้นฟังแล้ว ก็เลื่อมใสธรรม และผู้ที่เลื่อมใสแล้ว ก็ควรแสดงอาการเลื่อมใสต่อเรา' จึงแสดงธรรม

        ธรรมเทศนาของภิกษุเช่นนี้ชื่อว่าไม่บริสุทธิ์

        ส่วนภิกษุอีกรูปหนึ่งคิดว่า 'พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ผู้ปฏิบัติพึงรู้เห็นด้วยตนเอง ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาหาตน วิญญูชนรู้ชัดเฉพาะตน

        ไฉนหนอ ชนทั้งหลายพึงฟังธรรมของเรา ครั้นฟังแล้ว ก็พึงรู้ทั่วถึงธรรม ครั้นรู้ทั่วถึงธรรมแล้ว ก็ควรปฏิบัติให้ได้อย่างนั้น' จึงแสดงธรรม เธออาศัยความที่ธรรมเป็นธรรมดี อาศัยความกรุณา ความเอ็นดู ความอนุเคราะห์ จึงแสดงธรรม

        ธรรมเทศนาของภิกษุเช่นนี้ชื่อว่าบริสุทธิ์
 

        กัสสปะมีความคิดอย่างนี้ว่า 'พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ผู้ปฏิบัติพึงรู้เห็นด้วยตนเอง ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาหาตน วิญญูชนรู้ชัดเฉพาะตน

        ไฉนหนอ ชนทั้งหลายพึงฟังธรรมของเรา ครั้นฟังแล้ว ก็พึงรู้ทั่วถึงธรรม ครั้นรู้ทั่วถึงธรรมแล้ว ก็ควรปฏิบัติให้ได้อย่างนั้น' จึงแสดงธรรม เธออาศัยความที่ธรรมเป็นธรรมดี อาศัยความกรุณา ความเอ็นดู ความอนุเคราะห์ จึงแสดงธรรม ด้วยประการฉะนี้

        ภิกษุทั้งหลาย เราจักกล่าวสอนเธอทั้งหลายให้ประพฤติตามกัสสปะ หรือผู้ใดเป็นเหมือนกัสสปะ เราก็จักกล่าวสอนให้ประพฤติตามผู้นั้น เธอทั้งหลายได้รับโอวาทแล้วก็ควรปฏิบัติให้ได้อย่างนั้นเถิด.


        พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และนำมาเปิดเผยแสดงนั้น ล้วนแต่เสริมสร้างความรู้ความเข้าให้เวไนยสัตว์ ผลปรากฏ (การบรรลุธรรมแต่ละระดับขั้น) ได้เกิดแก่เวไนยสัตว์ในเวลาที่ผ่านมา ทว่าผลปรากฏใด ๆ กลับไม่เกิดแก่พระองค์เลย

       เพราะเหตุไร เพราะพระองค์ทรงบรรลุครบจบกระบวนธรรม ไม่มีธรรมใดให้บรรลุยิ่งไปกว่านั้น แม้พระองค์จะทรงแสดงธรรมได้อย่างละเอียดลออลึกซึ้งสักเพียงใด ก็ไม่มีผลอะไรต่อพระองค์ (มีค่าเท่าตัว) อนึ่งนั้น พระองค์ทรงมุ่งไปที่เวไนยสัตว์ มิได้มุ่งมาที่พระองค์

        ดังนั้น การแสดงธรรมในแต่ละครั้งของพระองค์ จึงมีเมตตากรุณาเป็นตัวแปร หากไม่มีเมตตากรุณา เชื่อว่า พระองค์จักไม่แสดงธรรม

        นี้คือวิถีแห่งพุทธะที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวม มิใช่ประโยชน์ส่วนบุคคล มุ่งอนุเคราะห์เกื้อกูล ผู้มีมโนธรรมสำนึก เมื่อเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาพุทธธรรมจนเกิดความรู้ความเข้าใจกระจ่าง ครั้นจะออกไปเทศนาก็วางท่าทีของตนไว้ในวิถีแห่งพุทธะ

        ตระหนักถึงความรู้ความเข้าใจของผู้ฟัง ทำอย่างไรให้เขาซาบซึ้งถึงธรรมและนำไปดำเนินชีวิต

        กล่าวตามนัยนี้ เราอาจจะสรุปว่า ต้องมีความเมตตากรุณาและเสียสละ เท่านั้น จึงจะทำได้ หาไม่แล้วก็คงทำไม่ได้ เพราะผู้แสดงไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ ผู้ฟังได้รับผลมากกว่า

        แท้จริง ยิ่งเกิดผลดีต่อผู้แสดง พระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้าที่ฟุ้งขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ก็เพราะพระองค์มิได้แสดงธรรมเพื่อประโยชน์ส่วนตน มิได้มุ่งชื่อเสียง เกียรติยศ หรือ ลาภสักการะแต่ประการใด

      กล่าวในแง่ของระดับจิต ก็ยิ่งอยู่ในระดับจิตที่งามสูงส่ง เพราะไม่เนื่องด้วยความทะยานอยาก ซึ่งคอยผูกมัดไว้กับโลกอัตตาอันเต็มไปด้วย ความอยากได้อยากมีอยากเป็น ผู้ที่ทำเพื่อตนเอง จักไม่อาจหลุดรอดจากอัตตามายืนอยู่ในจุดอนัตตา และไม่มีวันบรรลุถึงอิสรภาพพบความสุขได้อย่างแท้จริง

        วิถีแห่งพุทธะนั้นบริสุทธิ์สะอาด เพราะปราศจากอัตตา ถ้าท่านจะก้าวเข้าสู่วิถีแห่งพุทธะ (ศึกษา ปฏิบัติ เผยแพร่) ก็ขอให้วางอัตตา อย่านำมันมาด้วย.

* สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา  ธรรมทั้งมวลล้วนหาตัวตนไม่ได้ (ไม่มีตัวตนให้สัมผัสจับต้อง)

คัดลอกจาก:พระไตรปิฎกร่วมสมัย ๒
พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำไมเวลาฝึกสมาธิ รู้สึกเครียด คะ เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2011, 10:05:38 am
เวลากำหนดจิต ให้เป็นสมาธิ รู้สึกว่า เครียด
จนบางครั้ง ไม่อยากจะบริกรรม คำใด พอเครียดมาก ๆ ก็ปล่อยให้ว่าง ๆ อยู่อย่างนั้น

อยากทราบว่า มีวิธีแก้ไขอย่างไร คะ

 :03:
12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระอ่างทองเดินซื้อน้ำหอมกลางตลาด เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2011, 03:41:40 pm
พระอ่างทองเดินซื้อน้ำหอมกลางตลาด

ผ้าเหลืองฉาวอีกแล้ว พบ พระอ่างทองซื้อน้ำหอม เลือกซื้อ-ดมกลิ่นแบบไม่สนสายตาใคร แม่ค้าเผยไม่ได้มีพระลูกวัดรูปนี้รูปเดียว เจ้าอาวาสบางวัดก็มา

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (4 พ.ค.) ประชาชนแจ้งมาว่าพบพระสงฆ์มีพฤติกรรมที่ส่อในทางผิดวินัย เนื่องจากเดินเลือกซื้อน้ำหอมของผู้หญิงใช้บริเวณตลาดนัดตลาดกลม หมู่ที่ 6 ต. อ่างแก้ว อ. โพธิ์ทอง จ. อ่างทอง ที่ร้านเพชรน้ำหอม พบพระลูกวัดแห่งหนึ่งใน อ.โพธิ์ทอง ได้ตรงเข้ามาหาซื้อน้ำหอมโดยให้แม่ค้านำน้ำหอมมาแต้มตามแขน ตามมือให้สูดดมกลิ่นหลายยี่ห้อ โดยแม่ค้าได้ให้ดมกลิ่นหลายสิบกลิ่นจนได้กลิ่นที่ถูกใจจึงสั่งแม่ค้าไว้ จำนวน 100 ซีซี ในราคา 300 บาท หนึ่งขวดใหญ่  ซึ่งเป็นกลิ่นทอมบอย จากนั้นก็เดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 ด้า นนางถาวร สิงคารางค์ อายุ 34 ปี เจ้าของร้านเพชรน้ำหอม กล่าวว่า ตนขายน้ำหอมตามตลาดนัดทุกวันในจังหวัดอ่างทอง ก็มีลูกค้ามาซื้อทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ทั้งชาย ทั้งหญิง และพระภิกษุสงฆ์ ตนมีหน้าที่ขายให้ลูกค้า ไม่ใช่มีพระลูกวัดรูปนี้รูปเดียว ขนาดเจ้าอาวาสบางวัด ยังมาซื้อน้ำหอมกับตนประจำเลย ตนไม่รู้ว่าผิดศีลข้อไหนเพราะตนมีหน้าที่ขายน้ำหอมอย่างเดียว แต่ดูแล้วก็ไม่เหมาะสมเท่าไร



ขอบคุณภาพและข่าว

http://news.sanook.com/gallery/gallery/1020640/216066/
13  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / แนะนำเว็บดาวน์โหลดหนังสือ ธรรมะ ที่หายากหลายเ่ล่มคะ เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2011, 03:33:36 pm

ตามไปดูนะคะ

http://www.ebooks.in.th/default.html


 :25:
14  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 15พ.ค.54 ทอดผ้าป่ามหากุศล สร้างพระพุทธมณฑล ประจำจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2011, 03:28:07 pm
ขอเชิญเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล จำนวน2,554กองๆละ3,000บาท
ในวันที่15พ.ค.54 สร้างพระพุทธมณฑล ประจำจังหวัดสิงห์บุรี
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงพระชนมายุ84พรรษา

-หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เป็นประธานอุปถัมภ์
-พระราชกิติเมธี เจ้าอาวาสวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี ประธานดำเนินงาน

"จังหวัด สิงห์บุรีร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดสิงห์บุรี ได้ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดสิงห์บุรี
ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของวัดพระนอนจักรสีห์ เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนในการพัฒนาที่สาธารณประโยชน์
ให้จังหวัดสิงห์บุรีมีพุทธมณฑลจังหวัดเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา
ประชาชนและข้าราชการมีสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา
ประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญนอกเหนือจากวัด
องค์กรทางพระพุทธศาสนา รัฐ และ ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้าง รักษาและพัฒนาให้เป็นพุทธศาสนสถานของส่วนรวม เป็นสถานที่สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถใช้ประชุม อบรม ดำเนินกิจกรรมทางศาสนา เช่น อบรมคุณธรรมจริยธรรม เป็นสถานที่ที่เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจของประชาชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดสิงห์บุรี "
และที่ผ่า มเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน 2554 เวลา 10.49 น.
ได้อัญเชิญพระประธานพระพุทธรูปปางลีลาสูง 9 เมตร 60 เซนติเมตร
ประดิษฐานบนแท่นประธานพุทธมณฑลเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว โดยได้รับความเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
-ชาวพุทธทุกๆท่านทำบุญตามกำลังศรัทธาหรือช่วยๆกันบอกต่อก็ได้บุญแล้วจ้า....
ติดต่อสอบถามได้ที่ท่านพระครูอนุกูลวิริยะกิจ 081-7809313









http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10505575/Y10505575.html
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หมื่นตาธรรมทาน "ความเป็นจริงแห่งทุกข์" เมื่อ: เมษายน 30, 2011, 08:25:36 pm















ขอบคุณภาพจาก http://variety.teenee.com
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ยาสามห่อ รักษา โรคทุกข์ เมื่อ: เมษายน 30, 2011, 08:22:24 pm






















ขอบคุณภาพเนื้อหา จาก http://www.thailandbike.com
17  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มีใครฝึก อุปจาระสมาธิ สำเร็จบ้างแล้วคะ เมื่อ: เมษายน 24, 2011, 08:48:55 am
เราฝึกมาเป็นปีแล้ว จิตสงบแค่แป๊บ ๆ เองค่ะ
 เห็นบางท่านที่รู้จักนั่งไม่นานเท่าไรก็สงบแล้ว
แล้วก็ไม่ได้นั่งหรือฝึกสติจริงจังแบบเราด้วยคะ
เป็นเพราะว่าเราเป็นอ่อนในการภาวนา หรือว่ามีเหตุปัจจัยอื่น ๆ อีกหรือป่าวคะ สงสัยอย่างเราต้องกลับไปฝึกเจริญสติแล้วล่ะ อิอิ

18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องเล่าจากยายคนหนึ่ง เมื่อ: เมษายน 24, 2011, 08:37:55 am
ไปอ่านเรื่องเล่านี้มา  น่าสนใจดีนะ   

    มีคุณยายคนหนึ่ง รู้ตัวแล้วว่าต้องไปอยู่โลกหนึ่ง  ก่อนที่จะเดินทางยายก็บอกกับลูกหลานว่า เงินทั้งหมด รวมทั้งสร้อยคอ ต่างหู กำไร ยายไม่เอา ให้พวกเอ็ง  แต่ยายจะเอาแหวนวงนี้ไปวงเดียวเพราะยายรักมาก   หลังจากนั้นลูกหลานจัดการส่งยายไปสู่อีกโลกพร้อมกับแหวนที่ยายบอกว่ารักมาก     แต่ แต่ แต่ ..ยายคงจะรีบเดินทาง จึงลืมแหวนไว้  ลูกหลานเก็บกระดูกยายและแหวน  ไม่มีใครสามารถเอาแหวนไปให้ยายได้ เพราะไม่รู้ว่ายายเดินทางไปถึงไหนแล้ว  ยายคงจะเสียใจมากทีลืมแหวนไว้
     แล้ววันหนึ่งที่ฉันต้องเดินทางไกลแบบคุณยาย  ฉันจะลืมของที่ฉันรักไหม  ฉันคงต้องหาอะไรมาสำรองกันลืม  แล้วฉันต้องสำรองอะไรล๊ะ

จากคุณ    : malimee
19  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / คิดอย่างไร คะ ถ้าเราไปดูหมอแล้ว ถูกบอกว่า ดวงพ่อแม่ กับ เราชงกัน เมื่อ: เมษายน 17, 2011, 08:04:24 am
คิดอย่างไร คะ ถ้าเราไปดูหมอแล้ว ถูกบอกว่า ดวงพ่อแม่ กับ เราชงกัน

หมอดูบอกว่า ดวงพ่อแม่ ปีเกิด นั้นชงกับปีเกิด เราคะ จะทำให้เราตกต่ำ แหม...กล่าวอย่างนี้ รู้สึกจะทำให้เรา

ระแวง พ่อแม่ เพราะหลังจากดูดวงมานั้นปรากฏว่า พ่อแม่ทำให้เราสูญทรัพย์ เสียหน้าที่การงานที่ควรจะได้ เพราะความรักของท่าน ไม่อยากให้เราไปทำงานไกลท่าน ส่วนเสียทรัพทย์ เพราะท่านไปสร้างหนี้สินให้เราไปชำระให้

เป็นไปได้หรือไม่ คะ ที่ดวงพ่อแม่ จะชงกับดวงลูก

หมอดูให้คำแนะนำ ว่าควรจะอยู่ห่าง ๆ พ่อ แม่ ไว้ในปีนี้ ( ทำใจลำบาก )

เพื่อนสมาชิก มีวิธี ที่ดีกว่านี้แนะนำหรือไม่คะ

 :17: :17: :17:
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เคยรู้สึกไหมว่า เหมือนกับอนาคตมันถูกกำหนดเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 11:44:18 am
เคยรู้สึกไหมว่า เหมือนกับอนาคตมันถูกกำหนดเอาไว้ก่อนแล้ว

    เคยรู้สึกไหมว่า เหมือนกับอนาคตมันถูกกำหนดเอาไว้ก่อนแล้ว
    แล้วปัจจุบันค่อยๆวิ่งเข้าไปหา

    อย่างเรื่องบังเอิญประจวบเหมาะต่างๆ
    มันบังเอิญได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    คือมันไม่ใช่ว่า พอเราทำแบบนี้ปุ๊ป ผลเลยออกมาเป็นแบบนี้
    แต่เพราะผลมันถูกดำเนินล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
    แล้วพอเราทำสิ่งต่างๆของเรา
    เหมือนเรื่องมันมาประจวบเหมาะกัน
    เกิดเป็นความบังเอิญ??

    ราวกับว่า อนาคตมันถูกกำหนดไว้ก่อน แล้วปัจจุบันเป็นตัววิ่งไปหาอีกที

    ไม่รู้นะ แค่ความคิดเห็นนึงนะ ใครเคยรู้สึกอะไรประมาณนี้ไหม

    จากคุณ : อาณาจักรสีเขียว
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลำนำวิปัสสนา เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 11:34:46 am

ลำนำวิปัสสนา



เดี๋ยวฟุ้งซ่านงุ่นง่านเดี๋ยวง่วงเหงา
เดี๋ยวซึมเซาสงบเดี๋ยวสงสัย
เดี๋ยวโกรธเกลียดเดือดดาลรำคาญใจ
เดี๋ยวยึดไว้ท้อถอยเดี๋ยวปล่อยวาง

เดี๋ยวปวดหัวตัวร้อนนอนเป็นไข้
เดี๋ยวห่วงใยคิดถึงเดี๋ยวอ้างว้าง
เดี๋ยวอวดดีมีมานะไม่ละวาง
เดี๋ยวยิ้มกว้างร้องไห้ไม่พูดจา

เดี๋ยวปวดเข่าคันขาชาไปทั่ว
เดี๋ยวเบาตัวท้องจุกทุกข์หนักหนา
เดี๋ยวซู๊กสุข..เฉ๊ยเฉยเดี๋ยวเย็นชา
นี่กูบ้า..หรือเปล่า..ไม่เข้าใจ



...คืออารมณ์วิปัสสนาปรากฏแจ้ง
“ทุกข์”แสดงให้กำหนดเป็นบทใหญ่
“อนิจจา”เกิดขึ้นแล้วดับไป
“อนัตตา”มิใช่ใครบันดาล

ยืน.เดิน.นั่ง.กิน.ถ่าย ฯลฯ..ให้รู้เห็น
ความเพียรเด่น, สติมา, ปัญญาผสาน
ไม่เผลอ,เพ่ง..เร่งศึกษาอานาปานฯ
“วิปัสสนาญาณ”เกิดที่นี่...เดี๋ยวนี้เอยฯ

ชินวงส์

จากหนังสือสุขง่ายๆแค่ปลายจมูก
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 30 คำคมจากธรรมะโมบาย เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 11:31:53 am
30 คำคมจากธรรมะโมบาย




โดย ว.วชิรเมธี จาก เว็บ wimuttayaram.org




1. หนึ่งครั้งที่แม่ตบลงไปบนหน้าลูก อาจก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนลึกลงไปสุดใจของลูก ทั้งชีวิต

หนึ่งอ้อมกอดที่แม่บรรจงหยิบยื่นให้ลูก อาจก่อให้เกิดความพันผูกข้ามกาลเวลา

ทุกๆปฏิสัมพันธ์เป็นได้ทั้งบาดแผลและดอกไม้สำหรับลูก



2. คนใกล้ชิดเป็นศัตรู แม้กำแพง 7 ชั้น ก็ป้องกันไม่ได้

ศัตรูที่มาจากภายนอก ต่อให้ยกมาถึง 9 ทัพ เราก็มองเห็นและเตรียมตัวทัน

แต่ศัตรูที่มาจากคนในด้วยกัน คือศัตรูที่อันตรายที่สุด เพราะเรามักมองไม่เห็น และไหวตัวไม่ทัน



3. เวลาเรือเอียง เรามักจะมองเห็นและแก้ไขได้ทันท่วงที

แต่ความลำเอียงในใจคน มักถูกปกปิดอย่างมิดชิด และแสดงออกอย่างแยบยล

กว่าจะรู้ว่าคนที่เรารัก มากด้วยความลำเอียง บางครั้งมันก็สายเกินไป



4. ไม่มีแรงใดเสมอด้วย แรงกรรม

แรงฟ้า มนุษย์แก้ได้ด้วยสายล่อฟ้า

แรงน้ำ มนุษย์แก้ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางหรือสร้างกำแพงกั้นน้ำ

แรงพายุ มนุษย์แก้ได้ด้วยการปลูกป่า

แต่แรงกรรม มีแต่ต้องก้มหน้ารับโดยส่วนเดียว


5. อยู่คนเดียว จงระวังความคิด

อยู่กับมิตร จงระวังวาจา

อยู่กับมารดาบิดา จงระวังการปฏิบัติตน

ถ้าคิดไม่ระวัง จะกลายเป็นคิดฟุ้งซ่าน

ถ้าพูดไม่ระวัง มิตรจะเข้าใจผิด

ถ้าปฏิบัติไม่ดีต่อมารดาบิดา จะเป็นการสร้างบาปให้ตนเอง








6. ทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก ยังดีกว่า ทำให้คนแตกกัน

เนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้ว สามารถประสานให้ดีดังเดิมได้อย่างง่ายดาย

แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก



7. สิ่งที่เราให้คนอื่น แท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า

เช่น วันนี้ เราด่าเขา วันข้างหน้า เราจะถูกเขาด่า

วันนี้ เราโกงเขา วันข้างหน้า เราจะถูกเขาโกง

วันนี้ เราเนรคุณเขา วันข้างหน้า เราจะถูกเขาเนรคุณ



8. ความดีที่ทำไว้ในหมู่คนพาล ถึงมากมายมหาศาล ก็สูญเปล่า

การทำสิ่งดีๆให้แก่คนที่ไม่เห็นคุณค่า ก็ไม่ต่างอะไรกับการเทน้ำลงกองทราย

ถึงเทอย่างไร ก็ซึมหายหมด

ดังนั้นจะทำดีกับใคร ควรใช้ปัญญาคิดให้รอบคอบ



9. การมีความสุขที่ก่อความทุกข์ให้คนอื่นนั้น ไม่ใช่ความสุขที่แท้

มันเป็นได้แค่ความสุขจากการเกาขอบแผลที่กำลังคัน ยิ่งเกาดูเหมือนยิ่งสุข

แต่แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่แฝงมาอย่างแนบเนียน



10. ดูข่าวการเมือง ยิ่งดูยิ่งวุ่นวาย ยิ่งดูยิ่งฟุ้งซ่าน

แต่หากกลับมาดูใจของตนอย่างมีสติ รู้เท่าทันทุกเรื่องที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกคำที่พูด

ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ความทุกข์มากมายจะดับลง ดูจิตวันละนิดจิตแจ่มใส








11. น้ำขุ่น ที่ใส่สารส้มลงไป น้ำที่ขุ่นนั้น ก็ใสได้เหมือนกัน

ใจขุ่น หากใส่สารแห่งความรู้สึกตัวลงไป ไม่นานเท่าไร ใจนั้นก็แจ่มกระจ่าง

น้ำขุ่น แก้ได้ฉันใด ใจขุ่น ก็แก้ได้ฉันนั้น



12. คนที่ทำงานผิดพลาดแล้วป่าวประกาศว่า เป็นความผิดของคนอื่น

คือคนที่มีแต่จะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ส่วนคนที่ทำงานผิดพลาดแล้วลุกขึ้นมายอมรับอย่างองอาจเปิดเผย

คือคนที่ไม่มีโอกาสผิดพลาดซ้ำอีกเลยในชีวิต



13. ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งความไม่ตาย ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย

ผู้ไม่ประมาท ไม่มีวันตาย ผู้ประมาท ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว

กวีบทนี้ทำให้พระเจ้าอโศก เปลี่ยนจากกษัตริย์ที่ดุร้ายมาเป็นชาวพุทธชั้นนำ



14. คนไทยไปงานศพแทบทุกเย็น โดยไม่เคยรู้สักนิดว่า วันหนึ่งตัวเราจะเป็นศพ

ดังนั้นเราควรฝึกไปงานศพตัวเองทุกวัน ด้วยการบอกกับตัวเองว่า ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก



15. อยากโชคดี ไม่ใช่ไปหาวิธีลอดท้องช้าง

แต่อยากโชคดี เริ่มกันที่การมีสติปัญญาในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ขอเพียงมีปัญญา โชคดีก็ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

แต่ถ้าไร้ปัญญา โชคร้ายจะไหลเข้ามาเหมือนห่าฝน








16. อ่านหนังสือเล่มนอกมากมาย อาจทำให้รู้จักใครทั่วทั้งโลก

แต่ไม่รู้วิธีดับทุกข์ในใจตัวเอง

ส่วนการอ่านหนังสือเล่มใน แม้ทำให้ไม่รู้จักใครอย่างกว้างขวาง

แต่นำไปสู่การรู้จักตนอย่างลึกซึ้ง ดับทุกข์ได้อย่างเด็ดขาด



17. ในตัวเรามีทั้ง 3 ฤดู

เมื่อความโกรธ เข้าครอบงำจิต ใจร้อนเป็นไฟดั่งฤดูร้อน

เมื่อใดความโลภ เข้าครอบงำอยากได้ จิตใจก็เพลิดเพลินเหมือนฤดูฝนเย็นฉ่ำ

เมื่อใดความหลง เข้าครอบงำจิตใจ ก็มืดมนไหวสะท้านเหมือนเดินอยู่กลางฤดูหนาว



18. แม้ประตูคุก ปิดล็อกอย่างแน่นหนา แต่คนพาลมากมาย ทยอยสู่ที่คุมขัง

ความเลวร้ายประดาในชีวิตเรา ไม่ได้เกิดจากมือที่มองไม่เห็นดลบันดาลให้เป็นไป

แต่เกิดจากตัวเรา พาตัวเข้าไปแส่หาด้วยความขลาดเขลาเบาปัญญาทั้งสิ้น



19. ชีวิตแสนสั้นอยู่กันไม่นานก็ลาจาก

ชีวิตเหมือนน้ำค้างสดใสในยามเช้า พอยามสายก็หายไป

ชีวิตเหมือนพยับแดด มองไกลๆเหมือนมีตัวตนน่าสนใจ

แต่พอเข้าไปใกล้ กลับมีแต่ความว่างเปล่า



20. นิ้วทั้ง 5 ไม่เท่ากันฉันใด ความสามารถของแต่ละคนมีไม่เท่ากันฉันนั้น

ธรรมชาติต้องการสอนให้เราอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

บางสิ่งที่เขาขาด เราอาจมี บางสิ่งที่เขาดี เราอาจด้อย

เราเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกัน








21. ในใจเรา มีทั้งตัวสร้าง และตัวเสื่อม

ตัวสร้างคือธรรมะ ตัวเสื่อมคือกิเลส

เวลาอยากทำอะไรดีๆ นั่นคือบทบาทของตัวสร้าง

แต่ในขณะที่เราอยากทำดี กลับรู้สึกว่าไม่ควรจะทำ นั่นคือบทบาทของตัวเสื่อม



22. วิกฤตมี เพื่อพิสูจน์ปัญญา ปัญหามี เพื่อพิสูจน์ความสามารถ

สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราล้วนมีความหมาย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาอย่างว่างเปล่า

ถ้าใช้ปัญญาพิจารณาอย่างลึกซึ้ง จะเห็นคุณค่าของทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต



23. น้ำที่ไหลแรงที่สุด คือน้ำใจ น้ำใจที่ปรารถนาจะช่วยคน

ทำให้คนจำนวนมากข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยเพื่อนมนุษย์ที่ตกยากได้อย่างไม่กลัวเหนื่อยล้า

พรมแดนของประเทศก็ไม่สามารถขัดขวางน้ำใจคน



24. ไฟจากเตาเผาไหม้ มีแค่บางเวลา แต่ไฟกิเลสเผาไหม้ อยู่ในใจตลอดเวลา

ไฟที่ร้ายแรงที่สุด จึงเป็นไฟแห่งกิเลส

กล้องที่ส่องได้ไกลที่สุดคือ กล้องปัญญา ที่ส่องทะลุทะลวงไปถึงอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต








25. นัยอันลึกล้ำของคำว่า ‘ขอบคุณ’

ขอบคุณความไม่มี ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้

ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ

ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ



26. คนที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความโกรธ

ต่อให้นอนบนเตียงราคาแพงลิบลิ่ว ปูด้วยพรมขนสัตว์ที่มีลวดลายบุปผชาติประดับไปทั้งผืน

ก็ไม่อาจทำให้หลับตาลงอย่างเป็นสุขได้เลยตลอดรัตติกาลอันยาวนาน



27. นัยอันลึกล้ำของคำว่า ‘ขอบคุณ’

ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม

ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่

ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ



28. แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ

คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืน ก็ยังคงโง่เท่าเดิม



29. นัยอันลึกล้ำของคำว่า ‘ขอบคุณ’

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์

ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นใหม่

ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ



30. อยู่ให้คนเขารัก จากไปให้คนเขาอาลัย ล่วงลับไปให้คนเอ่ยอ้างถึง

อยู่ให้คนรัก คืออยู่อย่างผู้ให้

จากไปให้คนอาลัย คือก่อนจากสร้างสรรค์แต่สิ่งมีคุณค่า

ล่วงลับไปให้คนระลึกถึง คือเวลามีชีวิตทำแต่คุณงามความดีจนเป็นที่จดจำ
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทิฏฐิธรรม เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 02:54:39 pm
ทิฏฐิธรรม



ทิฏฐิธรรมทั้งหลาย ของเจ้าทิฏฐิใด เป็นธรรมที่บุคคลนั้น กำหนดแล้ว ที่ปัจจัยปรุงแต่งกระทำไว้ในเบื้องหน้า ไม่ขาวสะอาด มีอยู่และบุคคลนั้นเป็นผู้อาศัยอานิสงส์ที่เห็นอยู่ในตนและอาศัยสันติที่ กำเริบที่อาศัยกันเกิดขึ้น เขาพึงยกตนหรือข่มผู้อื่น.

ความถือมั่นด้วยทิฏฐิ ย่อมไม่เป็นอาการที่ก้าวล่วงโดยง่ายเลย การถึงความตกลงในธรรมทั้งหลายแล้วถือมั่น ก็ไม่เป็นอาการที่ก้าวล่วงโดยง่ายเพราะฉะนั้น ในความถือมั่นเหล่านั้น นรชนย่อมสละธรรมบ้าง ยึดถือธรรมบ้าง.

ทิฏฐิ ที่กำหนดเพื่อเกิดในภพน้อยและภพใหญ่ ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีปัญญาในที่ไหนๆ ในโลก เพราะบุคคลผู้มีปัญญาละมารยาและมานะได้แล้ว เป็นผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเข้าถึง จะพึงไปด้วยกิเลสอะไรเล่า.

บุคคลผู้มีกิเลสเครื่องเข้าถึง ย่อมเข้าถึงวาทะติเตียนในธรรมทั้งหลายใครๆ จะพึงกล่าวติเตียนบุคคลผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเข้าถึงด้วยกิเลสอะไรอย่างไร เล่า เพราะทิฏฐิถือว่ามีตน ทิฏฐิถือว่าไม่มีตน ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเข้าถึงนั้น บุคคลผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเข้าถึง สลัดเสียแล้วซึ่งทิฏฐิทั้งปวงในโลกนี้นี่แหละ.

เราย่อมเห็นนรชนผู้หมดจด ว่าเป็นผู้ไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ความหมดจดดีย่อมมีแก่นรชนเพราะความเห็น บุคคลเมื่อรู้เฉพาะอย่างนี้ รู้แล้วว่าความเห็นนี้เป็นเยี่ยม ดังนี้ ย่อมเชื่อว่า ความเห็นนั้นเป็นญาณบุคคลนั้นชื่อว่าเป็นผู้พิจารณาเห็นความหมดจด.

หากว่า ความหมดจดย่อมมีแก่นรชนด้วยความเห็น หรือว่านรชนนั้นย่อมละทุกข์ได้ด้วยญาณ(ปัญญา)ไซร้ นรชนนั้นผู้ยังมีอุปธิ ย่อมหมดจดได้ด้วย มรรคอื่น เพราะทิฏฐิย่อมบอกนรชนนั้นว่า เป็นผู้พูดอย่างนั้น.

พราหมณ์ไม่กล่าวความหมดจดในอารมณ์ที่เห็น ในอารมณ์ที่ได้ยิน ศีลและวัตร หรืออารมณ์ที่ทราบ โดยมรรคอื่น พราหมณ์นั้นผู้ไม่เข้าไปติดในบุญและบาป ละเสียซึ่งตน เรียกว่าเป็นผู้ไม่ทำเพิ่มเติมอยู่ในโลกนี้.

บุคคลใดลอยบาปทั้งปวงเสียแล้ว ปราศจากมลทิน มีจิตตั้งมั่น(วิปัสสนา)ด้วยดี มีตนตั้งอยู่แล้ว บุคคลนั้นเรียกว่า เป็นผู้สำเร็จกิจเพราะล่วงสงสารได้แล้ว อันตัณหาทิฏฐิไม่อาศัย เป็นผู้คงที่ เรียกว่าเป็นพราหมณ์.

สมณพราหมณ์เหล่านั้น ละต้น อาศัยหลัง ไปตามความแสวงหาย่อมไม่ข้ามกิเลสเครื่องเกี่ยวข้องได้ สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมจับถือย่อมละ เหมือนลิงจับและละกิ่งไม้เบื้องหน้า ฉะนั้น.

ชันตุชนสมาทานวัตรทั้งหลายเอง เป็นผู้ข้องในสัญญา ย่อมดำเนินผิดๆถูกๆ ส่วนบุคคลผู้มีความรู้ รู้ธรรมด้วยความรู้ทั้งหลาย เป็นผู้มีปัญญากว้างขวางดุจแผ่นดิน ย่อมไม่ดำเนินผิดๆ ถูกๆ.

บุคคลผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้น เป็นผู้กำจัดเสนาในธรรมทั้งปวง คือ ในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน หรืออารมณ์ที่ทราบอย่างใดอย่างหนึ่ง ใครๆ ในโลกนี้พึงกำหนดซึ่งบุคคลนั้นนั่นแหละ ผู้เห็นผู้ประพฤติเปิดเผยด้วยกิเลสอะไรเล่า.

สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมไม่กำหนด ย่อมไม่ทำตัณหาและทิฏฐิไว้ในเบื้องหน้า สัตบุรุษเหล่านั้น ย่อมไม่กล่าวว่า เป็นความหมดจดส่วนเดียวสัตบุรุษเหล่านั้นละกิเลสเป็นเครื่องถือมั่น ผูกพัน ร้อยรัดแล้ว ไม่ทำความหวังในที่ไหนๆ ในโลก.

-------------------ที่นี่ดอทคอม
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มหาธรรมสมาทานสูตร เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 02:52:00 pm
มหาธรรมสมาทานสูตร
 
 
"...ท่านทั้งหลาย! ก็ธรรมสมาทาน ที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีทุกข์เป็น
วิบากต่อไป เป็นไฉน?
ท่านทั้งหลาย! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนฆ่าสัตว์ พร้อมด้วยทุกข์
บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกข์ โทมนัส เพราะปาณาติบาต
เป็นปัจจัย

เป็นคนถือเอาทรัพย์ที่เขามิได้ให้.....
เป็นคนประพฤติผิดในกาม.....
เป็นคนพูดเท็จ.....
เป็นคนมีวาจาส่อเสียด.....
เป็นคนมีวาจาหยาบ.....
เป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อ.....
เป็นคนมีอภิชฌามาก.....
เป็นคนมีจิตพยาบาท.....
เป็นคนมีความเห็นผิด พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง
ย่อมเสวยทุกข์โทมนัส เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย เบื้องหน้าแต่ตาย
เพราะกายแตก เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ท่านทั้งหลาย! ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีทุกข์ในปัจจุบัน
และมีทุกข์เป็นวิบากต่อไป
ท่านทั้งหลาย! ก็ธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีทุกข์เป็น
วิบากต่อไป เป็นไฉน?
ท่านทั้งหลาย! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนฆ่าสัตว์ พร้อมด้วย
สุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุข โสมนัส เพราะปาณา-
ติบาตเป็นปัจจัย

เป็นคนถือเอาทรัพย์ที่เขามิได้ให้.....
เป็นคนประพฤติผิดในกาม.....
เป็นคนพูดเท็จ.....
เป็นคนมีวาจาส่อเสียด.....
เป็นคนมีวาจาหยาบ.....
เป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อ.....
เป็นคนมีอภิชฌามาก.....
เป็นคนมีจิตพยาบาท.....
เป็นคนมีความเห็นผิด พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง
ย่อมเสวยทุกข์โทมนัส เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย เบื้องหน้าแต่
ตายเพราะกายแตก เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ท่านทั้งหลาย! ก็ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีสุขในปัจจุบัน
แต่มีทุกข์เป็นวิบากต่อไป

ท่านทั้งหลาย! ก็ธรรมสมาทาน ที่มีทุกข์ในปัจจุบันแต่มีสุขเป็น
วิบากต่อไป เป็นไฉน?
ท่านทั้งหลาย! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเว้นขาดจากปาณา
ติบาต พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกข์
โทมนัส เพราะการเว้นจากปาณาติบาตเป็นปัจจัย

เป็นคนเว้นขาดจากอทินนาทาน.....
เป็นคนเว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม.....
เป็นคนเว้นขาดจากการพูดเท็จ.....
เป็นคนเว้นขาดจากการพูดส่อเสียด.....
เป็นคนเว้นขาดจากการพูดคำหยาบ.....
เป็นคนเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ.....
เป็นคนไม่มีอภิชฌามาก.....
เป็นคนมีจิตไม่พยาบาท.....
เป็นคนที่มีความเห็นชอบ พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง
ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย เบื้องหน้าแต่ตาย
เพราะกายแตก เขาย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ท่านทั้งหลาย! ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีสุขในปัจจุบันและ
มีสุขเป็นวิบากต่อไป
ท่านทั้งหลาย! ธรรมสมาทานมี ๔ อย่าง อย่างนี้แล...ฯ"

~มหาธรรมสมาทานสูตร ๑๒/๔๖๗~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กลอนธรรมะ เพื่อคลาย อุปาทาน เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 02:51:18 pm
ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย

(หลวงวิจิตรวาทการ)

ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย

(ท่านพุทธทาสภิกขุ)

กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ

(เจ้าพระยาคลัง หน)

อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย

(จากหนังสือเก่าโบราณ)

กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
จากดินน้ำลมและไฟ
ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

เมื่อถึงคราวแตกดับ
สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น

(สมภาร พรหมทา)

     

    เป็นมนุษย์ หรือ เป็นคน

    *
      เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
      เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
      ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
      ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
    *
      ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
      ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
      เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา
      เปรมปรีดา คืนวัน ศุขสันติ์จริง
    *
      ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
      ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
      เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง
      แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
    *
      คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก
      จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
      ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
      ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือน เอยฯ

    นกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ

    *
      หมู่นกจ้อง มองเท่าไร ไม่เห็นฟ้า
      ถึงฝูงปลา ก็ไม่เห็น น้ำเย็นใส
      ไส้เดือนมอง ไม่เห็นดิน ที่กินไป
      หนอนก็ไม่ มองเห็นคูต ที่ดูดกิน;
    *
      คนทั่วไป ก็ไม่ มองเห็นโลก
      ต้องทุกข์โศก หงุดหงิด อยู่นิจสิน
      ส่วนชาวพุทธ ประยุกต์ธรรม ตามระบิล
      เห็นหมดสิ้น ทุกสิ่ง ตามจริงเอย ฯ

    ความสุข

    *
      ความเอ๋ย ความสุข
      ใครๆทุก คนชอบเจ้า เฝ้าวิ่งหา
      "แกก็สุข ฉันก็สุข ทุกเวลา"
      แต่ดูหน้า ตาแห้ง ยังแคลงใจ
    *
      ถ้าเราเผา ตัวตัณหา ก็น่าจะสุข
      ถ้ามันเผา เราก็ "สุก" หรือเกรียมได้
      เขาว่าสุข สุขเน้อ! อย่าเห่อไป
      มันสุขเย็น หรือสุกไหม้ ให้แน่เอย ฯ

    ศึกษากันเท่าไร?

    *
      โลกยุคนี้ มีศึกษา กันท่าไหน
      ยุวชน รุ่นใหม่ ได้คลุ้มคลั่ง
      บ้างติดยา เสพติด เป็นติดตัง
      บ้างก็ฝัง หัวสุม ลุ่มหลงกาม
    *
      บ้างดูหมิ่น พ่อแม่ ไม่มีคุณ
      บ้างก็เห็น เรื่องบุญ เป็นเรื่องพล่าม
      บ้างลุ่มหลง love free เป็นดีงาม
      บ้างประณาม ศาสนา ว่าบ้าบอ
    *
      บ้างไปเป็น ฮิปปี้ มีหลายชนิด
      บ้างทวงอิส- ระพ้น จนเหลือขอ
      บ้างที่มี ดีกรีมาก โฮกฮากพอ
      โลกเราหนอ ให้ศึกษา กันเท่าไร ฯ

    อาจารย์ไก่

    *
      ถ้าคนเรา เปรียบกับไก่ ดูให้ดี
      มันไม่มี นอนไม่หลับ ไม่ปวดหัว
      ไม่มีโรค ประสาท ประจำตัว
      โรคจิตไม่ มากลั้ว กับไก่น้อย
    *
      คนในโลก กินยา เป็นตันๆ
      พวกไก่มัน ไม่ต้องกิน สักเท่าก้อย
      หลับสนิท จิตสบาย ร้อยทั้งร้อย
      รู้สึกน้อย แห่งน้ำใจ อายไก่เวย
    *
      ได้เป็นคน หรือจึงได้ นอนไม่หลับ
      ควรจะนับ ว่าเป็นบาป หรือบุญเหวย
      มีธรรมะ กันเสียนะ อย่าละเลย
      อยู่เสบย ไม่ละอาย แก่ไก่มัน

    ภัยร้ายของนักเรียน

    * เป็นนักเรียน เพียรศึกษา อย่าริรัก

         ถูกศรปัก เรียนไม่ได้ ดั่งใจหมาย
       สมาธิจะ หักเหี้ยน เตียนมลาย
       ถึงเรียนได้ ก็ไม่ดี เพราะผีกวน

    * แต่เตือนกัน สักเท่าไร ก็ไม่เชื่อ

         มันแรงเหลือ รักร้าย หลายกระสวน
       หลอกพ่อแม่ มากมาย หลายกระบวน
       หน้าขาวนวล ใจหยาบดำ ซ้ำละลาย

    * การเล่าเรียน เบื่อหน่าย คล้ายจะบ้า

         ใช้เงินอย่าง เทน้ำเทท่า น่าใจหาย
       ไม่เท่าไร ใจกระด้าง สิ้นยางอาย
       หญิงหรือชาย เรียนไม่ดี สิ่งนี้เอง

    * มีสัจจะ ทมะ และขันตี

         กตัญญู กตเวที อย่าโฉงเฉง
       รักพ่อแม่ พวกพ้อง ต้องยำเกรง
       เรียนให้เก่ง ให้ยิ้มแปล้ แก่ทุกคน ฯ

     

    ยิ่งเจริญยิ่งบ้า?

    * ถ้าพูดว่า "ยิ่งเจริญ คือยิ่งบ้า"
      ดูจะหา คนเชื่อ ได้ยากยิ่ง
      เพราะต่างชอบ ความเจริญ ที่เกินจริง
      เจริญอย่าง ผีสิง ยิ่งชอบกัน
    * โลกเจริญ เกินขนาด ธรรมชาติแหลก
      เกิดของแปลก แปลงโลก ให้โศกศัลย์
      ทำมนุษย์ ให้เป็นสัตว์ พิเศษพลัน
      คือฆ่ากัน ทั้งบนดิน และใต้ดิน
    * ยิ่งเจริญ ยิ่งดุเดือด ด้วยเลือดอาบ
      ยิ่งฉลาด ยิ่งมีบาป กว่ายุคหิน
      สร้างปัญหา ยุ่งยาก มากระบิล
      โลกทั้งสิ้น สุมความบ้า ว่าความเจริญ ฯ

    โลกคือเครื่องลองและโรงละคร

    *
      โลกนี้คือ เครื่องลอง ของมารร้าย
      ไว้สอบไล่ ว่าใคร ยังหลงใหล
      ว่าใครบ้า ใครเขลา เฝ้าจมใน
      หล่มโลกใหญ่ ติดตัง ทั้งชั่วดี!
    *
      โลกนี้ ที่แท้คือ โรงละคร
      ไม่ต้องสอน แสดงถูก ทุกวิถี
      ออกโรงกัน จริงจัง ทั้งตาปี
      ตามท่วงที อวิชชา ลากพาไป!

    โลกเปรียบศาลาให้อาศัย

    *
      โลกนี้เปรียบ ศาลา ให้อาศัย
      ประเดี๋ยวใจ ผ่อนพัก แล้วจักผัน
      ทางที่ดี เมื่อพราก ไปจากมัน
      ควรสร้างสรร ส่งเสริม เพิ่มคะแนน
    *
      เมื่อเราได้ เกิดมา ในอาโลก
      ได้พ้นโศก พ้นภัย สบายแสน
      จึงควรสร้าง สิ่งชอบ ไว้ตอบแทน
      ให้เป็นแดน ดื่มสุข ขึ้นทุกกาล
    *
      คุณความดี ของท่าน กาลก่อนก่อน
      ที่ท่านสอน ไว้ประจักษ์ เป็นหลักฐาน
      เราเกิดมา อาศัย ได้สำราญ
      ควรหรือผ่าน พ้นไป ไม่คำนึง ฯ

    โลกนี้พัฒนา

    *
      โลกฮึดฮัด พัฒนา บูชาโป๊
      เพราะเผลอโง่ ทีละนิด คิดไม่เห็น
      ไม่มีใคร ตำหนิใคร เพราะใจเป็น
      ในเชิงเช่น เดียวกัน ไม่ทันรู้
    *
      รัฐบาลไหน ในโลก สับโขกมัน
      ดูจะชอบ เหมือนกัน ทำไก๋อยู่
      พวกนักบวช แอบหา ภาพมาดู
      คุณครูรู้ พรางศิลปโป๊ โย้ได้ไกล
    *
      ความก้าวหน้า ทางเนื้อหนัง อย่างนี้เอง
      ครั้นพัฒนา จบเพลง ไม่ไปไหน
      บูชาโป๊ ถึงทูนหัว มั่วกันไป
      โลกยุคใหม่ ต้องไม่โง่ หยุดโป๊ที ฯ

    ความรักของอวิชชา

    *
      มีชายหนึ่ง ลิงหนึ่ง อยู่ด้วยกัน
      คนก็รัก ลิงนั้น เป็นหนักหนา
      ลิงก็รัก คนจัด เต็มอัตรา
      ทั้งสองรา รักกัน นั้นเกินดู
    *
      มาวันหนึ่ง คนนั้น นอนหลับไป
      แมลงวัน มาไต่ ที่กกหู
      ลิงคิดว่า ไอ้นี่ยวน กวนเพื่อนกู
      จะต้องบู๊ ให้มันตาย อ้ายอัปรีย์
    *
      ฉวยดุ้นไม้ มาเงื้อ ขึ้นสองมือ
      ฟาดลงไป เต็มตื้อ แมลงวันหนี
      ฝ่ายเพื่อนรัก ดิ้นชัก ไปหลายที
      ดูเถิดนี่ ความรัก ของอวิชชา ฯ
26  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / 100 คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ด เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 02:46:25 pm


เพื่อนๆ คงใช้เม้าส์ในการกด เพื่อเลือกฟังก์ชั่นต่างบนจอคอมจนเคยชินกันแล้วใช่มะจนบางคนนั้นอาจลืม หรือไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าแป้นคีย์บอร์ด ที่เดี๋ยวนี้เราไว้ใช้แค่พิมพ์นั้นสามารถสั่งการใช้งานของคอมพิวเตอร์ได้ เหมือนกัน งั้นเราลองมาทบทวนความทรงจำ ในการใช้คำสั่งบนคีย์บอร์ดกันดีกว่า...

100 คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ดเตือนคำทรงจำ....

CTRL+C --คัดลอก

CTRL+X --ตัด/ย้าย

CTRL+V --วาง (ใช้คู่กับคำสั่งคัดลอก/ตัด)

CTRL+Z --ยกเลิกการทำงานครั้งล่าสุด

DELETE --ลบโดยไปพักที่ถังขยะ

SHIFT+DELETE --ลบโดยไม่ต้องพักที่ถังขยะ

CTRL กดค้างไว้+คลิกเลือกไฟล์ --เป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง

CTRL+SHIFT กดค้างไว้ แล้วคลิกที่ไฟล์แรก และไฟล์สุดท้าย --จะเป็นการเลือกตั้งแต่
ไฟล์แรกถึงไฟล์สุดท้ายทั้งหมด

F2 --เปลี่ยนชื่อแฟ้ม

CTRL+RIGHT ARROW --ไปยังคำต่อไป (ด้านขวามือ)

CTRL+LEFT ARROW --ไปยังคำก่อนหน้า (ด้านซ้ายมือ)

CTRL+DOWN ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ลงล่าง)

CTRL+UP ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ขึ้นบน)

CTRL+SHIFT --ทำ Highlight ทั้งบรรทัด

SHIFT+ปุ่มลูกศร --ทำ Highlight เฉพาะส่วนที่เลือก

CTRL+A --เลือกทั้งหมด

F3 --ค้นหา

ALT+ENTER --ดู properties

ALT+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้งานในปัจจุบัน

ALT+SPACEBAR --เปิด shortcut menu ของหน้าจอที่ใช้งานอยู่

CTRL+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้อยู่ทั้งหมด

ALT+TAB --สลับหน้าจอระหว่างโปรแกรมที่ 1 ไปโปรแกรมที่ 2 3 4

ALT+ESC (Cycle through items in the order that they had been opened)

F6 key (Cycle through the screen elements in a window or on the desktop)

F4 --แสดงรายการใน Address bar

SHIFT+F10 --เหมือนการคลิกขวาที่เม้าส์

CTRL+ESC --เหมือนการคลิกที่ปุ่ม Start

ALT+Underlined letter in a menu name (Display the corresponding menu)

Underlined letter in a command name on an open menu (Perform the
corresponding command)

F10 key (Activate the menu bar in the active program)

RIGHT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางขวาหรือเปิดเมนูย่อยทางขวา

LEFT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางซ้ายหรือเปิดเมนูย่อยทางซ้าย

F5 key --รีเฟรชหน้าจอปัจจุบัน

BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ

ESC --ยกเลิก

SHIFT เมื่อใส่แผ่น CD-ROM --หยุดยั้งการเปิดแผ่นแบบอัตโนมัติ

Dialog Box Keyboard Shortcuts /เกี่ยวกับไดอะล็อก

CTRL+TAB --ไปในแถบต่อไป

CTRL+SHIFT+TAB --ไปในแถบก่อนหน้า

TAB --เลื่อนไปยังส่วนต่อไป

SHIFT+TAB --เลื่อนไปยังส่วนก่อนหน้า

ALT+Underlined letter (Perform the corresponding command or select
the corresponding option)

ENTER --ตกลง

SPACEBAR --เลือก/ไม่เลือกใน check box

Arrow keys (Select a button if the active option is a group of option buttons)

F1 key --Help

F4 key --แสดงรายการที่ active อยู่

BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ

Microsoft Natural Keyboard Shortcuts /ทั่วไป ๆ

Windows Logo --แสดง/ซ่อน Start menu

Windows Logo+BREAK --แสดง System Properties

Windows Logo+D --แสดงหน้าจอ desktop

Windows Logo+M --ย่อหน้าต่างงานทั้หมด

Windows Logo+SHIFT+M --โชว์หน้าต่างงานที่เราย่อไว้ (ยกเลิกการย่อหน้าต่าง)

Windows Logo+E --เปิด My computer

Windows Logo+F,CTRL+Windows Logo+F --ค้นหา

Windows Logo+F1 --Help

Windows Logo+ L --ล็อค keyboard

Windows Logo+R --Run

Windows Logo+U --Utility Manager

เราหวังว่าคำสั่งบนคีย์บอร์ดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างนะค่ะ
เผื่อว่าวันไหนเม้าส์ของเพื่อนๆ ใช้งานไม่ได้
27  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มิจฉาสมาธิ กับ สัมมาสมาธิ ต่างกันอย่างไรคะ เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 06:22:23 pm
ได้ยินเรื่อง สมาธิมาก็หลายครั้ง และ คำนี้ก็มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดให้ได้ยินหลายครั้ง
บางทีชวนเพื่อนปฏิบัติ กรรมฐาน ก็เจออีกกลุ่มว่า ของเธอเป็น มิจฉาสมาธิ ของฉันเป็น สัมมาสมาธิ

ครั้นจะต่อวาจากันว่าเป็น มิจฉา กับ สัมมา นั้นมีหลักการวัดอย่างไร ก็มาพิจารณาภูมิธรรมตนเองว่ายัง
ไม่แน่น ดังนั้นจึงมาฝากความหวัง ที่บอร์ด โดยเฉพาะลุงปุ้ม หรือ คุณธรรมธวัช ช่วยตอบให้หน่อยคะ

มิจฉาสมาธิ กับ สัมมาสมาธิ ต่างกันอย่างไรคะ

 :c017: :c017: :c017:
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / นำอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปมาฝากกันค่า... เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 06:15:54 pm


นำอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปมาฝากกันค่า... :)

อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป

เอาภาพมาให้ดูค่ะ องค์สีทององค์แรก ได้ถวายวัดร่ำเปิง ไปพร้อมกับผ้าป่าร่วมสร้างอุโบสถที่เพิ่งทอดไปเมื่อหลังปีใหม่ค่ะ อิอิ

คติ ความเชื่อของพุทธศาสนิกชน เชื่อว่า อานิสงส์สร้างพระ ได้ชื่อว่า เจริญกรรมฐาน ข้อพุทธานุสติ และเป็นการบูชาพระรัตนตรัย สร้างบุญกุศลที่มั่นคงถาวรชั่วนิจนิรันดร์กาล ทั้งแก่ตนและแก่บุคคลผู้ร่วมอนุโมทนา สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แผ่ไพศาลไปได้ไกล ได้ร่วมกิจกรรมอันจักนำประโยชน์สุขสู่ตนและสู่สังคม ฯลฯ นอกจากนี้พระสงฆ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน แสดงธรรมเทศน์เกี่ยวกับกับอานิสงส์สร้างพระ เช่น

๑.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา แสดงธรรมไว้ว่า สร้างพระ ๑ องค์ ได้อานิสงส์ ๕ กัป ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่า บุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง ๕ กัป

๒.หลวงพ่อพระราช พรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี กล่าวว่า "การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก (เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก"

๓.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เคยแสดงธรรมไว้ว่า ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้า จะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน

๔.พระครูพัฒนกิจจานุ รักษ์ หรือ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน เคยแสดงธรรมไว้ว่า การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้นจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้มากราบไหว้ สักการบูชาเท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง

๕.พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เคยแสดงธรรมไว้ว่า การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปเกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทานในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี "ความเห็นตรง เห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่าเป็นผู้เตรียมตัวก่อนตาย

ที่มา
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10136100/Y10136100.html
29  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สลด “ครูพละ” กระหน่ำยิง “นร.ม.3” ดับสยองคาโรงเรียน ก่อนลั่นไกฆ่าตัวตายตาม เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 11:27:58 am
สลด “ครูพละ” กระหน่ำยิง “นร.ม.3” ดับสยองคาโรงเรียน ก่อนลั่นไกฆ่าตัวตายตาม เซ่นรักต้องห้าม   

วันนี้  18 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สุรศักดิ์ นามประเสริฐ สวส.สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันภายในโรงเรียนเขายายกะตา หมู่ 2 ต.ชัยนารายณ์ อ.ชัยบาดาล มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พรชัย พวงทอง ผกก. พ.ต.ท.ไพฑูรย์ ลายประดิษฐ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.นนทวรณ์ ศรีอินทร์ สวป. และนายมานะ อัครบัณฑิต ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 2 และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพงไล้ 16 ลำนารายณ์ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณที่จอดรถ หลังอาคารเรียนไม้ 2 ชั้น เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นพื้นที่ กันไม่ให้ครูและเด็กนักเรียนที่มามุงดู เหยียบย่ำทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบภาพสลดใจเป็นร่างไร้วิญญาณของ น.ส.ฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นร.ชั้น ม.3 โรงเรียนดังกล่าว มีบ้านพักอยู่ใน อ.ชัยบาดาล นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นข้างรถจยย.ป้ายแดง โดยสวมชุดนักเรียน แต่ท่อนบนสวมเสื้อกันหนาวทับไว้อีกชั้น มีบาดแผลถูกกระหน่ำยิงด้วยปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 1 นัด ข้อมือขวา 1 นัด หน้าอกขวา 1 นัด และชายโครงขวา 1 นัด รวม 5 นัด นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ถูกบรรดาครูช่วยกันนำส่งรพ.ชัยบาดาล ไปแล้ว คือนายบุญธรรม  บุญชื่น อายุ 49 ปี ครูสอนวิชาพละศึกษา โรงเรียนเดียวกัน อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 7 ต.โพธิ์ตรุ อ.เมือง จ.ลพบุรี ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกัน เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด แพทย์พยายามยื้อชีวิต แต่ไม่สำเร็จ เสียชีวิตในเวลาต่อมา


จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบปืนยี่ห้อโคลท์ ขนาด .38 ซุปเปอร์  ปลอกกระสุนปืน 9 ปลอก และหัวกระสุนปืน อีก 5 หัว ตกอยู่ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ฟ้า เป็นนักเรียนหน้าตาดี อาศัยอยู่กับยาย เพราะพ่อแม่ไปทำงานในจังหวัดอื่น ส่วน “ครูบุญธรรม” เพิ่งย้ายมาสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ เมื่อช่วงเปิดเทอมที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ กำลังเรียนหนังสืออยู่ในห้องตามปกติ จู่ๆ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จนตกอกตกใจกันทั้งครูและนักเรียน บรรดาคุณครูจึงวิ่งตามเสียงปืนมา จนพบ น.ส.ฟ้า นอนเสียชีวิตอยู่ ส่วนครูบุญธรรมยังนอนหายใจรวยระริน จึงรีบช่วยกันนำตัวส่งรพ. และแจ้งตำรวจ

เบื้องต้นตำรวจสืบสวนสอบสวนในทางลึก พบว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว ซึ่งทั้งคู่น่าจะมีความสัมพันธ์กันเกินกว่าครู และนักเรียน โดยเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.53 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ น.ส.ฟ้าได้หายตัวไปจากบ้านพัก คุณยายไล่สอบถามจากเพื่อนๆ ทราบว่า ครูบุญธรรมเพิ่งซื้อรถเก๋งคันใหม่ และชวน น.ส.ฟ้า ไปเที่ยวด้วยกัน คุณยายจึงไปแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ที่โรงพัก ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ครูบุญธรรมพา น.ส.ฟ้า กลับมาส่งที่บ้าน และได้พูดคุยเจรจากับคุณยายของ น.ส.ฟ้า เรื่องที่พาหลานสาวหายไป ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง คุณยายจึงเรียกค่าเสียหายเป็นเงินสด 4 แสนบาท โดยครูบุญธรรมนัดตกลงกันอีกครั้ง หลังเลิกเรียนในวันที่ 17 ม.ค.นี้

ทั้งนี้จากการประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด ตำรวจเชื่อว่า ก่อนเกิดเหตุครูบุญธรรมน่าจะเรียก น.ส.ฟ้า มาพูดจาตกลงเรื่องปัญหาความรักต้องห้ามกัน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเงินค่าเสียหาย 4 แสนบาท ที่ครูบุญธรรมอาจยังหาไม่ได้ ซึ่งต้องไปพูดคุยกับคุณยายของ น.ส.ฟ้า หลังเลิกเรียนแล้ว แต่ครูบุญธรรมตกลงกับ น.ส.ฟ้า ไม่ได้ ทำให้เครียดหนักที่หาทางออกร่วมกันไม่ได้ สุดท้ายตัดสินใจใช้ปืนที่พกเตรียมมา กระหน่ำยิงลูกศิษย์สาวจนเสียชีวิต ก่อนจะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวตายตาม เพราะสำนึกผิดหรือกลัวความผิด และปิดชีวิตรักต้องห้าม อย่างไรก็ดี ตำรวจจะสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง

ที่มาข่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=116076
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นิทานเซน : อารามที่งดงามที่สุด เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 01:43:31 pm
นิทานเซน : อารามที่งดงามที่สุด



ในการแสดงธรรมครั้งหนึ่ง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เทศนาถึงเรื่องราวหนึ่งไว้ว่า...
       
       มีกษัตริย์อยู่พระองค์หนึ่ง ต้องการที่จะบูรณะซ่อมแซมอารามแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ดังนั้นจึงส่งคนไปเสาะหาช่างฝีมือที่มีความสามารถอย่างแท้จริง เพื่อที่จะมาซ่อมแซมอารามหลังนี้ให้งดงามอลังการที่สุด
       
       ปรากฏว่าได้เสาะหาพบกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติในการรับงานนี้ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกประกอบด้วยช่างฝีมือและจิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือพระสงฆ์เพียงไม่กี่รูป
       
       เนื่องจากกษัตริย์ทรงไม่แน่พระทัยว่าคนงานกลุ่มใดมีฝีมือสูงเยี่ยม กว่ากัน ดังนั้นจึงทรงมอบโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายทำการแข่งขันประลองฝีมือ ด้วยการให้ทั้งสองกลุ่มทดลองไปบูรณะอาราม 2 หลังที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน โดยแบ่งกันไปซ่อมแซมอารามกลุ่มละหลัง จากนั้นในอีก 3 วันข้างหน้า จะเสด็จไปตรวจสอบผลการซ่อมแซมด้วยพระองค์เอง
       
       ในการซ่อมแซมอารามครั้งนี้ ช่างฝีมือและจิตรกรเอกแจ้งความประสงค์ต่อกษัตริย์ เพื่อเบิกเอาสีสำหรับทาตกแต่ง รวมทั้งอุปกรณ์เพื่อทำงานฝีมือต่างๆ มากมาย ส่วนทางด้านพระนักบวชกลับขอเพียงผ้าขี้ริ้วและถังใส่น้ำสะอาดเท่านั้น
       
       สามวันผ่านไป กษัตริย์ได้เดินทางมาตรวจสอบฝีมือการซ่อมแซมวัดของคนงานทั้งสองกลุ่ม พบว่าอารามที่ซ่อมแซมโดยช่างฝีมือและจิตรกรนั้นถูกประดับตกแต่งอย่างวิจิตร บรรจง ระบายสีสันสอดสลับละลานตา กษัตริย์เห็นดังนั้นจึงพอพระทัยเป็นอันมาก และพยักหน้ายอมรับนับถือในฝีมือของช่างทั้งสอง
       
       จากนั้นกษัตริย์ทรงหันหลังไปทอดพระเนตรอารามอีกหลังหนึ่ง ซึ่งซ่อมแซมโดยเหล่าพระ ผลงานที่ปรากฏทำให้พระองค์ตะลึงงัน อารามที่เหล่าพระช่วยกันซ่อนแซมนั้นไร้ซึ่งสีสันฉาบทา เพียงแต่ ผนัง พื้น โต๊ะ เก้าอี้ บานหน้าต่าง และส่วนอื่นๆ ของอารามแห่งนี้ถูกเช็ดถูจนสะอาดสะอ้าน สะอาดเสียจนสิ่งของทั้งหลายในวัดต่างปรากฏสีสันที่แท้จริงในตัวเองออกมา อีกทั้งยังผ่านการขัดถูจนมันเงาดั่งกระจกจนสะท้อนสีสันของสิ่งอื่นๆ ออกมาพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นสีของก้อนเมฆ หรือเงาของต้นไม้ที่พัดไหวอยู่ในสายลม กระทั่งสีสันของอารามที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามก็กลายมาเป็นส่วนประกอบหนึ่งใน เงาสะท้อน ที่ขับเน้นให้อารามหลังนี้งดงามเพิ่มขึ้น ส่วนอารามหลังนี้ ก็เพียงแต่ตั้งอยู่อย่างสงบเพื่อรองรับทุกสิ่งทั้งมวลที่กล่าวมา
       
       กษัตริย์ทรงพอพระทัยและซาบซึ้งในการซ่อมแซมอารามหลังนี้ยิ่งนัก ส่วนผลแพ้ชนะแม้มิได้กล่าวออกมา แต่ผู้คนล้วนทราบแน่แก่ใจ
       

ภาพจาก www.eastartwork.com
       
        ปัญญาเซน
       จิตใจของคนเราก็เป็นเช่นดังอารามหลังหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งอื่นใดภายนอกมาประดับตกแต่งให้งดงาม ขอเพียงชำระจิตใจให้สะอาดหมดจด เพื่อเปิดโอกาสให้ความงดงามที่อยู่ภายในนั้นได้ปรากฏออกมา
         
31  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีหลักฐาน หรือป่าวคะ ว่าผู้สวด คาถาโพชฌงค์แล้ว หายป่วย นอกจากพระอรหันต์... เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 11:05:45 am
คือสงสัยเวลาไปถามพระคุณเจ้า ที่วัดท่านบอกให้สวดโพชฌงค์ เดี๋ยวก็หายป่วย

แต่มองท่านเอง ก็ป่วยอย่างมาก ท่านยังต้องไป โรงพยาบาลฉันยาเลย ทำให้อดสงสัยไม่ได้..ว่า

บทโพชฌงค์ นี้มีใครเคยสวดแล้วหายป่วยได้จริง อยากให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยแสดง

หลักฐาน ข้อมูล อ้างอิงประกอบ ได้หรือป่าวคะ

ว่า ปุุุถุชน อย่างพวกเรานั้นก็สามารถ สวดบทโพงฌงค์ แล้วหายป่วยได้

มีหลักฐาน หรือป่าวคะ ว่าผู้สวด คาถาโพชฌงค์แล้ว หายป่วย นอกจากพระอรหันต์...

 :25: :25: :25:
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โจรเดี๋ยวนี้ ขโมยแม้แต่ มาตรน้ำ ( เชิญดูสิคะ ) เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 12:26:56 pm
โจรมิเตอร์ป่วนหนักเมืองรถม้า

โจรมิเตอร์ป่วนหนักเมืองรถม้า ตร.เข้มร้านของเก่า-ต้องแจงที่มามาตรน้ำ

ลำปาง - พ.ต.อ.พิทักษ์ นาสมวาส ผกก.สภ.เมืองลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหนังสือร้องเรียนที่ชาวบ้านบรรยายถึงความเดือดร้อนที่กำลังได้รับ มาที่สภ.เมืองลำปางจำนวนมากคือกรณีถูกคนร้ายลักขโมยมิเตอร์น้ำ หรือมาตรวัดน้ำ จากบ้านเรือนทำให้ผู้เสียหายต้องไปติดต่อกับสำนักงานประปา เพื่อขอติดตั้งมาตรน้ำอันใหม่ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกถึง 800 บาท เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ลำบากอยู่แล้วต้องมาเสียเงินเสียทอง

พ.ต.อ. พิทักษ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าภายใน ตัวเมืองลำปางที่มีอยู่กว่า 20 ร้าน ว่ามีการรับซื้อมิเตอร์น้ำ สายไฟฟ้าที่เป็นม้วนขนาดใหญ่ หรือหัวนอต ที่ถูกถอดออกจากเสาไฟฟ้าแรงสูงเอาไว้หรือไม่ หากรับซื้อไว้เจ้าของร้านต้องนำสมุดควบคุมบัญชีการซื้อขาย มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย หากร้านใดไม่มี หรือไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะดำเนินคดีโดยการเปรียบเทียบปรับ วงเงินครั้งละ 1,000-2,000 บาท ไม่มีการละเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือในการจัดระเบียบสังคม และหากร้านใดกระทำความผิดซ้ำซ้อนต่อเนื่อง ก็จะต้องตรวจจับอย่างต่อเนื่อง และเปรียบเทียบปรับเพิ่มขึ้นไปอีก

ผกก.สภ.เมืองลำปาง กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่เข้าตรวจค้นร้านค้าหรือบ้าน เรือนประชาชน จะต้องแสดงกิริยามารยาทอย่างสุภาพไม่พูดจาข่มขู่คุกคาม ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และหากพบว่าปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการกับเจ้าของร้าน หากตนตรวจพบทีหลัง ตำรวจชุดนั้นต้องเจอโทษสถานหนัก

ที่มา

http://lampangnhanews.board.ob.tc/-View.php?N=16

ข่าวสดรายวัน
วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
33  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ร่วมปฏิบัติธรรม ที่วัดสังฆทาน เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 10:38:30 am




34  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “ พ่อของฉัน ” เมื่อ: ธันวาคม 04, 2010, 11:27:39 am
พ่อของฉัน
แบ่งปัน

  “  พ่อของฉัน  ”

 

                        ถ้าจะให้พูดถึงผู้ให้กำเนิดในที่นี้ ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว ว่านั้นคือ พ่อและแม่ผู้ที่ให้ทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ความรัก เฝ้าฟูมฟัก ถนุถนอม คอยพร่ำสอนให้เราเป็นคนดี  เป็นดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูก ๆ ท่านเปรียบเสมือนพระในใจของลูก ไม่ว่าทุกข์หรือสุขท่านคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ  คอยห่วงใยเราไม่เคยห่าง  โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ

                        ถ้าจะให้ลำดับความสำคัญของท่านทั้งสอง เราคงหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะว่าท่านทั้งสองคนมีบทบาทความสำคัญเท่า ๆ กัน ถ้ายังงั้นฉันจะขอพูดถึงบทบาทของพ่อฉันแล้วกันนะค่ะ  สมัยก่อนฐานะทางบ้านฉันค่อนข้างยากจน ข้าวสารแทบจะไม่มีกรอกหม้อก็ว่าได้ พ่อของฉันนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรฉันก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ เพราะว่าความทรงจำของฉันกับพ่อนั้นแทบจะไม่มีเลย  อีกทั้งยังไม่เคยได้ทดแทนบุญคุณของท่านเลย  ถ้าแม่และพี่ ๆ ไม่เล่าให้ฉันฟัง ฉันก็คงจะไม่รู้ เพราะว่าพ่อจากฉันไปตั้งแต่ฉันอายุได้ 5 ขวบ ส่วนน้องสาวของฉันอายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น ครอบครัวของฉันมีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน แม่และพี่  เล่าให้ฉันฟังว่าพ่อของฉัน จากไปด้วยโรคมะเร็งลำไส้  เนื่องจากที่พ่อต้องอดทนทำงานทุกอย่าง เพื่อแลกกับข้าวสารมาจุนเจือครอบครัว จนลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง อดบ้างอิ่มบ้างต้องรับจ้างทำงานทุกอย่าง  ที่พอจะทำได้เพื่อแลกกับการที่ลูกทุกคนไม่อด  โดยไม่คำนึงถึงตัวเองว่าจะลำบากสักแค่ไหน  งานหลักของพ่อคือรับจ้างเลี้ยงวัวให้กับนายตำรวจคนหนึ่ง  แต่ในช่วงนั้นพ่อบ่นว่าเจ็บปวดท้องอยู่บ่อย ๆ  แต่ก็อดทนไว้เพราะไม่อยากให้แม่และพวกเราเป็นห่วง เพราะถ้าพ่อเป็นอะไรไปคงจะลำบากมากกว่านี้ รูปร่างพ่อไม่ค่อยอ้วนหนักเพราะทำงานหนัก ร่างกายผ่ายผอม ระหว่างนั้น พี่ทั้ง 4 คน เริ่มจะรู้เรื่องกันบ้างแล้ว  พ่อก็คอยพร่ำสอนให้พวกเราเป็นคนนดี  ห้ามลักเล็กขโมยน้อย  ห้ามพูดปด  ให้เคารพผู้ใหญ่ไปลามาไหว้  รู้จักรักและสามัคคีกันให้เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน  ด้วยความที่พ่อมีลูกมาก อย่างที่เขาว่า “ มีลูกมากมักยากจน ”  แต่พ่อก็ไม่เคยบ่นเลยกับการที่มีลูกหลายคน แต่ยิ่งทำให้พ่อมีความสุขกับลูกๆ ในสมัยนั้นการจะเรียนหนังสือก็ยากลำบาก พ่อเลยตัดสินใจ พาพี่ชายทั้งสองคนไปบวชเรียนเพื่อหาวิชาความรู้  ใจจริงแล้วพ่อไม่อยากให้ลูก ๆ แยกจากกันเลย  แต่พ่อบอกว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็จะไม่มีความรู้ติดตัว  ส่วนพี่สาวทั้งสองคนพ่อก็ไปร้องขอกรมประชาสงเคราะห์คนยากไร้ที่ตัวจังหวัด เพื่อให้พี่สาวไปเรียนที่นั้น แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร  พ่อก็ล้มเจ็บลงก่อนแล้วก็ทรุดลง  ผลที่ออกมาคือพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายแล้ว  ไม่สามารถที่จะรักษาได้นอกจากผ่าตัดเท่านั้น  มีสิ่งหนึ่งที่ฉันพอจะจำได้คือ  แม่ร้องไห้หนักมากร้องทุกวันทุกคืนด้วยความที่กลัวว่าพ่อจะจากไป แต่ในขณะนั้นอาการของพ่อหนักมากและค่าใช้จ่ายก็สูง ประกอบกับที่เราไม่มีเงินกันเลย  แต่ก็โชคดีที่นายอำเภอยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ  เพราะเห็นว่าฐานะทางครอบครัวของพ่อลำบาก โดยขอเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด  ช่วงนั้นเป็นช่วงวิกฤตสุด ๆ  พวกเราหวั่นใจกลัวว่าพ่อจะจากไป  จากนั้นนายอำเภอก็ทำเรื่องส่งตัวพ่อไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่จังหวัดพิจิตร  ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปพ่อขอกลับมาเจอลูก ๆ ก่อนพ่อต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่ออยู่กับลูกๆ แต่พ่อก็ไม่เคยแสดงความเจ็บปวดให้แม่กับลูก ๆ ได้เห็นเลย  ก่อนพ่อไปพ่อบอกกับลูก ๆ  ว่า  “ เป็นพี่น้องกันต้องรักและสามัคคีกัน  อย่าทิ้งกันพ่อพูดกับแม่ว่าไม่ว่าจะลำบากสักแค่ไหนก็อย่าให้ลูกกับใครนะและ พยายามให้ลูกได้เรียนหนังสือกันทุกคน ” นั้นคือคำขอสุดท้ายของพ่อ  ซึ่งอยู่กับลูกๆได้แค่ 3 วัน เขาก็มารับตัวพ่อไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจังหวัดพิจิตร  ตอนนั้นพ่อนอนรอรับการผ่าตัดแต่ก็ไม่ทัน  แล้วพ่อก็จากไปอย่างสงบ  งานศพของพ่อถูกจัดอย่างเรียบ ๆ คนมาร่วมงานของพ่อเยอะมากเพราะว่าพ่อเป็นคนดี  ชอบช่วยเหลือคนโดยไม่หวังผลตอบแทน  มีหลายคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานให้พ่อ  ตลอดจนถึงวันเผาทุกคนร้องไห้หนักมาก  นั้นคือสิ่งที่ฉันจำได้  หลังจากงานศพพ่อผ่านไปไม่ถึงเดือนแม่ก็รับบทบาทแทนพ่อ  พี่ชายทั้งสองก็บวชเรียน  ส่วนพี่สาว  2  คน  ก็ได้เข้าโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ที่ตัวจังหวัดอย่างที่พ่อหวัง  ส่วนฉันนายอำเภอก็มาขอไปเป็นลูกบุญธรรม  ซึ่งตอนนั้นแม่อยากให้ลูกได้สบายจนลืมคิดถึงคำที่พ่อขอไว้จึงให้ไป  แต่ก็ไปอยู่กับเขาได้เพียง  2  วัน  แม่ก็ไปรับกลับและบอกกับเขาว่า “ ขอลูกให้ฉันคืนเถอะ ” พร้อมกับร้องไห้ แต่เขาไม่ให้  แม่บอกว่า   “ พ่อเขามาเข้าฝันฉันว่าอย่าให้ลูกกับใครไป ”  เขาก็เลยคืนลูกให้และบอกว่าถ้าเกิดมาช้ากว่านี้ ก็คงไม่ได้เจอเพราะฉันจะไปอยู่กรุงเทพ ฯ แล้ว   แม่ดีใจมากที่ได้ฉันคืนมาและรู้สึกโมโหตัวเองมากที่ทำผิดต่อพ่อ  ต่อจากนั้นแม่ก็พาฉันไปสมัครเรียนพร้อมกันกับน้อง  คนอื่น ๆ  เขาซื้อหนังสือเรียน  แต่ฉันกับน้องต้องยืมเรียนแต่ฉันไม่เคยอายเลย  และตั้งใจเรียนให้แม่ได้ภูมิใจ  พอถึงวันพ่อ แม่ก็ไปเป็นพ่อแทน  เพื่อน ๆ  ต่างพากันหัวเราะเยาะที่ฉันไม่มีพ่อ  แต่ฉันไม่เคยสนใจเพราะคิดว่าแม่กับพ่อก็มีความหมายเหมือน ๆ  กัน  แทบจะไม่มีใครเป็นที่หนึ่งหรือที่สองด้วยซ้ำไป

                        ปัจจุบันนี้แม่ของฉันที่เปรียบเสมือนพ่อไม่ได้ทำงานหนักเหมือนแต่ก่อนแล้ว  พวกเราทุกคนได้เรียนจนจบ  ถึงแม้จะลำบากขนาดไหน  อาจจะไม่ได้จบสูงมากนัก แต่พวกเราก็ดีใจที่ทำตามคำขอของพ่อ  ที่อยากให้พวกเราได้เรียนหนังสือ  และพวกเราก็ดูแลแม่เป็นอย่างดี  อาจจะไม่ได้ร่ำรวยยมากมาย  แต่พวกเราก็รักและภูมิใจในตัวของแม่ เสมือนว่าพ่อของเราอยู่กับเราตลอดเวลา  ในวันที่ฉันรับประกาศนียบัตรแม่และพี่ปลาบปลื้มใจมาก  มันอาจจะเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ  แต่เราทุกคนก็มีความสุข   จนทำให้ฉันคิดถึงพ่อมาก  ๆ อยากให้พ่อมาร่วมแสดงความดีใจนั้น เลยเขียนบทกลอนนี้ขึ้นมาเพื่อ  “   พ่อของฉัน  ”  และร่ำลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอ ๆ  ไม่เคยลืมพระคุณของท่านเลย

 

                        ความสำเร็จของฉันที่เรียนจบ                                   อยากพานพบคนที่ฉันนั้นเฝ้าหา

                        อยากจะรู้ว่าท่านอยู่แห่งใดนา                                   อนิจจาท่านไม่อยู่ร่วมดีใจ

                        พ่อของฉันจากไปไม่มีกลับ                                       ไปเลยลับไม่รู้ไปอยู่ไหน

                        โอ้พ่อจ๋าลูกคิดถึงแทบขาดใจ                                     พ่ออยู่ไหนโปรดรับรู้ว่าลูกรอ

                        อยากให้ลูกทุกคนที่ได้อ่าน                                        โปรดสงสารคนนี้ที่ขาดพ่อ

                        อยากให้รู้ว่ามันเจ็บเกินจะรอ                                    ปวดใจหนอที่เฝ้ารอพ่อกลับคืน

                        จงทำดีเท่าที่จะทำได้                                                   อย่าได้ให้ท่านเอ่ยและร้องขอ

                        โปรดให้เถอะความรักอย่ารีรอ                  ให้เพียงพอกับพระคุณ
35  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โรงงานชำแหละงู คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 11:21:57 am







36  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นำข้อธรรม ดี ๆ มาฝากทุกคนคะ เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 11:08:15 am

คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการได้ยิน...แต่มักมีปัญหาการฟังให้เข้าใจ
คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียน...แต่มักมีปัญหาเรื่องการรู้ให้จริง
คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการเปล่งเสียง...แต่มักมีปัญหาเรื่องการพูดให้ เข้าหูคน


๐ ธรรมแท้ ๆ ! เป็นกลาง ๆ ..
ใคร ? ปล่อยวางได้..ก็.."สบาย"

๐ ธรรมแท้ ๆ ! ไม่มี..สู้!..ไม่มี..หนี!
เพียงแต่..ดู-รู้-ตรง "ปัจจุบัน" นี้
แล้วก็..ปล่อยไป..เท่านั้นเอง!

๐ น้ำไม่ไหล! ขังไว้..ย่อม..เน่า ฉันใด!
จิตที่..รู้เรื่องอะไร ? แล้วไม่ยอมปล่อย
ย่อม "ทุกข์" ฉันนั้น..


Fwd mail
37  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / นิพพานอยู่แล้ว เมื่อ: ตุลาคม 27, 2010, 07:49:14 pm
นิพพานอยู่แล้ว
:


    โดย... หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จังหวัดเลย

    ไม่ใช่การคอยติด การคอยหลุดอยู่แล้ว นั่นแหละ “ไม่อยู่แล้ว” มันก็ไม่ของมันเอง ไม่วุ่นวายไปเอง ไม่ยุ่งของมันไปเอง ไม่หลงจริง ไม่หลงเท็จไปเสียเอง ก็คือไม่อยู่แล้ว จะใช่ ไม่ใช่ ตัดทิ้งไปเลย ไม่ต้องไปค้นหา อะไร เป็นอะไร ก็ตัดทิ้งไปเลย ไม่ต้องไปถามหา มันก็ไม่เป็นเหตุ เป็นผลของมันอีก จบเลย ไม่ใช่เป็นการคอยติด คอยหลุดอะไร ไม่ใช่ จบเลย ไม่ต้องไปคอยปรับปรุง คอยเปลี่ยนแปลง ไปแก้ไขแบบไหน อย่างไร ไม่ต้อง เพราะฉะนั้นที่มีกายธาตุ จิตธาตุ มีแบบไม่ยึดติดอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งยึดติดอยู่แล้ว มันไม่ยึด มันไม่ติด อยู่แล้ว



    ธรรมชาติที่มันไม่ยึดอยู่แล้ว ก็สมดุลโดยธรรมชาติของมัน ไม่ไปมัวคอยหลง คอยต่อ คอยเสริม ไปเพิ่มอะไรให้มันยุ่งไปเสียเอง มันก็ไม่อยู่แล้วทั้งหมด มันไม่ใช่การยึดติดอยู่แล้ว ถึงจะมี ถึงจะเป็น มันก็เป็นแบบไม่ยึด ไม่ติดอยู่แล้ว อนิจจังอยู่แล้ว ไม่ใช่การยึดติดอยู่แล้ว มันไม่ใช่ที่ความสาละวนเข้าไปคอยเพิ่ม หรือไปคอยลด-คอยเพิ่ม มันเป็นความหลงสาละวน หรือว่าหลง หลงสาละวนไปเอง



    ไม่รู้ว่าตรงต่อไม่ตลอด ตรงต่อความเป็นจริงว่า “ไม่อยู่แล้ว” จริงๆ ไม่ต้องไปคอยติด ไม่ต้องไปคอยหลุด ซ้อนลงไปอีก ไม่ต้อง ไม่ต้องมัวไปผูก ไปแก้ ซ้อนลงไปอีก เข้าไปคอยผูก คอยแก้ ยิ่งเป็นเงื่อน เป็นปม เป็นแง่ เป็นมุม เป็นเหตุ เป็นผล ไปหน้าเรื่อยบานปลาย ไปหน้าเรื่อย เหมือนว่าไปคอยเริ่ม สร้างเหตุเป็นเสียเอง จริงๆ ไม่ๆ อยู่แล้ว ว่าง อยู่แล้ว “ไม่” อยู่แล้ว ไม่ใช่ตรงที่อะไรอยู่แล้ว ไม่อยู่แล้ว ว่างอยู่แล้ว ก็ปล่อยเลย ตัดทิ้งไปเลย ไม่ต้องไปคอยห่วง คอยติด คอยหลุดอะไร คอยติด คอยหลุดอย่างไร ไม่ต้องไปคอยห่วง ตัดทิ้งไปเลย ไม่ต้องห่วง มันก็ตรงต่อที่มันไม่ของมันอยู่แล้วจริงๆ



    “ไม่อยู่แล้ว” นิพพานอยู่แล้ว ไม่ยึดอยู่แล้ว ไม่ใช่การยึดติดอยู่แล้ว “ไม่อยู่แล้ว” นิพพานอยู่แล้ว ไม่ใช่อะไรอยู่แล้วไง นิพพานไม่ใช่อะไร ก็ไม่ใช่อะไรอยู่แล้ว ไม่ห่วง แม้กระทั่งปัญญา ไม่ห่วง แม้กระทั่งความเข้าใจ ไม่ห่วง แม้กระทั่งการรู้ ไม่ไปคอยผูก ไม่ไปคอยแก้ ไม่ไปคอยเพิ่ม ไม่ไปคอยลด ให้มันยุ่งไปเสียเอง นี้ไม่ห่วง ไม่เกี่ยวเข้าใจ ไม่เข้าใจ ตัดไปเลย คือไม่อยู่แล้วจริงๆ ว่างอยู่แล้วเอง ไม่ไปคอยเพิ่ม ไม่ไปคอยลดอะไร ไม่พยายามหลุดจากอะไร อะไรหลุดจากอะไร ทุกอย่างคือการไม่ยึดติดอยู่แล้ว จะเอาอะไรไปหลุดจากอะไร ยิ่งไปคอยยึดติด ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ติดก็ไม่ต้องติด หลุดก็ไม่ต้องหลุด ตรงที่สุด ตรงต่อความไม่ยึดติดที่สุด ตรงต่ออนิจจังอยู่แล้วที่สุด ตรงต่อไม่อยู่แล้ว ตรงต่อนิพพานอยู่แล้วที่สุด



    ทุกอย่างไม่ต้องไปคอยหลุดอีก “มันไม่ยึดอยู่แล้ว” มันไม่ต้องไปคอยหลุดอีกทุกอย่าง จะตรงต่อนิพพานอยู่แล้วที่สุด เราคอยไปหลุด ก็หลงขึ้นมาอีก หลงไปคอย หลงเป็นตัณหา หลงๆๆ หลงดิ้นรนไปเสียเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าไปทำอะไรมัน ไปทำจิตแบบไหนนี้ไม่เกี่ยวเลย เข้าไปทำมัน เหมือนกับเด็กเล่นอยู่นั้นแหละ เล่นจิต เล่นวิญญาณ เล่นความรู้สึกนึกคิด เล่นอารมณ์ เล่นพฤติกรรมอยู่ มันก็เล่น เป็นของเล่น มันไม่เป็นการยึดติดอยู่แล้ว แล้วจะไปทำอะไร เหตุไปทำมันแบบไหน ทำเพื่ออะไร ทำตัวทำใจแบบไหน ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อเป็นกรรมขึ้นมาอย่างนั้นหรือ



    ไอทำไปก็เป็นกรรมไป สร้างกรรมๆๆๆ ไอนี้ตัวใจไม่ต้องไปทำมันอีกแล้ว ใจตรงต่อความเป็นจริงเท่านั้น ไม่ใช่การยึดติดอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยึดติดอยู่แล้ว โดยสภาพมันเองทั้งหมด ห่วง ก็ไม่ห่วงเลยในการที่ไปทำมันแบบไหน ทั้งตัว และใจ ก็ไม่ต้องไปห่วงเลยไปทำมันอย่างไร คือไม่ ก็ไม่อยู่แล้ว คือไม่ต้อง ไม่ต้องไป ไม่ มันไม่อยู่แล้ว โดยความเป็นจริง มัน “ไม่อยู่แล้ว” ไม่ต้องไปคอยไม่ คือ ไม่อยู่แล้วนั่นเอง หรือว่า ว่างอยู่แล้ว นี่ๆ มัวไปคอยทำแบบนั้น แบบนี้อยู่ก็เป็นวิบากอย่างหนึ่ง การตรงต่อความเป็นจริงแล้ว ก็ยังหลงเข้าไปกระทำมันแบบนั้น แบบนี้อยู่ มันก็วิบากนั่นแหละ เป็นความลำบาก เป็นวิบาก โดยสั่งสมการตอกย้ำมา คอยจะ คอยจ้องคอยตั้ง คอยอย่างนั้น อย่างนี้มาเรื่อยๆ กลายเป็นผลวิบากกรรมมา



    หลอน คอยจะอยู่เรื่อย คอยต้องอยู่เรื่อย มันหลอน วิบากหลอน ตีกลับ ไปคอยจะ ไปคอยต้องกับมันมากๆ มันก็เลยตีกลับ เลยกลายมาเป็น วิบากหลอน คอยจะอย่างนั้นอยู่เรื่อย คอยต้องอย่างนั้น คอยตั้งอย่างนั้นอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่ตรง การตรงต่อความเป็นจริงแล้ว ยังหลงจะ หลงต้องอยู่ ไอ “ไม่อยู่แล้วจริงๆ” ก็ไม่จริงๆ ไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่การคอยติด ไม่ใช่การคอนหลุดอยู่แล้ว มันไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่อะไรอยู่แล้ว ไม่เป็นทั้งกิเลส ไม่เป็นทั้งธรรมะ ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่อยู่แล้ว นิพพานอยู่แล้ว ไม่มามัวมาเห็นมันๆ ไม่มามัวห่วงดูมัน เห็นมันอยู่ ไม่ห่วง



    “ไม่อยู่แล้วๆ” มันตัดหมด โมหะในการเห็น โมหะในการรู้ โมหะในการเข้าใจ อะไร มันตัดหมด ก็มันไม่อยู่แล้ว มันไม่คอยอะไรเข้าใจอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาคอย ใช่ ไม่ใช่ อะไรกับอะไรอยู่แล้ว ไม่ ไม่มีมาค้นหาความเป็นจริงที่ไหนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่อยู่แล้วไง “ไม่อยู่แล้ว” ว่างอยู่แล้ว มันไม่มาคอยค้นหาความเป็นจริง อะไรจริง อะไรไม่จริง ไม่ต้องมาคอยเอ๊ะ คอยอ๊ะ คอยสงสัย คอยลังเลกับอะไร ก็ไม่อยู่แล้วไง มันไม่ใช่ต้องแบบไหนอยู่แล้ว มันไม่ต้องอยู่แล้ว มันก็ไม่มีอะไรมาคอยทำความเข้าใจ อะไรจะมาคอยรู้ เข้าใจอะไรอยู่ ไม่ ตัดหมด “อวิชชา” “วิชชา” ตัดหมดทั้ง อวิชชา วิชชา



    ไม่มีวิชชา อวิชชา, มีวิชชา อวิชชา มันตัดหมด ไม่อะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่อะไรอยู่แล้ว อะไรแจ้งอะไรๆ อะไรเข้าใจในอะไร ไม่อยู่แล้วไม่มามัวคาวิชชาอยู่ ไม่มามัวคาความเข้าใจอยู่ นั่นแหละ ว่างอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องดำเนินตัวไหนอีก ไม่ต้องคอยทำจิตอย่างไรอีก ไม่ต้อง ไปทำรู้ ทำเห็น ทำเข้าใจมัน ไม่ต้อง ไม่อยู่แล้วไง



    จริงๆ ก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรอยู่แล้ว มันก็จบ ไม่มามัวห่วง อะไรเข้าใจอะไร ไม่อย่างนั้นไปติดปัญญา ติดวิชชา-ติดปัญญา นั่นแหละไม่เป็นการคอยหลีก คอยหลบอยู่แล้ว อะไรต้องคอยติดอะไร อะไรต้องคอยหลุดอะไร ไม่ ไม่อยู่แล้ว................สาธุ......................
38  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เวลาพ่อแม่ ทำบุญ เราได้บุญหรือป่าวคะ เมื่อ: ตุลาคม 27, 2010, 07:38:24 pm
ได้ยินว่า บุญ นี้สามารถ อุทิศส่งให้กันได้

ถ้าอย่างนั้น สมมุติ ถ้า พ่อ แม่ ของ หนู ทำบุญ แล้วอุทิศให้หนู ๆ ก็ตั้งได้รับส่วนบุญด้วยใช่ไหมคะ

ในทางกลับกัน พ่อ แม่ หนู ไม่ค่อยทำบุญ แต่ หนูชอบทำบุญ หนู อุทิศบุญนี้ให้พ่อแม่ ๆ ก็ไ้ด้รับบุญใช่ไหมคะ

ที่นี้ถ้า พ่อ แม่ เป็นผู้ทำสิ่งที่เรียกว่า บาป แล้วเราอุทิศส่วนบุญให้ พ่อแม่ยังจะได้รับ อีกหรือป่าวคะ

ทำไม บุญ จึงอุทิศให้กันได้ คะ


บาป นี้ อุทิศให้กันได้หรือป่าวคะ

 :25: :c017:
39  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / รณรงค์ อ่านกระทู้เก่า กันนะคะ วันนี้ เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 02:18:16 pm
เนื่องด้วยขณะนี้ เรา เห็นว่า กระทู้มีมาก เพื่อน ๆ สมาชิกใหม่ และ เก่า คาดว่ายังอ่านกระทู้กันยังไม่หมด

เลยบางท่าน บางคนก็เลยไม่ได้มองเห็น คุณค่าของพระกรรมฐาน วันนี้คุณ Nagnjang ได้เป็นคนแรกมาช่วย

รื้อกระทู้เก่า ให้อ่าน เรา ก็เลยได้ทราบว่า มีเรื่องที่พระอาจารย์แนะนำในช่วงแรก ๆ นั้นมีมากทีเดียว

ซึ่งมีกระทู้ที่ตอบโจทก์ ได้เลยไม่ต้องถาม


     
40  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เชิญไปชมภาพ ที่แม่ของเราไปฝึก สมาธิ ที่นี่คะ เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 04:05:43 pm


คลิ๊กไปตามลิงก์นี้เลยนะคะ
http://www.samathi.com/content/view.php?id=0252
หน้า: [1] 2