ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่ชอบนั่งกรรมฐาน แต่อยากพักผ่อนจิต แบบพระพุทธศาสนา คะ  (อ่าน 5254 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pussadee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 149
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โดยส่วนตัว ไม่ใช่คนชอบนั่งกรรมฐาน หรือ สมาธิ แต่ก็อยากได้หลักธรรม เพื่อขัดเกลาจิต
โดยไม่ต้องนั่งกรรมฐาน เป็นไปได้ไหมคะ ที่จะมีหลักธรรม ทำให้ใจสงบ โดยไม่ต้องทำสมาธิ

 :88:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อันที่จริง จิตสงบได้นั้น ก็เป็นสมาธิ ส่วนหนึ่ง แต่เอาเป็นอันว่าเข้าใจคำถาม นะ

ถ้าเราไม่ชอบนั่งกรรมฐาน แต่ต้องการดำเนินจิตแบบพระพุทธศาสนานั้น ก็ต้องวางอุบายลงไป

เป็นกรรมฐาน อันประกอบด้วยการงาน เช่น ทำงานบ้าน ก็ทำด้วยความรูสึกว่าเป็นหน้าที่ ทำให้ดีที่สุด

ที่จะได้ทำ ทำแล้วก็ขอให้ทุกคนมีความสุข ในสิ่งที่เราทำ แบบนี้เป็นต้น ก็พอได้

หรือ เปลี่ยนวิธี นั่งฟังธรรมะ ฟังบทธรรมะ ต่าง ๆ หรือ สวดมนต์ อันนี้ก็เป็นอุบายให้จิตสงบปราศจาก

สิ่งรบกวน คือ กิเลสได้ ทำใจให้ผ่องใสได้นั้น ก็ต้องตั้งความคิดดี เป็นหลัก คิดในกรอบของกุศลต่าง ๆ

อันนี้จิตย่อมผ่องใสได้ เพราะคุณธรรมนั้น ๆ นะจ๊ะ

เจริญพร

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nongmai

  • สมาชิก
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าไม่ชอบนั่งก็ไปเดินก่อนครับ

ถ้าไม่ชอบเดินก็ไปยืน

ุ้ถ้าไม่ชอบยืน ก็ไปนอน

ถึงไม่ชอบก็ กลับมานั่ง

แต่ ถ้านอนแล้ว ส่วนใหญ่ จะชอบกันทุกคน

พระอาจารย์ ท่านเมล์บอกว่า "เวลานอนยังมีอยู่มากในหลุมฝังศพ"

พูดเล่นไปมาก กลับมาเรื่องที่จะแนะนำครับ เป็นเรื่องของการเดินจงกรม พุทโธครับ สไตล์ หลวงปู่โตครับ


การเดินก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการฝึกสมาธิ ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย และได้เคลื่อนไหวเปลี่ยนอริยาบท ไปด้วยระหว่างการทำ สมาธิ การเดินจงกรม (เดินสมาธิ) จะเกิดผลดีถ้าฝึกควบคู่กับการนั่งสมาธิไปด้วย การเดินจงกรม สามารถเดินได้ทั้งรอบที่สั่นและยาว ตามแต่พื้นที่จะอำนวย แต่โดยปกติ การเดินสมาธิ นิยมใช้ สถานที่ยาวประมาณ 5 - 10 เมตร หรือประมาณ 25 ก้าว เนื่องจาก ระยะทางที่ไม่ยาวเกินไป และไม่สั้นเกินไปจนทำให้เวียนหัว การเดินสมาธินั้นไม่ต้องหลับตา ระหว่างเดินสมาธิมองพื้นที่ที่เราจะเดินไป แต่จะไม่มองไกลเกินไปเพราะจะทำให้จิตหลุดจากสมาธิได้ง่าย แต่ก็ไม่ก้มมากเกินไปจนปวดต้นคอ

จากนั้นก็เริ่มเดินสมาธิ โดยการก้าวขาขวาไป ก็นึกคำว่า "พุท" และเมื่อก้าวขาซ้ายไปก็นึก คำว่า "โธ" หรือจะเจริญสมาธิภาวนา เป็นคำอื่นก็ได้ แล้วแต่จะกำหนด และกำหนดจิตสมาธิจดจ่ออยู่กับ เท้าที่ก้าวเหยียบสัมผัสลงพื้น เมื่อเดินสมาธิมาถึงปลายทาง ให้หยุดและ แล้วก็หันกลับด้านขวา มาทางเดิม โดยความเร็วในการเดินสมาธิ ไม่ควร เร็ว หรือ ช้า เกินไป กำหนดจิตสมาธิ ให้อยู่ที่ก้าวเดินและคำภาวนา เกิดเป็นสมาธิ


การเดินสมาธิ ถ้าจะให้เกิดผล เราควรทำอย่างน้อย 30 นาที และจะดีมากขึ้นถ้า ฝึกการนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย
บันทึกการเข้า

nongmai

  • สมาชิก
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การฝึก นั่งสมาธิ เบื้องต้น

ก่อนอื่นเราควรหาสถานที่ที่เงียบ และ สงบ สำหรับการเริ่มฝึกสมาธิ เพราะการที่มีสิ่งแวดล้อมที่รบกวนการนั่งสมาธิ จะทำให้จิตใจของเรา หลุดจากสมาธิได้ง่ายกว่าในที่ที่เงียบสงบ นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมก็ควรที่จะมีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่มีกลิ่นรบกวน หรือ อับชื้น



ส่วนขั้นตอนการเริ่มฝึกสมาธิ หลายท่านคงเคยฝึกมาบ้างแล้ว หรือไม่อย่างน้อยที่สุดก็เคยได้ยินมาบ้าง
ว่า ให้เรากำหนดลมหลายใจเข้าออก มีจิตใจจดจ่ออยู่กับการเข้าออกของลมหายใจ ซึ่งแต่ละสำนักอาจจะมีการเจริญภาวนาที่ต่างๆกันออกไป เช่น พุทธโธ, ยุบหนอ พองหนอ เป็นต้น ที่จริงแล้วคือการที่ทำให้เรามีจิตใจจดจ่ออยู่กับตัวเรา มีสมาธิ มีสติ ไม่คิดฟุ่งซ่านไปที่อื่น การที่เรามีสมาธิอยู่ที่ตัวเรา เป็นการฝึกสมาธิที่ง่ายที่สุด เพราะถ้าเราจดจ่อจิตใจไปในเรื่องอื่นภายนอก จะทำให้เราฟุ้งซ่านได้ง่ายนั้นเอง แน่นอนว่าการนั่งสมาธิแรกๆ ความคิดนั้นอาจจะฟุ้นซ่านไปที่อื่นได้ ซึ่งเป็นปกติธรรมดา สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิใหม่ๆ เมื่อรู้ว่าฟุ้นซ่านก็ให้รวมรวมสมาธิกลับมาจดจ่ออยู่ที่ตัวเราอีกครั้ง

การ ฝึกนั่งสมาธิเบื้องต้น นั้นเราควรที่จะเริ่มนั่งสมาธิโดยใช้เวลาสั้นๆ ก่อน ประมาณ 10 - 15 นาที แล้วค่อยเพิ่มเป็น ครึ่งชั่วโมง และ 1 ชั่วโมง ตามลำดับ
บันทึกการเข้า

nongmai

  • สมาชิก
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ประโยชน์ของ สมาธิ

ประโยชน์ของสมาธิ ในด้านสุขภาพจิต
สมาธิ ช่วยทำให้ สุขภาพของใจดีขึ้น คือ ทำให้จิตใจเบิกบาน ผ่องใส บริสุทธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง สบาย เป็นสุข เสริมสร้างสติปัญญา และ ความจำ การฝึกสมาธิยังส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี รวมถึงการทำงานของสมอง สมาธิทำให้คิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง และและมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของสมาธิ ในด้านพัฒนาบุคลิกภาพ
สมาธิ ส่งเสริมทำให้ มีบุคลิกภาพที่ดี มีความ กระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง มีความองอาจสง่าผ่าเผย สมาธิยังมีผลทำให้ผิวพรรณผ่องใส เสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ สมาธิช่วยทำให้มีความ หนักแน่น เยือกเย็น และเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง มีมนุษย์สัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับกาลเทศะ เป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะไม่มักโกรธ ม มีความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป

ประโยชน์ของสมาธิ ด้านชีวิตประจำวัน
ใน การดำชีวิตประจำวัน สมาธิช่วยให้คลายความเครียด และเป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ รวมถึงการเรียน การศึกษา สมาธิยังช่วยเสริมสร้างให้มีสุขภาพแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจย่อมมีอิทธิพลต่อกัน ตามคำกล่าวที่ว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ด้วยการฝึกสมาธิ ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว

ประโยชน์ของ สมาธิ ด้านศีลธรรม และ จริยธรรม
สมาธิ ช่วยทำให้เป็นผู้มีประพฤติดี สามารถยับยั่งช่างใจ ให้พ้นจากความชั่ว และสร้างจิตใจดี ทำให้สามารถดำรงชีวิตในทางที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และ ใจ ทำให้เป็นผู้มีความพอเพียง มีความอดทนอด รักสงบ และมีขันติเป็นเลิศ สมาธิยังช่วยให้จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจริยธรรม และ เห็นแก่ความถูกต้อง

ประโยชน์ของ สมาธิ ด้านสุขภาพร่างกาย
สมาธิ ช่วยเสริมสุขภาพกายให้สมบูรณ์แข็งแรง และยังสามารถแก้ไขอาการของโรคต่างๆได้ โดยร่างกายและจิตใจมีความเชื่อมโยงและมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน เมื่อจิตใจมึความอ่อนแอ เศร้าหมองเสียใจ หรือเครียด ก็จะทำให้ร่างกายทรุดโทรม และเกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมาได้ ดังนั้น การมีจิตใจที่เข้มแข็งโดยการฝึกสมาธิ จึงทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้อย่างแน่นอน

บันทึกการเข้า