ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - ฟ้าใหม่แจ่มใส
หน้า: [1]
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขันธ์ 5 กับ รูปนาม ใช่ตัวเดียวกัน หรือ ไม่ คะ เมื่อ: กันยายน 20, 2015, 08:02:40 am
 ask1

ขันธ์ 5 กับ รูปนาม ใช่ตัวเดียวกัน หรือ ไม่ คะ

 :s_hi: thk56 :25: :25:
2  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / "ปฏิทิน มัชฌิมา 2558" เมื่อ: ธันวาคม 27, 2014, 11:26:52 pm
ที่เว็บไม่แจกปฏิทิน หรือ คะ 2558
 thk56 thk56 thk56
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไมช่วงนี้เว็บ ไม่มีการนำเสนอ เรื่องกรรมฐาน ในแนวทางกรรมฐาน มัชฌิมา คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2014, 08:15:40 am
 ask1

ทำไมช่วงนี้เว็บ ไม่มีการนำเสนอ เรื่องกรรมฐาน ในแนวทางกรรมฐาน มัชฌิมา คะ
 thk56
4  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไม คนมีปัญญา มาก สำเร็จธรรม ช้า คะ เมื่อ: สิงหาคม 18, 2014, 02:41:04 pm
 ask1

 ทำไม พระสารีบุตร มีปัญญามาก กว่า พระโมคคัลลานะ

 ทำไม สองท่านนี้ สำเร็จธรรม ช้ากว่า บริวารของท่าน บริวารของท่าน สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ใน 1 วัน แต่สองท่านนี้ กลับช้ากว่า 7 - 15 วัน เพราะเหตุไร คะ


  :c017:
5  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สัมปยุตธรรม สัปยุตธาตุ คืออะไร คะ เมื่อ: มีนาคม 30, 2014, 12:23:36 pm
 ask1

  สัมปยุตธรรม สัปยุตธาตุ คืออะไร คะ

 :58: :58: :58: thk56
6  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ เป็นวันคล้ายวันปรินิพพานของพระมหาโมคคัลลานะ เมื่อ: ธันวาคม 02, 2013, 02:26:50 pm
วันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ เป็นวันคล้ายวันปรินิพพานของพระมหาโมคคัลลานะ
อัครสาวกเบื้องซ้าย เอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งปวงในฝ่ายผู้มีฤทธิ์มาก ท่านเป็นสหายและ
คู่อัครสาวกอันเจริญกับพระสารีบุตร ท่านทั้งสองมีความคุ้นเคยกันมาก บำเพ็ญบารมีร่วมกัน
สิ้น ๑ อสงไขย กำไรแสนกัป มีความคุ้นเคยกับพระผู้มีพระภาคเจ้ามาก และมีอุปการะแก่
พระศาสนาเหลือประมาณ ควรที่พุทธบริษัทจะระลึกถึงคุณูปการและจริยาของท่าน

             จริงอยู่ ท่านพระสารีบุตรเป็นยอดของสาวกทั้งปวงเพราะเป็นผู้มีปัญญามาก
ถึงกระนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะก็เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งปวงในฝ่ายผู้มีฤทธิ์ คือ สมาธิ
สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสรรเสริญ และพระสารีบุตรกล่าวสรรเสริญไว้ว่า:-

             [๑๑๕๘] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโมคคัลลานะ ประสงค์จะ
ให้เธอทั้งหลายสังเวช จึงทำปราสาทของมิคารมารดาให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวด้วยนิ้วหัวแม่
เท้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? ภิกษุโมคคัลลานะมีฤทธิ์มาก
อย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญธรรมเหล่าไหน เพราะได้กระทำให้มากซึ่งธรรม
เหล่าไหน?
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=6750&Z=6795
7  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / รายการธรรม ฟังดี คะ แต่ ไม่รู้ว่าพระอาจารย์จะแสดงธรรม ช่วงไหน คะ เมื่อ: มิถุนายน 11, 2013, 10:31:36 am
 thk56 thk56 thk56


รายการธรรม ฟังดี คะ แต่ ไม่รู้ว่าพระอาจารย์จะแสดงธรรม ช่วงไหน คะ


ถ้ามีผังรายการให้ทราบ จะดี คะ

  st11 st12
8  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรื่องอยากพิสูจน์พระธาตุ เชิญครับ เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 05:01:54 pm



เรื่องอยากพิสูจน์พระธาตุ เชิญครับ
http://pantip.com/topic/30371409

ท่านใดเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย
เป็นไปไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ก็เชิญสอบถามคุณหมอได้นะครับ
เข้าใจว่าหมอที่รพ วิชัยยุทธน่าจะมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพในระดับนึง
น่าจะเพียงพอที่จะตอบคำถามใครก็ตามที่โทรไปถามกระมังครับ


หอพระธาตุ
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ จ.กรุงเทพฯ
สถานที่ตั้ง : 114/4 ถ.เศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
(ชั้น 20 อาคารวิชัยยุทธเหนือ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ)
ผู้ดูแลสถานที่ : นายแพทย์สมพนธ์ บุณยคุปต์
เบอร์โทรศัพท์ : 02-265-7777, 02-6186200-20
เวลาเปิดให้เข้าชม : 7.00-19.00 น.

อ้อ
ส่วนคุณหมอ สมพนธ์ บุณยคุปต์ ท่านเป็นระดับปรมาจารย์หมอน่ะครับ
แล้วก็เป็น
- กรรมการก่อตั้งราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
- อดีตนายกสมาคมโรคทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย
- อดีตนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย


น่าจะมีความรู้ด้านชีววิทยาและวิทยาศาสตร์พอที่จะตอบท่านได้กระมัง
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระบรมสารีริกธาตุ ที่บรมบรรพต ภูเขาทอง วัดสระเกศ เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 04:58:39 pm


พระบรมสารีริกธาตุ ที่บรมบรรพต ภูเขาทอง วัดสระเกศ
ที่ทางรัฐบาลอินเดีย ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย รัชกาลที่ 5 ของเรานั้น

เป็น “พระอัฐิและอังคาร” ที่นาย วิลเลียม แคลกตันซ์ เปปเป ชาวอังกฤษ ขุดพบในต้น ร.ศ. ๑๑๖
ใต้พื้นดินในบริเวณที่เรียกว่า ปิปราห์วะ โกต (Piparahawa Kot) แคว้นบัสติ (ในอดีตเป็นเขตกรุงกบิลพัสดุ์)
และมีการพิสูจน์จากรัฐบาลอินเดียและอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของอินเดีย
แล้วว่าเป็น “อัฐิของสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้า”

การรับมอบในสมัยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โต และน่าหนักใจมากทีเดียวครับ

เป็นเรื่องใหญ่ตรงที่ว่า รัฐบาลอินเดีย มอบให้ไทยเพราะ
เห็นว่ามี กษัตริย์แห่งกรุงสยามเท่านั้นในโลก ที่ทรงนับถือศาสนาพุทธ มีเพียงสยามประเทศที่คู่ควร

แต่กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็สงสัยว่าเป็นของจริง หรือ ของปลอมกันแน่
เราควรจะรับมอบจากรัฐบาลอินเดียหรือไม่ คือ ถ้าไม่ใช่ แล้วนำมาสักการะ
หากภายหลังถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม ก็จะเสื่อมเสียพระเกียรติว่าศรัทธาในของเท็จ
ถ้าจะรับ ก็ต้องพิสูจน์กันว่าเป็นของจริงให้แจ้ง (ดังในจดหมายเหตุของกรมพระยาดำรงฯแสดงไว้)

เอกสารประวัติสาสตร์ ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่า
ราชสำนักสยามนั้น พิจารณากันอย่างสุดละเอียดเลยครับ

ไม่เพียงพิจารณาหลักฐานเอกสารที่รัฐบาลอินเดียทำสำเนาส่งมา
(ซึ่งทางอินเดียและอังกฤษเองก็มีกระบวนการพิสูจน์ที่ละเอียดยิ่ง)

รัชกาลที่ 5 ยังโปรดเกล้าฯ ให้มีพระชินวรวงศ์ ภิกษุ (อดีตพระองค์เจ้าปฤษฎางค์)
ซึ่งจาริกแสวงบุญอยู่แถบประเทศศรีลังกาและอินเดียในขณะนั้น
เดินทางไปตรวจสอบหลักฐานถึงถิ่นที่ค้นพบ โดยเฉพาะจารึกโบราณ อันเป็นหลักฐานสำคัญ
ที่ระบุว่า พระอัฐิธาตุที่พบเป็นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แล้วก็นำหลักฐานทุกอย่าง ทั้งที่ได้รับจากรัฐบาลอินเดีย และจากพระชินวรวงษ์
เข้าสู่ที่ประชุมเสนาบดี ซึ่งหลายท่านเชี่ยวชาญทั้งทางพุทธประวัติ ภาษาอังกฤษ
ภาษาบาลี รวมไปถึงความสามารถในการวิเคราะห์อักษรพราหมี ซึ่งเป็นอักษรโบราณ
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช นำโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ถกเถียง แลกเปลี่ยนความเห็น
และตรวจสอบหลักฐานร่วมกันอย่างละเอียด

จนสรุปความทุกด้านแล้วว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุพระองค์จริง

แต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ยังคงคลางแคลงใจนะครับ
เพราะเห็นเป็นกระดูกมนุษย์ธรรมดานี่เอง
เราจะมาไหว้กระดูกแขกให้เสียท่ากันแล้วกระมัง

ท่านเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ จนกระทั่งคืนก่อนวันรอฤกษ์
เคลื่อนไปประดิษฐานที่บรมบรรพต พระเจดีย์กะไหล่ทองคำที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ก็เสมือนจะแสดงคำตอบให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้หายสงสัย
ในขณะที่ท่านเดินเข้าไปดูอีกครั้ง

ด้วยการเปล่งแสงสว่างจ้าไปทั่วห้องนั้น ให้ประจักษ์กับดวงตา

อนุโมทนาสาธุการ

................................................................

อะหัง วันทามิ ทูระโต / อะหัง วันทามิ ธาตุโย / อะหัง วันทามิ สัพพะโส
ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้านมัสการ พระบรมสารีริกธาตุ แห่งองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ประดิษฐานในที่ทุกสถาน ด้วยเศียรเกล้า แม้บาปทั้งปวง ที่เคยล่วงเกินด้วยใหลหลง ข้าพระองค์ขอขมาโทษ
ได้ทรงโปรดงดโทษนั้น ให้มีอันวินาศสิ้นสูญไป ด้วยเดชะกุศลผลบุญ ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้น้อมเกล้านมัสการ
พระบรมสารีริกธาตุในกาลครั้งนี้ แม้สรรพอันตรายทั้งปวง จงอย่างได้บังเกิดแก่ข้าพระพุทธเจ้าในกาลทุกเมื่อ เทอญ


Solo356
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / อยากทราบที่มา ว่า สิ่งก่อสร้างรอบอุโบสถ นี้ใช้ทำอะไร คะ เมื่อ: มีนาคม 06, 2013, 04:52:53 pm


ขอบคุณภาพจาก facebook หลวงพ่อพระครูคะ

   คือไปที่อุโบสถ วัดราชสิทธาราม แล้ว เห็นมีอยู่หลายหลัง รอบอุโบสถ ไม่ทราบว่าใช้ทำอะไรคะ ศิษย์พี่ ศิษย์ป้า ศิษย์ลุง สายกรรมฐาน มัชฌฺมา  ใครรู้บ้างคะมาช่วยเล่าให้ศิษย์น้อง ฟังกันด้วย นะจ๊ะ


 
11  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / วันนี้เริ่ม การสอบนักธรรมตรี ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ วันที่ ๒๔ - ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เมื่อ: ตุลาคม 25, 2012, 07:46:53 pm


วันนี้เริ่ม การสอบนักธรรมตรี ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕
วันที่ ๒๔ - ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
คณะสงฆ์อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี
ณ สนามสอบ วัดสามัคคีประชาราม (วัดยางราก)
ขออนุโมทนาบุญ เจ้าคณะพระสังฆาธิการและญาติโยมที่ถวายความอุปถัมภ์ในการสอบ

ภาพ : สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2443 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงพระอิสริยยศ 22 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2464 พระชนมายุ 62 พรรษา


ใครใคร่จะทำบุญกับพระสงฆ์ ที่อยู่จำพรรษา และ สอบนักธรรมก็เชิญที่สำนักสอบใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ นะคะ

 :s_hi: :25:
12  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://raksachit.com/ ชมรมรักษาจิต เมื่อ: เมษายน 20, 2012, 04:59:19 pm

http://raksachit.com/
ชมรมรักษาจิต




วัตถุประสงค์ชมรม

๑.  เพื่อสืบทอดรักษาพระพุทธศาสนา (ด้วยพิธีกรรมศาสนพิธีและการบำเพ็ญกุศล)
๒.  เพื่อรักษาคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓.  เพื่อปฏิบัติบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๔.  เสริมสร้างสังคมให้ดี ส่งเสริมจริยธรรมจากตนเองสู่ครอบครัว
๕.  ตามดูจิต รักษาจิต เพื่ออยู่เหนือดวงชะตาที่ไม่ดี
๖.  สร้างพลังงานจิตที่เป็นกุศลให้เข้มแข็ง เพื่อดำรงชีวิตในสังคมอย่างร่มเย็น
๗.  สร้างความเข้าใจอย่างแท้จริงในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

13  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมปฏิบัติธรรมโครงการน้อมนำธรรมสู่ชีวิต 26 -27 พ.ค.55 วัดถ้ำสองตา เขาใหญ่ เมื่อ: เมษายน 20, 2012, 04:52:44 pm
ขอเชิญนักศึกษา อาจารย์เจ้าหน้าที่ และบุคคลทั่วไปเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ในหัวข้อ"อยู่เย็น..เป็นสุข" โดย พระอาจารย์สุมโน ภิกขุ จาก สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำสองตา ในเขตพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 26-27 พฤษภาคม 2555 เวลา 10.00 -15.00 น. (คอร์สต่อเนื่อง 2 วัน) ณ ห้องประชุมรพีพรรณ คณะศิลปศาสตร์

(พระอาจารย์สุมโน ภิกขุ เป็นพระลูกศิษย์หลวงพ่อชา อดีตชาวเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา สละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสุขสบายในชีวิตฆราวาส เพื่อดำเนินชีวิตในวิถีทางที่สันโดษและเรียบง่าย ภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนามามากกว่า 30 พรรษาแล้ว) การแต่งกายสุภาพ ชุดที่สวมใส่สามารถนั่งสมาธิที่พื้นได้สะดวกสบาย

ติดต่อสำรองที่นั่งและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณชลกาญจน์ เจริญผล Email: chonlakan.c@psu.ac.th โทร 074-287518 โทรภายใน 7518

รับชมการถ่ายทอดสดได้ที่ http://psutv.psu.ac.th
ฟังธรรมะบรรยายใน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=36343
ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.dent.psu.ac.th/dhamma


http://www.psu.ac.th/en/node/4217



หลวงพ่อสุมโน แห่งถ้ำสองตา(ทางเข้าวัดวชิรา) ปากช่อง จ.นครราชสีมา

หลวงพ่อสุมโน เป้นพระฝรั่งที่มาบวชกับล.พ.ชา สุภัทโท ล.พ.ชา ยกย่องท่านว่า ในบรรดาพระฝรั่งไม่มีใครเกินท่านสุมโน และได้รับคำยกย่องจากล.พ.พุธในเรื่องการปฏิบัติว่า "พระแท้พระจริง" และมีครั้งหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านอยากรู้ว่าล.ป.ทา วัด้ถำซับมือได้คุณธรรมขั้นใด ไปถามตรงๆก็น่าเกียจ ท่านเลยไปถามล.ป.ทาว่า ท่านมีความสบายของจิตกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ล.ป.ทาตอบกลับมาว่า เราไม่มีทุกข์ไม่มีสุข แล้วท่านล่ะ(คำถามเดี่ยวกัน) ล.พ.สุมโน ตอบกลับไปว่า ผมมีความสบายของจิต 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว ระหว่างที่ท่านเล่าผมถามท่านว่า แล้วล.พ.สุมโน 100 เปอร์ฌซ้นต์หรือยัง ท่านบอกว่า ก็ตอนนึ้ไง ในส่วนเรื่องขอ้วัตรท่าน น่านับถือมาก ท่านอยู่ถ้ำสองตาเพียงองค์เดี่ยวและท่านประพฤติข้อวัตรการบิณฆบาตร การเดินจงกรมทุกวัน เห็นได้จากท่านไปงานของพระอาจารย์บัวพรรณ ท่านก็เดินจงกรมและออกเดินบิณตบาตรโปรดสัตว์ แม้ที่วัดจะเตรียมอาหารถวายท่านแล้วแต่ท่านก็ยังไม่ยอมออกปฏิบัติข้อวัตร ในส่วนเรื่องการภาวนา ท่านตอบคำถามได้ดีมากเลยคับ ส่วนในเรื่องวัตถุมงคล แม้ท่านจะไม่นิยมด้านนึ้แต่ก็เมตตาอฐิธานให้ทุกครั้งครับ ใครผ่านอย่าลืมไปกราบพระอรหันต์แห่งถ้ำสองตาน่ะครับ




14  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 3 เมย.2554 ที่ ยุวพุทธ บางแค เชิญร่วมงานเทศน์ "ทศชาติ" เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 06:15:05 am
วันที่ 3 เมษายน 2554 ที่ ยุวพุทธ บางแค เชิญร่วมงานเทศน์ "ทศชาติ"
วันเดียวจบ เริ่ม 07.00 - 18.00 น.

เชิญผู้สนใจร่วมฟังเทศน์ทศชาติ ฟรี
โดยสำรองล่วงหน้า โทร 02 4552525 ต่อ 0

หมายเหตุ *
** ยุวพุทธฯมีสถานที่จอดรถจำกัด กรุณาเดินทางด้วยรถสาธารณะ****



และขอฝากข่าวเชิญชวนทำบุญ      (10 ชาดก+2กถา รวมเป็น 12 ท่าน)
 
1. เจ้าภาพชาดกแต่ละชาดก ( ทำบุญชาดก ละ 30,000 บ. )
 - เจ้าภาพใหญ่จะได้เป็นผู้จุดเทียนส่องธรรม และถวายคัมภีร์แด่พระที่เทศน์

2. เจ้าภาพร่วม (เชิญร่วมทำบุญชาดกละ 15,000 บ.)
 - เจ้าภาพร่วมจะได้ถวายผ้าไตรแด่พระที่เทศน์ เมื่อท่านเทศน์จบ

3. เจ้าภาพถวายเครื่องไทยธรรม (ชาดกละ 10,000 บ.)
 - เจ้าภาพถวายเครื่องไทยธรรม จะได้ถวายเครื่องไทยธรรม เมื่อพระเทศน์จบ

4. เจ้าภาพพิมพ์สูจิบัตร (หนังสือรวมเรื่องราวย่อ ของแต่ละชาดก ครบถ้วนทั้ง 10 ชาดก)
 - ผู้ร่วมพิมพ์หนังสือ 500 บาทขึ้นไปจะได้รับการจัดพิมพ์รายชื่อในหนังสือสูจิบัตรด้วย
   รวมทั้งท่านที่เป็นเจ้าภาพในข้อ 1 - 3 ด้วย

5. หรือเชิญทำบุญตามแต่ศรัทธา

   ***** ทั้งนี้ โปรดส่งรายชื่อก่อน 15 มีนาคม 54 นี้ เพื่อการรวบรวม และจัดพิมพ์ *********

จากคุณ    : kaveebsc
15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การภาวนา ทำไมต้องภาวนา แล้วเราจะหยุดภาวนาเมื่อใดคะ เมื่อ: มีนาคม 30, 2011, 07:58:51 am
เวลาพบพระฟังธรรม มักจะชวนให้ภาวนาอยู่บ่อย ๆ

แต่ก็สงสัยอยู่ว่า ทำไมเราต้องภาวนาด้วยคะ

แล้วจะหยุดภาวนาเมื่อไรคะ

 :014: :035:
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นิทานธรรม เรื่อง เชื่อฉันสิ เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 07:43:22 am
เรื่องที่1 เชื่อฉันสิ !!!


อาจารย์ ที่อินเดียคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่ชาวพุทธนะ ท่านสอนให้ลูกศิษย์ เชื่อฟังอาจารย์ ให้ทำเฉพาะสิ่งที่อาจารย์สั่งให้ทำ เท่านั้น ถ้าอาจารย์ไม่สั่งละก็ อย่าทำเป็นอันขาด วันหนึ่ง อาจารย์พาลูกศิษย์สามสี่คน นั่งเกวียนไปทำธุระที่ต่างจังหวัด อาจารย์นั่งพิงเกวียนหลับไป ผ้าโพกศรีษะของอาจารย์ ตกลงไปบนถนน แต่ลูกศิยษก็ไม่กล้าเก็บ เพราะอาจารย์ไม่ได้สั่งไว้ เดินทางไปอีกหลายกิโลกว่าอาจารย์จะตื่น


อาจารย์  : เอ๊ะ ผ้าโพกอาจารย์หายไปไหน

ลูกศิษย์  : ตกลงไปบนถนนครับ

อาจารย์  : อ้าวแล้วทำไมไม่เก็บละ

ลูกศิษย์  : ก็ท่านอาจารย์ไม่ได้สั่งไว้นี่ครับ

อาจารย์  : ทำไมพวกเจ้าจึงโง่อย่างนี้นะ ต่อไปสิ่งใดตกลงไปบนถนน ละก็เจ้าต้องเก็บนะ จำไว้ให้ดี

ว่า แล้วอาจารย์ก็หลับต่อ ทีนี้วัวที่ลากเกวียน ถ่ายลงไปบนถนน ลูกศิษย์รีบจอดเกวียนเก็บขี้วัว เพราะอาจารย์สั่งไว้ว่า อะไรตกก็ต้องเก็บ

อาจารย์ :  อะไรตกอีกละนั่น

ลูกศิษย์  : ขี้วัวครับอาจารย์

อาจารย์ :  ปัดโธ่โว้ยเก็บมาทำไม ทำไมศิษย์เรามันถึงได้งี่เง่าขนาดนี้นะ

ว่าแล้วอาจารย์ ก็เขียนรายการว่า ต้องเก็บอะไรบ้างอย่างละเอียด มอบให้ลูกศิษย์ไว้

แล้ว จึงเดินทางต่อ พอดีเป็นช่วงที่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อมาก เกวียนกระเด็นกระดอน จนอาจารย์พลัดหล่นลงไปบนถนน ร้องให้ลูกศิษย์ช่วย ลูกศิษย์รีบตรวจดูในรายการที่อาจารย์เขียนไว้ ปรากฏว่าไม่มีในรายการของที่ต้องเก็บ

ลูกศิษย์พิจารณาว่า อ้อ อาจารย์คงกำลังทดสอบสติปัญญาตน ว่ามีสติเชื่อฟังอาจารย์หรืไม่ จึงไม่ยอมจอดเกวียน อาจารย์จึงต้องวิ่งตามไล่เกวียน เรี่อยไปจนทัน แล้วรีบ เติมชื่อตน ลงไปในรายการทันที..

ภาคพิจารณา

ลูก ศิษย์ ไม่ได้ใช้สติปัญญาของตัวเองเลยเพราะต้องทำตามที่ตัวเองสอนเท่านั้นท่าน อาจารย์สอนว่า การมีศรัทธายึดติดในตัวบุคคลไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ถ้าอาจารย์ต้องการสร้งความผูกพันให้กับลูกศิษย์ติดยึดในตัวอาจารย์ ทางพุทธเราถือว่าเป็นอาจารย์ที่ไม่ดี ไมใช่กัลยาณมิตรของลูกศิษย์


อาจารย์ ที่เป็นกัลยาณมิตรของศิษย์นั้น ต้องฝึกลูกศิษย์ให้ใช้สติปัญญาของตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง และเป็นที่พึ่งของตนเองได้เหมือนหมอ ที่ดีต้องให้คนไข้พ้นจากการเป็นคนไข้


พระ พุทธองค์ทรงสอนว่า การมีศรัทธาในตัวบุคคลมีโทษ ถ้าความเชื่อเราผูกพันกับพระ องค์ใดองค์หนึ่ง เมื่ออาจารย์เสียชีวิตไป จะรู้สึกเหมือนขาดที่พึ่ง ที่ร้ายไปกว่านั้นคือถ้าอาจารย์ สึกไปหรือมีเรื่องมีราวอะไรขึ้นมา ศรัทธาของเราจะเสื่อมทันที ท่านจึงให้เอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เอาพระองค์นั้นเป็นที่พึ่ง

ขอ ส่วนบุญจากการพิมพ์เผยแพร่ นิทานเทศน์ ของท่านชยสาโร ภิกขุ จงสำเร็จ แก่ท่านอาจารย์ ด้วยเจตนาเผยแพร่นี้มิได้ทำไปเพื่อหวังผลในทางการค้าใดๆ ตามเจตนารมณ์ของท่านอาจารย์ ที่มุ่งหวังที่จะทำโดยเป็นธรรมทาน แด่พุทธศาสนิกชนทั่วไป


ขอบคุณท่านอาจารย์มาณ.ที่นี้

วันนี้ขอจบเรื่องเพียงเท่านี้ ส่วนพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องอื่นๆต่อไป วันละเรื่อง นะครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับ

จากคุณ    : chohokun
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รักยิ่งใหญ่จากใจแม่ แบกลูกขึ้นหลังส่งเรียนถึงมหาวิทยาลัย เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 08:05:08 am

                                           


รักยิ่งใหญ่จากใจ แม่  แบกลูกขึ้นหลังส่งเรียนถึงมหาวิทยาลัย

เนื่อง จากการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิด ส่งผลให้หวงเสี่ยว์จวินต้องให้ซีสุ่ยอิงผู้เป็นแม่ แบกขึ้นหลังไปโรงเรียนมากว่า 13 ปี ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา จนกระทั่งจบมัธยมศึกษา และวันนี้ด้วยคะแนนสอบ 587 คะแนนในแผนวิทย์ ส่งผลได้เสี่ยว์จวิน ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิกเจ้อเจียง ให้เข้ารายงานตัวเป็นนักศึกษา แม่ของเขากล่าวอย่างภาคภูมิ ว่าจะแบกลูกชายคนนี้ไปเรียน จนกว่าจะจบมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
ซีสุ่ยอิงผู้เป็นแม่แบกลูกชายคน เดียวไปเรียนมานานกว่า 13 ปี ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล จนกระทั่งจบมัธยมศึกษา และวันนี้ผลของความพยายาม หวงเสี่ยว์จวิน ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิกเจ้อเจียง
 


 ใบตอบรับจากทางมหาวิทยาลัย ที่แลกมาด้วยความมุ่งมั่นกว่า 13 ปีของแม่ลูกคู่นี้

 คำถามหนึ่งที่หลายคนอยากจะถามซี สุ่ยอิง คือ แรงผลักดันดันใดกัน ที่ทำให้แม่คนหนึ่งยินยอมพร้อมใจ มาเป็นเท้าทั้งสองข้างของลูกชาย ซึ่งต้องเดินทางจากถนนเล็กๆ บนภูเขาซึ่งเฉอะแฉะไปด้วยโคลนตมจนกระทั่งขึ้นมาสู่ตึกใหญ่ในเมืองทีละชั้น ละชั้น เป็นอย่างนี้มากว่า 10 ปี
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่คาดว่าคำตอบของคำถามนี้ จะต้องเต็มไปด้วยความรักที่เปี่ยมล้นอย่างแน่นอน

ซี สุ่ยอิง ตรงหน้า คือหญิงชาวบ้านที่แต่งกายเรียบง่ายคนหนึ่ง เธอเป็นชาวเมืองฟู่หยัง ซึ่งคำตอบของคำถามข้างต้น ก็ออกมาจากปากของเธออย่างเรียบง่าย ทว่าหนักแน่นว่า“ฉัน ดูทีวียังไม่เข้าใจ อ่านหนังสือพิมพ์ยิ่งอ่านไม่ออก แต่ฉันไม่มีทางยอมให้ลูกชายพิการของฉันเป็นอย่างที่ฉันเป็น”

หลัง จากนั้น ซีสุ่ยอิง ได้เล่าถึงเส้นทางชีวิตอันยากลำบาก ที่ต้องฝ่าฟันของเธอกับลูกชายคนเดียวว่า “ตอนนั้น คนในหมู่บ้านพากันเตือนฉันว่า ลูกชายพิการถึงขนาดนี้แล้ว เอาไปทิ้งที่สถานีรถไฟให้คนอื่นมาเก็บไปเลี้ยง อาจจะดีกว่า”แน่นอน ว่าซีสุ่ยอิงไม่เห็นด้วย เธอยังคงก้มหน้าก้มตาแบกลูกชายขึ้นหลัง เพื่อไปเข้าเรียนอนุบาล ไปเข้าเรียนชั้นประถม... ต่อไป และต่อไป



 เสี่ยว์จวิน พยายามฝึกหัดเดินขึ้นลงบันไดด้วยตัวเอง

 ทั้งนี้ ซีสุ่ยอิง ไม่เคยลืมโรงเรียนมัธยมที่สองแห่งเมืองฟู่หยัง ที่ให้ความช่วยเหลือเธอและลูก ด้วยการให้ห้องพักฟรีแก่สองแม่ลูกหนึ่งห้อง นอกจากนั้นยังรับซีสุ่ยอิงเข้าเป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงเรียนอีกด้วย

กระนั้น ในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าของทุกๆ วันเรียน ซีสุ่ยอิงจะต้องแบกลูกชายจากห้องพักชั้น 3 ลงมาข้างล่าง และแบกขึ้นไปส่งยังชั้น 5 ของตึกเรียนอีกตึกหนึ่ง

“ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ยังไงฉันก็จะแบกเขาไปเรียนต่อไป” ซีสุ่ยอิง กล่าวอย่างแข็งขัน



 เมื่อเล่าถึงเส้นทางชีวิตอันแสน ลำบากของลูกชายคนนี้ ที่ต้องฝ่าฟัน ผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

 อย่างไรก็ตามความแข็งขันดังกล่าว ได้ลดทอนลงไป ตามจำนวนเงินในกระเป๋าของสองแม่ลูก ที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย

แต่ หลังจากการลงข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายเฉียนเจียง ส่งผลให้มีผู้อ่านใจบุญทะยอยยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ซีสุ่ยอิงกล่าวว่า“ต้องขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายเฉียนเจียงที่ช่วยเหลือ ทำให้ฉันสะสมค่าเทอมในปีแรกของลูกชายได้ครบแล้ว”


“ฉันจะแบกลูกชาย ไปจนกว่าเขาจะเรียนจบมหาวิทยาลัย” ซีสุ่ยอิง จบการสนทนาลงตรงคำกล่าวที่มุ่งมั่นนี้ ราวกับจะตอกย้ำกับตัวเองไปพร้อมกัน

 

Credit :     http://atcloud.com
  รักยิ่งใหญ่จากใจแม่ แบกลูกขึ้นหลังส่งเรียนถึงมหาวิทยาลัย
                                           
 
รักยิ่งใหญ่จากใจ แม่  แบกลูกขึ้นหลังส่งเรียนถึงมหาวิทยาลัย

เนื่อง จากการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิด ส่งผลให้หวงเสี่ยว์จวินต้องให้ซีสุ่ยอิงผู้เป็นแม่ แบกขึ้นหลังไปโรงเรียนมากว่า 13 ปี ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา จนกระทั่งจบมัธยมศึกษา และวันนี้ด้วยคะแนนสอบ 587 คะแนนในแผนวิทย์ ส่งผลได้เสี่ยว์จวิน ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิกเจ้อเจียง ให้เข้ารายงานตัวเป็นนักศึกษา แม่ของเขากล่าวอย่างภาคภูมิ ว่าจะแบกลูกชายคนนี้ไปเรียน จนกว่าจะจบมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
ซีสุ่ยอิงผู้เป็นแม่แบกลูกชายคน เดียวไปเรียนมานานกว่า 13 ปี ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล จนกระทั่งจบมัธยมศึกษา และวันนี้ผลของความพยายาม หวงเสี่ยว์จวิน ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิกเจ้อเจียง
 



 ใบตอบรับจากทางมหาวิทยาลัย ที่แลกมาด้วยความมุ่งมั่นกว่า 13 ปีของแม่ลูกคู่นี้

 คำถามหนึ่งที่หลายคนอยากจะถามซี สุ่ยอิง คือ แรงผลักดันดันใดกัน ที่ทำให้แม่คนหนึ่งยินยอมพร้อมใจ มาเป็นเท้าทั้งสองข้างของลูกชาย ซึ่งต้องเดินทางจากถนนเล็กๆ บนภูเขาซึ่งเฉอะแฉะไปด้วยโคลนตมจนกระทั่งขึ้นมาสู่ตึกใหญ่ในเมืองทีละชั้น ละชั้น เป็นอย่างนี้มากว่า 10 ปี
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่คาดว่าคำตอบของคำถามนี้ จะต้องเต็มไปด้วยความรักที่เปี่ยมล้นอย่างแน่นอน

ซี สุ่ยอิง ตรงหน้า คือหญิงชาวบ้านที่แต่งกายเรียบง่ายคนหนึ่ง เธอเป็นชาวเมืองฟู่หยัง ซึ่งคำตอบของคำถามข้างต้น ก็ออกมาจากปากของเธออย่างเรียบง่าย ทว่าหนักแน่นว่า“ฉัน ดูทีวียังไม่เข้าใจ อ่านหนังสือพิมพ์ยิ่งอ่านไม่ออก แต่ฉันไม่มีทางยอมให้ลูกชายพิการของฉันเป็นอย่างที่ฉันเป็น”

หลัง จากนั้น ซีสุ่ยอิง ได้เล่าถึงเส้นทางชีวิตอันยากลำบาก ที่ต้องฝ่าฟันของเธอกับลูกชายคนเดียวว่า “ตอนนั้น คนในหมู่บ้านพากันเตือนฉันว่า ลูกชายพิการถึงขนาดนี้แล้ว เอาไปทิ้งที่สถานีรถไฟให้คนอื่นมาเก็บไปเลี้ยง อาจจะดีกว่า”แน่นอน ว่าซีสุ่ยอิงไม่เห็นด้วย เธอยังคงก้มหน้าก้มตาแบกลูกชายขึ้นหลัง เพื่อไปเข้าเรียนอนุบาล ไปเข้าเรียนชั้นประถม... ต่อไป และต่อไป



 เสี่ยว์จวิน พยายามฝึกหัดเดินขึ้นลงบันไดด้วยตัวเอง

 ทั้งนี้ ซีสุ่ยอิง ไม่เคยลืมโรงเรียนมัธยมที่สองแห่งเมืองฟู่หยัง ที่ให้ความช่วยเหลือเธอและลูก ด้วยการให้ห้องพักฟรีแก่สองแม่ลูกหนึ่งห้อง นอกจากนั้นยังรับซีสุ่ยอิงเข้าเป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงเรียนอีกด้วย

กระนั้น ในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าของทุกๆ วันเรียน ซีสุ่ยอิงจะต้องแบกลูกชายจากห้องพักชั้น 3 ลงมาข้างล่าง และแบกขึ้นไปส่งยังชั้น 5 ของตึกเรียนอีกตึกหนึ่ง

“ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ยังไงฉันก็จะแบกเขาไปเรียนต่อไป” ซีสุ่ยอิง กล่าวอย่างแข็งขัน



 เมื่อเล่าถึงเส้นทางชีวิตอันแสน ลำบากของลูกชายคนนี้ ที่ต้องฝ่าฟัน ผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

 อย่างไรก็ตามความแข็งขันดังกล่าว ได้ลดทอนลงไป ตามจำนวนเงินในกระเป๋าของสองแม่ลูก ที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย

แต่ หลังจากการลงข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายเฉียนเจียง ส่งผลให้มีผู้อ่านใจบุญทะยอยยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ซีสุ่ยอิงกล่าวว่า“ต้องขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายเฉียนเจียงที่ช่วยเหลือ ทำให้ฉันสะสมค่าเทอมในปีแรกของลูกชายได้ครบแล้ว”

“ฉันจะแบกลูกชาย ไปจนกว่าเขาจะเรียนจบมหาวิทยาลัย” ซีสุ่ยอิง จบการสนทนาลงตรงคำกล่าวที่มุ่งมั่นนี้ ราวกับจะตอกย้ำกับตัวเองไปพร้อมกัน

 

Credit :     http://atcloud.com
 
18  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ฟ้าผ่าหนุ่มใหญ่ญาติกรอกเหล้าหัวใจเต้นคืนชีพ เมื่อ: มีนาคม 08, 2011, 07:12:47 am
ฟ้าผ่าหนุ่มใหญ่ญาติกรอกเหล้าหัวใจเต้นคืนชีพ

ฮือฮาหนุ่มเมืองขุนแผนดวงแข็งกางมุ้งเตรียมตัวเข้านอน เกิดพายุฝนคะนองลมกระโชกแรง แถมฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าใส่แบบเต็ม ๆ จนร่างกระเด็นข้ามเตียงหมดสติชีพจรหยุดเต้น ญาติเตรียมดอกไม้ธูปเทียนประกอบพิธีศพ แต่พอกรอกเหล้าใส่ปากและปั๊มหัวใจช่วยเหลือ กลับฟื้นคืนชีพราวปาฏิหาริย์ ตายแล้วฟื้นอย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางความดีใจของญาติมิตร ขณะที่แพทย์ระบุ มีโอกาสเป็นไปได้ที่ช็อก หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ แต่มีไม่บ่อยนัก
   
เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 24 ก.พ. พ.ต.ท.ไพบูลย์ อินสุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งจากนายยุทธนา กู้นาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง ว่า มีคนถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 263 หมู่ 16 ต.ห้วยขมิ้น จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ รอดมา ผกก.และมูลนิธิเสมอกัน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้นมุงสังกะสี ที่บริเวณบ้านมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ ส่วนภายในบ้านพบนายบุญเหลือ อินตา อายุ 38 ปี สภาพนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง โดยญาติใช้ผ้าห่มคลุมร่างไว้ และจากการตรวจสอบตามร่างกาย ไม่พบบาดแผลแต่อย่างใด
   
จากการสอบสวนนางประไพ อินตา น้องสาวนายบุญเหลือ ให้การว่า ตนและพี่ชายประกอบอาชีพรับจ้าง และพักอาศัยอยู่รวมกันในบ้านหลังนี้ โดยก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวเข้านอน เกิดมีฝนตกฟ้าคะนองลมกระโชกแรงอย่างหนัก และขณะที่พี่ชายกำลังยืนกางมุ้งอยู่ภายในบ้าน มีเสียงฟ้าผ่าลงมาจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนทำให้พี่ชายถูกแรงฟ้าผ่า กระเด็นข้ามเตียง นอนแน่นิ่งหมดสติ ชีพจรหยุดเต้น และคิดว่าพี่ชายเสียชีวิตแล้ว จึงใช้ผ้าคลุมไว้เตรียมพร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนใส่มือ พร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และนำพี่ชายส่ง รพ.ด่านช้าง ให้แพทย์ตรวจพิสูจน์หาสาเหตุที่แน่ชัด แต่ระหว่างที่นำสุราขาวกรอกใส่ปากพี่ชาย และพยายามช่วยปั๊มหัวใจ ปรากฏว่าพี่ชายกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางความดีใจของญาติ ๆ
   
ด้าน พ.ต.ท.ไพบูลย์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นญาตินายบุญเหลือคิดว่าถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต เนื่องจากหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจพิสูจน์ ส่วนสาเหตุที่ไม่เสียชีวิตเข้าใจว่า ถูกกระแสฟ้าผ่าไม่เต็มที่ แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ขณะเกิดเหตุอยู่กันหลายคนแต่นายบุญเหลือ กลับโดนฟ้าผ่าคนเดียว และก็ยอมรับว่าดวงแข็งมาก ที่ถูกฟ้าผ่าจนร่างกระเด็น แล้วไม่เสียชีวิต
   
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุ และได้พบนายบุญเหลือ หลังจากเข้าไปรักษาอาการที่ รพ.ด่าช้าง พบว่ายังอยู่ในอาการเซื่องซึมเหม่อลอย โดยนายบุญเหลือ ให้รายละเอียดว่า ก่อนเกิดเหตุ มีฝนตกฟ้าคะนองอย่างหนัก จึงกางมุ้งให้ลูก และทุกคนเข้านอน แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง และหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว จนญาติเข้าใจว่าตนเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ และถูกนำส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งรู้สึกตัว และมีอาการดีขึ้น โดยหมอบอกว่า จากการตรวจคลื่นหัวใจ ความดัน และเจาะเลือดไปตรวจพบว่าอาการปกติดี จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่หากยังมีอาการซึมเหม่อลอยให้รีบกลับไปหาหมอ แต่ขณะนี้ยังมีอาการปวดและมึนหัวเท่านั้น
   
ด้าน นพ.ละเอียด นาคใหม่ ผอ.รพ.ด่านช้าง กล่าวว่า จากการรายงานของแพทย์ ที่ให้การรักษาทราบว่านายบุญเหลือ น่าจะถูกกระแสฟ้าผ่าแบบไม่เต็มที่ ส่วนสาเหตุที่เกิดอาการหัวใจหยุดเต้นนั้น น่าจะเกิดอาการช็อก แล้วหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ ทำให้ญาติคิดว่าเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ในลักษณะนี้มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ไม่บ่อยนักที่จะโชคดีแบบนี้.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=123390
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ตอนนั่งกรรมฐาน เราจะปวดหัวมาก รู้สึกหัวใจเต้นแรงมาก เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 06:02:07 am
ปฏิบัติตามแนวยุบหนอ พองหนอคะ

ตอนนั่งกรรมฐาน เราจะปวดหัวมาก รู้สึกหัวใจเต้นแรงมาก
แล้วพอถึงเวลาที่กำหนด ก็รู้สึกเหนื่อยมากด้วย
ไม่ทราบว่าเป็นกันทุกคนรึเปล่าค่ะ  แฟนเราบอกว่า ยิ่งปวดหัวให้ยิ่งนั่ง เพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่อยากให้นั่ง จริงรึเปล่าค่ะ?
 :13:
20  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / หน่อโพธิ์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 06:32:02 am

หน่อโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เจริญไกลต้นเป็นลูกไม้ที่ล่นใกล้ต้นก็จริง แต่ใบโพธิ์และกิ่งก้านนั้นใหญ่มากปกคลุมบริเวณกว้าง ถึงเกิดขึ้นได้ถ้าไม่ย้ายก็อยู่ใกล้ต้นแม่ไม่ได้จะต้องตายในที่สุดในขณะ เดียวกันเมล็ดพันธ์แห่งโพธิ์ก็สามารถแพร่พันธุ์ไปได้ไกลมากเพราะมีนกกานำไป เมื่อได้ที่สิ่งแวดล้อมเหมาะก็สามารถเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคงเป็นร่มเงา ให้ที่นั้นสืบไป จะเห็นได้ว่าในก่อนที่เกิดการล้มสลายพุทธธรรมในอินเดียนั้นประมาณ 700 ปี หน่อพุทธะทั้ง 9 หน่อได้ขจรขจายออกไปทุกทิศทุกทาง โดยผสมผสานกลมกลืน กับสภาพแวดล้อมนั้นๆเพื่อช่วยให้โลกมีทางออกแห่งจิตใจ โดยสำเร็จประโยชน์ตนแล้วจึงสงเคราะห์ประโยชน์โลกด้วยอีกฝ่ายหนึ่ง ดำรงพระพุทธธรรมไว้ให้นานที่สุด

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aero1&month=13-05-2010&group=1&gblog=15
21  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไมคนทำเลว จึงได้ดีคะ คนทำดี จึงไม่ได้ดีตกต่ำ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 03:28:43 am
ที่บ้านมีคุณลุง ทำงานเป็นครูมาใกล้เกษียณแล้ว เป็นคนมีธรรมะมาก เพราะสอนวิชา จริยธรรม
คุณครูท่านนี้ เป็นบุคคลมุ่งทางธรรม ชีวิตเรียบง่าย สะดวก ชอบไปวัดนั่งกรรมฐาน วิปัสสนา
แต่คุณครูท่านนี้ มักจะโดนภรรยา ว่าอยู่เสมอว่าโง่ ที่อยู่กับธรรมะ ไม่แข่งขันเอาดีเหมือนเพื่อน ที่เป็น ผอ.โรงเรียน

ซึ่งฐานะ ของ ผอ. กับคุณครูจากที่หนูดูกันแล้ว ชาติกำเนิด ตระกูล ก็เสมอกัน เพียงต่างกันว่า
ผอ.เป็นคนชอบกินเหล้า สังสรรค์ และ มีหัวขี้โกง มาก ๆ คะ ( อันนี้ไม่แฉนะคะ )

แต่ที่หนูมองเห็นคือ คนทำดี ทำไมจึงยากไร ขนาดนั้น แถมไร้คนสรรเสริญ กับมองว่าเป็นคนโง่ซะอีก
ส่วนคนเลว ที่โกง และ มั่วอบายมุข ทำไมรวยเอา รวยเอา

ในเมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสสอนว่า คนทำดี ต้องได้ดี คนทำชั่ว ต้องได้ชั่ว แล้วทำไมผลถึงเป็นตรงกันข้าม

มีอยู่คราวหนึ่ง หนูไปแอบไปเที่ยวงานปีใหม่ กับบ้านมาสองทุ่ม ซึ่งไปกับน้องชาย แต่กลับเข้ามาไล่เลี่ยกัน

คุณพ่อถามหนูว่า ไปไหน มา หนูตอบความจริงไป หนูโดนลงโทษ ถูกตี

ส่วนน้องชายตอบโกหก ว่าไปติววิชากับเพื่อน กับได้รับการยกย่อง

ซึ่งการที่หนูพูดความจริง โดนลงโทษ ส่วนคนพูดโกหก กับได้ัรับการยกย่อง และ โดนคนโกหกสมน้ำหน้าอีก

นี่หรือคะ ที่กล่าาวว่า ทำดี แล้ว ได้ดี ทำชั่ว แล้ว ได้ชั่ว

 :smiley_confused1:
22  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การสังคายนา ในพระพุทธศาสนา มีมากี่ครั้งแล้วคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 03:20:57 am
การสังคายนา ในพระพุทธศาสนา มีมากี่ครั้งแล้วคะ

และการสังคายนา ในประเทศไทย มีกี่ครั้ง และมูลเหตุการสังคายนา มีอะไรเป็นมูลเหตุคะ

ความสมบูรณ์ของพระไตรปิฏก ในยุคนี้ กับ ยุคที่สังคายนา ครั้งที่ 1 นั้นอันไหน เชื่อถือได้คะ

วานผู้รู้ให้ความรู้ด้วยเถิด คะ

 :49: :c017:
23  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การเวียนเทียน มีประวัติมาในครั้งพุทธกาลอย่างไร คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 03:18:46 am
การเวียนเทียน มีประวัติมาในครั้งพุทธกาลอย่างไร คะ

คือเห็นชาวพุทธในประเทศไทย นั้นชอบเวียนเทียนในวันสำคัญ

และที่ไม่ใช่วันสำคัญเวียนเทียนได้หรือไม่

ในพระไตรปิฏก มีกล่าวอานิสงค์ วิธีปฏิบัติอย่างไร คะ

ทำไมเราจะต้องเวียนเทียน วันสำคัญเท่านั้น คะ

 :c017:
24  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / รับศีล แต่ไม่มั่นใจว่าจะรักษาได้.. เมื่อรับมาแล้ว รักษาไม่ได้ เป็นบาปมากหรือไม่. เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 09:41:43 pm
พอไปที่วัด ทำบุญ พระท่านก็จะให้สมาทานศีล แต่เรื่องศีล โดยเฉพาะเรื่อง มุสาวาท นั้นบางครั้งก็มีการพูดเล่น

กับเื่พื่อน ๆ กัน จึงไม่แน่ใจว่า เรารับศีลมา้เพื่อสร้างบุญให้จิต แต่ตอนที่เราผิดศีล ตอนนี้เป็นบาปมากหรือไม่คะ

ดังนั้นถ้าเราไม่มั่นใจ เราไม่รับศีลเลยจะดีกว่าหรือไม่คะ

 :c017:
หน้า: [1]