ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'ไทยแลนด์โอนลี่...' แกะรอย 'คนเห็นผี' เมืองไทย.?  (อ่าน 1939 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


'ไทยแลนด์โอนลี่...' แกะรอย 'คนเห็นผี' เมืองไทย.?

คุณว่าประเทศนี้มีคนเห็นผีมากไหม...คำถามต่อมา แล้วคุณเชื่อว่าคนเหล่านี้เห็นได้จริงไหม อย่าเพิ่งตอบ เพราะกาลเวลาจะพิสูจน์ว่าใครของแท้หรือของเทียม...? เนื่องในเทศกาลวันฮาโลวีน ไทยรัฐออนไลน์รวมคนเห็นผี มาดูซิว่าพวกเขาเป็นใครกันบ้าง...!



แม่ชีทศพร-เปิดกรรม ไถ่กรรมยุคแรก…!

โด่งดังและเป็นยุคแรกๆ ที่คนไทยได้รู้จักกับคำว่า ไถ่กรรม สแกนกรรม กับแม่ชีทศพร แห่งวัดพิชัยญาติ ในยุคหนึ่งโด่งดังขนาดคนที่จะเข้าไปไถ่กรรมต้องรอคิวเนิ่นนาน (การไถ่กรรมนั้นแม่ชีจะให้มาถือศีลนุ่งขาวห่มขาวในศาลาวัดพิชัยญาติ แล้วก็เลือกเปิดกรรมและไถ่กรรมผ่านไมโครโฟน) แต่ที่สุดแล้วก็เกิดเรื่องราวคลิปการไถ่กรรมแบบไม่เหมาะสมหลุดออกมาสู่สาธารณะ ชื่อของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับประวัติความเป็นมา แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม หรือที่ใครๆ เรียกว่าแม่ชีใหญ่ ชื่อเดิมว่านางมาลินี ชัยปกรณ์ มีบุตรทั้งหมด 5 คน ทางด้านการเงินถือว่ามีฐานะพอควร ส่วนสาเหตุของการบวชนั้นเกิดจากเบื่อหน่ายชีวิตทางโลกเพราะมีความวุ่นวาย โดยเฉพาะปัญหาทางครอบครัว จนต้องเลิกกับสามี และหันหน้าเข้ามาทำบุญสวดมนต์ไว้พระ จนมีโอกาสได้รู้จักกับหลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโต แล้วก็ได้บวชชีพราหมณ์

ภายหลังได้เข้าสมาธิที่วัดเขาอิติสุคโต เพียงวันแรก ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อปรีชาให้แม่ชีทศพรและแม่ชีอีก 5 ท่าน ขึ้นไปบำเพ็ญภาวนาบนเขา ระหว่างแม่ชีทศพรสามารถเข้าสมาธิต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ชั่วโมง จิตรวมลงเป็นหนึ่งเกือบได้จตุตถฌาน จากนั้นบังเกิดภาพนิมิตขึ้นมาเป็นฉากๆ

แม้ว่ากรณีนี้จะเป็นสัจธรรมของโลกมนุษย์ที่ว่ามีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็ต้องบันทึกเอาไว้ด้วยว่าในยุคหนึ่งเธอเคยโด่งดังในนามคนเห็นผียุคบุกเบิก



ตุ้ย เอกซเรย์-ดวงตามัจจุราช...!

ดังเป็นพลุแตกเมื่อหลายปีก่อน กับการเปิดตัวในรายการทีวีชื่อดัง และก็ดังต่อเนื่องมาเป็นระยะหนึ่ง จนกระทั่งมามีเรื่องราวฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ทำให้ชื่อเขาหายไปจากหน้าสื่อโดยปริยาย

สำหรับประวัติความเป็นมา ตุ้ย หรือนายจักรินทร์ โกศัยดิลก เขาเล่าในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยว่า หลังจากได้ลูกผู้หญิงถึง 2 คน สมใจนึก ลูกคนที่ 3 ของคุณแม่ สุมาเรศ โกศัยดิลก แม่ของตุ้ย เอกซเรย์อยากจะได้บุตรชายไว้เชยชมกับเขาบ้าง ฉะนั้นเวลาไปกราบไหว้พระ หรือทำบุญที่วัดไหนก็มักจะอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานลูกผู้ชายเสมอๆ

เมื่อคุณแม่ตั้งท้องได้ 3 เดือน คืนหนึ่งก็ฝันว่า ได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางป่าเปลี่ยวแต่เพียงลำพัง เบื้องหน้า อันไกลโพ้น คือขุนเขาทะมึนน่าเกรงขาม ข้างในรู้สึกคล้ายกับมีถ้ำอยู่ ทันใดนั้นได้ปรากฏร่าง ผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผมยาวสีดอกเลา อยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาวทั้งชุด ในมือถือไม้เท้ายอดคดงอ ไม่ต่างจากแผ่นหลัง จากนั้นท่านผู้เฒ่าได้เดินตรงมายังคุณแม่ช้าๆ หยุดยืนตรงหน้าแล้วยกไม้เท้าชี้ตรงมาที่ท้อง พร้อมกับกล่าวว่า “ลูกในท้องของเจ้าเป็นผู้ชาย ถ้าเขาเกิดมาจงดูแลเขาให้ดี เมื่อเติบโตภายภาคหน้า เขาจะไม่เหมือนใคร” กล่าวจบผู้เฒ่าท่านนั้นก็ถือไม้เท้าเดินหันหลังกลับช้าๆ ห่างออกไป เพียงไม่กี่ก้าว ร่างก็หายวับไปต่อตา

เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ทุกๆ อย่างคุณแม่บอกว่าเหมือนกับเป็นเรื่องจริง จากนั้นจึงได้พนมมือยกขึ้นเหนือศีรษะ ขอบพระคุณชายชราในความฝัน ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ตั้งครรภ์บุตรคนที่ 3 ไม่เคยแพ้ท้องเลย นอกจากนี้สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ดีอีก วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2499 ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กรุงเทพฯ ก็เป็นวันกำเนิดลูกชายสมใจโดยตั้งชื่อเล่นให้ว่า “ตุ้ย”

เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ว่ามีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็ต้องบันทึกเอาไว้ด้วยว่าในยุคหนึ่งเขาก็โด่งดังเช่นกัน



ริว จิตสัมผัส-กวนอูสัมผัส...!

ถือว่าเป็นรุ่นพี่ในการเข้ามาเป็นพิธีกรรายการคนอวดผีที่โด่งดังด้วยรูปร่างหน้าตาดี สะโอดสะอง และความพิเศษเหนือธรรมชาติที่เขาบอกว่ามาจากกวนอู 

สำหรับประวัติความเป็นมา ริว หรือปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์ หนุ่มนราธิวาส เคยให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/life/284927) ถึงจุดเริ่มต้นความพิเศษว่ามีมาตั้งแต่เกิด มารู้ครั้งแรก ป.3 ‘กวนอู’ มาเข้าฝันและบอกมีภารกิจร่วมกัน ป.6 จู่ๆ ก็เห็นเนื้อสัตว์ในจานเป็นก้อนเลือด จึงหันเลิกกินเนื้อสัตว์ 1 เดือน หลังจากทำร่างกายให้บริสุทธิ์ กวนอูก็เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น โดยเข้าฝันบอกเราจะต้องใช้เวลา 3 เดือนในการพบกัน เดือนแรกกวนอูพาไปนรกที่ชดใช้กรรม เดือนที่ 2 พาไปดูกรรมที่มนุษย์ควรรู้ กรรมที่ไม่เท่าเทียมกัน และเดือน 3 พาไปดูความเชื่อบนสรวงสวรรค์

กระทั่งพ่อบุญธรรมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ท่านกวนอูก็บอกว่าเอาลายเซ็นดู ก็เห็นภาพชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ต่อมาก็เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้เรื่อยๆ โดยชนิดที่ไม่ได้เรียน หรือศึกษาทางด้านนี้แต่อย่างใด

จุดพลิกผันในชีวิตก็คือหลังจากไปออกรายการตีสิบ กระทั่งมาดังเป็นพลุแตกกับรายการคนอวดผี และแน่นอนว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายว่ามีความพิเศษในการเห็นผีได้หรือไม่ หรือเป็นการเตี๊ยมกันกับรายการหรือเปล่า ซึ่งริวก็ยืนยันตรงๆ กับไทยรัฐออนไลน์ว่า เขารู้เรื่องราวล่วงหน้าได้เฉพาะมีกวนอูมาบอกเท่านั้น ส่วนข้อหาที่หลายคนสงสัยนั้น ริวย้ำชัดเจนว่า ถ้าเตี๊ยมขอให้ตายโหงเลย



เจน ญาณทิพย์-ดิฉันสัมผัสได้...!


เป็นรุ่นน้องริว จิตสัมผัส ในการแจ้งเกิด กับเจนจิรา เรียบร้อยเจริญ หรือที่ใครๆ รู้จักและเรียกว่าเจน ญาณทิพย์ อีกหนึ่งคนเห็นผีที่เรียกได้ว่าดังที่สุดใน พ.ศ.นี้...!

สำหรับประวัติความเป็นมา เจนเคยให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์ว่า (http://www.thairath.co.th/content/life/251889) เห็นผีมาตั้งแต่เด็กๆ เธอเป็นคนฝั่งธนฯ ตั้งแต่เกิด เด็กๆ ไม่กล้าแสดงออกชอบนั่งสมาธิ และทำบุญ เรียนจบ ม.สยาม สาขาการโรงแรม อยากเป็นมัคคุเทศก์ แต่ดันเริ่มต้นทำงานที่ร้านขายมือถือ เป็นเซลส์ขายบ้าน เป็นพนักงานบัญชี และลาออกอีกครั้งเพราะทนเสียงผู้ชายที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ในหัวว่า “ถึงเวลาแล้วนะ เธอต้องช่วยคนอื่น”

เป็นเสียงครูบาอาจารย์ แม้จะฝืนในช่วงหนึ่ง คืนหนึ่งมีคนมาเข้าฝันบอกสูตรก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ซึ่งขายดีมาก เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีก “เราให้งานที่มีอิสระแล้ว ถึงเวลาแล้วท่านจะต้องช่วยคนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ”

จึงตัดสินใจดูกรรมให้กับเพื่อนแม่ที่ตลาดเป็นคนแรก กระแสความดังของเธอกระจายแบบปากต่อปาก โดยเฉพาะการใช้ญาณทิพย์ตามหาน้องหยก ตอนเจนอายุเพียง 16 ปี ความมหัศจรรย์มาเข้าหูเจ้าของเว็บฯ ลี้ลับนำมาเผยแพร่ กระทั่งไปเตะตารายการทีวีมากมาย

รายการทีวีที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตก็คือ “รายการคนอวดผี” ส่งให้เธอกลายเป็นนักสแกนกรรมดาวรุ่งที่น่าจับตา แต่ทว่าก็โดนกระแสลบกับคนอีกกลุ่มว่าเป็นของจริงหรือของปลอม…!



หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม-ผมเห็นผีคนแรก

เป็นหมอดูที่เรียกได้ว่าในยุคหนึ่งมาแรงแซงทางโค้งเลยก็ว่าได้ กับหมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม

หมอดูมากความสามารถที่ระยะหลังมาเอาดีทางด้านสื่อสารกับวิญญาณได้ (แม้หมอกฤษณ์จะการันตีกับไทยรัฐออนไลน์ว่าเป็นนักเห็นผีคนแรกๆ ในวงการ) โดยรายการแรกที่ทำให้คนรู้จักเขาว่าสามารถเห็นวิญญาณได้ก็คือรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เทปไปลุยผับพิสูจน์ผีในซานติก้า

สำหรับประวัติความเป็นมา กฤษณ์ ชื่อจริงว่า นายศุกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ เรียนจบคณะรัฐศาสตร์ จากวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ปัจจุบันอายุ 26 ปี หมอกฤษณ์เล่าว่า สนใจเรื่องการดูหมอดูมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากครอบครัวที่ญาติผู้ใหญ่ที่ไปดูหมอดูที่นั่นที่นี่แล้วมาเล่า จนอายุ 8 ปี มีโอกาสได้ไปบวชเณรที่วัดแห่งหนึ่ง และได้ศึกษาเรื่องราวของการพยากรณ์เรื่อยมา ทั้งไพ่ยิปซี การผูกดวง และวิชาที่มีผู้เรียนน้อยมาก เป็นตำนานโหราศาสตร์ยุคโบราณ ซึ่งพระหลวงพี่องค์หนึ่งได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ของเขามา และเห็นเราสนใจจึงถ่ายทอดวิชาให้ เรียกว่าตำราบริเฉทเจ็ดดารา งานด้านดูหมอที่ทำให้หมอกฤษณ์แจ้งเกิดก็คือการเป็นหมอดูให้กับรายการบันเทิงของทีวีพูล แต่ก็มาเสียรูปมวยเกี่ยวกับการโดนดาราสาวที่เขาทำนายว่าท้องฟ้องร้องจนที่สุดแล้วต้องออกมาขอโทษ เรื่องเลยจบไป

ทางด้านการใช้ความพิเศษในการมองเห็นวิญญาณ กฤษณ์ คอนเฟิร์ม ก็เริ่มหันมาเอาดีด้วยการเปิดตัวกับรายการทีวีชื่อดังอย่างเรื่องจริงผ่านจอในการสืบหาคนร้าย ไทยรัฐออนไลน์ก็เคยใช้บริการเขาเหมือนกัน (http://www.thairath.co.th/content/life/264018) กับการพาไปพิสูจน์เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามีวิญญาณกุมารทองอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ส่วนเรื่องราวการพิสูจน์ที่เขาเล่าจะจริงหรือไม่จริง คนดูเป็นผู้ตัดสินเอง.



หมอปลา–มือปราบกรรม สัมภเวสี ผี วิญญาณ

แจ้งเกิดได้ในฐานะคนเห็นผีอีกคนหนึ่งกับรายการทีวีชื่อดังเรื่องจริงผ่านจอ กับหมอปลาที่ออกไปตามแกะคดีสำคัญๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีผลงานพ็อกเกตบุ๊กชื่อ “หมอปลา มือปราบกรรม สัมภเวสี ผี วิญญาณ”

สำหรับประวัติความเป็นมา นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลานั้น เป็นคนธรรมดาๆ ที่จบวิศวกรรมอุตสาหกรรม แต่ชีวิตต้องพลิกผันมาเป็นผู้ที่ช่วยเหลือคนโดยมีจิตสัมผัสพิเศษเหนือบุคคลธรรมดา และที่สำคัญ การช่วยเหลือของหมอปลาไม่เคยคิดหวังผลตอบแทนใดๆ จากผู้ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ

วิธีการช่วยชาวบ้านของหมอปลานั้น เขาจะใช้เพียงแค่มือสัมผัสร่างกาย ดูจากรูปถ่าย เลขโทรศัพท์ และบ้านเลขที่ ก็สามารถรับรู้ได้ว่ามีวิญญาณหรือไม่ ถ้ามีวิญญาณหมอปลาจะมีอาการแสดงออกมาอย่างชัดเจน คือ มีอาการหาว น้ำตาไหล น้ำมูกออก และรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดทรมานจากวิญญาณ ที่พยายามสื่อออกมาผ่านตัวเขา หากใครมีอาการป่วยโดยไม่มีสาเหตุ รักษาโรงพยาบาลแล้วยังไม่หาย อยากดูที่ทางทำมาหากิน ดูบ้าน ห้างร้านต่างๆ จนไปถึงสิ่งของต้องห้ามที่มีอาถรรพณ์



แม้จะยังไม่มีใครไปท้าพิสูจน์ความจริงว่าเขาคือของจริงหรือไม่อย่างไร แต่ก็ถือว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรง

และทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของคนเห็นผี นอกจากเป็นเรื่องแปลกที่ต้องหาทางพิสูจน์กันแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สะท้อนได้ถึงความอ่อนแอของจิตใจคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/302187
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: 'ไทยแลนด์โอนลี่...' แกะรอย 'คนเห็นผี' เมืองไทย.?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2015, 08:16:03 am »
0
สุดยอด สุดยอด สุดยอด
 แต่เราไม่อยากเห็น นะ ไม่ว่า จะมีจริง หรือ ไม่ มีจริง ก็ไม่อยากเห็น นะ

 :49: thk56
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: 'ไทยแลนด์โอนลี่...' แกะรอย 'คนเห็นผี' เมืองไทย.?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2015, 09:38:25 am »
0
เรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่ถูกปรามลงไป ตอนนี้ จะมีเยอะกว่านี้ นะครับ บรรดาพวกพลังพิเศษ ทั้งเก๊ และ แท้ มันก็ดูยาก อยู่เหมือนกัน
 
   มันต้องดูกันนาน ๆ ครับ ถึงจะรู้ว่า เป็นอย่างไร เห็นอย่างไร ?
 
   :coffee2: thk56
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ