ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮา'เมรุสีชมพู'วัดดังกรุงเก่าหวาน สมภารชี้ ลดเศร้า เลิกกลัว  (อ่าน 2808 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิด_หน่อย

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 90
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


วัด ดังเมืองกรุงเก่าทำฮือฮาสร้างเมรุสีชมพูหวานแหวว ตัวเมรุทาด้วยสีชมพูทั้งหลัง ตั้งตระหง่านติดริมถนน เจ้าอาวาสเผยที่มาตั้งใจลดความหวาดกลัวของชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายามค่ำคืน เมื่อก่อนตัวเมรุเป็นสีขาวคาดดำ ตอนกลางคืนคนเดินผ่านหวาดผวาไปตามๆ กัน เลยตัดสินใจทำสีใหม่ ทาสีชมพูทั้งหลังด้วยงบฯ 3 แสนบาท อีกทั้งยังเป็นการเตือนสติและลดความเศร้าโศกให้กับญาติที่มาร่วมงานศพ สีเมรุจะช่วยลดความเศร้าลงได้ ถือเป็นความสุขสุดท้ายของผู้เสียชีวิต ส่วนที่วัดโพธิ์ลอย จ.เพชรบุรี ชาวบ้านร้องทางวัดเอาสาวโคโยตี้นุ่งน้อยห่มน้อยมาเต้นวาบหวามในงานบุญ จี้สำนักพุทธตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดท่าตอ ม.3 ต.มหาราช จ.พระนครศรี อยุธยา หลังมีเสียงร่ำลือจากชาวบ้านว่าที่วัดแห่งนี้สร้างเมรุเผาศพเป็นสีชมพู สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าเมรุดังกล่าวทาสีชมพูทั้งหลัง ตัวเมรุตั้งติดถนนสายมหาราช-ท่าตอสายใน ประดับประดาด้วยลวดลายกระหนกสีทองสวยงาม มีขนาดความยาว 20 เมตร กว้าง 8 เมตร มีบันไดขึ้น-ลง 3 ด้าน

พระใบฎีกาชัชวาลย์ ธมฺมทีโป อายุ 38 ปี เจ้าอาวาสวัดท่าตอ กล่าวว่า การทาสีเมรุเป็นสีชมพูมีข้อคิดเตือนสติ 3 ประการ 1.ลดความโศกเศร้าให้กับญาติโยมที่ไปร่วมงาน 2.จุดที่ตั้งของเมรุเผาศพอยู่ติดกับถนน กลางค่ำกลางคืนจะมีหนุ่มสาวออกไปทำ งาน ต้องเดินสัญจรผ่านเมรุทำให้เกิดความกลัว ทางวัดจึงต้องการจะลดความน่ากลัวลง และ 3.เป็นความสุขครั้งสุดท้ายของผู้ที่เสียชีวิต คือ ความตาย เมื่อตายแล้วจะต้องมีความสุข

พระชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า เดิมเมรุหลังนี้ทาด้วยสีขาวตัดขอบด้วยสีดำ เวลาคนผ่านไปผ่านมาในช่วงกลางคืนจะเกิดความกลัว จึงคิดว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะช่วยผ่อนคลายความกลัวของญาติโยมได้ ทางวัดจึงตัดสินใจทาสีชมพูเพราะเมรุคือสิ่งสุดท้ายที่คนเราเมื่อตายแล้วจะ ต้องไปใช้ ในการบูรณะทาสีใช้เวลา 1 เดือนเศษ ค่าทาสีปรับปรุงเมรุประมาณ 3 แสนบาท หลังจากที่ได้ทำสีแล้วมีศพมาเผาที่เมรุแห่งนี้ถึง 8 ศพ ญาติโยมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเมื่อมาเห็นเมรุสีชมพูแล้วทำให้คลายความ โศกเศร้าไปได้พอสมควร และยังบอกต่ออีกว่าสวยดีสดชื่น

ด้านนายประสงค์ เทียมหลา อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ท่าตอ อ.มหาราช กล่าวว่า เห็นเมรุสีชมพูแล้วรู้สึกแปลกและสวยดี ลดความน่ากลัวในยามค่ำคืนที่คนเดินผ่านไปมา ประกอบกับชาวบ้านบอกว่าไม่ผิดอะไร นับเป็นเรื่องแปลกและดีอีกด้วย เมื่อคนมาเผาศพต่างคลายความโศกเศร้า เชื่อว่าในจ.พระนครศรีอยุธยาที่มีวัดมากกว่า 500 วัด ยังไม่มีวัดไหนมีเมรุสีชมพู แต่เวลาเผาศพจริงจะมีการตกแต่งผูกผ้าสีขาว-ดำเป็นหลักตามปกติ

สำหรับวัดท่าตอมีเนื้อที่ 29 ไร่ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2300 ติดกับคลองบางแก้ว ซึ่งมีตอไม้อยู่มากในน้ำ ส่วนมากจะเป็นตอไม้ตะเคียน ชาวบ้านที่สัญจรกันทางเรือ ผ่านไปบริเวณนี้มักจะติดตอ จึงเรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดท่าตอ มีปูชนียวัตถุที่สำคัญคือรูปหล่อหลวงพ่อสังวาลย์มงคลเป็นพระพุทธรูปทรง เครื่องปางมารวิชัย นามเดิมว่าหลวงพ่อลอย หรือหลวงพ่อศาลาดิน เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนไปกราบไหว้บนบาน หากบรรลุผลก็จะมาแก้บนด้วยการถวายกลองยาว นอกจากนี้ ยังมีหลวงพ่อสี่ทิศและพระปรางค์เก่าสมัยอยุธยาตอนปลายประดิษฐานอยู่ที่วิหาร อีกด้วย

ส่วนกรณีชาวบ้านร้องเรียนว่า วัดโพธิ์ลอย ต.หนองกะปุ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี นำวงดนตรีมาจัดแสดงสร้างความบันเทิงในช่วงกลางวัน ก่อนจัดพิธีถวายสลากภัตแบบหาบ โดยนำสาวโคโยตี้และหางเครื่องนุ่งน้อยห่มน้อยมาเต้นยั่วยวนทำท่าอนาจารภายใน วัดซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สร้างความหดหู่ใจกับพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเวทีการแสดงตั้งอยู่ระหว่างอุโบสถและศาลาบำเพ็ญกุศล เยื้องกุฏิคณะสงฆ์ประมาณ 50 เมตร มีเด็กๆ มุงดูจำนวนมากนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายสมนึก ดีหะสิงห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง หลังได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรีได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า วัดโพธิ์ลอยจัดการละเล่นและแสดงดนตรีตอนกลางวัน มีหางเครื่อง 4-5 คน แต่งกายนุ่งน้อยห่มน้อย คล้ายโคโยตี้ออกมาเต้นยั่วยวนหน้าเวที แต่เต้นเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ คณะกรรมการวัดที่จัดงานอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าไม่มีความผิด แต่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ด้วยเป็นประเพณีชาวบ้านและงานบุญ ซึ่งตนจะได้ประสานขอข้อมูลทั้งหมดจาก ผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อตรวจสอบต่อไป หากพบว่ามีมูลจะต้องนำเสนอเรื่องไปที่พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ โดยอาจลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสให้คอยควบคุมดูแลความเป็นไปของ วัดให้มากขึ้น

ด้านพระครูสังฆรักษ์ยวง ยสปาโล เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ลอย กล่าวว่า ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง เนื่องจากเป็นช่วงที่ประกอบพิธีสลากภัตหาบ แต่ถ้าตรวจสอบพบว่าคณะกรรมการวัดคนใดปล่อยให้จัดแสดงในลักษณะนี้ภายในวัดจะ ต้องตักเตือนไม่ให้จัดงานแบบนี้อีก เนื่องจากคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรีโดยเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีได้กำชับสั่งห้าม จัดแสดงสาวโคโยตี้และหางเครื่องนุ่งน้อยห่มน้อยเช่นนี้เข้ามาภายในวัดอย่าง เด็ดขาด ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

สำหรับวัดโพธิ์ลอยเป็นวัดเก่าแก่ และเป็นวัดแห่งเดียวในต.หนองกะปุ ที่จัดประเพณีสลากภัตหาบ อันเป็นเอกลักษณ์ที่คงไว้ซึ่งความสวยงามและสืบทอดกันมานาน


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREUwTURnMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB4TkE9PQ==
บันทึกการเข้า
พุทโธ อะระหัง พุทโธ จะท่องให้ขึ้นใจ

doremon

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 171
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ท่านคงต้องการแฝคติธรรม ไว้ที่เมรุ นะครับ

 คิดดูแค่สีชมพู ดูหวานแหวว

 ปกติ คนตาย ก็จะนำใส่ โลงทองกัน อันนี้ก็วิจิตรตระการตา ก็เพื่อให้คนได้ไมรู้สึกกลัวไม่ใช่หรือครับ

อีกทั้งประดับประดาดอกไม้ เข้าไปอีก

 
บันทึกการเข้า