ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อะไรเป็นเหตุปัจจัย ใหเกิดภัยพิบัติ คะ  (อ่าน 2149 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิด_หน่อย

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 90
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อะไรเป็นเหตุปัจจัย ใหเกิดภัยพิบัติ คะ

 คือ บางครั้งเราแก้กันตรงจุดหรือไม่คะ

   เช่น ไปนั่งสวดภาวนากัน จุดธูปบวงสรวง แล้วจะแก้ภัยพิบัติ ได้หรือคะ

  ที่ถามอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันแสดงความเห็นว่า อะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ และจะได้แก้กันได้ตรงจุด ดีกว่าหรือไม่คะ

   :49:
บันทึกการเข้า
พุทโธ อะระหัง พุทโธ จะท่องให้ขึ้นใจ

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตือนเตรียมรับมืออุทกภัยปี 55 “ดร.อานนท์” ชี้เหลือเวลา 6 เดือน
  “ดร.อานนท์” แนะ 5 วิธีรับมือ “อุทกภัย” ปี 55 ด้วยเครื่องมือบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่แล้ว ชี้ มีเวลาเตรียมตัว 6 เดือนในช่วงน้ำยังไม่หลาก แต่ต้องลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้
       
        ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) และเลขานุการคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรง กล่าวว่า จริงๆ ในปี 2555 ไม่ค่อยน่ากังวล หากไม่มีพายุก็ไม่น่ามีปัญหา ฝนปีนี้น่าจะน้อย แต่ถ้าน้ำมาเท่าเดิมก็เชื่อว่าจะมีการบริหารจัดการที่ดีกว่าเดิม ซึ่งหากมาติดๆ กันนั้นดีเพราะบทเรียนยังสดๆ การฟื้นฟูบริหารจัดการคงดีขึ้น แต่ถ้าเว้นช่วงแล้วเราก็จะลืม
       
       ดร.อานนท์กล่าวอีกว่า สำหรับ แนวทางในการรับมือกับอุทกภัยในปี 2555 นี้ เรามีเครื่องมือบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว 5 อย่าง คือ ประตูระบายน้ำ คันกั้นน้ำ คูคลองต่างๆ สถานีสูบน้ำ และพื้นที่แก้มลิง ซึ่งต้องรักษาให้ดีและดูแลซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติภายใน 6 เดือน เพราะเข้าหน้าฝนแล้วจะทำให้การซ่อมบำรุงทำได้ลำบาก ทั้งนี้เป็นกังวลว่าหากไม่เริ่มฟื้นฟูเครื่องมือบริหารจัดการน้ำต่างๆ ที่อยู่นั้นเกรงว่าจะไม่ทันต่อการรับมืออุทกภัย
       
       “เราต้องมาทบทวนบทเรียนในปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อถึงวิกฤตจริงๆ ประเด็นสำคัญ คือ การตัดสินใจและข้อมูล อีก 6 เดือนน้ำอย่างแน่นอน ปรากฏการณ์ลานีญาอ่อนๆ จะทำให้ต้นฤดูฝนมีน้ำเยอะ แต่ช่วงปลายถึงกลางปี 2555 น้ำน่าจะน้อยกว่าช่วงเดียวกันในปี 2554 มันเป็นเรื่องของมรสุม แต่ผมยังไม่เชื่อว่าเป็นลานิญญาเสียทีเดียว เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลเฉลี่ยตอนนี้อยู่ประมาณ -0.9 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเป็นลานิญญาได้อุณหภูมิต้องต่ำกว่า -1 องศาเซลเซียส แต่ตอนนี้ก็พยากรณ์ลานิญญาได้ยากกว่าเมื่อก่อน โดยปกติลานิญญาจะหมดในช่วง มี.ค.-เม.ย.แต่ก็อาจจะยาวถึงเดือน ก.ค.-ส.ค.” ดร.อานนท์กล่าว
       
       ดร.อานนท์กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าในช่วงปี 2543 ไม่มีพายุเลย จากนั้นก็เป็นช่วงขาขึ้นที่มีพายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเฉลี่ยสูงสุดในช่วงปี 2555-2558 ซึ่งจะมีพายุเข้ามาเฉลี่ยปีละ 3 ลูก ดังนั้น ในปี 2555 จะอยู่ในช่วงที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเฉลี่ยสูงตามวงรอบ 30 ปี
       ดร.อานนท์ กล่าวต่อว่า สำหรับอุทกภัยในปีที่ผ่านมา 60-70% เป็นผลพวงจากปัญหาที่สะสมมายาวนาน ทั้งปัญหาเรื่องการใช้ที่ดิน การสร้างถนน นโยบายผังเมือง นโยบายการเกษตร อย่างเช่น การส่งเสริมให้ต้องผลิตข้าวเยอะๆ ทำให้ต้องกักเก็บน้ำไว้มาก เป็นต้น แต่ในมุมมองส่วนตัวเขาไม่คิดว่าน้ำท่วมในปี 54 นั้นเป็นภัยพิบัติ เพราะไม่ได้สร้างความรุนแรงต่อชีวิต แต่เป็นภัยพิบัติเชิงเศรษฐกิจมากกว่า ส่วนปัญหาน้ำท่วมขัง หรือน้ำเน่าเป็นปัญหาในเรื่องสุขอนามัย แต่การเสียชีวิตจากไฟดูดหรืออื่นๆ เป็นผลกระทบทางอ้อม
บันทึกการเข้า

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
2012 หากโลกาวินาศ ไทยทั้งชาติจะรับมืออย่างไร?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 11:19:13 am »
0
2012 หากโลกาวินาศ ไทยทั้งชาติจะรับมืออย่างไร?
โดย... สุกัญญา แสงงาม
       
        จากคำพยากรณ์ของชาวมายา ว่า ปี 2012 จะเป็นวันสิ้นโลก จนปรากฏภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “2012 วันสิ้นโลก” ปลุกคนทั่วโลกให้หวาดกลัว ขณะเดียวกัน ภัยพิบัติดินฟ้าถล่ม ดินทลาย พายุถาโถมจนหวั่นเกรงว่า โลกกำลังจะแตกดับ จริงๆ ประจวบกับประเทศไทย เกิดมหาอุทกภัย แถมมีโหรหลายสำนักออกมาทำนายในทิศทางเดียวกันว่า ไทยจะเกิดภัยพิบัติรุนแรงเพิ่มขึ้น

   
        พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี พระ นักเทศน์ชื่อดัง และผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวในการเสวนาธรรมเรื่อง “2012 หากโลกาวินาศ ไทยทั้งชาติจะรับมืออย่างไร” ว่า ภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะโลกร้อนขึ้น ส่งผลให้สภาวะอากาศแปรปรวน เกิดแผ่นดินไหว น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ปีนี้บางประเทศเกิดแผนดินไหว สึนามิ ไทยเกิดน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ถ้าปี 2012 ไทยเกิดน้ำท่วมอีก เรา “เอาอยู่” แต่ต้องปราศจาก 3 เรื่อง 1.คอร์รัปชั่น 2.ความขัดแย้งทางการเมือง 3.การแตกความสามัคคีของคนในชาติ
       
       “ขณะนี้สิ่งที่สังคมไทยต้องการที่สุดไม่ใช่งบประมาณมหาศาล แต่สังคมไทยต้องการที่สุด คือคนที่รู้จริง และกล้าพูดความจริง เข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น” ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าว
       
       ท่าน ว.วชิรเมธี ให้แง่คิดกับพุทธศาสนิกชนในการเลือกรับข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบัน ควรเลือกรับอย่างมีสติซึ่งปัญหาหนึ่งของคนไทยในยุคนี้ เป็นยุคตื่นตระหนกขาดการไตร่ตรอง ขาดการหาความรู้ เลือกรับสารตามความเชื่อ อย่างดูหนัง “2012 วันสิ้นโลก”เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง พร้อมกันนี้การส่งข่าวสารผ่านเฟซบุ๊ก พออ่านปุ๊บก็ส่งต่อๆ กัน สร้างความกลัวให้คนหมู่มาก เพราะฉะนั้น ก่อนจะส่งสารต่อไปนั้น ควรศึกษาให้ท่องแท้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น โลกเราองค์การใหญ่ อย่างนาซ่าที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยคงจะรับรู้ล่วงหน้าและเตรียมการรับมือ ไม่ให้เกิดภัยร้ายอย่างแน่นอน

   
        ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซา พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ในทางวิทยาศาสตร์ โลกเราไม่ได้แตกดับกันง่ายๆ ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ขณะนี้โลกเรามีอายุขัยครึ่งหนึ่งแล้วจะอยู่ได้อีก 4,500 ล้านปี ถึงจะดับ เนื่องจากดวงอาทิตย์จะขยายตัวใหญ่ขึ้นอีก 60 เท่า และมีความร้อนมากขึ้นเกิดจากปฏิกิริยาระบบไฮโดรเจนรวมตัวกัน กลายเป็นฮีเลียม และฮีเลียมก็สะสมกันมากขึ้น พอรวมตัวกันมากขึ้นก็จะกลายเป็นระเบิดฮีเลียมทำให้โลกร้อนมาก และจะโดนเผาผลาญหมด อย่างไรก็ตาม ปีหน้าโลกยังไม่ดับสูญ แต่ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะภัยธรรมชาติของโลกจะเพิ่มขึ้น รุนแรงขึ้น
       
       ปี 2555 การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ดวงอาทิตย์จะเกิดปฏิกิริยา ทำให้มีการระเบิดบนดวงอาทิตย์ และทุกครั้งที่เกิดการระเบิดก็จะทำให้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบนโลก เพราะตอนนี้โลกมีการปรับสมดุล เปลือกโลกมีการเคลื่อนไหวที่เร็วขึ้นทำให้เกิดรอยเลื่อน ในแถบภาคเหนือของไทย จนเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ประมาณ 5 ริกเตอร์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่เกิดได้
       
       ด้าน โหราจารย์กรหริศ บัวสรวง โหราจารย์ชื่อดังของไทย ลั่นวาจาอย่างชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ปี 2555 โลกจะถึงกาลอวสาน แต่ทั่วโลกจะเกิดภัยพิบัติมหาโหดแน่นอน เพราะฉะนั้นทุกคนจะต้องมีสติ เตรียมตัวรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดจากน้ำ หรือแผ่นดินไหว เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค.เป็นต้นไป
       
       ก่อนหน้านี้ องค์การนาซาเคยสำรวจลักษณะภูมิประเทศในประเทศไทย พบว่า มีสถานที่ที่ปลอดภัยอยู่ 2 แห่ง คือ จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ ส่วนเชียงใหม่ ก็ปลอดภัย แต่บางอำเภอเท่านั้น ไม่ใช่จะให้ขายบ้านไปซื้อที่ดิน 2 จังหวัดนี้นะ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยจะต้องเตรียมรับมือ โดยศึกษาจากน้ำท่วมครั้งนี้ว่า เส้นทางน้ำเดินไปทิศทางไหน ครั้นมีน้ำมาก็ให้หาทางระบายน้ำลงสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด
       
       โหราจารย์กรหริศกล่าวว่า ปฏิทินชนเผ่ามายันตามคำทำนายนั้น ไม่เคยทำนายว่า ปีใดจะเป็นปีที่สิ้นสุด ที่ผ่านมา มนุษย์ตีความกันเอง มองว่าเรื่องที่เผ่ามายันกล่าวไว้นั้น เราควรฟังเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติในการดำเนินชีวิต แค่ทุกคนปฏิบัติตัวยู่ในศีล 5 สามารถใช้ชีวิตอยู่รอดตามหลักพุทธศาสนาแล้ว
       
        รู้อย่างนี้แล้ว ขอให้ทุกคนมีสติ เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ขอเพียงคนในชาติสามัคคีกันร่วมแก้ไขปัญหาเพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ก็จะสามารถผ่านพ้นภัยพิบัติทั้งปวงไปได้
บันทึกการเข้า