ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: น้องฝากถาม ตัวเองก็อยากรู้ การช่วยตัวเอง ทั้งหญิง หรือ ชาย ผิดศีล หรือ ไม่คะ  (อ่าน 8159 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

what-is-it

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

น้องฝากถาม ตัวเองก็อยากรู้ การช่วยตัวเอง ทั้งหญิง หรือ ชาย ผิดศีล หรือ ไม่คะ

  คือ สมมุติว่าเราไปรับศีล เพื่อรักษา เช่น ศีล 8 เป็นต้น ปรากฏว่า เรามีอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้นในระหว่าง ที่รักษาศีล และ ได้ทำการช่วยตัวเอง อย่างนี้ผิดศีลหรือไม่ คะ

  พระภิกษุสามเณร ที่ไม่ได้ภาวนา ปฏิบัติกัน ที่ศึกษา เล่าเรียน ช่วยตัวเองกันเป็นประจำใช่หรือไม่ คะ เคยได้ยินจากน้องชายที่ไปเรียนกับสามเณร อย่างนี้ ผิดศีลหรือไม่ คะ

 ขออภัย ที่ถามคำถามนี้ แต่ด้วยความอยากรู้ วินิจฉัย ของ สายปฏิบัติ คะ ว่า เห็นเรื่องนี้ ว่าอย่างไร

  thk56
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
กรณีเยื่องนี้ห้ามเป็นเด็ดขาดสำหรับพระภิกษุสงฆ์ทั้งปริยัติ,ปฏิบัติ ครับ! รุนแรงถึงขั้นปรับอาบัติแก่ภิกษุทันทีที่ละเมิด เป็นผิดวินัยร้ายแรงขั้นกลางปรับอาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ 1 ภิกษุต้องเข้าแล้วเป็นผิดแก่ตนต้องอยู่กรรมปลงที่สงฆ์กล่าวคือสงฆ์เท่านั้นที่ระงับความผิดนี้ (ยุ่งยากนะครับ สังเกตได้ว่าบางวัดมีกิจกรรมปริวาสนั่นแหละพระมาอยู่กรรมชำระความผิดหละ)

หากกรณีคฤหัสถ์ถือศีล 8 มีกล่าวไว้ในข้อที่ 3 อะพรัหมะจะริยา คือ กล่าวสมาทานเว้นจากการกระทำอันไม่ใช่พรหมจรรย์ นี้ ถือว่าผิด เพราะเนื่องด้วยใคร่ในความปรารถนาอภิรมย์ ศีลมีเพียงแค่หมองไปเท่านั้น (แม้ในกรณีสามเณรก็นับได้ว่าใช่ด้วยไม่ร้ายแรงถึงขั้นเอากันตายขาดสะบั้นแต่อย่างไร)

ในส่วนของคฤหัสถ์ถือศีล 5 นั้นไม่ผิดอะไรมากนัก แม้จะมีภาวนาบ้างก็ตามแต่ เนื่องด้วยอารมณ์มิได้เนื่องสู่กรรมพรากกระทำจริงในอิตถีอื่น กายส่วนกาย ใจมิได้ล่วงกระทำยังอยู่ในกรอบสุจริตชน ครับ!
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

what-is-it

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กรณีเยื่องนี้ห้ามเป็นเด็ดขาดสำหรับพระภิกษุสงฆ์ทั้งปริยัติ,ปฏิบัติ ครับ! รุนแรงถึงขั้นปรับอาบัติแก่ภิกษุทันทีที่ละเมิด เป็นผิดวินัยร้ายแรงขั้นกลางปรับอาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ 1 ภิกษุต้องเข้าแล้วเป็นผิดแก่ตนต้องอยู่กรรมปลงที่สงฆ์กล่าวคือสงฆ์เท่านั้นที่ระงับความผิดนี้ (ยุ่งยากนะครับ สังเกตได้ว่าบางวัดมีกิจกรรมปริวาสนั่นแหละพระมาอยู่กรรมชำระความผิดหละ)

หากกรณีคฤหัสถ์ถือศีล 8 มีกล่าวไว้ในข้อที่ 3 อะพรัหมะจะริยา คือ กล่าวสมาทานเว้นจากการกระทำอันไม่ใช่พรหมจรรย์ นี้ ถือว่าผิด เพราะเนื่องด้วยใคร่ในความปรารถนาอภิรมย์ ศีลมีเพียงแค่หมองไปเท่านั้น (แม้ในกรณีสามเณรก็นับได้ว่าใช่ด้วยไม่ร้ายแรงถึงขั้นเอากันตายขาดสะบั้นแต่อย่างไร)

ในส่วนของคฤหัสถ์ถือศีล 5 นั้นไม่ผิดอะไรมากนัก แม้จะมีภาวนาบ้างก็ตามแต่ เนื่องด้วยอารมณ์มิได้เนื่องสู่กรรมพรากกระทำจริงในอิตถีอื่น กายส่วนกาย ใจมิได้ล่วงกระทำยังอยู่ในกรอบสุจริตชน ครับ!



 1. หมายความว่า ถ้าเป็น พระ ก็คือ ปรับอาบัติสังฆาทิเสส ต้องอยู่กรรม มีสงฆ์คอยยินยอมให้อาบัติตกไป ใช่หรือไม่คะ

2.สำหรับ คนถือศีล 8 และ สามเณร ไม่มีความผิด แต่ก็ไม่สมควรกระทำ

 3.ส่วนคนถือศีล 5 ไม่มีความผิดเลย

อย่างนี้ใช่หรือไม่คะ

 :58:
บันทึกการเข้า

Tumdee

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอทำความเข้าใจ ก่อนนะครับ

  การช่วยเหลือตัวเอง คือ การบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง ใช่หรือไม่ ?

  ถ้าใช่

  1.เป็น พระ เณร ไม่ควร ๆ
  2.ผู้ถือศีล 8 ยิ่งไม่ดี
  3.สำหรับ ศีล 5 ไม่ผิดๆ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณธวัชชัยกล่าวมาถูกแล้ว ดีแล้วครับ ให้จำไว้ว่า.หากสมาทานศีลไรๆก็ตามแต่ แล้วมีข้อที่กล่าวว่า

อพรหมจริยา เวระมณีสิกขา ปะทังสมาทิยามิ  ห้ามเสพเมถุนหรือแกล้งให้น้ำสุกกะ(น้ำอสุจิ)เคลื่อนหรือหลั่งโดยเด็ดขาด

ผมเองก็เป็นผู้มีราคะมาก เวลาเกิดความกำหนัด ผมจะระลึกพิจารณาเพื่อละและดับทุกข์นั้นดังนี้ว่า
1. เราจักอยู่จบครบพรหมจรรย์ให้ได้ในวันนี้ถวายเป็นกุศลแด่พระพุทธเจ้า ด้วยเดชแห่งบุญนั้นขออย่าให้ราคะมากล้ำกล้ายกายใจเรา
2. ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ ดับแล้วซึ่งกิเลส กาม ราคะ โทสะ โมหะ พยาบาท เข้าพเจ้าขอถือเแาคุณนั้นเป็นอารมณ์ ด้วยเดชแห่งบุญที่ข้าพเจ้าระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าและปฏบัติอยู่นี้ ขอกิเลส กาม ราคะ โทสะ โมหะ พยาบาท อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าด้วยเดชแห่งบุญนั้น จนจิตข้าพเจ้าเข้าถึงวิราคะได้
3. พิจารณาให้เห็นโทษของมันก่อน เช่น เมื่อทำแล้วก้อติดใจอยากทำอีกไม่หยุด แล้วมองในอสุภกรรมฐานระลึกถึงรูปที่เป็นชายหญิงเสพย์กามตกนรกถูกหอกหลาวทิ่มแทงขณะร่วมเพศมีไส้ทะลักน้ำเลือดน้ำหนองไหลหน้าตาเจ็บปวดทรมานบ้าง ปีนต้นงิ้วไส้ไหลออกเลือดไหลออกบ้าง.แล้วความกำหนัดจอ่อนลง
4. แล้วจากนั้นให้เราพิจารณาว่าสิ่งที่เราพอใจยินดีจนเกิดความกำหนัดนี้เพราะเห็นรูปแบบนี้ๆ เพราเห็นแล้วไปมองเอาส่วนเล็กส่วนน้อยนี้ๆมาคิดปรุงแต่งจนเกิดกำหนัด ทั้งๆที่สภาพจริงของกายนั้นมันก้อไม่ได้ต้องการเสพย์เหมือนกินข้าวเพื่อคงชีพไว้ ให้เปลี่ยรความคิดมุทมองเสียใหม่เป็นกุศลวิตก แล้วให้ระลึกรู้สภาพความรู้สึกที่เป็นอาการจริงๆของจิตเป็นไฉน พิจารณาเห็นว่าเราติดใจ พอใจยินดีอยู่แค่สภาพอาการที่รู้สัมผัสทางกายอันมีสัมผัสเสียดสีขึ้นลง เข้าออกเพียงเท่านี้ทั้งที่ความเป็นจริงนอกเหนือจากการผัสสะนี้ๆเราไปสร้างนิมิตปรุงแต่งเป็นความวิตกอันเป็นอกุศลลามกจัญไรเองแท้ๆ ไม่ใช่ความจริงเลยม แล้วก็พิจารณารับรู้อาการของจิตแล้วสักแต่ว่ามีไว้ระลึกรู้เท่านั้นไม่ได้มีไว้เสพย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 06, 2014, 10:40:28 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

what-is-it

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

palawast

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 8
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การช่วยตัวเอง สำหรับผู้ที่บวชไม่สมควรอย่างยิ่ง ต้องละวาง ส่วนคนธรรมดา ถือว่าไม่ผิดไม่บาปแต่อย่างใด
บันทึกการเข้า