ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระโสดาบัน นั้นถ้าสิ้นชีวิตแล้ว เกิดมาใหม่ จะมีอะไรมาด้วยในตอนเกิด  (อ่าน 3998 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pussadee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 149
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คือแบบว่าอย่างสงสัย อยู่คะว่า พระโสดาบัน ที่เสียชีิวิตแล้ว ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก ตอนที่เกิดจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นพระโสดาบันมาก่อน หรือ ตอนเกิดมาใหม่นั้น มีอะไรติดมาด้วยคะ

 :17: :c017:
บันทึกการเข้า

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมว่าดู ประวัติ หลวงพ่อโชติ วัดวชิรา ดีหรือไม่ครับ

เรื่องระลึกชาตินั้น จะเกี่ยวกับการพ้นทุกข์หรือไม่ ก็สุดแต่ละท่าน เพราะบางท่านเพียงอยากทราบไว้เท่านั้น
บางท่านหวังว่าทราบแล้ว ถ้ามีจริงจะได้ทำความดีเพื่อให้ไปเกิดแต่ในที่ดีๆ เพราะยังอยากสนุกนานๆอยู่ ส่วนท่านที่เห็นว่า
ยังเกิดในที่ไม่ดี ก็อยากเกิดในที่ดีๆกับเขาบ้าง ขณะที่บางท่านอยากทราบ เพราะเกรงเรื่องทุกข์โทษของวัฎฎะสงสาร ถ้ามีจริง
ก็ไม่อยากเกิดและไม่อยากรอไปจนถึงศาสนาพระศรีอารย์
ผมสงสัยในเรื่องระลึกชาติแบบตายแล้วเกิดอีกหรือไม่มาแต่เป็นเด็ก เพราะได้ยินผู้ใหญ่ที่นับถือเล่าให้ฟังและ
ก็ได้ทันเห็นตัวผู้ที่ระลึกชาติท่านนั้น ซึ่งท่านก็เป็นพระเถระผู้ใหญ่ และยังเป็นเรื่องที่นักวิชาการตะวันตกที่สนใจเรื่องระลึกชาติ
มาศึกษาและยอมรับ มีการบันทึกเป็นหลักฐานไว้
พระเถระที่ผมกล่าวถึงคือ ท่านเจ้าคุณพระเทพสุทธาจารย์ (โชติ คุณสัมปันโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณ์
อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยท่านจำได้ว่า ท่านเป็นพี่ชายของแม่ท่าน ซึ่งตายขณะที่แม่ท่านคลอดลูก คือ เมื่อท่านตายนั้นญาติ
็มาแจ้งข่าวว่าน้องท่านคลอดแล้ว ท่านก็เลยอยากไปดูน้องสาวและหลาน คิดปุ๊บก็ไปถึงห้องน้องสาวเลย และน้องสาวก็เห็นตัวท่านด้วย
และร้องบอกให้ท่านไปที่ชอบที่ชอบเพราะรู้ว่าท่านตายแล้ว พอท่านจะกลับออกมา ก็รู้สึกเวียนหัว รู้สึกตัวอีกครั้งก็ไปอยู่ในตัวหลานคือตัว
ท่านในปัจจุบัน พอจำความได้ก็เรียกแม่อย่างที่เคยเรียกสมัยเมื่อเป็นน้องสาวท่าน ญาติพี่น้องก็จะพากันลงโทษ หนักเข้าท่านก็แกล้งทำเป็นลืม
แต่ยังจำเรื่องราวสมัยเมื่อท่านเป็นพี่ชายแม่ได้แม่นยำ จนต่อมาท่านได้มาบวชอยู่กับหลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ และ
เป็นพระเถระท่านมีจริยาวัตรงดงามมากรูปหนึ่ง
เรื่องนี้ ทำให้ผมสงสัย เพราะแม้จะโน้มเอียงไปทางเชื่อ เพราะท่านผู้ถูกกล่าวถึงก็ยังมีตัวอยู่ ผู้เล่าก็มีวัตถุประสงค์เพียงอยากให้ผม
ขณะเป็นเด็กเกรงกลัวต่อบาปกรรม ทั้งในพระไตรปิฏกก็มีเรื่องทำนองนี้ แต่ถ้ายังไม่มีประสบการณ์กับตนเอง ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเชื่อ 100 %
อย่างไรก็ดี สมัยยังเป็นเด็ก คืนหนึ่งเคยตื่นขึ้นกลางดึก ลืมตาในสภาพที่ห้องมืดมิด และรู้สึกคุ้นเคย พยายามนึกว่าเคยพบสภาพนี้ที่ไหน
ก็จำได้ว่าเป็นสภาพในขณะที่อยู่ในท้องแม่ก่อนเกิด จำได้ว่า เมื่อรู้สึกตัวในท้องแม่นั้น ก็เหมือนเราหลับแล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นในห้องที่มืดสนิท
มองไม่เห็นอะไรเช่นนี้เหมือนกัน แต่ขณะนั้นไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน และมานะอัตตาตัวตนหดตัว เพราะความกลัวอย่างจับจิตจับใจ ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต
และหายซ่าอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความยึดมั่นเป็นตัวตนนั้นยังมีอยู่ แต่พอคลอดพ้นจากท้องแม่ออกมาเห็นแสงสว่าง ก็เกิดความรู้สึกปลอดภัย
ความซ่า ความยึดมั่นในตัวตน มานะอัตตาต่างๆก็กลับมาเพียบเหมือนเดิม
ต่อมา จำเหตุการณ์ตอนเป็นเด็กทารก และเข้าใจภาษาที่ผู้ใหญ่พูดกันได้เป็นครั้งแรก ตอนนั้น ผู้ใหญ่อุ้มไปด้วย เขาก็นั่งคุยกัน แรกๆฟังไม่เข้าใจ
ก็นิ่งๆไม่ได้สนใจอะไร อยู่ดีๆ เกิดเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดกันผลุดขึ้นมาในใจ ก็ดีใจพยายามจะบอกและร่วมพูดคุยกับผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นเสียงอ้อแอ้ของเด็ก
ผู้ใหญ่ก็หัวเราะกันใหญ่ว่าเราอยากคุยด้วย ใจเราก็เถียงและพยายามจะพูดว่าเราเข้าใจสิ่งที่เขาพูดกันนะและอยากจะแสดงความเห็นด้วย
พอดี ป้าอุ้มลูกสาวออกมาจากห้อง เลยเอามาว่างไว้ใกล้ๆให้เล่นกัน พอดีพี่สาวลูกป้าถือตุ๊กตามาตัวหนึ่ง ก็เกิดสนใจว่าตัวอะไร อยากรู้ ก็เลยไปดึงเพื่อขอดูว่าเป็นตัวอะไร
พี่สาวคิดว่าจะแย่งก็ร้องและเกิดยื้อแย่งกันขึ้น ขณะนั้นในใจเราก็คิดว่า ไม่ได้ต้องการแย่งของซักหน่อย แค่จะขอดูให้หายสงสัยว่าตัวอะไรเท่านั้น ขี้หวงดีนัก จะลองแย่งดู
ปรากฎว่า ผู้ใหญ่หันมาเห็น เพราะเสียงร้องของพี่สาว ก็เข้ามาห้ามและป้าก็ว่าให้น้องไปนะ แล้วอุ้มพี่สาวที่ร้องไห้กลับเข้าห้องไป ที่จริงตอนนั้นถ้าผูู้้ใหญ่ไม่เข้ามาห้าม
ก็เกือบยอมแพ้พี่สาวอยู่แล้ว เพราะตัวเราเล็กกว่าและพี่สาวกำลังโกรธและหวง เลยมีกำลังมากดึงตุ๊กตากลับไปเกือบจะได้และเรากำลังจะหล่นตกเก้าอี้อยู่แล้ว
พอได้ของมาและรู้ว่าเป็นตัวสัตว์อะไร หายสงสัยแล้ว เราก็ไม่สนใจตุ๊กตาตัวนั้นแล้ว แต่ผู้ใหญ่เกิดเห็นว่าน่ารักเลยถ่ายรูปเราขณะถือตุ๊กตาตัวนั้นไว้
พอโตขึ้น ไปพบภาพนั้น ก็เลยเป็นพยานว่า ไม่ใช่เราคิดไปเอง เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง แต่ถามพี่สาวเขาจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เสียแล้ว
และประสบการณ์สุดท้าย เกิดหลังจากภาวนาจนเห็นผลแล้ว ขณะเดินดูของในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ก็ดูจิตทำสมาธิไปด้วย ดูมาถึงกระดึงไม้ที่ไว้ห้อยคอวัว
ก็เกิดภาพขึ้นในใจ เป็นรูปโคเทียมเกวียนกำลังเดินอยู่ และเหมือนเรากำลังดูตัวเองคือวัวเดินอยู่ พยายามดูไปที่เจ้าของเกวียน ก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นตัวเอง
จากประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้กลัวการเกิดมาก เพราะแค่ภาวะในท้องแม่ก่อนเกิดนั้นก็น่ากลัวมาก หนังผีที่ว่าน่ากลัวอย่างไร ก็ไม่เคยทำให้เรากลัวจนจ๋อยได้ขนาดนั้น
และเห็นด้วยว่า ทำไมเมื่อพบสภาพนั้นแล้ว พอคลอดมาจึงกลับมาซ่า มีมานะอัตตาตัวตนกันอีก แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสภาวะการตาย เลยขอละไว้
ส่วนการเกิดตายในชิีวิตประจำวันนั้น มาเข้าใจก็เมื่อมาภาวนาจนเห็นผลแล้ว ทำให้เห็นการเกิดดับของจิตอยู่เสมอๆ ก็็ไม่สงสัยอะไร

 :s_hi:

อ่านจะไม่ได้ตอบตรงประเด็น แต่ก็น่าสนใจที่รู้นะครับ
 :13:
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก

Namo

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 206
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เคยได้ยินมาว่า พระโสดาบัน หลังเกิดใหม่ก็จะได้ ละสังโยชน์ 3 ติดมาด้วยเป็นอุปนิสัย คะ
ท่านจะเป็นผู้รักศีล ศรัทธาต่อพระรัตนตรัย มีอารมณ์ นิพพิทา ตั้งแต่รู้ความคะ

จริง หรือ ไม่จริง ไม่ขอยืนยันนะคะ

 :67:
บันทึกการเข้า

frairstyle

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
ครีมหมอจุฬาสูตรต้นตำรับ สูตรเดิม ผู้ผลิตเดิม
ครีมจุฬาลักษมี เป็นครีมบำรุงผิวหน้าชั้นเยี่ยม สูตรดั่งเดิม ผลิตจากวิตามิน
ครีมผิวขาว ครีมหน้าขาว เครื่องสำอางค์ อยากขาว ถูกและดี

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
คือแบบว่าอย่างสงสัย อยู่คะว่า พระโสดาบัน ที่เสียชีิวิตแล้ว ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก ตอนที่เกิดจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นพระโสดาบันมาก่อน หรือ ตอนเกิดมาใหม่นั้น มีอะไรติดมาด้วยคะ

 :17: :c017:

สี่ร้อยปีมนุษย์เป็นหนึ่งคืนวันสวรรค์ชั้นดุสิต นับเดือนปีเช่นเดียวกัน
 
สี่พันปีทิพย์นี้ เป็นประมาณอายุ ของเทพชั้นดุสิต

เท่ากับห้าสิบเจ็ดโกฏิหกล้านปีมนุษย์ (4x144,000,000 = 576,000,000)




ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่า

ในเทวภูมิมีพระอริยบุคคลมากกว่ามนุษยภูมิ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อแสดงธรรมแต่ละครั้งมีเทวดาฟังธรรมและบรรลุเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะเทวดาที่ฟังธรรมแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบันและพระสกทาคามี มีเป็นจำนวนมาก

ส่วนที่บรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคลเมื่อหมดอายุขัยจากเทวดาแล้วก็จะไปบังเกิดในพรหมภูมิ

ส่วนที่บรรลุเป็นพระอรหันต์เมื่อหมดอายุขัยแล้วก็ปรินิพพานไม่มีการเกิดอีก


การที่พระอริยบุคคลในมนุษยโลกมีน้อยกว่าในเทวโลก เพราะบุคคลที่นับถือพระพุทธศาสนาในมนุษยโลกนี้ มีความสนใจในการปฏิบัติวิปัสสนาน้อย และยิ่งในปัจจุบันมนุษยโลกเข้าสู่กลียุค คือ

มีสัปบุรุษ (คนดี)อยู่เพียง ๑ใน ๔ ส่วน นอกนั้นเป็นอสัปบุรุษ (คนพาล) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่สนใจเรื่องปริยัติและปฏิบัติจึงขาดความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา ไม่อาจนาตนให้พ้นจากปุถุชนไปสู่อริยบุคคลได้

ฉะนั้น การจะเข้าถึงความเป็นพระอริยบุคคล ต้องมีคุณธรรม ๗ ประการ คือ


๑. ต้องเป็นติเหตุกบุคคล(อ่านว่า ติ-เห-ตุ-กะ-บุค-คล) คือ บุคคลที่เกิดมาประกอบด้วยเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ อันเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมด้วยปัญญา

๒. เคยสร้างปัญญาบารมีในการเจริญวิปัสสนามาแต่ชาติก่อน

๓. ขวนขวายในการเจริญวิปัสสนาในปัจจุบันชาติ

๔. วิธีการเจริญวิปัสสนาถูกต้องตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้

๕. สถานที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติ

๖. ไม่มีความกังวลใดๆ ในปลิโพธิ ๑๐ ประการ คือ กังวลเรื่องที่อยู่ กังวลเรื่อง ตระกูล กังวลเรื่อง ลาภสักการะ กังวลเรื่องหมู่คณะ กังวลเรื่องนวกรรม(งานก่อสร้าง) กังวลเรื่องการเดินทาง กังวลเรื่องญาติ กังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ กังวลเรื่องการเล่าเรียน กังวลเรื่อง การแสดงอิทธิฤทธิ์

๗. มีเวลาในการปฏิบัติอันสมควร


ที่มา บทเรียนชุดที่ ๖.๒ เรื่อง ภพภูมิ ๓๑
หนังสืออ้างอิง
๑. ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
๒. ภูมิจตุกกะและปฏิสนธิจตุกกะ ปริจเฉทที่ ๕ เล่มที่ ๑ ; ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมมัตถสังคหฎีกา ; พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



ถ้าผมเป็นโสดาบัน ผมไม่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีกหรอกครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ

เพราะ คนเป็นโสดาบัน เมื่อตายไปต้องไปอยู่ชั้นดุสิต มีอายุยืนยาวถึง 576 ล้านปีมนุษย์

คิดดูนานแค่ไหน ความเป็นไปได้ก็คือ ในระหว่างนั้น น่าจะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว อย่างน้อยก็หนึ่งองค์

ฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้าในอัตภาพของเทวดาก็ได้ครับ เทวดาบรรลุธรรมเยอะแยะไป

เอาให้ถึงอรหันต์ไปเลย ไม่จำเป็นต้องลงมาเกิดอีก ดังบทความที่ผมเสนอให้อ่านด้านบน



ส่วนคำถามที่ว่า โสดาบันมีอะไรติดตัวมา ตอบไม่ได้ครับไม่มีข้อมูล

หากคิดเล่นๆแบบปุถุชน ที่ไม่มีญาณหยั่งรู้ ในเมื่อโสดาบันละสังโยชน์ได้ ๓ ข้อ

ก็ต้องเอาสังโยชน์เป็นเครื่องวัด แต่ก็อีกนั่นแหละ ปุถุชนจะไปรู้วาระจิตโสดาบันได้อย่างไร

คงต้องหาอริยบุคคล ไปอ่านจิตคนทีี่เราสงสัย

ขอคุยเป็นเพื่อนแค่นี้

 :49: ;) :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

สาวิตรี

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +6/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 148
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
ถ้าผมเป็นโสดาบัน ผมไม่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีกหรอกครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ

เพราะ คนเป็นโสดาบัน เมื่อตายไปต้องไปอยู่ชั้นดุสิต มีอายุยืนยาวถึง 576 ล้านปีมนุษย์

พึ่งจะเข้าใจแล้วคะว่า ทำไมพระอาจารย์ตอบเมล มาให้เลือกเป็นพระโสดาบันก่อน ที่แท้ เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วมีโอกาสอย่างนี้นี่เอง นะคะ

ขอบคุณลุงปุ้ม มากคะ

 :c017:
บันทึกการเข้า

DANAPOL

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 332
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าว่า โดย มรรคแล้ว โสดาปัตติมรรค ต้องมาก่อนครับ

 :67:
บันทึกการเข้า
รหัสธรรม ต้องใช้ปัญญาคือความรู้ ผู้ถือกุญแจคือใครหนอ...