สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: แมนแมน ที่ กรกฎาคม 06, 2012, 09:46:48 am



หัวข้อ: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แมนแมน ที่ กรกฎาคม 06, 2012, 09:46:48 am
ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ

  บางทีเราก็เลือกที่จะรักใครสักคนอยาก นะครับ พอสบตาแล้ว ก็รู้สึกเหมือนตกหลุม ชีวิตดูน่าจะดีเมื่อเธอก็เริ่มตอบรับกันบ้าง แต่ เธอกับมีอคติ ในเรื่องการไปวัดทำบุญ และ ปฏิบัติกรรมฐานของผมครับ เธอบอกว่ามันสวนทางกับชีวิตและ รู้สึกว่าผมเป็นคนขวางโลกครับ

   ผมควรทำอย่างไรดีครับ

   :c017: :25:


หัวข้อ: สัญญาณที่เตือนว่า...คุณเจอคนรักที่แย่
เริ่มหัวข้อโดย: วิชชุดา ที่ กรกฎาคม 06, 2012, 10:31:10 am
สัญญาณที่เตือนว่า...คุณเจอคนรักที่แย่

 

ถ้าคุณเกิดรู้สึกว่าคนที่คุณคิดว่าจะรัก (หรืออาจจะรักไปสักครึ่งใจแล้ว) เกิดมีนิสัยไม่น่ารักเหล่านี้ขึ้นมา มันก็เป็นการส่งสัญญาณบอกให้คุณรู้ตัวแล้วล่ะว่าท่าทางจะคบกันต่อไปคงไม่เวิร์ก เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นมาลองดูกันดีกว่าว่า สัญญาณฉุกเฉินอะไรบ้าง ที่บอกคุณว่าคุณกำลังจะเจอคนรักแย่ ๆ อยู่

1. เมื่อคุณบอกเขาว่าคุณไม่สบาย แต่เขาไม่แม้แต่จะหาซุปหรือข้าวต้มร้อน ๆ ให้คุณกิน ไม่มีแม้ยาแก้ปวดสักเม็ด ไม่เคยโทรมาถามในวันรุ่งขึ้นว่าอาการดีขึ้นแล้วหรือยัง

 2. ไม่ใส่ใจจะจดจำว่าคุณเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทของคุณไว้อย่างไร เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ตัวของคนรัก คู่รัก ก็น่าจะใส่ใจที่จะเรียนรู้ไปด้วยไม่ใช่หรือ
 
3. ติดต่อยาก เอะอะก็บอกว่าแบตหมด โทรศัพท์หาย แถมทิ้งมิสคอลไว้ก็ไม่ใส่ใจจะโทรกลับ

 4. เวลาคุณเศร้า เขาไม่เคยเข้ามาปลอบ ที่ทำก็แค่มองเงียบ ๆ แล้วหลบไปอยู่ห่าง ๆ ชีวิตข้างหน้าคงมีเรื่องที่ทำให้คุณอาจต้องผิดหวังไม่น้อย แม้จะไม่ได้เป็นคนมาปลอบใจ แต่คอยอยู่ข้าง ๆ กันหน่อยก็ยังดี แล้วถ้าเขาเป็นเสียอย่างนี้ มันจะดีหรือ ?

 5. เขาปล่อยต้นไม้ที่ปลูกไว้ประดับห้องเฉาตายเสียหมด แม้แต่ต้นกระบองเพชร แค่รดน้ำง่าย ๆ เท่านี้ก็ยังทำไม่ได้ (เอาน้ำดื่มเหลือ ๆ จากขวดรดลงไป ต้นไม้ก็พออยู่ได้แล้ว) แล้วอย่างนี้จะดูแลคุณได้ไหวหรือ

 6. ไม่เคยวางแผนอนาคตอะไรเกี่ยวกับตัวเองและคุณเลย มีแต่คุณเท่านั้นที่คิดฝันไปคนเดียว ถ้ายังถูไถคบกันไปอย่างนี้คุณก็คงต้องเป็นคนคิดเรื่อยไปว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อตั้งแต่แต่งงาน มีลูก ไปจนกระทั่งแก่เฒ่า

 7. ยามออกไปซื้อหาอะไรมากินไม่เคยคิดเผื่อคุณ ซื้อมาแค่พอตัวเองอิ่มตลอด

 8. สะกดชื่อของคุณผิด คำสั้น ๆ ชื่อเรียกของคนใกล้ตัวก็ยังเขียนไม่ถูกเลย

 9. วางแผนใหญ่ ๆ อะไรก็ตาม ก็ไม่เคยมีคุณอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะย้ายบ้านเปลี่ยนที่ทำงาน ซื้อสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่ไม่รู้ว่าคุณจะแพ้ขนของมันหรือเปล่าฯลฯ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มองว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของเขาเลย

 10. หากบอกเขาให้ปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเองเขาก็จะโบ้ยว่าคนที่มีปัญหาคือคุณต่างหาก เขาคือศูนย์กลางของทุกสิ่ง ทุก ๆ คนต้องหมุนรอบ คุณเองก็ต้องวิ่งตามเขา เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จะไม่เหนื่อยหรอกหรือไง ?

 11. เงินไม่พอใช้แต่ไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงตัวเอง เงินเดือนที่ได้ใช้ปราดเดียวก็หมดชักหน้าไม่ถึงหลังแทบทุกเดือนแต่พอเตือนให้เปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน ก็มาบ่นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขา แต่เป็นเพราะเงินเดือนน้อยต่างหาก แล้วอย่างนี้จะอยู่ด้วยกันรอดไหม หรือว่าคุณเต็มใจจะออกให้เขาล่ะ ?

 12. มีปัญหาสุขภาพที่พอรักษาได้ แต่ไม่ใส่ใจรักษา เช่น โรคเครียด หรือย้ำคิดย้ำทำอย่างอ่อน ๆ เห็นว่าอาการมันเรื้อรังน่ารำคาญ แต่ก็ไม่เคยคิดรักษาบำบัดให้หายหรือว่าทุเลาลง อยู่กับคนที่ปล่อยให้สุขภาพตัวเองย่ำแย่ สภาพจิตใจคุณเองจะพลอยแย่ตามไปด้วย

 13. บ่นว่าผู้หญิงยิ่งแก่ยิ่งแผละยิ่งยาน ขืนต้องอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าคุณอาจต้องทนโดนเขาเหน็บแนมให้เจ็บช้ำใจทุกวัน

อ่านมาแล้วเคยเจอข้อไหนกับตัวเองบ้างไหม (ถ้าไม่ตรงกับตัวเองเลยสักข้อได้ก็ยิ่งดี) ถ้าเจอแล้วคิดจะเดินหน้าต่อไปก็ต้องไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ แต่ทางที่ดีค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ ลดระดับความสัมพันธ์ลงดูดีกว่านะ อย่าเสียเวลากับคนรักที่ไม่น่ารักแบบนี้เลย


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้า ที่ กรกฎาคม 06, 2012, 10:55:01 am
ถ้าคุณยังรักเค้า ก็ต้องรู้จักทำใจให้เป็นและต้องอดทนต่อไป ถ้าจะให้เค้ากลับใจก็ต้องให้เค้ารู้จักธรรมะซะก่อน จึงจะเปลี่ยนเค้าใจเค้าได้ ซึ่งต้องพยายามต่อไปนะครับ

ส่วนตัวคุณก็ต้องรู้จักทำใจให้เป็น ทำใจให้ได้ ถ้าทำได้ความทุกข์ในใจก็จะน้อยลงไปจนไม่รู้สึกอะไร ครับ
ถ้ารู้จักภาวนา ฉลาดในการภาวนา ก็ต้องหมั่นรักษากุศลจิตไว้ดด้วยครับ

ต้องแยกตัวเค้า กับ ตัวเราให้ออก ,
เค้าก็ส่วนเค้า เราก็ส่วนเรา ,
 เราทุกข์ใจแต่เค้าไม่ได้ทุกข์ใจไปกับเราด้วยเลย
แล้วเราจะทุกข์ใจในเรื่องของเค้าไปทำไมครับ
ไปหาอะไรทำที่ทำให้ใจเรามีความสุขจะดีกว่าไหมครับ

ถ้ารักกันแล้วมันลำบากใจมากขนาดนั้น ก็อย่าไปมีความรักมันเลยดีกว่า นะครับ
เจ็บครั้งเดียว ดีกว่า เจ็บหลายครั้ง นะครับ


ลองพิจารณาดูนะ

ขอบคุณครับ


(http://women.tlcthai.com/wp-content/uploads/2011/04/01_131.jpg)


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: magicmo ที่ กรกฎาคม 06, 2012, 11:33:03 am
ขอบคุณนะครับ


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 08:56:05 pm
มีวิธีการปฏิบัติควบคู่กันไปได้แม้ว่าสภาพแวดล้อมนั้นไม่ใช่วัดวาอาราม หรือ ไม่ใช่ที่บ้าน ไม่ใช่ที่เงียบๆสงบๆ โดยที่ไม่จำเป้นต้องขอหรือบอกแฟนคุณให้รู้จนทำให้เกิดความขุ่นข้องใจดังนี้ครับ

1. ใช้ชีวิตตามปกติ โดยตั่งมั่นเจริญปฏิบัติในความเป็นกุศลจิตและกุศลกรรม มี สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ ทาน คิดดี พูดดี ทำดี

2. เมื่อมีจิตคิดรู้ความรู้สึกนึกคิดสิ่งใดก็ให้รู้ว่า..ในขณะนั้นเรานั้นคิดเป็น กุศลจิต หรือ อกุศลจิต อยู่

3. เวลาเกิดทุกข์อย่างที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้คุณลองมองย้อนหาเหตุว่าคุณพอใจยินดีหรือไม่พอใจยินดีในสิ่งใดอยู่ แล้วมองดูว่าที่พอใจหรือไม่พอใจเพราะติดข้องใจในสิ่งใด ให้ละที่ความติดข้องใจนั้น (นี่คือเจริญใน อริยสัจ ๔ รู้ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ทางดับทุกข์ ความพ้นทุกข์)

4. เรียนรู้การยอมรับตามความจริงในสัจธรรมและวิธีเข้าสู่อุเบกขาจิตเบื้องต้นเช่นว่า
- คนเรามันไม่ได้ตามปารถนาใคร่ได้ยินดีไปทั้งหมดทุกอย่าง มีความผิดหวังเป็นธรรมดา ปารถนามากหวังมากก็ทุกข์มาก
ดั่งพุทธวจนะที่ว่า ปารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น..นั่นก็เป็นทุกข์
- คนเรามีความประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจอยู่เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะจากความผิดหวัง ความไม่พอใจยินดี ความเกลียดกลัว ความพรัดพราก ยิ่งไปติดข้องกับมันมากก้ยิ่งทุกข์ใจกับมันมาก
ดั่งพุทธวจนะที่ว่า ความประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ..นั่นก็เป็นทุกข์
- สิ่งที่คุณเป็นอยู่ คือ สัจธรรม 2 ข้อนี้ใช่หรือไม่ครับ

5. คุณจะมองเห็นได้ว่าการที่เราดำเนินไปในชีวิตประจำวันอยู่นั้น ย่อมประสบกับทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นอย่างแน่นอนทุกวันทุกเวลา ให้ยอมรับความจริงตามสัจธรรมนี้ จิตใจคุณจะผ่อนคลายลง ละความติดข้องใจกับสิ่งนั้นๆมากขึ้น เพื่อวางเข้าสู่ความมีใจกลางๆ เรียนรู้ที่จะเลือกสิ่งที่ควรเสพย์ คือ ความพอใจยินดีที่ควรเสพย์ ความไม่พอใจยินดีที่ควรเสพย์ อุเบกขาที่ควรเสพย์ เพื่อเข้าสู่ความมีใจกลางๆ

อ่านวิธีเข้าอุเบกขาจิตเพิ่มเติมได้ที่นี่ตาม Link นี้ครับ
 http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7455.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7455.0)

เห็นไหมครับ คุณจะใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับผู้หญิงที่คุณเลือกจะอยู่เคียงข้างแม้เขาไม่เห็นด้วยให้คุณไปวัดปฏิบัติธรรม คุณกก็ยังสามารถเจริญปฏิบัติธรรมได้เช่นกันใช่มั้ยครับ ลองคิดตรองดูตามแล้วทดลองนำไปใช้ดูครับ


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: catwoman ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 09:00:54 pm
แนะนำคะ ในฐานะลูกผู้หญิงนะคะ ถ้าอย่างนั้นหมายถึงผู้หญิงถ้าคบกันต่อไปก็จะมีปัญหากันในอนาคตคะ คิดว่าทำใจเลิกรา หาผู้ที่เหมาะสมกับฐานะ ที่จะสร้างกุศลดีกว่าคะ พูดถึงผู้หญิงนะคะ ที่ดิฉันไปปฏิบัติอย่าง วัดอินทร์ วัดมหาธาตุ วัดปทุม วัดยานนาวา มีเป็นร้อย เลยนะคะ ที่สนใจการภาวนาหน้าตาแฉล้ม การศึกษาก็ดี มีอีกมากคะ
( อันนี้ไม่ได้ชี้ช่อง ว่าให้ไปหาจีบที่บอกนะคะ ) แต่ที่จะบอกคือผู้หญิงที่ใฝ่ธรรมภาวนา ที่เหมาะสมกับเรายังมีอีกเป็นจำนวนมากคะ เพราะถ้าเราได้คู่อย่างนี้ ชีวิตการภาวนาในอนาคตจะไปได้คะ

   :88: :88: :88: :88:

  ขอโทษที่แสดงความคิดเห็นที่เหมือน จะให้เลิกรากันนะคะ โปรดุลย์พินิจนะคะ

 


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: inlove ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 09:01:51 pm
คุณ แมว ตัดบทเลยหรือคะ น่าจะให้โอกาส หญิงชาย ดูใจ กันก่อน นะคะ

  :s_hi:


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: catwoman ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 09:03:03 pm
คุณ แมว ตัดบทเลยหรือคะ น่าจะให้โอกาส หญิงชาย ดูใจ กันก่อน นะคะ

  :s_hi:

แสดงความเห็น ตามประสบการณ์ คะ ถ้าถามเรื่องคู่ ตอบไม่ค่อยเป็นคะ เพราะชีวิตเราเองก็จะตัดบทอย่างนี้คะถ้าไปกันไม่ได้ในเรื่องการปฏิบัติ ก็เห็นที่ต้องอำลากันคะ

  :s_hi: :49:


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รักหนอ ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 09:07:02 pm
ที่ใด มีรัก ที่นั่นก็มีทุกข์ คะ แนะนำอ่านกระทู้นี้สักรอบคะ
อาจจะทำให้เปลี่ยนใจ ไม่ต้องรักใครต่อไป ให้กลุ้มใจนะคะ
แค่รักตัวเราเองก็ลำบากแล้ว คะ

  ความรัก เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะแก้อย่างไร
 http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=348.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=348.0)

 :58:


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: translate ที่ กรกฎาคม 08, 2012, 12:34:45 am
เลิก สิ ครับ อย่างนี้ ต้อง เลิก สิ ครับ

 อยู่คนเดียวจะมีความสุขมากกว่า นะครับ เพราะว่า ไ่ม่ต้องไปคอยเอาใจเขา แค่เอาใจใส่พ่อแม่ก็เพียงพอแล้วครับ ชีวิตคู่ไ่ม่ใช่ชีวิตที่มีความสุข นะครับ

  :25: :25: :25: :49:


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: นัยนา ที่ กรกฎาคม 09, 2012, 10:42:17 am
ไม่อยากให้ตอบฟันธงว่า ต้องเลิกรา กันนะคะ เพราะว่าความเป็นจริงของปุถุชนไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวนะคะเพราะต้องมีการอยู่ร่วมกัน ถ้าจะเลิกราก้ต้องเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่เป็นศัตรูกันนะคะ

   ชีวิตคู่ ก้เปรียยเหมือนกับ ลิ้น และ ฟัน ต้องมีกระทบกับความรู้สึกกันบ้าง ไม่เคยอยู่ร่วมกันมาก่อนก็ต้องมีอึดอัดบ้าง ส่วนการที่เขาไม่ชอบคนมีธรรมะ ภาวนาก็ต้องดูกันต่อไป คะ
 
   บางครั้งผู้หญิง ก็ไม่ใช่ที่จะชอบ สุภาพบุรุษมากหรอกคะ ยิ่งดี ยิ่งต้องระวังตัวคะ เพื่อน ๆ เรามักจะพูดอย่างนี้เวลาเลิกรากับแฟนกัน มักจะบอกว่า เขาดีเกินไป รู้สึกอึดอัด ดังนั้นพวกผู้ชายห่าม ๆ จึงได้ครองใจสาว ๆ มากกว่า พวกสุภาพบุรุษ คะ

   สำหรับปัญหา เรื่องการศึกษาธรรม ภาวนาธรรม ส่วนตัวนั้นอนุโมทนาคะ แต่บางครั้งต้องดูกาละเทศะด้วยนะคะ เพราะบางคนก็เถรตรงเหลือเกินคะ ทั้งสวดมนต์ ทั้งนั่งกรรมฐาน บางทีเรายังนึกเลยว่า น่าจะบวช ซะตานี่ ทำตัวอย่างกับพระ จะมาอยู่เป็นชาวบ้านทำไม ?

     :88: :58:


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: drift-999 ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 09:01:32 pm
กรรมที่ทำให้ผิดหวังในความรักนั้น...ส่วนใหญ่มักจะเป็นกรรมที่เคยกีดกันความรักของผู้อื่น เช่น พ่อแม่ที่เคยกีดกันความรักของลูก จับลูกคลุมถุงชน เป็นต้น....ด้วยผลกรรมที่เคยทำไว้ในครั้งคราวนั้น เมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์และต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นก็จะต้องถูกผู้อื่นกีดกันในความรักของตนเช่นกัน หรือถูกกีดกันด้วยฐานะ เชื้อชาติ วรรณะ ซึ่งทำให้ความรักไม่อาจสมหวังได้นั้นเอง



ส่วนกรรมที่ทำให้สมหวังในความรักนั้น  อันดับแรกก็ต้องไม่ไปกีดกันตัดรอนความรักของผู้อื่นอันจะเป็นการสร้างกรรม (ชั่ว) ใส่ตัว....อันดับสองก็ต้องร่วมกันสร้างกรรมดีต่อคู่ชีวิตตนเองให้มากๆ กล่าวคือต้องมี ศีล ปัญญา จาคะ เสมอกันจึงจะได้เกิดมาสมปองครองรักร่วมกันอีกในครั้งคราวหน้า


คู่รักที่มีศีล ปัญญา จาคะ เสมอกัน ปฎิบัติดีต่อกัน ทะนุถนอมอ่อนโยนห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน ย่อมจะเป็นคู่บุพเพต่อกันไปในครั้งคราวหน้า....



ส่วนคู่เวรคู่กรรมนั้น ก็คือคู่ที่ไม่ได้รักกัน ปฎิบัติไม่ดีต่อกัน ประพฤตินอกใจกัน ก่อเวรสร้างกรรมต่อกัน  และที่สำคัญคือผูกใจเจ็บอาฆาตแค้นต่อกัน มีความประสงค์จะแก้แค้นซึ่งกันและกัน....ด้วยอำนาจแห่งกรรมและการผูกใจเจ็บจองเวรต่อกันไว้ย่อมจะโยงใยชักพาให้คนทั้งสองกลับมาคู่กันอีกครั้ง....แต่จะเป็นคู่ที่ทะเลาะข่มเหงน้ำใจกันตลอดเวลาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างผาสุขแต่ต้องจำอยู่เป็นคู่กันไปด้วยอำนาจแห่งกรรมบังคับไว้



แต่การเป็นคู่เวรคู่กรรมต่อกันนั้นก็อาจสิ้นสุดลงได้ด้วยการอโหสิกรรมให้แก่กัน อภัยต่อกันอย่างหมดใจ (ไม่ใช่สักแต่ว่าพูดแต่ปาก) เช่นนี้แล้วก็จะไม่ผูกพันกันอีกต่อไป  กรรมใดที่เค้าเคยทำไม่ดีต่อเราไว้เค้าก็ต้องไปรับผลแห่งกรรมนั้นตามกฎแห่งกรรมอยู่ดี  แต่จะต้องไปรับกรรมกับบุคคลอื่นตามแต่กงล้อแห่งกรรมเวรจะชักพาไป  แต่ตัวเราไม่ขอผูกเวรจองกรรมต่อเค้าอีกต่อไปก็ไม่ต้องเกิดมาเป็นคู่กันอีก....ต่างคนต่างเกิดต่างคนต่างไปไม่มีกรรมใดจะผูกพันโยงใยให้มาเป็นคู่กันอีกต่อไป




แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นคู่เวรคู่กรรมต่อกันนั้นมักไม่คิดเช่นนี้....แต่มักจะเจ็บแค้นและจองเวรต่อกันไปไม่มีจบสิ้น....ผลัดกันแก้แค้นชาตินี้เธอทำฉันชาติหน้าฉันจะทำคือ.....เป็นอยู่เช่นนี้ไม่จบสิ้นตราบอนัตกาลจนกว่าจะมีใครสักคนได้สติ เกิดปัญญา ระงับเวรด้วยการอโหสิกรรมให้กับอีกฝ่ายแล้วต่างคนต่างไปดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น...ความเป็นคู่เวรคู่กรรมจึงจะจบลงนั้นเอง

จากคุณ    : ดอกหญ้าสีนวล


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กวัด ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 03:34:02 pm
ตอนผมสมัยที่จีบกับแฟนนั้น ผมก็นั่งกรรมฐาน บ้าง ทำบุญบ้าง แฟนผมก็ตรงกันข้ามพอแต่งงานกันผมเลิกไปวัดอยู่ 10 กว่าปีไปเข้าวัดอีกครั้ง ตอนที่พ่อผมเสีย มานั่งนึกดูตอนนั้นความสุขที่ผมต้องการคืออะไร ? กันแน่

   ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ นินทา เป็นของคู่กันกับชาวโลกครับ
 
   ดังนั้นผมว่า อายุ เรา ประสบการณ์ชีวิตจะช่วยบอกเราอีกครั้งนะครับ เรื่องของศาสนา

   :s_hi: :s_hi:


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: darkrise001 ที่ ตุลาคม 28, 2013, 11:29:16 pm
ขอบคุณครับ
ibcbet (http://www.ibcbet.bsian.com/)

livescore (http://www.mixscore.com/)

รางวัลแจ็คพ็อต (http://www.goldclub.net/jackpot/)



หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ ธันวาคม 31, 2014, 09:22:04 am
สัพเพเหระ


หัวข้อ: Re: ทำอย่างไร ดีครับ ถ้าแฟนเราไม่ชอบให้เราไป วัด ฝึกกรรมฐาน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2015, 01:34:48 pm

ผมขอตอบกระทู้เก่าๆนี้ที่มีมานานแล้ว เผื่อท่านเจ้าของกระทู้ได้กลับมาอ่านแล้วจะเป้นประโยชน์ได้บ้าง

การที่จะมีคนที่ตนรักและครองคู่กันนี้มันยากมากนะ แต่การจะคงครอบครัวให้อยู่ได้มันยากกว่า
สิ่งที่ควรทำคือ ไม่ใช่ยอมอย่างเดียว แต่เราให้เหตุและผมต่อเขาด้วย ว่าทำอย่างนี้เพราะสิ่งใด มีผลดีอย่างใด เช่น ที่คุณเข้าวัดตัดบาตรถวายสังฆทานนี้นั้น เป็นการให้ทาน ให้เพื่ออะไร การให้นั้นเป็นสิ่งที่ประกอบไปด้วยประโยชน์เราไปใส่บาตรทำบุญนี้น่ะ จิตใจเราก็ผ่องใสไม่เห็นแก่ตัว ทำให้เราลดความเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวลง ทำให้จิตใจดีขึ้น พร้อมที่จะทำกิจการงานต่างๆไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเงิน ครอบครัว หากเขาถามว่าครอบครัวไปทำอะไรให้ เขาไปทำอะไรให้คุณ คุณก็ตอบว่าการให้ทานนั้นเป้นการสละโลภ เวลาที่อยู่กับครอบครัว
- เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องขัดใจเพียงเล็กน้อยเราก็รู้อภัยกันบ้าง ๑
- เรื่องบางเรื่องเมื่อเราเสพย์สุขอย่างไรเราก็ปารถนาหมายจะให้คนในครอบครัวได้เสพย์สขุอย่างนั้นบ้าง ๑
- เรื่องบางเรื่องเมื่อเราขัดสนเวลาเรามีความสงเคราะห์ต่อผู้อื่นเพื่อประโยชน์สุขของเขาแล้วไม่หวังผลตอบแทนย่อมทำให้เรามีเพื่อฝูงมาก มีบริวารมาก มีคนจริงใจมาก ๑
- การให้ทานของคุณไม่ได้ให้ด้วยความงมงาย แต่เป็นตามสติกำลัง ไม่ได้ให้เขาจนตนเองต้องลำบากลูกเมียลำบาก ไม่ได้ให้เขาแล้วตนเองหาที่อยู่ไม่ได้ ดังนี้

หากแม้ว่ากล่าวอย่างนี้ๆ เป็นต้น ความอ่อนไปในการปฏิบัติที่เขามีอคติอยู่ ก็ต้องดูว่า

1. เขานับถือคนละศาสนาหรือไม่บ้าง
2. หากนับถือศาสนาเดียวกันแต่เพียงแค่ทัศนคติของเขาไปเห็นพระเณรไม่ดี จึงไม่มีศรัทธา คุณก็ต้องหว่านล้อมสร้างศรัทธาให้แก่เขา เมื่อเขามีศรัทธาพละ เชื่อในบาปกรรมของตนบ้าง เชื่อในผลของกรรมบ้าง เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าบ้าง เป็นต้น ที่แฟนคุณเป็นนั้นมันเป็นเพียงสภาวะเวลาครั้งหนึ่งอุปสรรคหนึ่งๆที่คุณต้องผ่านพ้นไปเพื่อย้ำในศรัทธาของคุณที่มีต่อพระพุทธเจ้าและพระพุทธศานา
3. คุณต้องหัดที่จะนำธรรมที่คุณรู้นั้นแหละมาใช้ในชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ใช่ว่าต้องเข้าวัดจึงจะปฏิบัติได้ นั่นไม่ใช่ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน

 ดังอุปาลีสูตรที่ว่า
สมัยหนึ่งมีท่านพระอุบาลีเถระหมายจะไปอยู่ป่า เพราะคิดว่าเมื่ออยู่ป่าแล้วจะเข้าถึงสมาธิเข้าถึงธรรม เพราะอยู่ในวัดมีคนพลุกพล่านเร่าร้อนกายใจทำสมาธิไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงห้ามเสีย โดยตรัสสอนโดยย่อว่า ให้ดำรงศีล พรหมวิหาร๔ ทาน แล้วภาวนาให้มาก ถือเอาจิตตน รู้ทันจิตตนให้มากก็พอแล้ว ท่านพระอุบาลีเถระก็อยู่ที่วัดนั้นแล้วประพฤติตามก้บรรลุธรรม

นี่เห็นไหมไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนมันก็อยู่ที่ใจเรานี้แหละทั้งนั้น
- หลวงปู่ชาท่านก็สอนว่าโลกไม่ได้เร่าร้อน แต่ใจเรานี้แหละที่เร่าร้อน
- หลวงปู่บุญจันทร์ท่านก้สอนว่า ทุกอย่างอยู่ที่ใจหมด ใจเป็นตัวรู้ตัวยึดตัวเสพย์ทุกอย่าง ดับก็ดับที่ใจ
- หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านก็สอนว่า แต่ความจริงแล้วการปฏิบัติจงอย่าสนใจว่า ตอนนี้เข้าถึงฌานอะไร ถือว่าวันนี้ได้ดีเพียงไร พอใจเท่านั้น คิดว่าเป็นผู้สะสมความดี ทรงอารมณ์สมาธิ ถ้าจิตตั้งได้ก็จะมีอาการเป็นสุข เวลาเจริญสมาธิจิต ไม่ว่ากรรมฐานกองใดก็ตาม เวลานี้อยู่ในฌานใด อย่าไปตั้งว่าเราจะต้องได้ฌานนั้น ฌานนี้ จะทำให้ไม่ได้อะไรเลย ให้มีความพอใจแค่ที่ได้ เป็นการฝึกจิตเข้าถึงอุเบกขารมณ์ ทำให้ต่อไปจิตจะทรงฌาน 4 ได้ง่าย การปฏิบัติที่จะให้ได้ผลจริง ๆ ใช้ตลอดทุกอิริยาบถ อย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก พยายามนึกลมหายใจเข้าออกเสมอ แต่หากว่างานนั้นไม่เหมาะที่จะดูลมหายใจเข้าออก เราก็ใช้จิตจับอยู่ที่งานว่าเวลานี้เราทำอะไร เป็นการฝึกอารมณ์ของสมาธิไปในตัว
- หลวงปู่นิล มหันตปัญโญ ครูอุปัชฌาย์ผมท่านเป็นผู้บวชให้ผม ท่านก็สอนว่าให้ทำใจไม่ให้เร่าร้อน ไม่เคร่งมาก ไม่อ่อนมาก ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไปทำให้พอดี
- หลวงพ่อเสถียร ณ วัดป่าถ้ำผาแดงผานิมิต ท่านก็สอนผมว่าทุกอย่างอยู่ที่จิต จิตมันรู้ทุกอย่าง แต่มันรู้แค่สมมติ อย่าไม่ยึดเอาจิตว่าเป็นตน เป้นเราเป็นของเรา มันเกิดมามันก็ดับ เราตายมันก็ดับ บังคับให้มันไม่รู้นั่นนี่ก็ไม่ได้ มันเป็นทุกข์ หากอยู่ทางธรรมไม่ได้ก็ให้ปฏิบัติภาวนาไปพร้อมกับใช้ชีวิตทางโลกคือ กรรมบถ ๑๐ นี่เป็นของพระโสดาบันเลยนะ แล้วก็มีจิตจดจ่อกับกิจการงานที่ทำ รู้กิจการงานที่ทำในปัจจุบัน ว่างๆก็ทำสมาธิเอา เดินจงกรรมก็ได้เรารู้ว่าเราเดินอยู่ขาไหนกระทบพื้นขาไหนย่างก้าว ขณะเราเดินในที่ทำงานนั้น แล้วก็รู้ลมหายใจบริกรรมพุทโธให้มากตามสติกำลังนี้น่ะกรรมฐานที่ง่ายที่สุดนะ รู้กายใจทั่วพร้อม
- หลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโณ ท่านก็สอนผมให้ทำที่ใจ เมื่อจะปฏิบัติใรอย่าทิ้งพุทโธ ลมหายใจเรานี้มีอยู่ทุกขณะเว้นว่างไม่ได้ไม่เหมือนความคิดหรือความสุขมันยังเว้นว้าง พุทโธให้มาก ทำให้มาก ขอแค่ให้ได้ทำ ผลนี้อย่าไปสนจะได้ไม่ได้ช่างมัน ขอให้ทำไว้ก่อน รู้ลมเมื่อไหร่ก็ทำเมื่อนั้น มีสติระลึกได้ตอนไหนก็พุทโธเมื่อนั้น กรรมฐานนี้สำคัญมาก หากพุทโธยังไม่ได้ก็ไม่ต้องไปเอาอย่างอื่น เอาไปก็ไม่ได้ใช้ สละความเบียบดเบียนได้ศีล สละความโลภได้ทาน สละโมหะได้ภาวนา ทานมันช่วยให้รวยเฉยๆแต่ไม่ได้ทำให้เราพ้นจากนรก ศีลนี้ต่างหากที่เป็นทุกอย่างมีศีลก็ไม่ตกนรก มีศีลมากคงอยู่ได้นา่นก็เป็นคนด้วยบุญนั้น ศีลนี้แหละทำให้เราเกิดมาเป็นคนได้อีก สัตว์เดรัจฉานมันไม่มีศีลนะ มีแต่คนที่ถือได้ เมื่อเราจะละความลุ่มหลงก็ให้รู้พุทโธนั้นแหละมีลมหายใจเป็นฐานให้พุทโธมีกำลังมากน้อมไปในสติและสมาธิ ทำจนลมหายใจเราเป็นพุทโธ แล้วจะเห็นเอง

ซึ่งทั้ง ๖ ท่านนี้คือ พระอรหันต์ทั้งหมด มี 2 ท่านที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วผมได้ไปขอกรรมฐาน คือ หลวงพ่อเสถียร กับหลวงปู่บุญกู้ ผมถึงท่านเป็นครูอุปัชฌาย์ของผม
ส่วนครูบาอาจารย์ท่านที่ ๗ นี้ท่านเป็นครูอุปัชฌาย์อีกท่านหนึ่งของผมท่านเป็นผู้บวชให้ผม คือ พระอาจารย์สุจิรธรรมวิมล แห่งวัดป่าอาสภาวาสที่เป็นพระสุปฏิปันโณอาจจะถึงแล้วซึ่งพระโสดาบันขึ้นไป ท่านได้สอนกรรมฐานทั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน และ สติให้แก่ผม ท่านก็สอนผมว่า ทางโลกมันนี้ทุกข์นะ ให้มีสติให้มาก มีสติเข้าไว้


เห็นไหมนี่คือกรรมฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวันทางโลกทั้งสิ้น ใช้ปฏิบัติในทางโลกียะ และ สามารถเข้าโลกุตระธรรมได้หมด แค่คุณทำได้อย่างที่ครูบาอาจารย์ทั้ง ๗ ท่านของผมนี้สอนท่านก็ได้ปฏิบัติธรรมในทางโลกียะแล้ว เมื่อมีันเต็มเมื่อไหร่คุณก็จะเข้าถึงโลกุตระธรรมอันมีพระโสดาบันเป็นต้นเองครับ

ดังนั้นอย่าคิดมาก ความคิดดี คิดวิเคราะห์แก้ไขปัญญานั้นเอาไว้ใช้ในทางโลก จะเกิดผลดี ส่วนในททางธรรมไม่ต้องคิด เพราะสิ่งที่คิดนั้นมันเป็นสมมติทั้งนั้นไม่มีอยู่จริง เป้นอดีตบ้าง อนาคตบ้าง วิตกวิจารไปดึงเอาสัญญามาตั้งให้เสพย์กิเลสเองทั้งหมด ดังนั้นถ้าคุณมี ทมะ ความข่มใจจากกิเลส+ อุปสมะ ความสงบใจจากกิเลส+ศีล+พรหมวิหาร๔+ทาน+ภาวนา(สมาธิและวิปัสสนา) คุณจะอยู่ที่ใดก็ไม่เร่าร้อน จะเจออะไรมากระทบคุณก็ไม่ทุกข์ ไม่ติดข้องใจ เจอทางเข้าอุเบกขารมณ์ คือ เห็นว่าติดใจสิ่งไรๆไปทั้งพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีก็ไม่มีประโยชน์ไรๆนอกจากทุกข์ดังนี้

ทีนี้ก็เหลือแค่คุณนำไปปฏิบัติเท่านั้น ได้ไม่ได้อยู่ที่คุณ ไม่ใช่ผม ถ้าคุณมี พละ๕ อินทรีย์ย่อมแก่กล้า ย่อมเข้าถึงความสุขสงบได้แน่นอน

สุดท้ายบุญใดนี้ที่ผมได้ทำมาดีแล้วในกุศลธรรมทั้งปวง ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และ บุญที่ผมทำมานั้น ส่งผลให้ชีวิตคุณดีขึ้น มีความสุขเป็นผู้ไม่มีทุกข์ เป็นผู้ไม่มีเวรและไม่ผูกเวร เเป็นผู้ไม่มีพยาบาทและไม่ผูกพยาบาท เป็นผู้มีความสุขกายและใจปราศจากโลก มีความสุขกายใจพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง และ ขอให้แฟนของคุณนั้นให้เกิดศรัทธา มีศรัทธาพละในพระพุทธศาสนาอันไม่เป็นที่ขัดการปฏิบัติธรรมของคุณ ดังนี้ สาธุ สาธุ สาธุ