ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พบพระพุทธศาสนาแล้ว อย่าทำให้เสียชาติเกิดเลย  (อ่าน 4120 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
พบพระพุทธศาสนาแล้ว อย่าทำให้เสียชาติเกิดเลย


มนุษย์ผู้มีใจสูง มี ๔ จำพวก
   สัตว์โลกที่ชื่อว่า  มนุษย์  เพราะอรรถว่าเป็นเหล่ากอแห่งพระมนู 
ก็พระโบราณาจารย์ทั้งหลายย่อมกล่าวว่า  สัตว์โลกทั้งหลายที่ชื่อว่า
มนุษย์ เพราะเป็นผู้มีใจสูง.
   มนุษย์เหล่านั้นมี  ๔  จำพวกคือ
 
พวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป  ๑ 
พวกมนุษย์ชาวอมรโคยาน (อปรโคยานทวีป) ๑
พวกมนุษย์อุตตรกุรุ ๑ 
พวกมนุษย์ชาวปุพพวิเทหะ  ๑


เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก
   ในสังยุตตนิกาย กล่าวความเกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ความว่า
   แผ่นดินใหญ่นี้แลมากกว่า  ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรง
ช้อนไว้ที่ปลายพระนขามีประมาณน้อย  เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่ 
ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ที่ปลายพระนขา (เล็บ)
ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ  การเปรียบเทียบ  หรือแม้ส่วนเสี้ยว
 
   ดูกรภิกษุทั้งหลายฉันนั้นเหมือนกัน  สัตว์ที่จุติในพวกมนุษย์
แล้วกลับมาเกิดในพวกมนุษย์  มีน้อย  โดยที่แท้  สัตว์ที่จุติจาก
มนุษย์ไปแล้ว  กลับไปเกิดในนรก  มีมากกว่า  ฯลฯ.


   ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ฉันนั้นเหมือนกัน  สัตว์ที่จุติจากมนุษย์
ไปแล้ว  จะกลับมาเกิดในพวกมนุษย์  มีน้อย  โดยที่แท้  สัตว์ที่
จุติจากมนุษย์ไปแล้ว กลับไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน 
มีมากกว่า  ฯลฯ.
 

ปฏิปทาให้มาเกิดเป็นมนุษย์

   สิกขาบท  ๕  อย่าง  ศีล ๕
   ๑.  ปาณาติปาตา  เวรมณี    [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการฆ่าสัตว์] 
   ๒. อทินนาทานา  เวรมณี   [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการลักทรัพย์]
   ๓. กาเมสุมิจฉาจารา  เวรมณี  [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม] 
   ๔. มุสาวาทา  เวรมณี  [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการพูดเท็จ]
   ๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา  เวรมณี  [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้น 
      จากการดื่มน้ำเมา  คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท] 

มนุษย์ในโลกมี ๔ จำพวก

ในตมสูตรได้กล่าวถึงบุคคล ๔ จำพวก ความว่า
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก
เป็นไฉน คือ    
                        ผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปจำพวก ๑
         ผู้มืดมาแล้ว มีสว่างต่อไปจำพวก ๑
         ผู้สว่างมาแล้ว มีมืดต่อไปจำพวก ๑
         ผู้สว่างมาแล้ว มีสว่างต่อไปจำพวก ๑

   
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปเป็นอย่างไร
         
   บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล
ตระกูลช่างสาน  ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างเย็บหนัง หรือ
ในตระกูลคนเทหยากเยื่อ อันเป็นตระกูล เข็ญใจ มีข้าว น้ำและ
โภชนะน้อย เป็นอยู่โดยฝืดเคือง หาของบริโภคและผ้านุ่งห่ม
ได้โดยฝืดเคือง
   อนึ่ง เขามีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ มีโรคมาก
เป็นคนตาบอด เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอก หรือพิการไปแถบหนึ่ง
ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ ระเบียบดอกไม้ ของหอม
เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป ตามสมควร
   เขาซ้ำประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจาและด้วยใจ
ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึง       
อบาย ทุคติ วินิบาต นรก บุคคลเป็นผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปอย่างนี้แล ฯ         
   
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มืดมาแล้ว มีสว่างต่อไปเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล
ตระกูลช่างสาน ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างเย็บหนัง หรือตระกูล
คนเทหยากเยื่อ อันเป็นตระกูลเข็ญใจ มีข้าว น้ำและโภชนะน้อย
เป็นอยู่โดยฝืดเคือง หาของบริโภคและผ้านุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง
   อนึ่ง เขามีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ มีโรคมาก
เป็นคนตาบอด เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอก หรือเป็นคนพิการไป
แถบหนึ่ง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ ระเบียบดอกไม้
ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป ตามสมควร
แต่เขาประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจาและด้วยใจ ครั้นประพฤติ
สุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
บุคคลเป็นผู้มืดมาแล้วมีสว่างต่อไป อย่างนี้แล ฯ
       
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้สว่างมาแล้ว มีมืดต่อไปเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาในตระกูลสูง คือ ตระกูลกษัตริย์มหาศาล
ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือตระกูลคหบดีมหาศาล อันเป็นตระกูล
มั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องใช้ที่น่า
ปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์สินเหลือล้น
   อนึ่ง เขามีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความเป็นผู้มี
ผิวพรรณงามยิ่งนัก เป็นผู้มีปรกติได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ
ระเบียบดอกไม้ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป
แต่เขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และด้วยใจ ครั้นประพฤติทุจริต
ด้วยกาย วาจา และใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต
นรก บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไปอย่างนี้แล ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้สว่างมาแล้ว มีสว่างต่อไปเป็นอย่างไร 
       
บุคคลบางคนในโลก เกิดมาในตระกูลสูง คือ ตระกูลกษัตริย์มหาศาล
ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือตระกูลคหบดีมหาศาล อันเป็นตระกูล
มั่งคั่ง มีทรัพย์มากมีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องใช้ที่น่า
ปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์สินเหลือล้น
   อนึ่ง เขามีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความเป็นผู้มี
ผิวพรรณงามยิ่งนัก มีปรกติได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ
ระเบียบดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป
เขาย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และด้วยใจ ครั้นประพฤติสุจริต
ด้วยกาย วาจา และใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีสว่างต่อไปอย่างนี้แล
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
--------------------------------------------------------------------------------

   

**ผู้เรียบเรียงอยากจะยกตัวอย่างอีกเรื่องให้เห็นในยุคปัจจุบัน
เรื่องที่บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไป คือ

ระดับความยากของการเกิดเป็นมนุษย์   
ได้ยินว่า  การเกิดที่จะได้อย่างยากในยุคปัจจุบันมี ๔ อย่างคือ
   
เกิดมาเป็นมนุษย์ ยากอย่างที่หนึ่ง
   เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา ยากอันดับสอง
   เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา และอยู่ในสมัย
ที่พุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่  ยากอันดับสาม.
   เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา  อยู่ในสมัย
ที่พุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่  และได้พบพระพุทธองค์ได้ฟังเทศนา
จากพุทธองค์  ยากอันดับสี่.


พบพุทธศาสนาแล้ว ควรทำอย่างไร
   ในยุคปัจจุบัน  ประเทศไทยเราถือว่า ในอยู่แดนของพุทธศาสนา
และเราได้มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว  ถือว่า เรายังโชคดีที่ยังอยู่
ในเกณฑ์การเกิดยาก อันดับสอง  เพราะยังมีหลักธรรมให้ประพฤติ
ปฏิบัติได้  แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ  การศึกษาหลักธรรมในปัจจุบัน  มี
บางท่านเห็นผิดไปจากความเดิม   อันเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
   เหมือนดั่งคำอาจารย์ที่ว่า  จับงูที่หาง  จะถูกงูกัดตาย    หรือ
ดังความว่า บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไป  ฉะนี้เป็นต้น
   ฉะนั้น  ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา  ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
จึงควรขวนขวายหาความรู้ในหลักธรรม  โดยความสุขุมรอบคอบ
พิจารณาไตร่ตรอง  ใคร่ครวญ  สอบถาม  เทียบเคียง กับบัณฑิตและ
ครูบาอาจารย์


เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า

   สิ่งหนึ่งที่จะพึงให้เราสังเกตุได้ว่า การศึกษาในธรรมของเรา
มาถูกทางหรือเปล่า คือ สังเกตุในจิตใจของตัวเราว่า เรามีความ
โลภอยากได้  มีความโกรธอาฆาต  และหลงไปกับสิ่งต่าง ๆ น้อย
หรือมากกว่าเดิม เช่น  มีมิจฉาทิฏฐิ  ดื้อรั้น  ถือดี  ขัดเคืองใจง่าย 
ไม่ฟังคำเตือนของกัลยาณมิตร ถือว่า เราเดินทางผิด   
   แต่ถ้าหากศึกษาธรรมแล้ว  เริ่มเข้าใจสภาวความจริงของธรรมชาติ
ว่า  ทุกสิ่งในโลกทั้งหมดล้วน  เกิดขึ้น  ตั้งอยู่ และดับไป  ทุกสิ่งล้วน
อาศัยเหตุอาศัยปัจจัยจึงเกิดขึ้น  ไม่มีอะไรเป็นอยู่คงอยู่ด้วยตัวมันเอง
โดยไม่อาศัยปัจจัยปรุงแต่งขึ้น   สิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัสในขณะนั้น
ก็เพราะสิ่งนั้นอาศัยเหตุ อาศัยปัจจัยจึงมีขึ้น  เมื่อหมดปัจจัยอันปรุงแต่ง
ขึ้นแล้ว  สิ่งนั้นก็มิได้มีอยู่จริง   เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ให้สังเกตุจิตใจ
เราเองว่า เรามีโลภอยากได้จนเกินเหตุหรือเปล่า
 

      เราเป็นคนถือดีหรือเปล่า 
      เราเป็นคนโกรธง่ายหรือเปล่า
      เราหลงไปติดยึดกับสภาพแวดล้อมหรือเปล่า
      เรามีจิตใจอ่อนโยน มีสัมมาคารวะหรือเปล่า
      เรามีเมตตา กรุณา ต่อสรรพสิ่งทั้งหลายมากขึ้นหรือเปล่

   
หากเราสังเกตุแล้ว  เห็นว่า สิ่งที่ดีที่กล่าวมามีมากขึ้นในจิตใจ 
สิ่งที่ไม่ดีที่กล่าวมามีน้อยลงในจิตใจ   ถือว่า เราเดินทางถูก

อย่าได้เสียชาติเกิด   
เมื่อเรามีความเห็นตรง  ก็จงพัฒนาจิตให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้น
เพื่อความหลุดพ้นจากวัฏฏะ  อันเป็นกองทุกข์ทั้งสิ้น.
อย่าให้เหมือนคำว่า เข้าถ้ำสมบัติแล้วออกมามือเปล่า  อันจะเป็น
การเสียชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา**

   
ที่มา
พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน
#ขุทฺทก.อ. ๑/๖/๑๔๒; ม.อุ. ๑๔/๕๗๙-๕๙๖;ที.ปา. ๑๑/๒๘๖.
#สํ.สฬ. ๑๘/๕๙๘-๖๐๑; สํ.ม. ๑๙/๑๗๙๒-๑๗๙๓; องฺ.จตุกฺก.๒๑/๘๕


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 25, 2010, 01:42:02 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ