ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การประหารกิเลส ในการภาวนา เป็นอย่างไรคะ ที่ว่าสิ้นสุด  (อ่าน 6994 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เมื่อเราภาวนา กรรมฐาน ไปแล้ว มีวิธีตรวจสอบ

การประหารกิเลส ตามสังโยชน์ อย่างไรคะ

เราจะสามารถทราบได้ ว่า กิเลสของเราได้ถูกประหารแล้ว
 :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การประหารกิเลสได้ในภาษา กรรมฐาน นั้นเรียกว่า วิมุตติ คือ พ้น ให้ผลคือ หมดสังโยชน์ ตามลำดับชั้น

ซึ่งมีคำหลายคำที่ใช้ วิมุตติ บ้าง ปหาน บ้าง เป็นต้น

ในภาษากรรมฐาน นั้นมักจะใช้อยู่ 2 ความหมาย

 ถ้าใช้คำว่า ประหารกิเลส โดยตรงก็ใช้คำว่า ปหาน

 ปหาน ในบท 2 มีดังนี้

   1.สมุจเฉทปหานะ การละด้วยการตัดขาด จัดเป็นโลกุตตรมรรค

   2.ปฏิปัสสัทธิปหานะ การละด้วยการสงบระงับ จัดเป็นโลกุตตรผล


ปหาน ในบท 3 มีดังนี้

  1.เนกขัมมปหานะ เป็นเครื่องสลัดออกจากกาม

  2.อรูปฌาน  เป็นเครื่องสลัดออออรูปฌาน

  3.นิโรธ เป็นเครื่องสลัดออกจากสังขตธรรมที่เกิดขึ้นแล้วอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งอาศัยกันและกันเกิดขึ้น

ปหาน ในบท 4 ดังนี้

  1.เมื่อรู้แจ้งทุกขสัจ ด้วยการกำหนดรู้ ชื่อว่าย่อมละ ( กิเลสที่ควรละ )ได้

  2.เมือรู้แจ้งสมุทัยสัจจะด้วยการละ ชื่อว่าย่อมละ ( กิเลสที่ควรละ ) ได้

  3.เมื่อรู้แจ้งนิโรธสัจด้วยการทำให้แจ้ง ชืื่อว่าย่อมละ ( กิเลสที่ควรละ ) ได้

  4.เมื่อรูแจ้งมัคคสัจด้วยการเจริญ ชื่อว่าย่อมละ ( กิเลสที่ควรละ ) ได้


ปหาน ในบท 5 มีดังนี้

  1.วิกขัมภนปหานะ  การละด้วยการข่มไว้

  2.ตทังคปหานะ การละด้วยองค์นั้น เพียงแค่นั้น

  3.สมุจเฉทปหานะ การละด้วยการตัดขาด

  4.ปฏิปัสสัทธิปหานะ การละด้วยการสงบระงับ

  5.นิสสรณปหานะ การละด้วยการสลัดออก

 
   การละนิวรณ์ ด้วยการข่มไว้ ย่อมมีแก่บุคคลผู้เจริญปฐมฌาน

   การละทิฏฐิสังโยชน์ด้วยองค์นั้น ๆ ย่อมมีแก่บุคคละผู้เจริญสมาธิซึ่งเป็นส่วนแห่งการชำแรกกิเลส

   สมุจเฉทปหานะ เป็นโลกุตตรมรรค

   ปฏิปัสสัทธิหานะ เป็นโลกุตตรผล
   
   นิสสรณปหานะเป็นนิโรธ คือ พระนิพพาน


    อะไร เป็นสิ่งที่ ควรละ

    จักขุควรละ รูปควรละ จักขุวิญญาณควรละ จักขุสัมผัสควรละ สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือ อทุกขมสุข

เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัยควรละ เป็นต้น

    พระโยคาวจรเมื่อเห็นรูป  ชื่อว่าย่อมละ ( กิเลสที่ควรละ )ได้ เมื่อเห็นเวทนา ( ขันธ์ 5) ชื่อว่าย่อมละ

 เมื่อเห็นจักขุ  ชื่อว่าย่อมละ เมื่อเห็น ชราและมรณะ ย่่อมละ เมื่อเห็นธรรมที่หยั่งลงสู่อมตะคือนิพพาน

 เพราะมีสภาวะเป็นที่สุด ชื่อว่าย่อมละ ธรรมใด ๆ ที่ละได้แล้ว ธรรมนั้น ๆ เป็นอันละได้แล้ว เป็นต้น


   เจริญพรแต่เพียงเท่านี้

   ;)
     


บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นขั้นตอนที่ควรทราบ จริง ๆ ครับ
 :25:
บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ต้องการให้ผู้ภาวนา ทุกท่าน ทบทวนเรื่องการผลของการภาวนา
จะผ่านพ้นปีอีกปีแล้ว กิเลสลดน้อยหรือไม่

ทบทวนผลการภาวนา
ตรวจสอบการละสังโยชน์

เจริญธรรม

  ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ