ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่  (อ่าน 11113 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

ปิดทริป ธรรมะสัญจร อิสาณ เรื่องสุดท้าย นะ กับความบังเอิญ ที่ไม่บังเิอิญ กับการได้ไปกราบนมัสการพระธาตุบังพวน


  พระธาตุบังพวน ตั้งแต่เราเหยียบย่างเข้าสู่ หนองคาย จนกระทั่งไป อุดรธานี ไม่มีใครแนะนำให้ไป และไม่มีข้อมูลให้เราสนใจ แต่หลังจากได้เดินทางผ่านไป 3 วัน ในคืนที่ 3 ก็ นิมิต ฝันเห็นเจดีย์ สีเหลืองอ่อน และนิมิตเห็นคน ถูกขื่อคาถูกกักขังอยู่ในคุก จำนวน 2 คน ผอม และ อ้วน คนทั้งสองได้บอกว่าถ้าเราได้ไปถึงเจดีย์สีเหลืองนี้ จะทำให้เขาหลุดจากขื่อคาได้ ตื่นมาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่รู้จัก และไม่รู้จะไปยังไง ทำอย่างไร


ในค่ำคืนที่ 4 ก็ นิมิตแบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ได้รับคำแนะนำ จากหลวงตารูปหนึ่งท่านกล่าวว่า ถ้าไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ก็ให้อธิษฐานไว้ในใจ ให้เทวดาพาไป ก็ได้เดี๋ยวก็ได้ไปเอง ครั้นพอตื่นมา ทบทวนแล้วก็ได้ทำการอธิษฐานว่า ถ้าเรามีบุญวาสนากับ เจดีย์พระธาตุนี้ขอให้มีคนพาไป ก่อนที่จะกลับ ด้วยเถิด


เหมือนคำอธิษฐาน จะสัมฤทธิผล และแล้วในวันเดินทางกลับ หลังจากที่โยมได้พาไปดูวัดโคกเจริญเสร็จแล้ว แทนที่จะพากลับเส้นททางเก่าซึ่งมีระยะทางใกล้กว่า โยมกลับพามาอีกทาง โดยมีเหตุหลวงพ่อชาลีท่านคิดถึงอุปํฏฐากท่าน ก็เลยให้คนขับรถขับไปหาอุปัฏฐากท่าน แต่ครั้นใกล้่จะถึงนั้น เราได้เห็นละมองออกไปด้านหน้าเห็นเจดีย์เหลืองอร่ามอย่างในนิมิต ขึ้นมาจึงบอกให้คนขับแวะทันที จึงได้เข้ามาถึง วัดพระธาตุบังพวน



ตอนที่ลงจากรถ ก็มีภาพปรากฏขึ้นมาในใจ อย่างรวดเร็ว เหมือนหนังเรื่องหนึ่งไวมากเพียง 3 นาทีก็เห็นภาพซ้อนภาพในสถานทีี่นี้ เหมือนคนตาลายเห็นภาพลวงตา แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ใ่ช่เป็นเรื่องแปลก เพราะเป็นมานานแล้วหลายปี ที่เป็นอย่างนี้ จึงไม่ได้นำมาคิดปรุงแต่ง เพียงแต่สักว่าเห็น ว่ารู้เท่านั้น จึงได้เดินเข้าไปที่องค์พระธาตุเพื่อกราบนมัสการตามที่ ได้อธิษฐานไว้


หลังจากได้กราบแล้ว ก็ได้ทำการประทักษิณ รอบองค์พระธาตุ แล้วถ่ายภาพเก็บมาฝากท่านทั้งหลาย แต่รอบนี้ลำบากเรื่องเก็บภาพเพราะแบตเตอรีี หมด ต้องปิดเปิดกล้องพักเป็นช่วง ๆ จึงเก็บภาพเหล่านี้มาได้ ตามอัตภาพ ดังนั้นภาพชุดนี้ จึงมีจำนวนน้อย



เมื่อยืนและมอง บรรยากาศในบริเวณวัดพระธาตุบังพวน ทำให้นึกถึง เมือง อโยธยา ทันทีเพราะมีลักษณะก่อสร้างคล้ายคลึงกัน อยู่หลายส่วนและ สภาพเมืองเก่า ที่มีการอนุรักษ์ ใ้ห้เห็นสภาพเป็นบางส่วน นั้นมองเห็นเด่นชัด



หลังจากได้เดินออกจากองค์รั้ว องค์พระธาตุแล้ว พอเราก้าวเท้าแรก ออกมายืนหันกลับไปมององค์พระธาตุอีกครั้ง เพื่อจะถ่ายภพา พลันนั้น ระฆังใบเล็กที่อยู่บนยอดพระธาตุ ใบหนี่ง ก็มีการกวัดแกว่ง เป็นสัญญาณ เหมือนระฆังทำวัตร ซึ่งเราก็ยืนมองกันสององค์ เพราะไม่มีลมเลยแต่ระฆังก็กวัดแกว่ง เหมือนมีใครโยกอยู่ ทั้งที่ถ้ามีลมก็ควรจะดังทั้งหมด 4 ใบ นี่กลับมีการกวัดแกว่ง อยู่เพียงใบเดียว แถมเป็น ใบกลางด้วย จึงหันไปบอก ท่านนิพนธ์ว่า เทวดาเขาอนุโมทนา ที่เรามากราบนมัสการพระธาตุ ท่าน นิพนธ์ตอบว่า ผมนึกแล้ว เพราะดูผิดธรรมชาติ ระฆังใบนั้นดังครบรอบเหมือน พระที่ทำวัตรไม่มีผิดเลย เริ่มด้วย 1 รัว 3 ชุด 3 ลา จริงๆ


ตอนที่ไปถึงวัดพระธาตุบังพวนก็เป็นเวลา  15.45 น. แล้วนะ ดังนั้นแดดที่ส่องด้านนี้จึงเป็นที่บอกทิศได้ อย่างดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 05:14:32 pm โดย DANAPOL »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:39:55 am »
0



ยอดเจดีย์ ที่มีระฆังใบน้อย ๆ แต่เสียงดังกังวาน ดีมาก อยู่ด้านบน


อุบาสก อุบาสิกาน้อย มายืนรอ ขอขนม มีลูกอมที่ได้ถวายมาเมื่อสักครู่อยู่ถุงหนึ่งกำลังคิดอยู่ว่า เราก็ไม่อมซะด้วยจะแจกใครดี ได้จังหวะแล้ว แต่ก่อนให้บอกให้สวดมนต์ให้ฟังก่อน แต่อายุ 3 ขวบ 5 ขวบ สวดไม่ได้เลยให้ว่าตาม บท นะโม และ คำนมัสการ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์


เจดีย์เก่า ที่อยู่ในบริเวณพระธาตุมีหลายเจดีย์ มีทั้งซากเก่า และ ที่คงสภาพอยู่ไม่กี่เจดีย์


แสดงถึงความรุ่งเรือง ทางพระพุทธศาสนา ที่มีกับชาวบังพวน ทุกคนเพราะการสร้างวัดและพระธาตุระดับใหญ่อย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายในสมัยก่อนโน้น แสดงว่าวัดพระธาตุบังพวนต้องเป็นแหล่ง ศิลปะวิทยาด้วยในสมัยนั้น แต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อันนี้ยังไม่ทราบ


องค์หลวงพ่อใหญ่ ที่อยู่ด้านซ้ายองค์พระธาตุ ก็น่าจะมีอายุไม่น้อย สันนิษฐานว่าตรงนี้เป็น อุโบสถ หรือ วิหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ด้วย


เราเคยเห็น แต่ศิลปะเจดีย์ ทางอิสาณ ซึ่งจะขึ้นเป็น รูปสี่เหลื่ยม แต่พอได้เห็น ฐานเจดีย์ที่นี่ซึ่งเป็นลักษณะคุ้มระฆังคว่ำ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่เป็นลักษณะภาคกลางแสดงให้เห็นว่า พระที่มาสร้างน่าจะมาจากภาคกลางด้วย ต้องไปตามประวัติถูกผิดอย่างไร ก็ให้เป็นแค่คำสันนิษฐานส่วนตัว



บรรยากาศโดยรวม ทำให้นึกถึงเมืองอยุธยา จริง ๆ ภาพชุดนี้มีน้อยเนื่องด้วยแบตเตอรีหมด นะจ๊ะจึงมีฝากให้ท่านทั้งหลายได้ชมกันเพียงเท่านี้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 05:16:44 pm โดย DANAPOL »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:53:19 am »
0


สถานที่ตั้ง เลขที่ ๑๗๒ บ้านพระธาตุบังพวน หมู่ที่ ๓ ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

ประวัติความเป็นมา
เจดีย์พระธาตุบังพวนสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ ดังปรากฏในคัมภีร์ใบลานชื่ออุรังคธาตุหรืออุรังคนิทานว่ามีพระอรหันต์ ๓ รูป คือ พระรักขิตเถระ พระธรรมรักขิตเถระ และพระสังฆรักขิตเถระ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะเถระ พร้อมด้วยศิษย์ซึ่งเป็นพระอรหันต์อีก ๕ รูป เดินทางไปประเทศอินเดียอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวน ๔๕ พระองค์ มาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ ๔ แห่ง คือ
ที่พระเจดีย์พระธาตุบังพวน ๒๙ องค์
ที่พระธาตุกลางน้ำ เมืองหล้าหนองคาย ๙ องค์
ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว (ธาตุบุ๋) ๓ องค์ และ
ที่พระธาตุหอผ้าหอแพร ๔ องค์
ในปีพุทธศักราช ๒๑๐๓ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองหลวงพระบางมาสร้างใหม่ที่เมืองเวียงจันทน์ ได้มีพระราชศรัทธาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยได้สร้างเสริม พระธาตุบังพวนให้ใหญ่โตขึ้น โดยก่ออิฐโลมต่อออกไปอีก และได้ก่อสร้างกำแพงรอบวัด ซุ้มประตูทั้ง ๔ ทิศ ในบริเวณลานพระธาตุ สร้างอุโบสถ วิหารพระประธาน และพระนาคปรก รวมทั้งศิลาจารึกไว้ที่ข้างพระประธานในวิหาร ทรงสร้างสระน้ำ และบ่อน้ำในบริเวณวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๒๑๐ มีเขตวิสุงคามสีมาขนาดกว้าง ๔.๒๐ เมตร ยาว ๑๒.๖๐ เมตร
วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๓ เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา เจดีย์พระธาตุบังพวนได้พังทลายลง เนื่องจากเกิดพายุและฝนตกหนักรัฐบาลไทยโดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหม่ในเวลาต่อมา สิ้นงบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน) โดยสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (วาส มหาเถระ) เสด็จเป็นองค์ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๒๐และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๒ พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการยกฉัตรขึ้นสู่ยอดองค์พระธาตุบังพวน เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๑
ปัจจุบันทุกวันเพ็ญเดือน ๓ ของทุกปี ประชาชนในตำบลพระธาตุบังพวนจำนวน ๑๒ หมู่บ้าน จะร่วมใจกันจัดงานเทศกาลนมัสการพระธาตุบังพวน ๕ วัน ๕ คืน พร้อมกับเทศกาลนมัสการองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ชาวบ้านจะนำเอาข้าวเปลือก ๑ กระบุง หรือ ๑๒ กิโลกรัม ไปถวายเพื่อเป็นการบูชาองค์พระธาตุ เรียกว่า "ข้าวพุทธทาส" เพื่อเป็นการอธิษฐานขอศีลขอพรจากพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าได้โปรดให้ความคุ้มครองปลอดภัยและอยู่ดีมีสุขในปีต่อ ๆ ไป

ลักษณะของเจดีย์พระธาตุบังพวน
สภาพของเจดีย์พระธาตุบังพวน เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยม สร้างด้วยอิฐเผาและศิลาแลงฐานสูงจากผิวดิน ๑ เมตร มีฐานทักษิณ ๓ ชั้น รูปบัวคว่ำ ๒ ชั้น ต่อด้วยรูปปรางค์สี่เหลี่ยม บัวปากระฆังคว่ำ บัวสายรัด ๓ ชั้นรับดวงปลี บัวตูม และตั้งฉัตร ๕ ชั้น เนื้อทองแดงปิดทองคำ ส่วนฐานล่างแต่ละด้านกว้าง ๑๗.๒๐ เมตร ขนาดสูงสุดถึงยอดฉัตร ๓๔.๒๕ เมตร รูปทรงศิลปะท้องถิ่น ลักษณะจากเชิงบัวคว่ำรับองค์ปรางค์ ซุ้มชั้นบนเหมือนกับพระธาตุพนม จากบัวคว่ำลงมาถึงฐาน มีลักษณะเหมือนพระธาตุหลวงที่นครเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

หลักฐานที่พบ
นอกจากเจดีย์พระธาตุบังพวน ๑ องค์ พระปรางค์ ๓ องค์ เจดีย์เล็ก ๗ องค์ พระพุทธรูปใหญ่ ๑ องค์ พระนาคปรก ๑ องค์ ศิลาจารึก ๑ หลัก แล้วยังพบ "สัตตมหาสถาน" คือ สถานที่มีความสำคัญ ๗ แห่ง เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ๔๙ วัน หรือ ๗ สัปดาห์ เพื่อเสวยวิมุตติสุข ๗ แห่ง ๆ ละ ๗ วัน ซึ่งจำลองมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ดังกล่าวนี้พบในประเทศไทยเพียง ๒ แห่ง คือ ที่วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ และที่วัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะที่วัดพระธาตุบังพวนแห่งนี้สัตตมหาสถาน ครบทั้ง ๗ แห่ง ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย กล่าวคือ
๑. โพธิบัลลังก์ หมายถึง สถานที่พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตั้งอยู่ตรงกลางหมู่เจดีย์ ก่อด้วยอิฐ เป็นทรงกลม เหมือนรูปโอคว่ำ สูง ๓ เมตร กว้าง ๖ เมตร
๒. อชปาลนิโครธเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์รูป ๔ เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐถือปูน ตอนบนเจดีย์มีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิราบ ผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๓. มุจจลินทเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโพธิบัลลังก์ เป็นวิหารมุงหลังคาไม่มีฝากั้น ภายในมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ๙ เศียร ผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๔. ราชายตนเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยมเช่นเดียวกับอชปาลนิโครธเจดีย์ ตอนบนมีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิราบ ผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๕. รัตนเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโพธิบัลลังก์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ไม้สิบสองก่อด้วยอิฐถือปูน มีขนาดใหญ่เท่าเจดีย์องค์อื่น ตอนบนมีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิราบผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๖. อนิมิสเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยมก่อด้วยอิฐถือปูน มีขนาดเล็กกว่าเจดีย์องค์อื่น ๆ
๗. รัตนจงกรมเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐถือปูน ทางด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ก่อด้วยอิฐกว้าง ๑ เมตร ทอดยาวไปทางทิศตะวันออกเกือบจดกับอนิมิสเจดีย์ ซึ่งหมายถึงทางเสด็จจงกรมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (แก้ว อุทุมมาลา, ๒๕๓๖)

เส้นทางเข้าสู่วัดพระธาตุบังพวน
โดยเส้นทางหลวงแผ่นดินสายอำเภอท่าบ่อ-หนองคาย ระยะทาง ๒๒ กิโลเมตร

http://www.prapayneethai.com/th/archaeological_site/north_east/view.asp?id=0653
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:59:39 am »
0

การจำลอง
ที่วัดพระธาตุบังพวนแห่งนี้สัตตมหาสถาน ครบทั้ง ๗ แห่ง ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย


วัดที่จำลอง
สัตตมหาสถาน ที่พอหาดูได้ใน กทม. คือวัด สุทัศน์   อันประกอบด้วย สัญญลักษณ์




          1.ต้นโพธิ์ลังกา นำกิ่งพันธุ์มาจากประเทศลังกาที่เมืองอนุราธปุระมาปลูกไว้สมมุติเป็นต้นมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ ปลูกอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ใต้ต้นโพธิ์มีรัตนบัลลังก์ไว้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมและหมู่มารรูปร่างหน้าตาต่าง ๆ กัน ตั้งอยู่หน้ารัตนบัลลังก์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระพุทธเจ้าหลังจากตรัสรู้แล้วได้เสด็จประทับเสวยวิมุติสุขภายใต้ร่มโพธิ์เป็นเวลา 7 วันเป็นสัปดาห์ที่ 1

          2.เก๋งจีน ศิลาจีนสลักเป็นรูปปราสาท ตั้งอยู่บนฐานสูงมีบันไดทางขึ้นรอบผนังฐานปั้นลายนูนต่ำรูปท้องฟ้าก้อนเมฆและเทวดาล่องลอยอยู่บนฟ้า เก๋งจีนนี้สมมุติเป็นอนินมิสเจดีย์ที่ประทับยืนทอดพระเนตรดูต้นมหาโพธิ์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากเสวยวิมุติสุขเป็นเวลา 7 วัน จึงเสด็จออกจากต้นมหาโพธิ์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วหันกลับมาประทับยืนจ้องดูต้นมหาโพธิ์โดยไม่กระพริบพระเนตรตลอด 7 วัน เป็นสัปดาห์ที่ 2 ภายในเก๋งจีนนี้ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางถวายเนตร
     

          3.แผ่นศิลาปูนบนฐานสี่เหลี่ยมสูง แผ่นศิลานี้สมมุติเป็นที่รัตนจงกรมเจดีย์ ดังพุทธประวัติกล่าวว่า เมื่อประทับยืนจ้องดูต้นโพธิ์ 7 วัน แล้วจึงทรงเนรมิตที่จงกรมขึ้นระหว่างต้มหาโพธิ์กับอนิมมิสเจดีย์ และเสด็จจงกรมเป็นเวลา 7 วัน เป็นสัปดาห์ที่ 3 บนแผ่นศิลาประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จจงกรม

          4.ศาลาศิลาทรงโรงแบบจีน สิลาจีนสลักรูปอาคารหรือเรือนอีกหลังหนึ่งที่มีฐานเตี้ยกว่าหลังแรก สมมุติเป็นเรือนแก้วหรือรัตนฆรเจดีย์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ พุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากเสด็จจงกรม 7 วัน แล้วทรงเนรมิตเรือนแก้วขึ้นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นมหาโพธิ์ แล้วพระองค์ประทับนั่งพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน เป็นสัปดาห์ที่ 4

          5.ต้นไทรบนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทับนั่งยกพระหัตถ์ขวาห้ามธิดาพญามาร มีรูปกระบือสลักจากศิลาจีนตั้งอยู่บริเวณต้นไทร ต้นไทรนี้สมมุติเป็นต้นอชปาลนิโครธ ดังพุทธประวิติกล่าวว่า หลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรม พระองค์ได้เสด็จไปทางทิศตะวันออกแห่งต้นมหาโพธิ์ ประทับนั่งใต้ไม้ไทร อันเป็นที่อาศัยของคนเลี้ยงแพะเป็นเวลา 7 วัน เพื่อเสวยวิมุติสุข เป็นสัปดาห์ที่ 5 ได้มีพญานาคมาอาราธนาให้เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานแต่ทรงปฏิเสธ พระองค์ทรงให้รอจนกว่าพุทธบริษัทจะสืบศาสนาก่อนต้นจิกบนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรกมีอ่างรูปสี่เหลี่ยมสลักด้วยศิลาจีนปลูกบัวใส่ปลาและเต่าในอ่าง สมมุติต้นจิกเป็นต้นมุจลินท์ ดังพุทธประวัติว่าในสัปดาห์ที่ 6 เสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นมหาโพธิ์ ประทับใต้ต้นจิก ทรงนั่งเสวยวิมุติสุขเป็นเวลา 7 วัน ตลอดสัปดาห์มีฝนตกตลอด พญานาคมุจลินทร์จึงแผ่พังพานปกพระเกษกันฝน และลมมิให้ต้องพระวรกาย ครั้งฝนหายแล้วก็คลายขนาดจำแลงเพศเป็นมานพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์

          7.ต้นเกดบนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรับผลสมอนั่งสมาธิ หัตถ์ขวาถือผลสมอ ด้านข้างมีศิลาจีนสลักรูปม้าเทียมเกวียน ต้นเกดนี้มีคุณสมบัติเป็นต้นไม้ราชายตนะ ในพุทธประวัติกล่าวว่า ในสัปดาห์ที่7 นี้ พระพุทธองค์เสด็จออกทางทิศใต้ของต้นมหาโพธิ์เสด็จไปยังต้นราชายตนะประทับเสวยวิมุติสุขเป็นสัปดาห์สุดท้าย ณ ที่นี้พระองค์ทรงได้ปฐมอุบาสก 2 คน ชื่อตปุสสะและภัลลิกะ ซึ่งเดินทางมาค้าขาย เห็นพระองค์เข้าเกิดความเลื่อมใส จึงนำข้าวสัตตุผงและข้าวสัตตุก้อน ซึ่งเป็นเสบียงเดินทางถวาย พ่อค้าทั้งสองคนได้แสดงตนเป็นอุบาสก อ้างพระพุทธกับพระธรรมเป็นสรณะ นับเป็นอุบาสกคู่แรก แล้วเดินทางค้าขายต่อไป
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 10:03:34 am »
0


  สำหรับ สัตตสถานที่วัดพระธาตุบังพวนยังมีครบถ้วนทั้งเจ็ดองค์ และมีแผนที่ตั้งเหมือนกันกับที่พุทธคยา ประมวลได้ดังนี้  นั้นคืออย่างไรตั้งตรงไหน ในวัดให้ไปอ่านเพิ่มเติมจากลิงก์นี้ นะจ๊ะ

 http://www.oknation.net/blog/chanidapa13/2012/07/16/entry-1
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 04:56:09 pm »
0
อ่านแล้ว ได้ทราบเรื่องราว และน่าติดตาม คะ
  st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 05:04:08 pm »
0
อ้างถึง
้เจดีย์พระธาตุบังพวนสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ ดังปรากฏในคัมภีร์ใบลานชื่ออุรังคธาตุหรืออุรังคนิทานว่ามีพระอรหันต์ ๓ รูป คือ พระรักขิตเถระ พระธรรมรักขิตเถระ และพระสังฆรักขิตเถระ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะเถระ พร้อมด้วยศิษย์ซึ่งเป็นพระอรหันต์อีก ๕ รูป เดินทางไปประเทศอินเดียอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวน ๔๕ พระองค์ มาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ ๔ แห่ง คือ
ที่พระเจดีย์พระธาตุบังพวน ๒๙ องค์
ที่พระธาตุกลางน้ำ เมืองหล้าหนองคาย ๙ องค์
ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว (ธาตุบุ๋) ๓ องค์ และ
ที่พระธาตุหอผ้าหอแพร ๔ องค์

 สงสัยเรื่องจำนวนพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ คะ เพราะในพระสูตรกล่าวถึงสมเด็จองค์ปฐม ตามพระดำรัสพระสูตร อาฏานาฏิยสูตร นั้นปรากฏ แค่ 28 พระองค์ เองนะคะ

  :67: :smiley_confused1: :13:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

kindman

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 272
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 05:06:00 pm »
0
ตำนาน อาจจะบันทึก คลาดเคลื่อนะครับ

  เอาเป็นว่า ฟังหู ไว้หูก่อน และเชื่อพระสูตรหลักไว้ก่อนนะครับ


 :67:
บันทึกการเข้า

drift-999

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 239
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 11:41:37 pm »
0
สาระหนึ่งทีเ็ห็นก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง การเดินทางจาริกของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ย่อมมีแก่นสารให้เราได้อนุโมทนา ครับ


  st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 12:08:18 am »
0
อนุโมทนา สนใจเรื่อง นิมิตที่พระอาจารย์นำเรื่อง ไว้หน่อยหนึ่งครับ

 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 10:38:11 am »
0
อยากให้พระอาจารย์ เล่าเรื่องเป็น เสียงคงจะน่าฟังมากคะ เกี่ยวกับตำนาน ต่าง ๆ ที่พระอาจารย์เดินทางจาริก เพราะสายตาอ่านตัวหนังสือลำบาก คะ ตอนนี้ จอเล็กคะ

 thk56 st11 st12
บันทึกการเข้า

montra

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 76
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 10:46:43 am »
0
อยากให้พระอาจารย์ เล่าเรื่องเป็น เสียงคงจะน่าฟังมากคะ เกี่ยวกับตำนาน ต่าง ๆ ที่พระอาจารย์เดินทางจาริก เพราะสายตาอ่านตัวหนังสือลำบาก คะ ตอนนี้ จอเล็กคะ

 thk56 st11 st12

 เห็นด้วยครับ อยากให้พระอาจารย์ เล่าการเดินทาง ต่าง ๆ ให้ฟังบ้างครับ
บันทึกการเข้า

pichai

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 11:03:17 am »
0
 thk56

 พระอาจารย์ ที่นำเรื่องราวมาถ่ายทอด ให้รับทราบ ครับ

  st12
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 12:34:57 pm »
0
สงสัยเรื่องจำนวนพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ คะ เพราะในพระสูตรกล่าวถึงสมเด็จองค์ปฐม ตามพระดำรัสพระสูตร อาฏานาฏิยสูตร นั้นปรากฏ แค่ 28 พระองค์ เองนะคะ



พระบรมศาสดาแห่งเราท่านทั้งหลายนั้น ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อ 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัปที่แล้ว(พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติ (พระไตรปิฎกเล่มที่ 32)) และเริ่มสร้างบารมีโดยการอธิษฐานในใจว่าปรารถนาจะเป็นนับเนื่องในอสงไขยกัปที่ 1-16 แต่ครั้ง พระสัพพาภิภูพุทธเจ้า กระทั่งถึง 4 อสงไขยแสนกัปที่แล้วมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติถึง 4 พระองค์ เป็นสารมณฑกัป ได้แก่
 
1.   พระตัณหังกรพุทธเจ้า
2.   พระเมธังกรพุทธเจ้า
3.   พระสรณังกรพุทธเจ้า
4.   พระทีปังกรพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์แรกที่พยากรณ์ว่า พระโคดมพุทธเจ้าครั้งเป็นพระโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระ
      พุทธเจ้า)

ดังนั้น สมเด็จองค์ปฐมที่มีกล่าวอ้างถึงจึงมิใช่ พระตัณหังกรพุทธเจ้า หรือ พระทีปังกรพุทธเจ้า แต่เป็น พระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 และนิยมหล่อสร้างกันในกลุ่มเกจิคณาจารย์สายพุทธภูมิ อย่างเช่น วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยมีหลวงตาม้า (พระวรงคต วิริยธโร) ศิษย์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.ธนู จ.พระนครศรีอยุธยา ขวนขวายจัดสร้างอยู่ขณะนี้ วันที่ 3 มีนาคม 56 นี้ก็มีการจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมขนาดหน้าตัก 108 นิ้ว ณ โรงหล่อพุทธรังษี ปฏิมา จ.ปทุมธานี อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้า 7 ตุลาคม 55 ได้มีการจัดสร้างไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ใครใคร่ไปก็ขอเชิญมีอานิสงส์แก่ผู้ขวนขวานภาวนานะครับ



http://atcloud.com/stories/77787
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 01:23:50 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา