ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์อึด ถึก ต้องยกให้ 'คนไทย' ผลวิจัยชี้หนึ่งสัปดาห์ทำงานกันถึง 51 ชม.!!  (อ่าน 885 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


มนุษย์อึด ถึก ต้องยกให้ 'คนไทย' ผลวิจัยชี้หนึ่งสัปดาห์ทำงานกันถึง 51 ชม.!!

คนไทยทำงานหนักสุดใน 21 ประเทศจริงหรือ?? ...อะไร!! ยังไง!! เป็นไปได้เหรอ!! เสียงสูงกันเลยทีเดียว...ขอตอบว่า จริง ตามผลงานวิจัยเลยจ้า มาๆ จะสรุปให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ผลงานวิจัยดังกล่าว มีที่มาที่ไปอย่างไร???

จากผลงานวิจัยล่าสุดของบริษัท จีเอฟเค ประเทศไทย (GFK Thailand) บริษัทวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดและผู้บริโภค เปิดเผยผลสำรวจทิศทางและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคไทยและเอเชีย ปี 2558 พบว่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก จะย้ายมายังทวีปเอเชีย เนื่องจากภายในปี 2593 ประชากรโลกจำนวน 75% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง และจำนวนชนชั้นกลางมีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในภูมิภาคเอเชีย ที่พบว่า จำนวนชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นจาก 1.8 พันล้านคน เป็น 4.9 พันล้านคนในปี 2573 โดยส่วนมาก 66% จากของจำนวนชนชั้นกลางทั่วโลก เป็นชนชั้นกลางในทวีปเอเชีย...มาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งซีเรียส อ่านไปเรื่อยๆ ครับ

นอกจากนี้ ผลการวิจัยเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ภาคธุรกิจควรให้ความสนใจ ยังระบุถึง 3 ปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปด้วย จะอะไรบ้างน้า??


 :49: :49: :49: :49:

ปัจจัยแรกเป็นเรื่อง "ค่านิยม" ที่พบว่า ผู้บริโภคในระดับสากลถูกจำแนกด้วยค่านิยม 7 ประเภท คือ ผู้ยึดหลักความสำเร็จ, ผู้ที่ยึดหลักประเพณีนิยม, ผู้ยึดหลักอุปถัมภ์ , ผู้ที่ยึดหลักบรรทัดฐานทางสังคม, ผู้ที่ยึดหลักความอยู่รอด, ผู้ที่ยึดหลักการของตัวเอง และผู้ที่ยึดหลักสุขนิยม

คุณล่ะเป็นแบบไหน ยังไม่ต้องตอบ เพราะเรามีผลวิจัยเชิงลึกของผู้บริโภคในเอเชียมาฝากด้วย

โดยผลวิจัยชี้ว่า ผู้บริโภคในเอเชีย เป็นผู้ยึดหลักความสำเร็จ คือจะให้ความสำคัญอย่างมากต่อการประสบความสำเร็จ และการแสดงถึงสถานะทางสังคมและอาจยึดเอาผลประโยชน์ของตนเองไว้เหนือผู้อื่น โดยมีจีนและอินเดียมีเปอร์เซ็นต์สูงสุด ขณะที่ "พี่ไทย" กลับสวนกระแสคนเอเชีย มีเปอร์เซ็นต์ยึดหลักประเพณีนิยมสูงถึง 44% ที่เชื่อว่า วิถีชีวิตที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เป็นวิธีที่ดีที่สุดภายใต้กรอบความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรม และจารีตประเพณี ซึ่งมักปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่กำหนด และโน้มเอียงไปในทางที่ปิดกั้นนวัตกรรมใหม่ๆ ตรงนี้อาจเป็นเหตุให้ไทยมีอัตราการพัฒนานวัตกรรมค่อนข้างต่ำ


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

มาถึงเรื่องที่จั่วหัวไว้แต่ข้างต้น อยู่ในปัจจัยเรื่องนี้เลย ปัจจัยที่ 2 ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คือ "การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์" ที่ผลการวิจัยพบว่า ชนชั้นกลางในเอเชีย ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน โดยมี "ประเทศไทย" เป็นประเทศที่มีชั่วโมงการทำงานสูงสุด เมื่อเทียบกับ 21 ประเทศ

ผลการศึกษาพบว่า ในหนึ่งสัปดาห์ พนักงานประจำในไทย ทำงานเฉลี่ยแล้วทั้งหมด 51 ชั่วโมง ถ้าเทียบไปค่าเฉลี่ยชั่วโมงการทำงานของพนักงานประจำทั่วโลก ที่อยู่ระดับ 36.3 ชั่วโมง โอ้ว...ทำไมคนไทยทำงานเยอะจัง

แล้วมาดูประเทศรองลงมา สถิติคือ พนักงานประจำประเทศอินเดีย ที่มีจำนวนชั่วโมงทำงานสูงรองจากไทยคือ 50.6 ชั่วโมงต่อหนึ่งสัปดาห์ ถัดลงไปจึงเป็นจีนและอินโดนีเซีย ที่ทำงาน 45.3 ชั่วโมง ส่วนญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึง เขาทำงานกันแค่ 37.3 ชั่วโมงต่อหนึ่งสัปดาห์แค่นั้นเอง แหม่…อยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นจัง 555

สำหรับเหตุผลที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเป็นปัจจัยที่ 3 คือ พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยี โดยการเติบโตของเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ ในประเทศเอเชียแปซิฟิก ได้รับการขับเคลื่อนโดยสมาร์ทโฟนราคาถูก และแย่งส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล เครื่องเล่นสื่อแบบพกพา และเครื่องมือนำทางรถยนต์



นอกจากนี้ ผลสำรวจผู้บริโภคจำนวน 989 คน ที่มีอายุระหว่าง 11-70 ปีทั่วประเทศไทย ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภค 70% ใช้สมาร์ทโฟน 23% ใช้โทรศัพท์มือถือธรรมดา 18% ใช้แท็บเล็ต 17% ใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปส่วนตัว 13% ใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปส่วนตัว และใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปของที่ทำงานอีก 12% โดยร้อยละ 77 ของผู้ให้สัมภาษณ์จะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน 53% เข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่บ้าน 33% เข้าถึงที่โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, ที่ทำงาน และ 24% เข้าถึงจากฮอตสปอต WiFi...จริงเสียยิ่งกว่าจริง!

และจากการที่สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สื่อดิจิตอลเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น กลุ่มชนชั้นกลางของประเทศไทย ที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่ง จะให้ความสำคัญอย่างมากในการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ โดยผลวิจัยกิจกรรมหลักของผู้บริโภคบนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน บ่งบอกว่า การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์มีปริมาณสูงถึง 58% การดูคลิปวิดีโอหรือรายการต่างๆ 43% การรับส่งอีเมล์ 38% การดูทีวีและการสนทนา มีสัดส่วนที่เท่ากันคือ 22% การอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารออนไลน์ 21% อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังนิยมค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวทางออนไลน์ และซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์อีกด้วย

สุดท้ายเรื่องราวเหล่านี้คงจะมีประโยชน์กับใครหลายคนไม่น้อย จะวางแผนทำธุรกิจ จะเปิดร้าน ขายของ หรือจะอ่านประเทืองปัญญาก็ไม่ว่ากัน แต่ในส่วนของผลสำรวจจะเป็นอย่างไรนั้น เราในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ก็ยังคงต้องทำงาน รับผิดชอบในหน้าที่กันต่อไปเด้อค่ะ

สุขสันต์วันทำงานของคนไทยหลายๆ คน…Have a nice day ค่ะ.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/509429
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 like1 like1 like1 thk56
คนไทย นักสู้ หัวใจเต็มร้อย อึด ถึก
บันทึกการเข้า