ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
หน้า: [1] 2 3 ... 10
 1 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 02:26:47 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
เลื่อนกระทู้

 2 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:34:37 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้ 

 3 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:00:54 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
เลื่อนกระทู้

 4 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:29:24 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



อานิสงส์ของการสวดมนต์
โดยท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี

เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ที่บ้าน ครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดระฆังมายังบ้านของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี

ซึ่งในขณะนั้น มีอุบาสกอุบาสิกานั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป็นจำนวนมาก ด้วยต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยา เจ้าประคุณสมเด็จโตได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์ “เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์”

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่า ยังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลา
มากหรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการ
กล่าวถึงคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์ อรหันต์ อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร

การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสาเร็จเป็นพระอรหันต์

@@@@@@@

ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกัน คือ
    • เมื่อฟังธรรม
    • เมื่อแสดงธรรม
    • เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
    • เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
    • เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ

การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม

การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไป เพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อม ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่นคือ
    • กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม
    • ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย
    • วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาดหากมีและกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เดียว


@@@@@@@

อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดังพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น

ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะทำให้เกิด
ความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้นๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด

ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอยได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย

เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่างๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้ ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดาทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตรายได้อย่างดีเยี่ยม

    "ดูก่อน ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใดๆก็ดี จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล.."

    “…กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้ กรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง…”
        {คำสอนของสมเด็จพระพุฒจารย์(โต พรหมรังสี)}





ขอขอบคุณ :-
ที่มา : จากหนังสือ บทสวดมนต์ | https://www.dra.go.th/
ภาพ : https://www.pinterest.ca/pin/109212359705607817/

 5 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:04:06 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



ประโยชน์ของการสวดมนต์

สวดมนต์ ๑ ครั้ง เกิดผลดีแก่ชีวิต ๑๓ ประการ

    ๑. ได้สะสมคุณงามความดี คือบุญกุศลให้เกิดมีในจิตใจมากขึ้น
    ๒. ได้พักกายพักใจจากเรื่องวุ่นวาย ให้รู้สึกผ่อนคลาย นิ่งสงบ
    ๓. ได้ใกล้ชิดกับพระรัตนตรัยดลให้กล้าหาญในการละชั่วทําดีมากขึ้น
    ๔. ได้ขัดเกลากิเลสคือโลภ โกรธ หลง ในใจให้เบาบางเจือจางลง

    ๕. ได้เรียนรู้ เข้าใจในหลักธรรม ฉลาดสามารถแก้ทุกข์ให้กับตนได้
    ๖. จิตใจอ่อนโยน มีเมตตา ให้อภัยได้ง่าย สุขง่าย ทุกข์ยาก
    ๗. มีสติยับยั้งในบาปอกุศล คิด พูด ทํา ในสิ่งที่เป็นกุศลได้ง่าย
    ๘. เมื่อทําดีแล้วก็เกิดความภูมิใจ ชื่นใจ และนับถือตนเองยิ่งขึ้น
    ๙.  เวลาท่าสมาธิ จิตจะสงบตั้งมั่นได้เร็ว

  ๑๐. ทําให้มารดาบิดา บุตรธิดา ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลไปกับตนด้วย
  ๑๑. ช่วยรักษาพระธรรมในรูปแบบของพุทธภาษา (ภาษาบาลี)
  ๑๒. หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ทําสิ่งใดสําเร็จผลได้ง่าย
  ๑๓. เป็นทางนําไปสู่วิมุตติ คือความหลุดพ้น ดังปรากฏในวิมุตตายตนสูตร (1-) ว่า ทางแห่งวิมุตติมี ๕ อย่าง คือ หลุดพ้นด้วย
       (๑) การฟังธรรม
       (๒) การแสดงธรรม
       (๓) การสาธยายธรรม (สวดมนต์)
       (๔) การคิดพิจารณา ธรรม
       (๕) การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

____________________________________________
(1-) พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๓ หน้าที่ ๒๐๔ ข้อที่ ๓๐๒ : ๒๕๓๘


ที่มา : หนังสือ บทเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล
จัดพิมพ์โดย มหาเถรสมาคม สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งขาติ


.



อานิสงส์การสวดมนต์ 13 ประการ

ผู้ที่สวดมนต์ด้วยความตั้งใจจริงแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์ คือ ผลความดีมากมาย ดังต่อไปนี้

    1. ทำให้สุขภาพดี การสวดมนต์ออกเสียง ช่วยให้ปอดได้ทำงาน เมื่อปอดทำงาน เลือดลมก็เดินสะดวก เมื่อเลือดลมเดินสะดวก ร่างกายก็สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และกรฉับกระเฉง

    2. คลายความเครียด ขณะสวดมนต์จิตจดจ่ออยู่กับบทสวด สมองไม่ได้คิดในเรื่องที่ทำให้เครียด จึงทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย

    3. เพิ่มพูนศรัทธาในพระรัตนตรัย บทสวดแต่ละบทเป็นการระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เมื่อสวดบ่อย จิตก็จะยิ่งแนบแน่นอยู่กับพระรัตนตรัย

    4. ขันติบารมีย่อมเพิ่มพูน ขณะสวดต้องใช้ความอดทนเพื่อเอาชนะอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ตลอดถึงอารมณ์ฝ่ายต่ำทั้งหลายมีความเกียจคร้าน เป็นต้น ยิ่งสวดบ่อย ความอดทนก็จะมีมากยิ่งขึ้น

    5. จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ ขณะสวดจิตจดจ่ออยู่กับบทสวด ไม่วอกแวกฟุ้งซ่านไปที่อื่น จึงทำให้จิตสงบและเกิดสมาธิมั่นคง

    6. บุญบารมีเพิ่มพูน ในขณะสวดมนต์ จิตใจย่อมปราศจากกิเลส มีความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นต้น จึงได้ชื่อว่าเกิดบุญบารมี บุญบารมีนี้ เมื่อสั่งสมมากเข้าก็จะเป็นทุนสนับสนุนให้บรรลุผลตามที่เราต้องการ

    7. จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา การแผ่เมตตาหลังจากสวดมนต์ เป็นการส่งความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ลดละความเห็นแก่ตัว เป็นอุบายกำจัดความโกรธในใจให้เบาบางและลดน้อยลง ทำให้จิตใจปราศจากความโกรธ และพบแต่ความสุข

    8. ปัญญาเกิด การสวดมนต์พร้อมคำแปล ทำให้ได้รู้และเข้าใจถึงความหมายของบทสวดนั้น

    9. ผิวพรรณผ่องใสและมีเสน่ห์ การสวดมนต์ทำให้จิตใจของผู้สวดสดชื่นเบิกบาน จิตที่สดชื่นเบิกบานย่อมส่งผลให้ผิวพรรณดี หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกเป็นมิตร รักใคร่เอ็นดู

  10. ศัตรูกลายเป็นมิตร ผู้เป็นมิตรยิ่งรักใคร่

  11. ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง

  12. ทำให้ดวงดี แก้ไขเคราะห์ร้าย ปัดเป่าเสนียดยิ้ม เพราะดวงชะตาของคนเราขึ้นอยู่กับการกระทำ ใครทำดี ดวงชะตาย่อมดี ใครทำชั่ว ดวงชะตาก็ตก การสวดมนต์เป็นการทำดีที่สามารถเปลี่ยนดวงชะตาให้ดีขึ้นได้

  13. ครอบครัวและสังคมสงบสุข ที่พ่อบ้าน แม่บ้าน สวดมนต์อยู่เป็นประจำ และสอนให้บุตรหลานได้สวดมนต์ จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง และการที่จะไปสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นก็ไม่มี มีแต่จะทำให้คนรอบข้างและสังคมอยู่เป็นสุข สงบ ร่มเย็น และยังเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นอีกด้วย

   จากหนังสือสวดมนต์พุทธฤทธิ์ พิชิตภัย



ขอบคุณที่มา : เฟซบุ้ค เห็นทุกข์เห็นธรรม | 25 มีนาคม 2022
https://www.facebook.com/DharmaBuddhismEnlighten/posts/1773391076189049


.


                                             
อานิสงส์ของการสวดมนต์ ๑๔ ประการ

    ๑. ทำให้มีสุขภาพดี การสวดมนต์ด้วยการออกเสียง ช่วยให้ปอดได้ทำงาน เลือดลมเดินสะดวก ร่างกายก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า

    ๒. คลายความเครียด ในขณะสวดมนต์จิตจะจดจ่อกับบทสวด สมองจะปลอดโปร่ง ไม่คิดในเรื่องที่ทำให้เครียด จึงทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย

    ๓. เกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย บทสวดมนต์แต่ละบทเป็นการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เมื่อสวดมนต์ไปก็เท่ากับว่าได้เพิ่มพูนศรัทธาความเชื่อเลื่อมใสในพระรัตนตรัยให้มั่นคงยิ่งขึ้น

    ๔. ขันติบารมีย่อมเพิ่มพูน ขณะที่สวดมนต์ต้องใช้ความอดทนอย่างสูงเพื่อเอาชนะความปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย รวมทั้งอารมณ์ฝ่ายต่ำที่จะเข้ามากระทบจิตใจทำให้เกิดความเกียจคร้าน ดังนั้น ยิ่งสวดบ่อยๆ ความอดทนก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น

    ๕. จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ ขณะที่สวดมนต์จิตจะจดจ่ออยู่กับบทสวดไม่วอกแวกวุ่นวายไปในที่อื่น จึงมีความสงบเกิดสมาธิมั่นคง สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส งดงาม แม้เพียงระยะเวลาน้อยนิด ก็เป็นบุญกุศลประมาณค่าไม่ได้

    ๖. เพิ่มพูนบุญบารมี ขณะที่สวดมนต์จิตใจจะสะอาด ปราศจากกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นต้น จึงเป็นบ่อเกิดแห่งบุญบารมี เมื่อสั่งสมมากเข้าก็จะเป็นทุนสนับสนุนให้บรรลุผลตามที่ต้องการได้

    ๗. จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา การแผ่เมตตาเป็นการมอบความรักความปรารถนาดีให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว เป็นอุบายกำจัดความโกรธให้เบาบางลงไป พบแต่ความสุขสงบ

    ๘. เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต การสวดมนต์เป็นการทำความดีทั้งทางกายคือการสละเวลามาทำ ทางวาจาคือการกล่าวคำสวดที่ถูกต้อง และทางใจคือการตั้งใจทำด้วยความมั่นคง ย่อมเกิดสิริมงคลแก่ผู้สวดภาวนาทุกประการ

    ๙. เทวดาคุ้มครองรักษา ผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำย่อมเป็นที่รักของเทวดา จะทำอะไรก็ตามหรือแม้แต่จะเดินทางไปที่ไหนๆ ก็ปลอดภัยจากอันตราย ประสบความสำเร็จเหมือนมีเทวดาให้พร

  ๑๐. สติมาปัญญาเกิด การสวดมนต์เป็นการสั่งสมคุณความดี ทำให้มีสติและมีจิตสำนึกที่ดีในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะถ้าสวดพร้อมกับคำแปลก็จะเกิดสติปัญญานำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้

  ๑๑. มีผิวพรรณผ่องใสจิตใจชื่นบาน การสวดมนต์ด้วยการเปล่งเสียงเป็นการกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง จะทำให้มีผิวพรรณผ่องใสใจเป็นสุข เพราะขณะที่สวดมนต์จิตจะตั้งมั่นในบุญกุศล ไม่คิดไปในเรื่องอื่นที่ทำให้ใจเศร้าหมอง

  ๑๒. พิชิตใจผู้คนให้รักใคร่ การสวดมนต์เป็นประจำจะทำให้ศัตรูกลายเป็นมิตร ผู้ที่เป็นมิตรอยู่แล้วก็รักใคร่กลมเกลียวกันมากยิ่งขึ้น แม้คนที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันก็จะหันกลับมาคืนดีในที่สุด

  ๑๓. ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย การสวดมนต์เป็นประจำ จะทำให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ในยามมีภัย ประสบวิบากกรรมร้ายจะมีมาถึงตัว เพราะจะทำให้มีสติอยู่ตลอดเวลา

  ๑๔. ครอบครัวเป็นสุขสดใส การสวดมนต์เป็นการสร้างความสุข และเกิดความสามัคคีในครอบครัว หากครอบครัวใดที่พ่อบ้านแม่เรือนสวดมนต์และสอนลูกหลานให้สวดมนต์เป็นประจำ จะมีความสงบสุข ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ส่งผลให้สังคมมีความสงบสุข



Thank to : https://www.vstarproject.com/vstarproject/page/news.php?nId_blog=577
4 ก.ค. 60 | โดย น.ส.นริสรา น้อยแสง | Bitly แก้ไข






อานิสงส์การสวดมนต์ 15 ประการ

ผู้ที่สวดมนต์ด้วยความตั้งใจจริงแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์ คือผลความดี มากมายดังต่อไปนี้

    1. ทำให้สุขภาพดี การสวดมนต์ออกเสียง ช่วยให้ปอดได้ทำงาน เมื่อปอดทำงาน เลือดลมก็เดินสะดวก เมื่อเลือดลมเดินสะดวก ร่างกายก็สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และกรฉับกระเฉง

    2. คลายความเครียด ขณะสวดมนต์จิตจดจ่ออยู่กับบทสวด สมองไม่ได้คิดในเรื่องที่ทำให้เครียด จึงทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย

    3. เพิ่มพูนศรัทธาในพระรัตนตรัย บทสวดแต่ละบทเป็นการระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เมื่อสวดบ่อย จิตก็จะยิ่งแนบแน่นอยู่กับพระรัตนตรัย

    4. ขันติบารมีย่อมเพิ่มพูน ขณะสวดต้องใช้ความอดทนเพื่อเอาชนะอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ตลอดถึงอารมณ์ฝ่ายต่ำทั้งหลายมีความเกียจคร้าน เป็นต้น ยิ่งสวดบ่อย ความอดทนก็จะมีมากยิ่งขึ้น

    5. จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ ขณะสวดจิตจดจ่ออยู่กับบทสวด ไม่วอกแวกฟุ้งซ่านไปที่อื่น จึงทำให้จิตสงบและเกิดสมาธิมั่นคง

    6. บุญบารมีเพิ่มพูน ในขณะสวดมนต์ จิตใจย่อมปราศจากกิเลส มีความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นต้น จึงได้ชื่อว่าเกิดบุญบารมี บุญบารมีนี้ เมื่อสั่งสมมากเข้าก็จะเป็นทุนสนับสนุนให้บรรลุผลตามที่เราต้องการ

    7. จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา การแผ่เมตตาหลังจากสวดมนต์ เป็นการส่งความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ลดละความเห็นแก่ตัว เป็นอุบายกำจัดความโกรธในใจให้เบาบางและลดน้อยลง ทำให้จิตใจปราศจากความโกรธ และพบแต่ความสุข

    8. เกิดความเป็นสิริมงคล การสวดมนต์เป็นการทำความดีไปพร้อมกันทั้งทางกาย วาจา ใจ การทำดี พูดดี คิดดี ย่อมเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

    9. เทวดารักษา ผู้ที่ประกอบกรรมดี ทางกาย วาจา ใจ ย่อมเป็นที่รักของเหล่าเทวดา และการที่เราได้แผ่เมตตาให้แก่เทวดานั้น ก็ยิ่งจะเป็นที่รักของเทวดามากขึ้น

  10. ปัญญาเกิด การสวดมนต์พร้อมคำแปล ทำให้ได้รู้และเข้าใจถึงความหมายของบทสวดนั้น

  11. ผิวพรรณผ่องใสและมีเสน่ห์ การสวดมนต์ทำให้จิตใจของผู้สวดสดชื่นเบิกบาน จิตที่สดชื่นเบิกบานย่อมส่งผลให้ผิวพรรณดี หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกเป็นมิตร รักใคร่เอ็นดู

  12. ศัตรูกลายเป็นมิตร ผู้เป็นมิตรยิ่งรักใคร่

  13. ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง

  14. ทำให้ดวงดี แก้ไขเคราะห์ร้าย ปัดเป่าเสนียดจัญไร เพราะดวงชะตาของคนเราขึ้นอยู่กับการกระทำ ใครทำดี ดวงชะตาย่อมดี ใครทำชั่ว ดวงชะตาก็ตก การสวดมนต์เป็นการทำดีที่สามารถเปลี่ยนดวงชะตาให้ดีขึ้นได้

  15. ครอบครัวและสังคมสงบสุข ที่พ่อบ้าน แม่บ้าน สวดมนต์อยู่เป็นประจำ และสอนให้บุตรหลานได้สวดมนต์ จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง และการที่จะไปสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นก็ไม่มี มีแต่จะทำให้คนรอบข้างและสังคมอยู่เป็นสุข สงบ ร่มเย็น และยังเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นอีกด้วย

   จากหนังสือ “พุทธฤทธิ์ พิชิตภัย" เลี่ยงเชียง




ขอบคุณที่มา : เฟซบุ้ค อมตะธรรม ประเทศไทย | 9 สิงหาคม 2022
https://www.facebook.com/amatatum/photos/a.416051701814506/5663040090448948/?paipv=0&eav=AfaP3sDDepEfdXm_dryaVDmDWB2Elw7o7xUelT0X5SSWSn7NF2QBAAcRMrLpTy6XG_4&_rdr

 6 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:34:50 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



สวดมนต์ก่อนนอน อานิสงส์ 9 ประการช่วยให้จิตใจสงบชีวิตดี พร้อมบทสวดมนต์

สวดมนต์ก่อนนอน บทสวดมนต์ก่อนนอน สร้างอานิสงส์ 9 ประการแก่ผู้กระทำ ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น เป็นผู้มีสติปัญญาที่ดี จิตใจสงบนอนหลับสบาย สวดมนต์ก่อนนอนถือเป็นกิจวัตรที่ถ้าหากใครได้ทำแล้วนั้นย่อมส่งผลดีต่อตัวผู้กระทำเอง เป็นการสร้างกุศลด้วยการเปล่งคำศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระพุทธเจ้า ช่วยให้จิตใจมีความสุข ร่างกายจึงหลั่งสารความสุขให้ชีวิตสดใส

นอกจากนี้ การสวดมนต์ก่อนนอน ยังช่วยปัดเป่าภัยอันตรายทั้งหลาย แถมช่วยให้คนคนนั้นเป็นผู้มีสมาธิ สติปัญญาที่ดี เป็นที่รักที่โปรดปรานของเหล่าเทวดาทั้งหลายทั้งปวง ช่วยให้มีจิตใจสงบ ช่วยให้นอนหลับง่าย ตื่นมาพร้อมความสดใส

@@@@@@@

9 อานิสงส์ของการสวดมนต์

    1. มีจิตใจสงบช่วยให้นอนหลับง่ายตื่นมาพร้อมความสดใส
    2. เป็นที่รักที่โปรดปรานของเทวดาทั้งหลายทั้งปวง
    3. เป็นผู้มีสมาธิ สติบัญญาที่ดี
    4. ปัดเป่าภัยอันตรายทั้งหลาย
    5. จิตใจมีความสุข ส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารความสุขให้ชีวิตสดใส
    6. ได้กุศลจากการเปล่งคำศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระพุทธเจ้า
    7. เกิดสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว ทำอะไรก็สำเร็จโดยง่าย
    8. ได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากกรรมดีและการแผ่เมตตา
    9. ขจัดความขี้เกียจในจิตใจ การสวดมนต์ก่อนนอน หากทำทุกวันจนเป็นกิจวัตรสำเร็จในทุกวันจะช่วยให้ มีความอดทน สามารถทำสิ่งอื่นสำเร็จด้วยได้

 



สวดมนต์ก่อนนอน

กราบบูชาพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
กราบครั้งที่ 1 กราบพระพุทธ
กราบครั้งที่ 2 กราบพระธรรม
กราบครั้งที่ 3 กราบพระสงฆ์

คำบูชาพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

บทสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)

บทสวดมนต์ นะโม สรรเสริญพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


 st12 st12 st12

บทสวดมนต์ อาราธนาศีล 5
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

บทสวดมนต์ ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

บทสวดมนต์ สมาทานศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

บทสวดมนต์ อธิษฐานรักษาศีล 5
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐานว่า ต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะขอรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ดังเดิม

บทสวดมนต์ก่อนนอน ศีล 5
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (กล่าว 3 จบ)


 st12 st12 st12

บทสวดมนต์ แผ่เมตตาแก่ตนเอง
กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์การทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกภัยทั้งสิ้นเถิด

บทสวดมนต์ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

บทสวดมนต์ บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของรข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
คำแปล : ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ.




Thank to : https://www.amarintv.com/news/detail/192881
23 ต.ค. 66

.



บทสวดมนต์ก่อนนอน อานิสงส์ของการสวดมนต์

บทสวดมนต์ก่อนนอน นับเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุขขึ้นได้ โดยที่ในแต่ละวันเราต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องที่ทำให้ชีวิตเป็นสุข ไปจนถึงเรื่องราวแย่ๆ ที่ทำให้ชีวิตวุ่นวาย เมื่อกลับถึงบ้านเราต่างก็ต้องการเวลาพักผ่อน อยากนอนหลับสบายเพื่อลืมเรื่องราวแย่ๆ

การท่องบทสวดมนต์ก่อนนอนจะช่วยให้เรามีสมาธิ จิตใจสงบ ผ่องใส อีกทั้งยังเป็นการแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้ทำมาในแต่ละวันให้กับเพื่อนมนุษย์ หรือสรรพสัตว์ต่างๆ บนโลก เมื่อเรามีสมาธิ จิตใจเย็นลง จะทำให้เรานอนหลับสบาย ตื่นเช้ามาจะรู้สึกสดใส พร้อมที่จะสู้ไปกับงาน หรือการเรียนได้อย่างมีความสุข

ซึ่งในบทสวดมนต์นั้นไม่ว่าจะเป็นบทใดก็ตามล้วนแล้วแต่มีอานุภาในตัวเองอยู่มากมาย อีกทั้งยังแฝงไปด้วยข้อคิดดีๆ ที่จะเป็นหลักนำทางให้เราดำเนินชีวิตในทุกๆ วันไปได้อย่างราบรื่น

ฉะนั้น การสวดมนต์ก่อนนอนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งปฏิบัติทุกวันก็จะส่งผลที่ดีในเรื่องของสมาธิ ปัญญา ทำให้ใจของเราสามารถพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างละเอียด รอบคอบ และใจเย็นมากขึ้น

การสวดมนต์นั้น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับทุกคนในยุคนี้ สะดวกมากในทุกเพศ ทุกวัยและไม่ใช่เรื่องของคนแก่ อีกต่อไปเหมือนที่เคยเป็นและเราเข้าใจผิดกันอย่างนั้น บทสวดมนต์ต่างๆ มีการเผยแพร่ออกมามากมายในรูปแบบต่างๆ ที่เห็นกันและได้ยินกันจนเคยชินมากมาย

จนกระทั่งในปัจจุบัน การสวดมนต์เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเด็กหรือวันรุ่น ก็หันมาสนใจการสวดมนต์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสวด สวดมนต์ก่อนนอนด้วยบทสวดตามปกติ จนไปถึง คาถาชินบัญชร บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก และบทสวดอื่นๆ อีกมากมาย

แต่สำหรับบางคนที่กำลังเริ่มจะสวดมนต์ ยังไม่เคยทราบว่านอกการได้สติ ได้จิตใจที่สงบสุขมาแล้ว สิ่งทีเราสวดมนต์นอกเหนือจากนั้นคือ "อานิสงค์จากการสวดมนต์" หรือผลที่ได้รับจากการสวดมนต์ว่ามีอะไร





อานิสงค์จากการสวดมนต์

    1. สวดมนต์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเป็นบุญที่ได้กล่าวคำศักดิ์สิทธิ์ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ บทสวดพุทธมนต์นั้น มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าที่ได้ทรงสอนสั่งสาวกและมีการจำและท่องสืบกันมา จนถึงมีการจดบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ผู้ที่ได้มีโอกาสสวดมนต์ในชีวิต เป็นการเปล่งคำศักดิ์สิทธิ์ถวายเป็นพุทธเจ้า เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าและย่อมได้บุญกุศล

    2. เกิดผลดีต่อร่างกาย คนที่สวดมนต์เป็นประจำนั้น ทางการแพทย์สมัยใหม่รับรองแล้วว่า การสวดมนต์ทำให้เกิดความสุขได้จริงในจิตใจ ส่งผลต่อร่างกายให้หลั่งสารความสุขออกมา ร่างกายก็จะแข็งแรง ใบหน้าสดใส ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณถึงปัจจุบันทราบถึงเคล็ดลับลับสำคัญ ให้สังเกตว่าท่านจะมีอายุยืนมาก และบรรพบุรุษของเรานั้น ท่านสวดมนต์เป็นประจำอายุท่านจึงยืนยาว ไม่เหมือนคนในปัจจุบันที่ห่างเหินการสวดมนต์มาก อายุจึงสั้น

   3. เป็นการบำเพ็ญภาวนาอย่างหนึ่ง ทำให้มีสมาธิจิตใจ แจ่มใส การสวดมนต์เป็นการสร้างสมาธิวิธีการหนึ่ง เมื่อจิตที่มีสมาธิย่อมแจ่มใส มีกำลัง คิดอ่านแก้ไขปัญหาอะไรก็จะทำได้ง่ายเพราะมีสติกำกับอยู่

    4. เป็นที่โปรดโปรนของเหล่าเทพเทวดาและดวงจิตวิญญาณทั้งปวง แม้ผู้ใดไม่ว่าจะเป็นพรหมเทพเทวดา สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดวงจิตวิญญาณทั้งหลาย เมื่อได้ยินบทสวดนั้นจะพบกับความเย็นสบาย คลายทุกข์ ทำให้นิยมชมชอบคนที่สวดด้วย และเมื่อยินก็จะช่วยปกป้องรักษาคนที่สวด

    5. เกิดบุญจากการแผ่เมตตา เมื่อสวดมนต์เสร็จสิ้น มีการแผ่เมตตาแก่ตนเองและเหล่าสรรพสัตว์ย่อมเกิดอานิสงส์บุญเกิดขึ้น

    6. ได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนที่สวดมนต์เป็นประจำนั้นย่อมได้รับการอวยพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอ เพราะเป็นผู้สร้างกรรมดีจากการสวดมนต์และแผ่เมตตา

    7. สร้างสิริมงคลต่อตนเอง และครอบครัว ปัดเป่าภัยพิภัย โรคร้ายได้จริง ทุกบทสวดมนต์นั้นมาจากอักขระที่ศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจดลบันดาลให้สิ่งอัปมงคลนั้นออกไปจากชีวิต และสร้างสิริมงคลให้กับคนที่สวด ยิ่งสวดมากก็จะมีสิริมงคลมากขึ้น ทำอะไรก็สำเร็จโดยง่าย

    8. สามารถแผ่บุญไปช่วยผู้อื่นที่เดือดร้อนได้ บทสวดมนต์ทุกบทนั้น สมารถแผ่บุญกุศลไปช่วยผู้อื่นที่เดือดร้อนได้ทุกเรื่อง ยิ่งเป็นสายเลือดเดียวกันจะยิ่งเร็วขึ้น เพราะมีทั้งบุญและกรรมผูกพันกันมา อานิสงส์ที่ดังที่กล่าวมาข้างต้นคงพอจะทำให้ทุกท่านเข้าใจ เรื่อง อานิสงส์ หรือ ประโยชน์ที่จะรับจากการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตลอดจนการแผ่เมตตาเป็นอย่างดีแล้วอย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้นความจริงแล้วมีอานิสงส์ที่จะได้รับทางอ้อมทางลึกอีกมากมายกว่านี้นักแต่เป็น "ปัจจัตตัง" หรือรู้ได้เฉพาะตัวของแต่ละคนไป โปรดจำไว้เสมอว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นต้องปฏิบัติเองถึงจะได้

    9. เป็นพื้นฐานไปสู่การก่อนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานชั้นสูงต่อไป เมื่อทุกท่านทราบถึงการที่จะต้องทำอย่างไรก่อนถึงจะเริ่มต้นการสวดมนต์ ที่ครบถ้วนทุกประการแล้ว ต่อไปนี้จะขอนำทุกท่านพบกับวิธีการสวดให้ชีวิตดี สวดให้สุข สวดให้รวย กันในลำดับต่อไป


@@@@@@@

บทสวดมนต์ก่อนนอนเป็นบทสวดที่ก่อให้เกิดอานิสงค์กับผู้ที่สวด ทำให้จิตใจสงบ นอนหลับง่าย ตื่นมาสดชื่นเบิกบาน ดังนั้นการสวดมนต์ก่อนนอนทุกๆ คืนเป็นประจำ เป็นเรื่องที่พุทธศาสนิกชนควรยึดถือปฏิบัติ




Thank to : https://www.sila5.com/blog/blog/detail/var/44u25413
13 มีนาคม 2561

 7 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:31:59 am 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
เลื่อนกระทู้

 8 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:15:08 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



อานิสงส์การ "สวดมนต์" ดีต่อชีวิต อย่างไร.?

ไม่ว่าจะเหตุผลใดที่ "สวดมนต์" แต่เรื่องนี้มีอานิสงส์ทั้งทางโลกและทางธรรม จะเรียกว่า ดีต่อใจ ดีต่อชีวิต และดีต่อสัตว์โลกก็ว่าได้

การสวดมนต์ มีมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สำหรับชาวพุทธถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ สามเณร นักบวช นักบุญทั้งหลาย จะขาดข้อวัตร กิจวัตรส่วนนี้ไม่ได้เลย

โดยเฉพาะบทสวดตามวิถีพุทธ โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ศาสดา ได้กลั่นกรองคำสาธยายที่มีแต่ความเป็นสิริมงคล พร้อมด้วยพลานุภาพแห่งบุญกุศลในทุกถ้อยคำผ่านภาษาบาลี มีอานิสงส์พาชีวิตไปสู่ที่สูง ห่างไกลโรคภัย ป้องกันอุปสรรคอันตราย และสูงสุดคือตัดกิเลสให้ขาดสะบั้น จนมีดวงตาเห็นธรรม


@@@@@@@

บทสวดมนต์อันประเสริฐ

การสวดมนต์ จึงเป็นการทำสมาธิ ระหว่างการสวดมนต์ ใจจะจดจ่ออยู่กับบทสวดนั้นๆ หากเป็นบทสวดมนต์แปลจากภาษาบาลีเป็นไทย ยิ่งทำให้เข้าใจความหมายมากขึ้น ก็จะเข้าใจธรรมะอันลึกซึ้งได้ง่ายขึ้น

บทสวดแต่ละบทจะเรียกว่า พระปริตร แปลว่า เครื่องคุ้มครองอันประเสริฐ ประกอบด้วยบทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีทั้งบทสรรเสริญคุณแห่งพระรัตนตรัย, บทอวยชัยให้พร บางบทนำมาจากพระไตรปิฎก บางบทเป็นบทที่แต่งขึ้นใหม่ในภายหลัง ในแต่ละบท แต่ละบาท ล้วนแล้วแต่มาจากพระโอษฐ์ อันประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้า

สวดมนต์เสมือนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

พระเทพโพธิวิเทศ (ท่านเจ้าคุณวีรยุทธ์ วีรยุทโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย กล่าวถึงการสวดมนต์ว่า พลังของการสวดมนต์ในพุทธสังเวชนียสถาน เสมือนเรานั่งอยู่แวดล้อมด้วยองค์พระอรหันต์และเทวดา

   “การนำพระธรรมที่เป็นคำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้ามาสวด และสาธยายเป็นกิจวัตร ก็ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติต่อพระบรมพระศาสดาด้วยการเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยทุกประการ ขอท่านทั้งหลายจงสวดมนต์เสมือนหนึ่งเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทุกวัน”

@@@@@@@

ดร.พระมหาอ้าย ธีรปัญโญ วัดนาคปรก กล่าวถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ในทางธรรมไว้ว่า "ผลประโยชน์ของการสวดมนต์นั้นมีมากมาย แต่สรุปง่ายๆ ตามที่ครูบาอาจารย์บอกตรงกัน ก็คือ
    1. ไล่ความขี้เกียจ
    2. ได้รู้ความหมาย
    3. จิตเป็นสมาธิ
    4. ได้ปัญญา เข้าใจแก่นสาระของธรรม และ
    5. เปรียบเสมือนได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

    “สำหรับผู้เริ่มต้น ก็ให้เริ่มจากนะโม 3 จบให้ได้ก่อน แล้วค่อยต่อพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ แล้วต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ 3 บทนี้ จำให้ติดปาก ไม่ใช่การอ่านมนต์ เพราะถ้าอ่าน มันไม่มีอะไรเคลื่อนไหว สมองก็อยู่ที่เดิม ส่วนสถานที่นั้น สวดมนต์ที่ไหนก็ได้ ขอให้สวดด้วยใจก็พอแล้ว”


@@@@@@@

นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน ผู้นำเอาธรรมปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เคยเล่าถึงอานิสงส์การสวดมนต์ในทางการแพทย์ว่า

ปัจจุบันมีผลวิจัยออกมามากมายเกี่ยวกับการสวดมนต์ที่มีผลต่อสมองและร่างกาย ในวงการแพทย์ การสวดมนต์ ทำสมาธิ เจริญอานาปานสติ จะได้ผลอยู่ 3 อย่างหลักๆ คือ
    1. เกิดภูมิต้านทานโรค โดยสร้างมาจากเซลล์สมองตัวหนึ่ง
    2. ระบบฮอร์โมน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในสมองจะสร้างสมดุลให้กับร่างกาย
    3. หัวใจและหลอดเลือด ความดันลดลง เป็นโรคหัวใจลดน้อยลง

    “เพียงแค่สวดมนต์และทำสมาธิ วันละ 12 นาที นาน 8 สัปดาห์ จะมีเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นต่อเซลล์สมองของเราทันที”





สวดมนต์เพื่ออะไร.?

    • สวดเพื่อสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า
      บทสวดบางบทที่ใช้สวดนั้น เช่น บทอิติปิ โส ฯลฯ ภควาติฯ ชาวพุทธในสมัยพุทธกาล ผู้ที่มีจิตเลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้านิยมใช้สวดเพื่อสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า

    • สวดเพื่อเป็นต้นทุนเจริญศรัทธา
      การสวดมนต์ก็เพื่อเพิ่มพูน พอกพูน เติมเต็มพลังแห่งศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใสที่มีต่อคุณพระรัตนตรัย ที่นับถือเคารพบูชาเป็นสรณะ

    • สวดเพื่อแผ่จิตเมตตา
      บทสวดมนต์แต่ละบทเป็นเสมือนตัวเชื่อมต่อส่งสัญญาณ แปรสภาพให้เป็นพลังงานพิเศษ เหมือนพลังงานทั่วไป ผ่านกระแสเสียงกระแสจิตจากจิตสู่จิต ก่อให้เกิดเป็นบุญเป็นกุศล เป็นความรักความปรารถนาดี ความเมตตาปรานี ความสุข ความปลอดภัยส่งให้ มอบให้ อุทิศให้ แผ่ให้ เพื่อนร่วมโลกร่วมแผ่นดินทั้งมิตรและศัตรู ไม่เลือกชนชั้นวรรณะภาษา ขอให้อยู่ดีมีสุข

    • การสวดมนต์เป็นการทำสมาธิ
      ขณะสวดมนต์ จิตย่อมจดจ่อในบทสวด หรือที่จำไม่ได้ก็ใช้สายตาเพ่งมองตัวหนังสืออ่านบทสวดแต่ละอักขระ แต่ละวรรค แต่ละบท แต่ละตอน จิตในขณะนั้นย่อมรวมตัว ดับความฟุ้งซ่านลง เกิดเป็นสมาธิได้

    • เพื่อฝึกความอดทน
      เวลาที่สวดมนต์ ต้องใช้เวลานานพอสมควร ผู้สวดจึงต้องมีความอดทนอดกลั้นสูง ข่มทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นในขณะสวดไปจนจบ ไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมดา การฝืนกาย ฝืนใจ บังคับกาย บังคับใจในขณะนั้น ย่อมทำให้ขันติธรรม

    • เพื่อรักษาพระธรรม
      บทสวดมนต์บางบท เป็นพระพุทธพจน์ที่สำคัญ เช่น บทพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นต้น เป็นหลักธรรมสำคัญ ที่จะต้องจดจำให้ได้ เพื่อรักษาไว้ โดยปกติแล้ว บทสวดมนต์แต่ละบท ที่จะนำมาสวดนั้นผู้สวดจะต้องท่องจำให้ได้ขึ้นใจ แล้วนำมาสวดสาธยาย เพื่อเป็นการทบทวนอยู่เป็นประจำ เพื่อกันลืม

    • เพื่อกำจัดบาปอกุศล
      ในการสวดมนต์แต่ละครั้ง ต้องข่มซึ่งนิวรณ์ธรรม มีกามฉันทะ ความติดในสุข พยาบาทความหงุดหงิดไม่พอใจ ความฟุ้งซ่านรำคาญ ความง่วงซึม หดหู่ ความลังเลสงสัย และกำจัดอกุศลธรรมต่างๆ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นผิด ความถือตัวถือตน ความเกียจคร้านให้เบาบางจางหายหมดไปได้

    • เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต
      ขณะสวดมนต์ จิตเป็นสมาธิตั้งมั่น ตั้งใจสวด สวดด้วยความสงบ เรียกว่า สมาธิ ขณะสวดจิตน้อมนึกพิจารณาไปตาม เห็นความเป็นจริงของชีวิต

    • สวดมนต์ช่วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ
      ตามหลักวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ มีข้อควรสังเกตว่า คนที่ชอบสวดมนต์อยู่เป็นประจำ เวลามีทุกข์ ประสบปัญหาชีวิต มักทุกข์ไม่นานนัก แก้ไข หาทางออกได้รวดเร็ว ต่างจากคนที่ไม่ชอบสวดมนต์ ทุกข์ก็จะทุกข์อยู่นานหาทางออกไม่ได้.






ขอขอบคุณ :-
ข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.watphramahajanaka.org/
website : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/985468
By ป้อมยาม | จุดประกาย | 30 ม.ค. 2022 เวลา 16:00 น.

 9 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:57:57 am 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้ 

 10 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 07:03:23 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



13 บทสวดและคาถา | ท่องไว้ ใช้ในชีวิตประจำวัน และโอกาสพิเศษ

ชีวิตบางทีก็ต้องการที่พึ่งทางใจ ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน สังคมไทยเราก็มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี่แหละเป็นที่พึ่ง คนไทยอย่างเรา ยกมือไหว้ซักหน่อย ท่องคาถาสักนิด ยังไงของแบบนี้ก็ขอเชื่อไว้ก่อนแล้วกัน

แม้ว่าเราจะก้าวเข้าสู่โลกสมัยใหม่แล้ว แต่ความเชื่อทั้งหลายก็ยังดำรงอยู่ ไม่ว่าโลกจะทันสมัยและก้าวไกลไปแค่ไหน เรา – มนุษย์ตัวเล็กๆ – ต่างเผชิญชะตาชีวิตไปอย่างยากลำบาก การจะมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นมงคลบางอย่างที่เราสมาทานไว้เพื่อช่วยนำพาเราผ่านความยากลำบากและเหตุการณ์ที่อาจไม่คาดฝันในแต่ละวันไป ไม่แน่ใจว่าพลังเหนือธรรมชาติมีจริงแค่ไหน แต่ด้วยความเชื่อแบบโบราณก็มองว่า คาถา บทสวดอันประกอบด้วยคำ และความอันเป็นมงคล อ้างอิงตกทอดมาจากครั้งโบราณอย่างน้อยก็ทำให้จิตใจสงบ เป็นขวัญและกำลังใจ ช่วยเพิ่มพูนสติพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง

The MATTER ชวนไปสำรวจและรวบรวมคาถาต่างๆ ที่มีจุดหมายเพื่อการเฉพาะ เหมาะกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันร่วมสมัย เรามีคาถาที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน คาถาเจ้านายรัก คาถาสมัครงาน หรือบางวันเดินตามท้องถนนเราก็มีคาถาใช้ป้องกันสุนัข ป้องกันงู เดินทางไกลๆ เราก็มีคาถาป้องกันไฟไหม้ คาถาเพื่อความปลอดภัยเวลาเดินทางทางน้ำ เรื่อยไปจนถึงเรื่องสุขภาพ ครอบคลุมทุกความต้องการและทุกเหตุการณ์ในชีวิต

@@@@@@@

คาถาเจ้านายเมตตา




มนุษย์เงินเดือนฟังทางนี้ ใครรู้สึกไม่มั่นใจว่าเจ้านายโอเคกับเราไหม หรืออยากให้เจ้านายรักต้องบริกรรมคาถาดังกล่าวก่อนออกจากบ้าน ตามตำราบอกว่าให้ภาวนาท่องคาถาข้างต้นสามจบก่อนออกจากบ้านให้คุณเจ้านายเมตตา แต่ในขณะสวดมนต์ก่อนออกจากบ้านก็ถือโอกาสตั้งสติก่อนสตาร์ท ว่าไปทำงานวันนี้จะพูดจาสื่อสารยังไงให้มีประสิทธิภาพ ถ้าบุญยังมี เจ้านายก็น่าจะโอเคตามสภาพการทำงานของเราเนอะ

คาถาสมัครงาน




ทำนองเดียวกันกับคาถาก่อนหน้า เวลาเราจะออกไปสมัครงานเราก็ตื่นเต้นและตื่นกลัว การที่เรามีที่พึ่งสักหน่อย เชื่อโชคลางซักนิดก็ถือว่าไม่ผิด ดังนั้นเชิญสวดบทก่อนหน้า ถือเป็นกุศโลบายเพื่อเพิ่มกำลังใจ รวบรวมสติสมาธิก่อนออกไปสร้างความประทับใจครั้งแรกเพื่อรับเข้าทำงาน

คาถาขับรถ




ตั้งสติก่อนสตาร์ทที่แท้จริง การขับรถเป็นกิจกรรมที่เราทำทุกวัน และเป็นกิจกรรมที่ต้องการสติและความใจเย็น การปริ๊นต์คาถาภาษาบาลีไว้ที่รถก็อาจจะพอช่วยให้จิตใจเราสงบร่มเย็นขึ้น นึกภาพถ้าหงุดหงิดมากๆ เวลามีคนขับรถแย่ๆ อยากจะแซง อยากจะปาด หันไปเห็นคาถาขับรถก็ถือโอกาสบริกรรมให้ใจเย็น ให้มีสติ ขับขี่ปลอดภัยเนอะ แต่ถ้าบริกรรมไปแล้วเสียสมาธิจากพวงมาลัย ก็อย่าดีกว่าเนอะ สวดก่อนขึ้นรถพอ

คาถาใจอ่อน




ทีเด็ดลูกหนี้ หรือใครที่กำลังจะออกไปเจอคนที่อยากให้ใจอ่อน อ่อนใจ ตามตำราบอกว่าคาถานี้ใช้สำหรับท่องก่อนที่เราจะไปต่อรองกับเจ้าหนี้ อานุภาพของคาถาจะช่วยให้อีกฝ่ายใจอ่อน ยอมผ่อนปรนให้เรา แต่เรื่องเงินเรื่องใหญ่ มีหนี้ต้องใช้ ไม่แน่ใจว่าคาถาจะมีพลังมากกว่าเรื่องเงินและผลประโยชน์ได้แค่ไหน

คาถาป้องกันงูและสัตว์ร้าย – ขันธปริตร




ขันธปริตรเป็นส่วนหนึ่งของพระสูตรที่พูดถึงและเป็นการแผ่เมตตาถึงพญางูสี่ตระกูลตามความเชื่อแบบพุทธ ในพระสูตรพูดถึงพระภิกษุรูปหนึ่งที่ถูกงูกัด พระพุทธเจ้าไขว่าที่ถูกกัดเพราะไม่ได้แผ่เมตตาให้พญางูทั้งสี่ตระกูลคือ ตระกูลวิรูปักษ์ ตระกูลเอราปถ ตระกูลฉัพยาบุตร และตระกูลกัณหาโคมดม คาถาที่ใช้แผ่เมตตาก็คือคาถาขันธปริตรนี้ คนไทยจึงเชื่อว่าอานิสงส์ของการสวดคาถานี้ให้ผลเรื่องป้องกันงูและสัตว์ร้าย นิยมสวดขึ้นที่ท่อนอัปปะมาโณเพราะเชื่อว่าถ้าขึ้นแต่ต้นจะทำให้ผีมาอาละวาด แต่ถ้าเกิดเจองูขึ้นมาจริงๆ ก็ถอยให้ห่าง แล้วเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ …ติดต่อศูนย์เอราวัณโทร 1646

คาถากันสุนัข




หมาจรจัดเป็นปัญหาที่เราเจอได้ตลอด เราเดินตามตรอกซอกซอย หรือบางทีอยากจะไปออกกำลัง ไปวิ่งไปขี่จักรยานตามท้องถนน เวลาเจอหมาก็กลัวๆ นอกจากคาถาแล้ว ข้อแนะนำเบื้องต้นของสัตวแพทย์บอกว่าถ้าเจอหมาดุทำท่าจะเล่นงานเรา สิ่งที่ควรทำคืออย่าตกใจ อย่ากระโตกกระตาก อย่าวิ่ง พยายามเบนความสนใจด้วยสิ่งอื่น ถ้าโดนจู่โจมจริงๆ ก็เก็บคองอเข่า ถ้าถูกกัดก็ไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีนต่อไป

คาถาป้องกันไฟ – วัฏฏกปริตร




วัฏฏกปริตร อ้างอิงนิทานชาดกวัฏฏกชาดก ชาดกหมายถึงพระชาติที่บำเพ็ญพรตเป็นพระโพธิสัตว์ มีพระชาติหนึ่งเสวยพระชาติเป็นนกคุ่ม แล้วเจอปัญหาไฟป่าจึงมีการทำพระปริตรเพื่อปกป้องตัวเองจากไฟป่า เนื้อความของคาถาเป็นการอาราธนาคุณของพระพุทธเจ้าในมาปกป้องตัวเองจากไฟป่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าคาถานี้เป็นคาถาที่ให้คุณเรื่องการป้องกันไฟ

คาถาต้านคลื่น (พระเจ้าห้ามสมุทร)




ขึ้นรถ ลงเรือก็ต้องไปด้วยความระมัดระวัง บางคนกลัวเรือ เราก็มีคาถาเพื่อการเดินทางทางน้ำ ตามตำราบอกว่าให้สวดสามจบและเสกออกไประหว่างเดินทางเพื่อให้เดินทางอย่างปลอดภัย รอดพ้นจากคลื่นลมมรสุมต่างๆ หลังจากสวดครบสามจบแล้ว ก็มองหาเสื้อชูชีพ ทางออกฉุกเฉิน และตรวจสอบสภาพอากาศไปพร้อมๆ กัน

คาถาต่อสู้




เรามีตำนานเหล่าเสือ มีนักสู้นักรบที่มีการใช้พลังอาคมเข้าร่วมเพื่อปลุกขวัญและกำลังใจ สำหรับใครที่อาจจะต้องเผชิญหนาการต่อยตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มีคาถาต่อสู้ ใช้ภาวนาตอนที่เผชิญหน้ากับศัตรู ให้รอดพ้นจากภัยอันตราย

คาถาหมัดหนัก




คาถานี้เป็นคาถาเฉพาะ ใช้เพื่อเพิ่มพลังการต่อยของเราให้หมัดเราหนักมากขึ้น คาถานี้ไม่จำกัดว่าต้องเป็นนักมวยแต่อย่างไร แต่ถ้าอยากหมัดหนักก็อาจจะต้องมีการฝึกซ้อมและฝึกฝนกล้ามเนื้อประกอบด้วย

คาถารักษาไข้




เวลาป่วยๆ อยากหายเร็วๆ คาถารักษาไข้เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่คาถานี้ระบุว่าเป็นการรักษาร่วม คือใช้ร่วมกับยาที่กินอยู่อาจช่วยฟื้นพลังใจให้หายเร็วขึ้น อย่าดูถูกพลังของจิตใจและพลังของ Placebo effect ใช้ภาวนาเมื่อเวลาที่ไม่สบายกับยาที่ใช้ทานอยู่จะช่วยให้หายป่วย หายเจ็บไข้ ได้เร็วขึ้น

บทสวดสำหรับคุณแม่ให้คลอดลูกง่าย – อังคุลิมาละปะริตตัง




อังคุลิมาละปะริตตัง แปลตรงตัวคือปริตรของพระองคุลิมาล ก็เป็นประวัติของพระองคุลิมาลที่หลังจากกลับใจบวช ขณะที่เป็นภิกษุก็ได้ไปเจอหญิงท้องแก่ที่คลอดลูกไม่ได้ ในพระสูตรพระองคุลิมาลจึงตั้งจิตตามคาถามีเนื้อความอำนวยพรให้หญิงท้องแก่นั้นคลอดได้โดยง่าย มนต์บทนี้จึงเชื่อกันว่ามีคุณด้านเกี่ยวกับการคลอด ป้องกันการแท้งลูก ก็เป็นกำลังใจให้คุณแม่ๆ เนอะ
 
คาถาครอบจักรวาล




คาถาข้างต้นเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ถ้ารู้สึกว่าเลือกไม่ถูก คาถาครอบจักรวาล เป็นคาถามงคลรวมครบจบในคาถาเดียว

 




Thank to : https://thematter.co/social/13-pray-for-specific-purpose/38788
Posted On 8 November 2017 , vanat putnark

อ้างอิงข้อมูลจาก :-
- myhora.com
- wikihow.com
- watpamahachai.net
- wattongnai.com
- theasianparent.com

หน้า: [1] 2 3 ... 10