วัดแสงอรุณ (วัดป่าดานวิเวก) ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย (ภาพเก่าเมื่อ 13/06/2008 จากเว็บลานธรรม) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น วัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) ,ที่อยู่ : ตำบล ศรีชมภู อำเภอ โซ่พิสัย บึงกาฬ 38170 ,โทรศัพท์ : 063 013 5342
หลวงปู่ปรีดา(ทุย) ท่านเด็ดขาดที่สุด
สำนักนี้ยังเข้มข้นในวัตรปฏิบัติ ถึงพริกถึงขิงที่สุดในประเทศไทยเวลานี้
หากจะเอ่ยถึงสำนักวัดป่าที่ยังรักษาข้อวัตร และปฏิปทา ธรรมเนียมของพระป่า ที่เข้มข้นที่สุดในยุคนี้คงจะหนีไม่พ้น สำนัก "วัดป่าดานวิเวก(วัดดงศรีชมภู) อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ไปได้เลยเนื่องจากเป็นวัดที่คงปฏิปทาสายพระป่า ที่หาได้ยากยิ่งมากในปัจจุบันนี้ โดยมี หลวงปู่ปรีดา(ทุย) ฉนฺทกโร เป็นผู้อบรมสั่งสอน.
แปลกนะ ลองสังเกตดูซิ ในความดุ ในความเป็นระเบียบ (แต่ลึกๆท่านมีเมตตาตามากๆ) ในความที่ยังรักษาข้อวัตร-ปฏิปทาอย่างเข้มงวดกวดขันอย่างนี้ ทำไมยิ่งทำให้พระ-เณร พากันหลั่งไหลอยากจะเข้ามาอยู่ศึกษาเพื่อจำพรรษากับท่านมากขึ้น เพราะอะไรก็เพราะพระเหล่านั้นท่านชอบพอใจในข้อวัตรปฏิบัติที่จริงจังที่หลวงปู่วางไว้ และมาเพื่อมุ่งอรรถมุ่งธรรมจริงๆ พระโกโรโกโสอยู่ไม่ได้ พระที่ไม่ชอบข้อวัตร ไม่ชอบภาวนา แบบนี้จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ยินดีก็จะไม่อยากมาอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยลูกศิษย์หมู่พระเณรในวัดนี้มีแต่พระปฏิบัติกันจริงจัง เหมือนกับว่าท่านเหล่านี้จะไม่ค้างอยู่ในโลกเลย
@@@@@@
ตรงกันข้ามสำนักที่ไม่มีข้อวัตรปฏิปทา หรือหย่อนยาน พระเณรที่ท่านมุ่งเพื่ออรรถเพื่อธรรม ก็ไปศึกษาด้วยไม่เต็มที่ทำให้พระเณรที่ชอบข้อวัตรชอบการภาวนาไม่อยากไปพักอยู่อาศัยด้วย ลองสังเกตดูที่ไหนเข้มข้น พระเณรจะหลั่งไหลไปมาก
ถ้าอยากรู้ข้อวัตรสมัยยุคหลวงปู่มั่นว่าท่านพาลูกศิษย์ดำเนินอย่างไร ให้ไปดูสำนักวัด หลวงปู่ปรีดา (ทุย)
คำกล่าวนี้เห็นจะเป็นจริงเด่นชัดเอามากๆ ยกให้ท่านด้วยความเคารพศรัทธาองค์ท่านจริงๆที่สามารถดำเนินพาหมู่พระเณรในวัดรักษา ระเบียบวินัย ข้อวัตร-ปฏิปทา และอริยประเพณี ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ชึ่งหลายวัดแทบทำไม่ได้ จะว่าได้กว่าทุกสำนักในสายกรรมฐานก็น่าจะไม่ผิดเลย...(อันนี้ไม่ได้ยกย่อง แต่เป็นจริงสมคำล่ำลือ ไปดูได้ ตามเนื้อผ้า ตามราคา และไม่ได้กระทบสำนักอื่นใดๆ เพียงแต่ท่านทำได้จริง ลูกศิษย์สำนักอื่นๆอาจจะไม่พอใจต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย เราเอาความจริงกันมาพูดกันเลย ลองไปดูสำนักที่ไม่มีข้อวัตร หรือหย่อนยาน จะห่างกันราวฟ้ากับเหว)วัดแสงอรุณ (วัดป่าดานวิเวก) ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย (ภาพเก่าเมื่อ 13/06/2008 จากเว็บลานธรรม) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น วัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) ,ที่อยู่ : ตำบล ศรีชมภู อำเภอ โซ่พิสัย บึงกาฬ 38170 ,โทรศัพท์ : 063 013 5342
กิตติศัพท์อันเลื่องลือลือชื่อในเรื่องความดุ (แต่แฝงด้วยความเมตตามากมาย) และมีระเบียบวินัย วัตรปฏิปทาเป๊ะๆ ของท่านนั้น ตั้งแต่เจอครูบาอาจารย์ทั่วประเทศมาหลายรูป ยกให้ท่านเป็นอันดับต้นๆ (ท่านดุมีเหตุผล ดุเป็นธรรม ดุเตือนสติ ใครรับไม่ได้อย่าไป เดี๋ยวจะไปปรามาสท่านบาปกลับมาเปล่าๆ)
หลวงตามหาบัวองค์ท่านจะเมตตาเดินทางมาเยี่ยมที่วัดแห่งนี้หลายครั้ง และกล่าวถึงวัดดงศรีชมภูแห่งนี้หลายวาระ นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เดินทางมาบวชเพื่อศึกษาธรรมะเป็นระยะเวลา 1 พรรษาด้วยแล้ว ยังมีบุคคลและญาติของบุคคลที่มีชื่อเสียงเดินทางมาบวชฝึกหัดกรรมฐาน ณ วัดแห่งนี้อยู่เป็นประจำ อาทิ เครือญาติของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายของผู้บริหารช่อง 5 ตลอดจนนายทหารระดับสูงอีกหลายคน
ภาพจากเฟซบุ้ค P-Saderd Fanpage (พี สะเดิด) โพสต์เมื่อ 19 มีนาคม 2018
ภาพจากเฟซบุ้ค P-Saderd Fanpage (พี สะเดิด) โพสต์เมื่อ 19 มีนาคม 2018
■ คำสอนหลวงปู่
"โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด..โยมเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด เรื่องเงินน่ะไม่สำคัญ ฆราวาสมีศีล 5 เท่านั้น พอ
โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า
โยมมาที่วัดขออย่าอึกทึกเสียงดัง. มาอยู่วัดให้ทำสมาธิฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระน่ะ "
@@@@@@
ข้อวัตร / ระเบียบ / การไปการมาวัดนี้
ขอเล่าปฏิปทา-ข้อวัตรระเบียบต่างๆ สู่กันฟังเผื่อท่านใดไปกราบท่านอาจเตือนสติกันและอาจจะเป็นประโยชน์บ้างได้ไม่มากก็น้อย
■ สำหรับวัดป่าดานวิเวกไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ นอกจากศาลาใหญ่หลังหนึ่งและกุฏิที่อยู่ห่างๆ กันไปเท่าที่จำเป็น อาสนะของพระสูงกว่าพื้นดินเพียงคืบเดียว หลวงปู่ทุยท่านมีปฏิปทาว่าจะไม่สร้างวัตถุถาวรใดๆ เกินความจำเป็น มุ่งปลูกป่าอย่างเดียว
■ พระรูปไหนอ้วนท่านจะเรียกไปคุยสอบถามว่าอ้วนยังไง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าขี้เกียจภาวนา ไม่เดินจงกรม จึงอ้วน พระเณรในวัดจะถือบิณฑบาตทุกวัน ไม่มีเว้น นอกจากเจ็บป่วยจริงๆ ขนาดท่านอดีตนายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาบวช เป็นโรคเก๊าท์ด้วยก็ยังเดินเท้าเปล่าบิณฑบาตทุกวัน ไม่ว่าฝนตก หรืออากาศหนาวยังไงท่านก็ปฏิบัติเหมือนพระลูกวัดท่านอื่นๆ ไม่มีเว้น"
■ หลวงปู่ทุยท่านตั้งใจพาปฏิบัติแบบโบราณ ยึดกับของเก่า ไม่ใช้เทคโนโลยี ท่านบอกว่า เทคโนโลยีเข้ามาจะเป็นผลเสีย คนสมัยนี้วิ่งเร็วเกินตัวเองไปมากอันตราย
■ สำนักนี้ท่านไม่มีบอกบุญ ไม่มีเรี่ยไร ไม่มีการชวนบริจาค ไม่มีชำระหนี้สงฆ์อะไรทั้งสิ้น ไม่ขอ ไม่ตั้งตู้ให้ญาติโยมหยอดเหรียญทำบุญประจำวันเกิดเพื่อหาเงินเข้าวัด ไม่จัดงานหาเงินหาปัจจัยเข้าวัด ลองดูหาข้อมูลได้ไม่มีเลยตั้งแต่ตั้งวัดมานี้ (จะมีจัดงาน 1 ครั้งครั้งเดียวที่เห็นคืองานทอดผ้าบังสุกุลเพื่อแผ่นดินไทย (1 ก.พ.50) ที่คราวหลวงตามหาบัว มารับผ้าป่า นั่นเพียง 1 ครั้งเองเท่านั้นที่จัดงานนอกนั้นไม่มี)
■ หลวงปู่ไม่มีดำริให้ผู้ใดจัดวันเกิด และไม่อนุโลมไม่อนุญาติให้ใครมาจัดงานวันเกิดถวาย ในวัดไม่ให้จัดงานใดๆทั้งสื้นให้อึกทึก วุ่นวายโดยเด็ดขาด แม้กฐินก็ห้าม ส่วนวันเกิดไม่ให้ดำริจัดเพราะท่านไม่ยินดีในวันเกิด การเกิดถือว่าเป็นทุกข์จะยินดีอะไรอีก
■ ท่านไม่ไว้หน้าใครหากทำผิด ไม่เอาใจหรือประจบญาติโยมเพื่อหวังลาภสักการะจากเขาท่านไม่จำเป็นต้องทำ คือผิดต้องดุ ต้องตักเตือน ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ คนนี้รวยต้องได้เข้ากราบ คนนี้จนไม่ได้เข้ากราบ แบบนี้ไม่ใช่ ต้องเสมอเท่าเทียมกันหมด
■ พระเณร ไม่ให้มีกิจนิมนต์นอกวัดทั้งสิ้นโดยไม่จำเป็น (แม้องค์ท่านเองจะไม่ไปงานนิมนต์ใดๆทั้งสิ้นหากไม่จำเป็นจริงๆจังๆ)
■ ปฏิปทาองค์ท่านไม่มีปลุกเสก ไม่มีพิธีพุทธาภิเษก (พุทธเจ้าดีแล้ว แล้วตัวเราดียังไงถึงไปปลุกเสกท่านอีก หรือไปพุทธาภิเษกท่านอีก ) ไม่มีการถือฤกษงามยามดี ไม่แต่งแก้เสียเคราะห์เสียเข็ญ ไม่เซ่นสรวงอ้อนวอนบูชาผีสางนางไม้ ไม่เป็นหมอดูหมอเดา หมอมนต์กลคาถา หรือเที่ยวทำนายทายทัก สื่งเหล่านี้มันเป็นของลัทธิพรามณ์ไม่ใช่พุทธเจ้าสอน เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้อย่าไปถามองค์ท่านเดี๋ยวจะได้ฟังเทศน์กัณฑ์ใหญ่จากท่าน
■ วัดจะไม่ใช้ไฟฟ้าและจะไม่ให้มีการต่อไฟฟ้าเข้ามาในวัดอย่างเด็ดขาด (เข้าใจว่าในวัดพระเณรงดใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด แม้หนังสือพิมพ์ห้ามนำมาถวายนั่นเป็นเรื่องนอกๆของโลก)
■ ห้ามตัดต้นไม้ในบริเวณวัด และในเขตป่าสงวนของวัดอย่างเด็ดขาดจะใช้ลำไม้ได้กรณีที่ต้นไม้นั้นล้มหรือตายเอง
■ วัดไม่มีระบบประปา พระเณรจะช่วยกันไปตักน้ำมาจากบ่อบาดาลมาใส่โอ่งใส่ตุ่มไว้ใช้ ดังนั้นไม่มีค่าน้ำประปาไม่ต้องถวายปัจจัยนะ
■ ท่านก็สั่งไปทางหน่วยงานราชการว่าไม่ต้องให้ยศให้ตำแหน่งสมณศักดิ์แก่ท่าน " ท่านบอกว่า ขอเป็นพระเฉยๆ ก็พอแล้ว" และทางวัดก็จะไม่รับกฐิน เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย จึงไม่ต้องใช้เงิน
■ พระภิกษุ-สามเณร ฉันหนเดียวเป็นวัตร ผู้มาเป็นผ้าขาว ถือศีล 8 (ชาย) ก็ทานหนเดียวเป็นวัตรเหมือนพระเณร
■ มาวัดแล้วอย่าเอาความร่ำรวย เอาปัจจัย มาพูดอวดหลวงปู่ เดี๋ยวท่านเอ็ตตะโรเอา มาวัดแล้วไม่ต้องมาถวายปัจจัย ไม่ต้องมาถวายของอะไรทั้งสิ้น มาแล้วให้สำรวมจิตใจให้ดี กราบพระนั่งในที่เหมาะสมแล้วภาวนาดูจิตใจตัวเอง หลวงปู่เน้นให้ภาวนา
■ ฆราวาสสามารถไปภาวนาได้ กุฏิของโยม (ผู้ชายจะอยู่บริเวณรอบนอก) ระเบียบก็คล้ายๆ วัดป่าทั่วไป คือฉันมื้อเดียว เน้นภาวนา และช่วยพระทำกิจวัตร (ปัดกวาด, จัดอาหาร, ช่วยที่โรงฉันน้ำร้อน) โดยเฉพาะการภาวนา ท่านมักจะเดินมาดูว่ามา "ภาวนา" จริง หรือมา "ภาวนอน" ถ้าเห็นว่าเอาแต่นอนก็จะถูกไล่เก็บกระเป๋าทันที
■ ท่านเน้นเรื่องของการแต่งตัวเข้าวัดของผู้หญิงต้องเรียบร้อย สุภาพ ไม่นุ่งสั้น วันนั้นก็เจอไปหลายคนเหมือนกัน ที่โดนท่านอบรมสั่งสอนโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ใครใส่สั้นๆเข้ามาขอให้กลับไปเปลี่ยนแล้วค่อยมาวัดหลวงปู่ใหม่
■ ใครไปพูดเรื่องวัตถุมงคล เหรียญ ล๊อกเก็ต ด้ายสายสิญณ์ เกศา ของขลัง น้ำมนต์กลคาถากับหลวงปู่ ส่วนมากจะสวนหงายหมากลับมาทันที
■ ท่านไม่ฉันน้ำขวดที่เราถวาย ท่านกับหมู่พระเณรจะฉันน้ำฝนอย่างเรียบง่าย (ไม่ต้องนำน้ำขวดในห้างร้านมาถวาย)
■ วัดท่านสะอาดมากๆ ห้องน้ำแทบจะนอนได้เลย ดังนั้นต้องถอดรองเท้าด้วยก่อนเข้าห้องน้ำวัดท่านพระเณรทำความสะอาดทุกวันเดี๋ยวจะเป็นบาป
■ ท่านก็บอกว่า ไม่ต้องเอาอะไรมาถวาย เพราะที่วัดมีเยอะแล้ว
■ ย่างเข้าเข้ามาวัดห้ามคุยกัน ห้ามอึกกระทึก เดี๋ยวจะโดนไล่ออกจากวัด มีอะไรคุยกันให้คุยให้เรียบร้อยก่อนจะย่างเข้าเข้าสู่ประตูวัด โทรศัพท์ปิดให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้ามาในเขตวัด
■ อย่าถ่ายรูปและบันทึกภาพเสียง หากหลวงปู่ไม่ได้อนุญาติ ห้ามอย่างเด็ดขาด (ใครถ่ายภาพท่าน ท่านจะบอกว่า "ไม่อ่านดูป้ายหรือเค้าเขียนว่าอย่างไร" )
■ อย่าใช้โทรศัพท์ในวัดเดี่ยวท่านไล่ให้ไปคุยนอกวัด เวลาเข้าไปแล้วอย่าพูดคุยเสียงดังกันเหมือนอยู่ในชุมชนไม่ได้
■ อย่าเข้าเดินไปเพิ่นพ่านในเขตสงฆ์หากไม่ได้รับอนุญาติ เพราะจะรบกวนพระ-เณร ที่ท่านทำความเพียร ในการเดินจงกรม-นั่งภาวนา
■ วัดไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่ได้เสียค่าไฟ ดังนั้นไม่ต้องมาถวายปัจจัยค่าใช้จ่ายให้ ไม่ต้องมาถวายใบปวารณา ให้เอาไปดูแลพ่อแม่ให้ดีอย่าให้ขาดให้เกิน พระไม่จำเป็นต้องใช้ปัจจัย ในวัดไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร อย่านำมาถวาย และไม่มีตู้ให้รับบริจาค วัดไม่ได้สร้างโน่นสร้างนี่
■ เรื่องเอารถไปให้ท่านเจิมนี่ก็โดนท่านว่าไปหลายรายแล้ว (เข้าใจว่าพระไม่ใช่นักเจิมรถนั่นมันศาสนาพรามณ์ไม่ใช่พุทธ พุทธเจ้าไม่ทรงสอน มีสติก็ขับไปดีมาดีปลอดภัย ถึงคราวถึงเวลาตายจะเจิมยังไงมันก็คว่ำ ก็ชน ตายเหมือนกัน)
■ ไม่อนุญาตให้โยมผู้หญิงเข้ามาพักปฎิบัติวัดป่าดานวิเวก(วัดหลวงปู่ทุย) ภาพจากเฟซบุ้ค ธรรมทาน ทัวร์ โพสต์เมื่อ 25 เมษายน 2015
วัดป่าดานวิเวก(วัดหลวงปู่ทุย) ภาพจากเฟซบุ้ค Setthavit Kaewsrisuk โพสต์เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2019
ขยายความที่ว่า : "ไม่อนุญาตให้โยมผู้หญิงเข้าปฎิบัติ"
มีโยมถามว่า : "หลวงปู่ไม่เมตตาผู้หญิงหรือเจ้าค่ะ"
หลวงปู่ตอบ : "ไม่ใช่หลวงพ่อไม่เมตตาแต่หลวงพ่อให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายเท่าเทียมกันนั่นแหละ หลวงพ่อขอวัดหลวงพ่อไว้สักวัดหนึ่งละกันนะ (ละไว้ฐานที่เข้าใจ)"
เมื่ออ่านแล้วคงจะเป็นสำนักปฏิบัติในดวงใจของหลายๆคนหลายๆท่าน เป็นอันดับต้นๆเลยครับ ใครจะมาไม่ดีหรือหรือมาอวดเขี้ยวอวดงา มาอวดศักดา มาแหยมไม่ได้โดยเด็ดขาดเป็นต้องเผ่นพระโกโรโกโสไม่ปฏิบัติจริงอยู่ไม่ได้เป็นต้องขับออกจากวัดไปทันที ดังนั้นท่านมุ่งธรรมจริงๆมาบวชที่วัดนี้ได้เลย
ภาพประกอบไม่ได้ถ่ายเอง ขอบคุณในเว็บไซต์ ถ้าถ่ายเองมีหวังท่านเข่นกระบาลตายแน่ๆประวัติย่อ องค์หลวงปู่ปรีดา (ทุย)
หลวงปู่ทุย ฉันทกโร ท่านเป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิด ไปเติบโตที่ อ.สว่างดินแดน จังหวัดสกลนคร บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากที่หลวงตามหาบัวสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ท่านก็มาจำพรรษาอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง
ตามนิสัยของท่านรักธรรมชาติมาก ท่านจึงชอบสงวนที่ป่าเขาลำเนาไพร มีมากมีน้อยท่านไม่ค่อยทำลาย หลังจากท่านได้อยู่กับ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล จ.หนองบัวลำภู แล้วหลวงปู่ขาว ก็แนะนำให้ท่านธุดงค์มาที่ดงสีชมพูนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่สีแดงที่คอมมิวนิสต์ยึดครองอยู่ ท่านอยู่ที่นี่ได้สองปีก็ตั้งวัดป่าดานวิเวกขึ้นในปีพ.ศ.๒๕๑๑ ชื่อของวัดมาจากพื้นที่แห่งนี้เป็นดานหินทราย ส่วนชื่อที่เป็นทางการคือ วัดแสงอรุณ
ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยพื้นที่ป่าหลายส่วนรวมกัน ๒,๔๐๐ ไร่ ส่วนพื้นที่ของวัดเองประมาณ ๑๔ ไร่ เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เช่าโดยถูกต้องตามกฎหมาย รวมกันพื้นที่ของกรมป่าไม้ที่ให้วัดดูแลอีก ๗๐๐ ไร่ และพื้นที่สปก.อีก ๑,๔๐๐ ไร่ เดิมเป็นพื้นที่ซึ่งชาวบ้านปลูกมันสำปะหลัง แล้วกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ก็ยกให้หลวงปู่ทุยดูแล ท่านก็ชวนชาวบ้านใน ๓ ตำบล อ.โซ่พิสัย ปลูกป่าใหม่ขึ้นมา ทั้งไม้ประดู่ ชิงชัง เต็ง รัง จนไม้เติบใหญ่ขึ้น
ขอบคุณที่มา : เฟซบุ้ค บูชา หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม และ เฟซบุ้ค ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โพสต์บนเฟซบุ้คเมื่อ : วันที่ 5 มกราคม 2015