ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวนทาง 'เงินทอนวัด-พุทธพาณิชย์' พระแท้ๆวัดจริงๆ 'ยังมี'  (อ่าน 43053 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


สวนทาง 'เงินทอนวัด-พุทธพาณิชย์' พระแท้ๆวัดจริงๆ 'ยังมี'

ในยุคสมัยที่เงินทองไม่ใช่ของนอกกายอีกต่อไป เพราะมันได้ครอบงำทุกชนชั้นวรรณะ จนหลายคนหลงลืมแก่นแท้ของชีวิตว่าความสุขมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้แต่วงการพระพุทธศาสนาก็ไม่วายที่หลายวัดดังๆต้องกลายเป็นพุทธพาณิชย์ เทศนาชวนให้ญาติโยมหลงเชื่อว่าการบริจาคเงินจะทำให้ได้บุญ ยิ่งบริจาคกำลังทรัพย์เท่าไรผลบุญก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ถึงพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย แต่พอไปถึงวัดแล้วถูกคำเทศนากล่อมไม่นานก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตามบริจาคเงินมากๆอยู่ดี เมื่อมีเงินมากตำแหน่งหรือสมณะศักดิ์ก็เป็นที่ต้องการมาก เรื่องลับๆใต้ดินที่มีการซื้อขายตำแหน่งหรือสมณะศักดิ์จึงบังเกิดขึ้น เฉกเช่นคดีใหญ่ตอนนี้อย่าง "เงินทอนวัด"

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เพจเฟซบุ๊กดัง @ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ@บูชา หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม จึงโพสต์นำเสนอถึงพระภิกษุสงฆ์กับสำนักวัดป่าแห่งหนึ่งที่ทำทุกอย่างตรงข้ามกับสิ่งที่ว่ามาข้างต้น แต่มันคือแก่นแท้ของคำว่าพระพุทธศาสนาที่ควรค่าแก่การกราบไหว้เคารพศรัทธา พระภิกษุสงผู้เด็ดขาดในศีลธรรมผู้ยนี้คือ หลวงปู่ปรีดา หรือหลวงปู่ทุย แห่งสำนักวัดป่าดานวิเวก (วัดดงศรีชมภู) อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ


@@@@@@

ซึ่งเพจดังเคยโพสต์ระบุถึงสัจธรรมความเป็นไทยพุทธไว้ว่า "หากจะเอ่ยถึงสำนักวัดป่าที่ยังรักษาข้อวัตร และปฏิปทาธรรมเนียมของพระป่าที่เข้มข้นที่สุดในยุคนี้คงจะหนีไม่พ้น สำนัก "วัดป่าดานวิเวก (วัดดงศรีชมภู) " อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ไปได้เลยเนื่องจากเป็นวัดที่คงปฏิปทาสายพระป่า ที่หาได้ยากยิ่งมากในปัจจุบันนี้ โดยมี หลวงปู่ปรีดา (ทุย) ฉนฺทกโร เป็นผู้อบรมสั่งสอน.."

"ในความดุ ในความเป็นระเบียบ (แต่ลึกๆท่านมีเมตตาตามากๆ) ในความที่ยังรักษาข้อวัตร-ปฏิปทาอย่างเข้มงวดกวดขันอย่างนี้ ทำไมยิ่งทำให้พระ-เณร พากันหลั่งไหลอยากจะเข้ามาอยู่ศึกษาเพื่อจำพรรษากับท่านมากขึ้น เพราะอะไรก็เพราะพระเหล่านั้นท่านชอบพอใจในข้อวัตรปฏิบัติที่จริงจังที่หลวงปู่วางไว้ และมาเพื่อมุ่งอรรถมุ่งธรรมจริงๆ พระโกโรโกโสอยู่ไม่ได้ พระที่ไม่ชอบข้อวัตร ไม่ชอบภาวนา แบบนี้จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ยินดีก็จะไม่อยากมาอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยลูกศิษย์หมู่พระเณรในวัดนี้มีแต่พระปฏิบัติกันจริงจัง เหมือนกับว่าท่านเหล่านี้จะไม่ค้างอยู่ในโลกเลย"

@@@@@@

"ตรงกันข้ามสำนักที่ไม่มีข้อวัตรปฏิปทา หรือหย่อนยาน พระเณรที่ท่านมุ่งเพื่ออรรถเพื่อธรรมก็ไปศึกษาด้วยไม่เต็มที่ทำให้พระเณรที่ชอบข้อวัตรชอบการภาวนา ไม่อยากไปพักอยู่อาศัยด้วย ลองสังเกตดูที่ไหนเข้มข้น พระเณรจะหลั่งไหลไปมาก ถ้าอยากรู้ข้อวัตรสมัยยุคหลวงปู่มั่นว่าท่านพาลูกศิษย์ดำเนินอย่างไร ให้ไปดูสำนักวัด หลวงปู่ปรีดา (ทุย)"

"คำกล่าวนี้เห็นจะเป็นจริงเด่นชัดเอามากๆ ยกให้ท่านด้วยความเคารพศรัทธาองค์ท่านจริงๆที่สามารถดำเนินพาหมู่พระเณรในวัดรักษา ระเบียบวินัย ข้อวัตร-ปฏิปทา และอริยประเพณี ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ชึ่งหลายวัดแทบทำไม่ได้ จะว่าได้กว่าทุกสำนักในสายกรรมฐานก็น่าจะไม่ผิดเลย...(อันนี้ไม่ได้ยกย่อง แต่เป็นจริงสมคำล่ำลือ ไปดูได้ ตามเนื้อผ้า ตามราคา และไม่ได้กระทบสำนักอื่นใดๆ เพียงแต่ท่านทำได้จริง ลูกศิษย์สำนักอื่นๆอาจจะไม่พอใจต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย เราเอาความจริงกันมาพูดกันเลย ลองไปดูสำนักที่ไม่มีข้อวัตร หรือหย่อนยาน จะห่างกันราวฟ้ากับเหว)"


@@@@@@

คำสอนหลวงปู่ "โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด โยมเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด เรื่องเงินน่ะไม่สำคัญ ฆราวาสมีศีล 5 เท่านั้น พอ โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า โยมมาที่วัดขออย่าอึกทึกเสียงดัง มาอยู่วัดให้ทำสมาธิฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระน่ะ"

"สำหรับวัดป่าดานวิเวกไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ นอกจากศาลาใหญ่หลังหนึ่งและกุฏิที่อยู่ห่างๆ กันไปเท่าที่จำเป็น อาสนะของพระสูงกว่าพื้นดินเพียงคืบเดียว หลวงปู่ทุยท่านมีปฏิปทาว่าจะไม่สร้างวัตถุถาวรใดๆ เกินความจำเป็น มุ่งปลูกป่าอย่างเดียว พระรูปไหนอ้วนท่านจะเรียกไปคุยสอบถามว่าอ้วนยังไง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าขี้เกียจภาวนา ไม่เดินจงกรม จึงอ้วน พระเณรในวัดจะถือบิณฑบาตทุกวัน ไม่มีเว้น นอกจากเจ็บป่วยจริงๆ ขนาดท่านอดีตนายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาบวช เป็นโรคเก๊าท์ด้วยก็ยังเดินเท้าเปล่าบิณฑบาตทุกวัน ไม่ว่าฝนตก หรืออากาศหนาวยังไงท่านก็ปฏิบัติเหมือนพระลูกวัดท่านอื่นๆ ไม่มีเว้น"

@@@@@@

"หลวงปู่ทุยท่านตั้งใจพาปฏิบัติแบบโบราณ ยึดกับของเก่า ไม่ใช้เทคโนโลยี ท่านบอกว่า เทคโนโลยีเข้ามาจะเป็นผลเสีย คนสมัยนี้วิ่งเร็วเกินตัวเองไปมากอันตราย สำนักนี้ท่านไม่มีบอกบุญ ไม่มีเรี่ยไร ไม่มีการชวนบริจาค ไม่มีชำระหนี้สงฆ์อะไรทั้งสิ้น ไม่ขอ ไม่ตั้งตู้ให้ญาติโยมหยอดเหรียญทำบุญประจำวันเกิดเพื่อหาเงินเข้าวัด ไม่จัดงานหาเงินหาปัจจัยเข้าวัด ลองดูหาข้อมูลได้ไม่มีเลยตั้งแต่ตั้งวัดมานี้ (จะมีจัดงาน 1 ครั้งครั้งเดียวที่เห็นคืองานทอดผ้าบังสุกุลเพื่อแผ่นดินไทย (1 ก.พ.50) ที่คราวหลวงตามหาบัว มารับผ้าป่า นั่นเพียง 1 ครั้งเองเท่านั้นที่จัดงานนอกนั้นไม่มี)"

"หลวงปู่ไม่มีดำริให้ผู้ใดจัดวันเกิดในวัด เพราะการเกิดถือว่าเป็นทุกข์จะยินดีอะไรอีก ท่านไม่ไว้หน้าใครหากทำผิด ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ พระเณรไม่ให้มีกิจนิมนต์นอกวัดทั้งสิ้นโดยไม่จำเป็น ไม่มีปลุกเสก ไม่มีพิธีพุทธาภิเษก เพราะพุทธเจ้าดีแล้ว ตัวเราดียังไงถึงไปปลุกเสกท่านอีก ไม่มีการถือฤกษงามยามดี ไม่แต่งแก้เสียเคราะห์เสียเข็ญ ไม่เซ่นสรวงอ้อนวอนบูชาผีสางนางไม้ ไม่เป็นหมอดูหมอเดา"

@@@@@@

"วัดจะไม่ใช้ไฟฟ้าและจะไม่ให้มีการต่อไฟฟ้าเข้ามาในวัดอย่างเด็ดขาด ห้ามตัดต้นไม้ในวัด วัดไม่มีระบบประปา พระเณรจะช่วยกันไปตักน้ำมาจากบ่อบาดาลมาใส่โอ่งใส่ตุ่มไว้ใช้ ดังนั้นค่าน้ำประปาไม่ต้องถวายปัจจัย ท่านบอกว่า ขอเป็นพระเฉยๆก็พอ ไม่ต้องให้ยศให้ตำแหน่งสมณศักดิ์ มาวัดแล้วอย่าเอาความร่ำรวยมาพูดอวด ไม่ต้องมาถวายของอะไรทั้งสิ้น มาแล้วให้สำรวมจิตใจให้ดี ถ้ามาภาวนาจริงก็ห้ามมาภาวนอน"

"การแต่งตัวเข้าวัดของผู้หญิงต้องเรียบร้อย สุภาพ ไม่นุ่งสั้น อย่าพูดเรื่องวัตถุมงคลของขลัง ท่านไม่ฉันท์น้ำขวด จะฉันท์น้ำฝน ย่างเข้ามาวัดห้ามคุยกัน ห้ามอึกกระทึก อย่าถ่ายรูปและบันทึกภาพเสียงหากไม่อนุญาติ วัดไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่ได้เสียค่าไฟ ไม่ต้องมาถวายปัจจัยค่าไฟ เอาไปดูแลพ่อแม่ให้ดีอย่าให้ขาดให้เกิน พระไม่ใช่นักเจิม ฉะนั้นไม่ต้องเอารถมาให้เจิม มีสติก็ขับไปดีมาดีปลอดภัย ถึงคราวถึงเวลาตายจะเจิมยังไงมันก็คว่ำ ตายเหมือนกัน".



ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก เพจ @ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ @บูชา หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม
ขอขอบคุณภาพประกอบดีๆจากเจ้าของภาพที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในรูปภาพ.
ขอบคุณที่มา : https://www.msn.com/th-th/news/national/สวนทางเงินทอนวัด-พุทธพาณิชย์-พระแท้ๆวัดจริงๆยังมี/ar-AAy8lhl 
สนับสนุนโดย Dailynews web Co.Ltd  ,2/6/2561
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2019, 09:07:30 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




"โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด เอาเงินไปดูแลพ่อแม่ได้บุญมาก" คำสอนจาก “หลวงปู่ทุย แห่งวัดป่าดานวิเวก"วัตรปฏิบัติเทียบ“หลวงปู่มั่น”...สาธุเลย

หากจะเอ่ยถึงสำนักวัดป่าที่ยังรักษาข้อวัตร และปฏิปทา ธรรมเนียมของพระป่า ที่เข้มข้นที่สุดในยุคนี้ ต้องกล่าวถึง สำนัก "วัดป่าดานวิเวก (วัดดงศรีชมภู) " อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เนื่องจากเป็นวัดที่คงปฏิปทาสายพระป่า ที่หาได้ยากยิ่งมากในปัจจุบันนี้...โดยมี หลวงปู่ปรีดา (ทุย) ฉนฺทกโร เป็นผู้อบรมสั่งสอน..

ถึงแม้หลวงปู่ทุยจะดุในแง่เจ้าระเบียบ และรักษาข้อวัตร-ปฏิปทาอย่างเข้มงวดกวดขัน แต่ก็มี “พระ-เณร” พากันหลั่งไหลเข้ามาจำพรรษาเพื่อศึกษากับท่านมากขึ้น เพราะสิ่งที่ท่านสอนสั่งนั้นมุ่งอรรถธรรมจริงๆ เช่นนั้นลูกศิษย์หมู่พระเณรในวัดนี้มีแต่พระปฏิบัติกันจริงจัง ทำให้พระที่ไม่มุ่งมั่น พระที่ไม่ชอบข้อวัตร ไม่ชอบภาวนา แบบนี้จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ยินดีก็จะไม่อยากมาอยู่..ไม่ต้องสงสัยเลย



จนเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า
“...ถ้าอยากรู้ข้อวัตรสมัยยุคหลวงปู่มั่นว่าท่านพาลูกศิษย์ดำเนินอย่างไร ให้ไปดูสำนักวัด หลวงปู่ปรีดา (ทุย)”

สำหรับวัดป่าดานวิเวกไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ นอกจากศาลาใหญ่หลังหนึ่งและกุฏิที่อยู่ห่างๆ กันไปเท่าที่จำเป็น อาสนะของพระสูงกว่าพื้นดินเพียงคืบเดียว หลวงปู่ทุยท่านมีปฏิปทาว่าจะไม่สร้างวัตถุถาวรใดๆ เกินความจำเป็น มุ่งปลูกป่าอย่างเดียว หากจะใช้ลำไม้ได้กรณีที่ต้นไม้นั้นล้มหรือตายเอง

วัดจะไม่ใช้ไฟฟ้าและระบบน้ำประปา โดยสั่งห้ามไว้ไม่ให้มีการต่อไฟฟ้าเข้ามาในวัดอย่างเด็ดขาด ส่วนน้ำนั้น “พระ-เณร” จะช่วยกันไปตักน้ำมาจากบ่อบาดาลมาใส่โอ่งใส่ตุ่มไว้ใช้ เมื่อไม่มีไฟฟ้าและประปา จึงไม่จำเป็นเลยที่ญาติโยมจะต้องมาบริจาคเงินเข้าวัด ดังนั้น สำนักนี้ท่านไม่มีบอกบุญ ไม่มีเรี่ยไร ไม่มีการชวนบริจาค ไม่มีชำระหนี้สงฆ์อะไรทั้งสิ้น ไม่ขอ ไม่ตั้งตู้ให้ญาติโยมหยอดเหรียญทำบุญประจำวันเกิดเพื่อหาเงินเข้าวัด ไม่จัดงานหาเงินหาปัจจัยเข้าวัด



หลวงปู่ทุยเคยกล่าวไว้ว่า
    “โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด..โยมเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด เรื่องเงินน่ะไม่สำคัญ ฆราวาสมีศีล 5 เท่านั้นพอ
     โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า
     โยมมาที่วัดขออย่าอึกทึกเสียงดัง. มาอยู่วัดให้ทำสมาธิฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระน่ะ”

 

เพจ : บูชา หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม
เรียบเรียงโดย จินต์จุฑา เจนสระคู , Publish 2017-06-27 09:59:14
ขอบคุณที่มา : https://www.tnews.co.th/contents/331344
ขอบคุณภาพจาก : https://goodlifeupdate.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: สวนทาง 'เงินทอนวัด-พุทธพาณิชย์' พระแท้ๆวัดจริงๆ 'ยังมี'
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2019, 07:02:47 am »
0
วัดแสงอรุณ (วัดป่าดานวิเวก) ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย (ภาพเก่าเมื่อ 13/06/2008 จากเว็บลานธรรม) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น วัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) ,ที่อยู่ : ตำบล ศรีชมภู อำเภอ โซ่พิสัย บึงกาฬ 38170 ,โทรศัพท์ : 063 013 5342


หลวงปู่ปรีดา(ทุย) ท่านเด็ดขาดที่สุด
สำนักนี้ยังเข้มข้นในวัตรปฏิบัติ ถึงพริกถึงขิงที่สุดในประเทศไทยเวลานี้


หากจะเอ่ยถึงสำนักวัดป่าที่ยังรักษาข้อวัตร และปฏิปทา ธรรมเนียมของพระป่า ที่เข้มข้นที่สุดในยุคนี้คงจะหนีไม่พ้น สำนัก "วัดป่าดานวิเวก(วัดดงศรีชมภู) อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ไปได้เลยเนื่องจากเป็นวัดที่คงปฏิปทาสายพระป่า ที่หาได้ยากยิ่งมากในปัจจุบันนี้ โดยมี หลวงปู่ปรีดา(ทุย) ฉนฺทกโร เป็นผู้อบรมสั่งสอน.

แปลกนะ ลองสังเกตดูซิ ในความดุ ในความเป็นระเบียบ (แต่ลึกๆท่านมีเมตตาตามากๆ) ในความที่ยังรักษาข้อวัตร-ปฏิปทาอย่างเข้มงวดกวดขันอย่างนี้ ทำไมยิ่งทำให้พระ-เณร พากันหลั่งไหลอยากจะเข้ามาอยู่ศึกษาเพื่อจำพรรษากับท่านมากขึ้น เพราะอะไรก็เพราะพระเหล่านั้นท่านชอบพอใจในข้อวัตรปฏิบัติที่จริงจังที่หลวงปู่วางไว้ และมาเพื่อมุ่งอรรถมุ่งธรรมจริงๆ พระโกโรโกโสอยู่ไม่ได้ พระที่ไม่ชอบข้อวัตร ไม่ชอบภาวนา แบบนี้จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ยินดีก็จะไม่อยากมาอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยลูกศิษย์หมู่พระเณรในวัดนี้มีแต่พระปฏิบัติกันจริงจัง เหมือนกับว่าท่านเหล่านี้จะไม่ค้างอยู่ในโลกเลย


@@@@@@

ตรงกันข้ามสำนักที่ไม่มีข้อวัตรปฏิปทา หรือหย่อนยาน พระเณรที่ท่านมุ่งเพื่ออรรถเพื่อธรรม ก็ไปศึกษาด้วยไม่เต็มที่ทำให้พระเณรที่ชอบข้อวัตรชอบการภาวนาไม่อยากไปพักอยู่อาศัยด้วย ลองสังเกตดูที่ไหนเข้มข้น พระเณรจะหลั่งไหลไปมาก

ถ้าอยากรู้ข้อวัตรสมัยยุคหลวงปู่มั่นว่าท่านพาลูกศิษย์ดำเนินอย่างไร ให้ไปดูสำนักวัด หลวงปู่ปรีดา (ทุย)
คำกล่าวนี้เห็นจะเป็นจริงเด่นชัดเอามากๆ ยกให้ท่านด้วยความเคารพศรัทธาองค์ท่านจริงๆที่สามารถดำเนินพาหมู่พระเณรในวัดรักษา ระเบียบวินัย ข้อวัตร-ปฏิปทา และอริยประเพณี ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ชึ่งหลายวัดแทบทำไม่ได้ จะว่าได้กว่าทุกสำนักในสายกรรมฐานก็น่าจะไม่ผิดเลย...(อันนี้ไม่ได้ยกย่อง แต่เป็นจริงสมคำล่ำลือ ไปดูได้ ตามเนื้อผ้า ตามราคา และไม่ได้กระทบสำนักอื่นใดๆ เพียงแต่ท่านทำได้จริง ลูกศิษย์สำนักอื่นๆอาจจะไม่พอใจต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย เราเอาความจริงกันมาพูดกันเลย ลองไปดูสำนักที่ไม่มีข้อวัตร หรือหย่อนยาน จะห่างกันราวฟ้ากับเหว)


วัดแสงอรุณ (วัดป่าดานวิเวก) ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย (ภาพเก่าเมื่อ 13/06/2008 จากเว็บลานธรรม) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น วัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) ,ที่อยู่ : ตำบล ศรีชมภู อำเภอ โซ่พิสัย บึงกาฬ 38170 ,โทรศัพท์ : 063 013 5342

กิตติศัพท์อันเลื่องลือลือชื่อในเรื่องความดุ (แต่แฝงด้วยความเมตตามากมาย) และมีระเบียบวินัย วัตรปฏิปทาเป๊ะๆ ของท่านนั้น ตั้งแต่เจอครูบาอาจารย์ทั่วประเทศมาหลายรูป ยกให้ท่านเป็นอันดับต้นๆ (ท่านดุมีเหตุผล ดุเป็นธรรม ดุเตือนสติ ใครรับไม่ได้อย่าไป เดี๋ยวจะไปปรามาสท่านบาปกลับมาเปล่าๆ)

หลวงตามหาบัวองค์ท่านจะเมตตาเดินทางมาเยี่ยมที่วัดแห่งนี้หลายครั้ง และกล่าวถึงวัดดงศรีชมภูแห่งนี้หลายวาระ นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เดินทางมาบวชเพื่อศึกษาธรรมะเป็นระยะเวลา 1 พรรษาด้วยแล้ว ยังมีบุคคลและญาติของบุคคลที่มีชื่อเสียงเดินทางมาบวชฝึกหัดกรรมฐาน ณ วัดแห่งนี้อยู่เป็นประจำ อาทิ เครือญาติของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายของผู้บริหารช่อง 5 ตลอดจนนายทหารระดับสูงอีกหลายคน

ภาพจากเฟซบุ้ค P-Saderd Fanpage (พี สะเดิด) โพสต์เมื่อ 19 มีนาคม 2018

ภาพจากเฟซบุ้ค P-Saderd Fanpage (พี สะเดิด) โพสต์เมื่อ 19 มีนาคม 2018

■ คำสอนหลวงปู่
   "โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด..โยมเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด เรื่องเงินน่ะไม่สำคัญ ฆราวาสมีศีล 5 เท่านั้น พอ
    โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า
    โยมมาที่วัดขออย่าอึกทึกเสียงดัง. มาอยู่วัดให้ทำสมาธิฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระน่ะ "

@@@@@@

ข้อวัตร / ระเบียบ / การไปการมาวัดนี้

ขอเล่าปฏิปทา-ข้อวัตรระเบียบต่างๆ สู่กันฟังเผื่อท่านใดไปกราบท่านอาจเตือนสติกันและอาจจะเป็นประโยชน์บ้างได้ไม่มากก็น้อย

■ สำหรับวัดป่าดานวิเวกไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ นอกจากศาลาใหญ่หลังหนึ่งและกุฏิที่อยู่ห่างๆ กันไปเท่าที่จำเป็น อาสนะของพระสูงกว่าพื้นดินเพียงคืบเดียว หลวงปู่ทุยท่านมีปฏิปทาว่าจะไม่สร้างวัตถุถาวรใดๆ เกินความจำเป็น มุ่งปลูกป่าอย่างเดียว

■ พระรูปไหนอ้วนท่านจะเรียกไปคุยสอบถามว่าอ้วนยังไง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าขี้เกียจภาวนา ไม่เดินจงกรม จึงอ้วน พระเณรในวัดจะถือบิณฑบาตทุกวัน ไม่มีเว้น นอกจากเจ็บป่วยจริงๆ ขนาดท่านอดีตนายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาบวช เป็นโรคเก๊าท์ด้วยก็ยังเดินเท้าเปล่าบิณฑบาตทุกวัน ไม่ว่าฝนตก หรืออากาศหนาวยังไงท่านก็ปฏิบัติเหมือนพระลูกวัดท่านอื่นๆ ไม่มีเว้น"

■ หลวงปู่ทุยท่านตั้งใจพาปฏิบัติแบบโบราณ ยึดกับของเก่า ไม่ใช้เทคโนโลยี ท่านบอกว่า เทคโนโลยีเข้ามาจะเป็นผลเสีย คนสมัยนี้วิ่งเร็วเกินตัวเองไปมากอันตราย

■ สำนักนี้ท่านไม่มีบอกบุญ ไม่มีเรี่ยไร ไม่มีการชวนบริจาค ไม่มีชำระหนี้สงฆ์อะไรทั้งสิ้น ไม่ขอ ไม่ตั้งตู้ให้ญาติโยมหยอดเหรียญทำบุญประจำวันเกิดเพื่อหาเงินเข้าวัด ไม่จัดงานหาเงินหาปัจจัยเข้าวัด ลองดูหาข้อมูลได้ไม่มีเลยตั้งแต่ตั้งวัดมานี้ (จะมีจัดงาน 1 ครั้งครั้งเดียวที่เห็นคืองานทอดผ้าบังสุกุลเพื่อแผ่นดินไทย (1 ก.พ.50) ที่คราวหลวงตามหาบัว มารับผ้าป่า นั่นเพียง 1 ครั้งเองเท่านั้นที่จัดงานนอกนั้นไม่มี)

■ หลวงปู่ไม่มีดำริให้ผู้ใดจัดวันเกิด และไม่อนุโลมไม่อนุญาติให้ใครมาจัดงานวันเกิดถวาย ในวัดไม่ให้จัดงานใดๆทั้งสื้นให้อึกทึก วุ่นวายโดยเด็ดขาด แม้กฐินก็ห้าม ส่วนวันเกิดไม่ให้ดำริจัดเพราะท่านไม่ยินดีในวันเกิด การเกิดถือว่าเป็นทุกข์จะยินดีอะไรอีก

■ ท่านไม่ไว้หน้าใครหากทำผิด ไม่เอาใจหรือประจบญาติโยมเพื่อหวังลาภสักการะจากเขาท่านไม่จำเป็นต้องทำ คือผิดต้องดุ ต้องตักเตือน ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ คนนี้รวยต้องได้เข้ากราบ คนนี้จนไม่ได้เข้ากราบ แบบนี้ไม่ใช่ ต้องเสมอเท่าเทียมกันหมด

■ พระเณร ไม่ให้มีกิจนิมนต์นอกวัดทั้งสิ้นโดยไม่จำเป็น (แม้องค์ท่านเองจะไม่ไปงานนิมนต์ใดๆทั้งสิ้นหากไม่จำเป็นจริงๆจังๆ)

■ ปฏิปทาองค์ท่านไม่มีปลุกเสก ไม่มีพิธีพุทธาภิเษก (พุทธเจ้าดีแล้ว แล้วตัวเราดียังไงถึงไปปลุกเสกท่านอีก หรือไปพุทธาภิเษกท่านอีก ) ไม่มีการถือฤกษงามยามดี ไม่แต่งแก้เสียเคราะห์เสียเข็ญ ไม่เซ่นสรวงอ้อนวอนบูชาผีสางนางไม้ ไม่เป็นหมอดูหมอเดา หมอมนต์กลคาถา หรือเที่ยวทำนายทายทัก สื่งเหล่านี้มันเป็นของลัทธิพรามณ์ไม่ใช่พุทธเจ้าสอน เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้อย่าไปถามองค์ท่านเดี๋ยวจะได้ฟังเทศน์กัณฑ์ใหญ่จากท่าน

■ วัดจะไม่ใช้ไฟฟ้าและจะไม่ให้มีการต่อไฟฟ้าเข้ามาในวัดอย่างเด็ดขาด (เข้าใจว่าในวัดพระเณรงดใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด แม้หนังสือพิมพ์ห้ามนำมาถวายนั่นเป็นเรื่องนอกๆของโลก)

■ ห้ามตัดต้นไม้ในบริเวณวัด และในเขตป่าสงวนของวัดอย่างเด็ดขาดจะใช้ลำไม้ได้กรณีที่ต้นไม้นั้นล้มหรือตายเอง

■ วัดไม่มีระบบประปา พระเณรจะช่วยกันไปตักน้ำมาจากบ่อบาดาลมาใส่โอ่งใส่ตุ่มไว้ใช้ ดังนั้นไม่มีค่าน้ำประปาไม่ต้องถวายปัจจัยนะ

■ ท่านก็สั่งไปทางหน่วยงานราชการว่าไม่ต้องให้ยศให้ตำแหน่งสมณศักดิ์แก่ท่าน " ท่านบอกว่า ขอเป็นพระเฉยๆ ก็พอแล้ว" และทางวัดก็จะไม่รับกฐิน เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย จึงไม่ต้องใช้เงิน

■ พระภิกษุ-สามเณร ฉันหนเดียวเป็นวัตร ผู้มาเป็นผ้าขาว ถือศีล 8 (ชาย) ก็ทานหนเดียวเป็นวัตรเหมือนพระเณร

■ มาวัดแล้วอย่าเอาความร่ำรวย เอาปัจจัย มาพูดอวดหลวงปู่ เดี๋ยวท่านเอ็ตตะโรเอา มาวัดแล้วไม่ต้องมาถวายปัจจัย ไม่ต้องมาถวายของอะไรทั้งสิ้น มาแล้วให้สำรวมจิตใจให้ดี กราบพระนั่งในที่เหมาะสมแล้วภาวนาดูจิตใจตัวเอง หลวงปู่เน้นให้ภาวนา

■ ฆราวาสสามารถไปภาวนาได้ กุฏิของโยม (ผู้ชายจะอยู่บริเวณรอบนอก) ระเบียบก็คล้ายๆ วัดป่าทั่วไป คือฉันมื้อเดียว เน้นภาวนา และช่วยพระทำกิจวัตร (ปัดกวาด, จัดอาหาร, ช่วยที่โรงฉันน้ำร้อน) โดยเฉพาะการภาวนา ท่านมักจะเดินมาดูว่ามา "ภาวนา" จริง หรือมา "ภาวนอน" ถ้าเห็นว่าเอาแต่นอนก็จะถูกไล่เก็บกระเป๋าทันที

■ ท่านเน้นเรื่องของการแต่งตัวเข้าวัดของผู้หญิงต้องเรียบร้อย สุภาพ ไม่นุ่งสั้น วันนั้นก็เจอไปหลายคนเหมือนกัน ที่โดนท่านอบรมสั่งสอนโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ใครใส่สั้นๆเข้ามาขอให้กลับไปเปลี่ยนแล้วค่อยมาวัดหลวงปู่ใหม่

■ ใครไปพูดเรื่องวัตถุมงคล เหรียญ ล๊อกเก็ต ด้ายสายสิญณ์ เกศา ของขลัง น้ำมนต์กลคาถากับหลวงปู่ ส่วนมากจะสวนหงายหมากลับมาทันที

■ ท่านไม่ฉันน้ำขวดที่เราถวาย ท่านกับหมู่พระเณรจะฉันน้ำฝนอย่างเรียบง่าย (ไม่ต้องนำน้ำขวดในห้างร้านมาถวาย)

■ วัดท่านสะอาดมากๆ ห้องน้ำแทบจะนอนได้เลย ดังนั้นต้องถอดรองเท้าด้วยก่อนเข้าห้องน้ำวัดท่านพระเณรทำความสะอาดทุกวันเดี๋ยวจะเป็นบาป

■ ท่านก็บอกว่า ไม่ต้องเอาอะไรมาถวาย เพราะที่วัดมีเยอะแล้ว

■ ย่างเข้าเข้ามาวัดห้ามคุยกัน ห้ามอึกกระทึก เดี๋ยวจะโดนไล่ออกจากวัด มีอะไรคุยกันให้คุยให้เรียบร้อยก่อนจะย่างเข้าเข้าสู่ประตูวัด โทรศัพท์ปิดให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้ามาในเขตวัด

■ อย่าถ่ายรูปและบันทึกภาพเสียง หากหลวงปู่ไม่ได้อนุญาติ ห้ามอย่างเด็ดขาด (ใครถ่ายภาพท่าน ท่านจะบอกว่า "ไม่อ่านดูป้ายหรือเค้าเขียนว่าอย่างไร" )

■ อย่าใช้โทรศัพท์ในวัดเดี่ยวท่านไล่ให้ไปคุยนอกวัด เวลาเข้าไปแล้วอย่าพูดคุยเสียงดังกันเหมือนอยู่ในชุมชนไม่ได้

■ อย่าเข้าเดินไปเพิ่นพ่านในเขตสงฆ์หากไม่ได้รับอนุญาติ เพราะจะรบกวนพระ-เณร ที่ท่านทำความเพียร ในการเดินจงกรม-นั่งภาวนา

■ วัดไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่ได้เสียค่าไฟ ดังนั้นไม่ต้องมาถวายปัจจัยค่าใช้จ่ายให้ ไม่ต้องมาถวายใบปวารณา ให้เอาไปดูแลพ่อแม่ให้ดีอย่าให้ขาดให้เกิน พระไม่จำเป็นต้องใช้ปัจจัย ในวัดไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร อย่านำมาถวาย และไม่มีตู้ให้รับบริจาค วัดไม่ได้สร้างโน่นสร้างนี่

■ เรื่องเอารถไปให้ท่านเจิมนี่ก็โดนท่านว่าไปหลายรายแล้ว (เข้าใจว่าพระไม่ใช่นักเจิมรถนั่นมันศาสนาพรามณ์ไม่ใช่พุทธ พุทธเจ้าไม่ทรงสอน มีสติก็ขับไปดีมาดีปลอดภัย ถึงคราวถึงเวลาตายจะเจิมยังไงมันก็คว่ำ ก็ชน ตายเหมือนกัน)

■ ไม่อนุญาตให้โยมผู้หญิงเข้ามาพักปฎิบัติ


วัดป่าดานวิเวก(วัดหลวงปู่ทุย) ภาพจากเฟซบุ้ค ธรรมทาน ทัวร์ โพสต์เมื่อ 25 เมษายน 2015

วัดป่าดานวิเวก(วัดหลวงปู่ทุย) ภาพจากเฟซบุ้ค Setthavit Kaewsrisuk โพสต์เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2019

ขยายความที่ว่า : "ไม่อนุญาตให้โยมผู้หญิงเข้าปฎิบัติ"
มีโยมถามว่า : "หลวงปู่ไม่เมตตาผู้หญิงหรือเจ้าค่ะ"
หลวงปู่ตอบ : "ไม่ใช่หลวงพ่อไม่เมตตาแต่หลวงพ่อให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายเท่าเทียมกันนั่นแหละ หลวงพ่อขอวัดหลวงพ่อไว้สักวัดหนึ่งละกันนะ (ละไว้ฐานที่เข้าใจ)"

เมื่ออ่านแล้วคงจะเป็นสำนักปฏิบัติในดวงใจของหลายๆคนหลายๆท่าน เป็นอันดับต้นๆเลยครับ ใครจะมาไม่ดีหรือหรือมาอวดเขี้ยวอวดงา มาอวดศักดา มาแหยมไม่ได้โดยเด็ดขาดเป็นต้องเผ่นพระโกโรโกโสไม่ปฏิบัติจริงอยู่ไม่ได้เป็นต้องขับออกจากวัดไปทันที ดังนั้นท่านมุ่งธรรมจริงๆมาบวชที่วัดนี้ได้เลย

ภาพประกอบไม่ได้ถ่ายเอง ขอบคุณในเว็บไซต์ ถ้าถ่ายเองมีหวังท่านเข่นกระบาลตายแน่ๆ


หลวงปู่ทุย ฉันทกโร ภาพจาก http://www.openesan.com/ , On February 11, 2016 By oeadmin


ประวัติย่อ องค์หลวงปู่ปรีดา (ทุย)

หลวงปู่ทุย ฉันทกโร ท่านเป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิด ไปเติบโตที่ อ.สว่างดินแดน จังหวัดสกลนคร บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากที่หลวงตามหาบัวสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ท่านก็มาจำพรรษาอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง

ตามนิสัยของท่านรักธรรมชาติมาก ท่านจึงชอบสงวนที่ป่าเขาลำเนาไพร มีมากมีน้อยท่านไม่ค่อยทำลาย หลังจากท่านได้อยู่กับ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล จ.หนองบัวลำภู แล้วหลวงปู่ขาว ก็แนะนำให้ท่านธุดงค์มาที่ดงสีชมพูนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่สีแดงที่คอมมิวนิสต์ยึดครองอยู่ ท่านอยู่ที่นี่ได้สองปีก็ตั้งวัดป่าดานวิเวกขึ้นในปีพ.ศ.๒๕๑๑ ชื่อของวัดมาจากพื้นที่แห่งนี้เป็นดานหินทราย ส่วนชื่อที่เป็นทางการคือ วัดแสงอรุณ

ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยพื้นที่ป่าหลายส่วนรวมกัน ๒,๔๐๐ ไร่ ส่วนพื้นที่ของวัดเองประมาณ ๑๔ ไร่ เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เช่าโดยถูกต้องตามกฎหมาย รวมกันพื้นที่ของกรมป่าไม้ที่ให้วัดดูแลอีก ๗๐๐ ไร่ และพื้นที่สปก.อีก ๑,๔๐๐ ไร่ เดิมเป็นพื้นที่ซึ่งชาวบ้านปลูกมันสำปะหลัง แล้วกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ก็ยกให้หลวงปู่ทุยดูแล ท่านก็ชวนชาวบ้านใน ๓ ตำบล อ.โซ่พิสัย ปลูกป่าใหม่ขึ้นมา ทั้งไม้ประดู่ ชิงชัง เต็ง รัง จนไม้เติบใหญ่ขึ้น



ขอบคุณที่มา : เฟซบุ้ค บูชา หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม และ เฟซบุ้ค ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โพสต์บนเฟซบุ้คเมื่อ : วันที่ 5 มกราคม 2015
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2019, 08:18:30 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ