หัวข้อ: บาลีวันละคำ ทฤษฎีคาน เริ่มหัวข้อโดย: ปัญญสโก ภิกขุ ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 11:00:51 pm ทฤษฎีคาน
------------ ในบรรดาทฤษฎีหรือกลวิธีเบี่ยงเบนจุดสนใจ โดยเฉพาะเมื่อถูกกล่าวหา หรือถูกตั้งข้อสงสัยว่ากระทำผิด หรือกระทำการอันไม่ชอบธรรม หรือไม่ถูกไม่ควรนั้น ทฤษฎีคานถูกนำมาใช้กันมาก เช่นเมื่อมีเสียงบอกว่า นาย ก โกง ก็จะมีเสียงตอบว่า นาย ข ก็โกง พอมีเสียงพูดแบบนี้ น้ำหนักที่บอกว่า “นาย ก โกง” ก็จะลดลง โดยที่ไม่ต้องแก้หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ เลยว่า นาย ก โกงจริงหรือเปล่า เช่นเดียวกัน พอมีคนพูดว่า นักการเมืองไทยโกงการเลือกตั้ง ก็จะมีเสียงตอบว่า นักการเมืองโกงเลือกตั้งกันทั่วโลก และประเทศอื่นโกงมากกว่าเราอีก และยังแถมเหน็บเข้ามาอีกด้วยว่า มีที่ไหนบ้างที่ไม่โกง พอพูดอย่างนี้ ก็เลยไม่ต้องมีการพิสูจน์ตรวจสอบว่านักการเมืองไทยโกงการเลือกตั้งจริงหรือเปล่า ต่อจากนั้นก็พากันเห็นว่า โกงการเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่น่ารังเกียจอะไร ทำให้นักการเมืองไทยสามารถโกงการเลือกตั้งได้ต่อไป และการโกงการเลือกตั้งนั้นก็กลายเป็นความชอบธรรมยิ่งขึ้น เป็นอันไม่ต้องคิดที่จะแก้ไขป้องกันการโกงเลือกตั้งอะไรกันอีกต่อไป ------------- หลักของทฤษฎีคานก็คือ ยกเอาการกระทำอย่างเดียวกันของคนอื่น ที่อื่น ขึ้นมาถ่วงดุล เพื่อให้เห็นว่ากรณีที่กำลังถูกกล่าวหานั้นมีทำกันทั่วไป ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีสิทธิ์หรือมีความชอบธรรมที่จะกระทำเช่นนั้นได้ และแม้ต่อไปก็ย่อมสามารถกระทำเช่นนั้นได้อีก โดยไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ผิด + ผิด = ถูก เพียงแค่หาผิดที่อื่นขึ้นมาคานเท่านั้น ก็จะกลายเป็นถูกทันที คล้ายๆ กับจุดดำบนพื้นขาวย่อมเป็นจุดเด่น ถ้าทำพื้นที่ทั้งหมดหรือส่วนมากให้เป็นสีดำ ก็จะแก้ปัญหาได้โดยยังคงจุดดำไว้ได้เหมือนเดิม ------------ ผมสังเกตว่า เวลานี้มีผู้ใช้ทฤษฎีคานอีกลักษณะหนึ่งแล้ว โปรดอ่านข้อความนี้ครับ - .......... "ประเด็นเหล่านี้ดิฉันอยากขอความกรุณาและตั้งข้อสงสัยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ความยุติธรรมกับดิฉันเหมือนกับผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท่านอื่นๆ หรือไม่..." .......... นี่เป็นทฤษฎีคานอีกแบบหนึ่ง คือการยกเอาการปฏิบัติในกรณีอื่นขึ้นมาถ่วงดุลกับกรณีที่ตนกำลังถูกปฏิบัติ ถ้าสมมุติใหม่ อาจช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมุติว่าแม่กำลังจะตีลูกคนหนึ่งที่ทำผิด ลูกคนนั้นอุทธรณ์ว่า เมื่อคราวที่ลูกอีกคนหนึ่งทำผิดแบบเดียวกัน แม่ไม่เห็นตีเลย จะเห็นได้ทันทีว่าถ้าแม่ตีลูกคนนี้ ก็จะไม่เป็นธรรม ประเด็นที่ถูกเบี่ยงเบนหรือกลบเกลื่อนไปก็คือ ข้อเท็จจริงในการกระทำผิดครั้งนี้ของลูกคนนี้สมควรที่จะถูกตีหรือไม่ – ยังไม่ได้ถูกยกขึ้นมาพิจารณา เพราะถูกคานด้วยการกระทำผิดของลูกอีกคนหนึ่งเสียก่อน แทนที่จะพิจารณาเนื้อหาของการกระทำผิด ก็กลายเป็นย้ายประเด็นไปที่เอาการปฏิบัติต่อการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันในครั้งก่อนมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน เปรียบเทียบอีกทีให้เห็นชัดๆ สามเณรรูปหนึ่งฉันข้าวค่ำ หลวงพ่อไม่ลงโทษ (ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม) ต่อมาสามเณรอีกรูปหนึ่งฉันข้าวค่ำบ้าง หลวงพ่อจะลงโทษ สามเณรรูปหลังนี่อุทธรณ์ว่า ทีรูปโน้นหลวงพ่อยังไม่เห็นลงโทษเลย ถ้าหลวงพ่อไม่ลงโทษ – เพื่อความยุติธรรม (เนื่องจากครั้งโน้นก็ไม่ได้ลงโทษ) การฉันข้าวค่ำก็กลายเป็นความชอบธรรมไป ทุกวันนี้สังคมเรามีคนกระทำการอันไม่สมควรอยู่ทั่วไปได้ โดยอาศัยทฤษฎีคานนี้ จะเรียกว่าอะไรดีครับ ความฉลาดของคนโง่ หรือว่า-ความโง่ของคนฉลาด ? นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ หัวข้อ: Re: บาลีวันละคำ ทฤษฎีคาน เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 02:45:09 am สาธุ ครับ ออกมา ซักวันละหน่อย นะครับ หลวงพี่ อย่าหายไปเลย เฮอะๆ... |