ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - หมิว
หน้า: 1 [2] 3 4
41  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แม่เด็กชาย วัย 14 ร้องกองปราบ หลังลูกถูกครูใหญ่ตบหน้า ขู่จะแก้ผ้าประจานหน้าเสาธง เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2012, 10:25:46 am



ขอบคุณภาพจาก http://hilight.kapook.com
แม่เด็กชาย วัย 14 ร้องกองปราบ หลังลูกถูกครูใหญ่ตบหน้า ขู่จะแก้ผ้าประจานหน้าเสาธง หากไม่เลิกเป็นตุ๊ด

วันนี้ (6 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพรทิพา สุพัฒนุกูล อายุ 40 ปี ชาวอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสบโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการสอบสวนกองปราบปราม โดยร้องเรียนว่า เด็กชายน้ำ (นามสมมุติ) ลูกชาย วัย 14 ปี ถูกครูใหญ่และคุณครูประจำชั้นของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เรียกไปตำหนิและตบหน้าต่อหน้าเพื่อน บอกให้เลิกทำตัวตุ้งติ้ง โดยบอกว่าลูกชายไม่ปกติและยังขู่ว่า ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะประจานด้วยการจับถอดเสื้อผ้าโชว์หน้าเสาธง

นางพรทิพา กล่าวว่า ลูกชายของตนมีอาการตุ้งติ้งตั้งแต่เด็ก แต่ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะยอมรับได้ แต่ลูกชอบมาบ่นว่า ถูกครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.นครปฐม ต่อว่า ว่าชอบทำตัวตุ้งติ้ง ซึ่งโดนว่าแบบนี้มาประมาณ 3 ปี จนทำให้ลูกชายเครียดจัด จนคิดสั้น กินยาฆ่าตัวตาย โดยตนทราบข่าวจากแม่บ้านว่า ลูกชายกินยาพาราเซตามอล จำนวน 1 กำมือ จนเกิดอาการช็อก มือหงิก น้ำลายฟูมปาก แต่โชคดีพาส่งโรงพยาบาลวิชัยเวช ได้ทัน ทำการล้างท้องจนพ้นขีดอันตรายแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันจะเอาเรื่องครูให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับลูกคนอื่นอีก
42  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เผยพิธีศพแปลก ปลุกศพให้เดินได้ในอินโดนีเซีย ( ใครมีข้อมูลมาเติมให้ด้วยคะ ) เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2012, 10:22:42 am


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก odditycentral.com http://hilight.kapook.com
ในทุก ๆ พื้นที่ทั่วโลก ล้วนมีพิธีกรรมทำศพที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อแต่ละพื้นที่ แต่หากใครได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมทำศพของชาวบ้านในหมู่บ้านสองแห่งของอินโดนีเซียที่เรานำมาฝากกันวันนี้ รับรองว่าต้องขนลุกซู่ เพราะพิธีกรรมที่ว่านี้ ว่ากันว่าเป็นการปลุกศพขึ้นมาให้เดินได้เลยล่ะ

พิธีกรรมศพดังกล่าว เป็นของหมู่บ้านทานาโทราจาและหมู่บ้านมามาซา ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทห่างไกลในอินโดนีเซีย ผู้คนที่นี่ เมื่อไรที่มีการตายเกิดขึ้น ว่ากันว่าจะมีการทำพิธีลี้ลับปลุกศพให้ลุกขึ้นมาเดินกลับบ้านเองได้ ด้วยความเชื่อที่ว่า ศพจะต้องเดินกลับมาเพื่อรับการฝังในบ้านเกิดของตัวเอง ในสภาพที่เหมือนกับมีลมหายใจทุกอย่าง เพื่อได้พบกับญาติพี่น้องอีกครั้ง

ในกรณีที่มีคนเสียชีวิตในที่ที่ห่างไกลบ้านมาก บางครั้งจะมีการฝังศพเอาไว้ก่อน เมื่อผ่านไปอีกหลายปีก็จะมีการขุดศพขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่อง คล้ายกับชุบชีวิตศพ จากนั้น ก็จะมีการทำพิธีปลุกศพลุกขึ้นมาให้ค่อย ๆ เดินกลับบ้านช้า ๆ โดยไม่มีการคลุมใบหน้าศพเลยแม้แต่น้อย ซึ่งไม่ว่าที่ที่ศพเสียชีวิตจะเป็นที่ไหน ห่างไกลบ้านเท่าไรก็ตาม ก็จะต้องมีการทำพิธีพาศพเดินกลับบ้านอย่างนี้ หากใครก็ตามที่อุ้มศพขึ้นโดยตรง เชื่อกันว่าจะทำให้คนคนนั้นล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุระหว่างทาง และไม่สามารถแห่ศพกลับบ้านได้ต่อไป

นอกจากนี้ บรรดาญาติพี่น้องและผู้นำในการทำพิธีที่กำลังพาศพกลับบ้าน จะมีการเตือนผู้คนที่เดินสวนไปมาระหว่างทางด้วยว่า ห้ามให้พวกเขาพูดกับศพ แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบแน่ชัด ดังนั้น ผู้คนที่ทำพิธีพาศพเดินกลับบ้านจึงมักจะเลือกทางเดินที่เงียบปราศจากผู้คนที่สุด เป็นเส้นทางให้ศพได้เดินกลับบ้าน

และนอกจากพิธีกรรมศพดังกล่าวจะทำกับศพคนแล้ว ยังทำกับสัตว์ที่ตายด้วย โดยเฉพาะเมื่อควายของชาวบ้านคนใดถูกนำไปทำพิธีบูชายันต์ด้วยการปาดคอควายทั้งยืน ควายตัวนั้นก็จะถูกประคองกลับบ้านในสภาพคอขาดอย่างนั้นนานกว่า 10 นาที ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นภาพที่น่าสลดอย่างไร แต่สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านทานาโทราจาและหมู่บ้านมามาซา ก็คงจะได้เห็นกันจนชินตาไปเสียแล้ว

อย่างไรก็ดี แม้จะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพิธีกรรมนี้ว่าสามารถปลุกศพให้ลุกขึ้นมาเดินเองได้ โดยอาศัยญาติช่วยประคองให้ศพเดินเองเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะเชื่อ เพราะยังไม่มีคนนอกพิสูจน์ให้เห็นว่าจริงเท็จแต่อย่างใด ขณะที่คนส่วนใหญ่ ที่ได้รับรู้เรื่องพิธีการทำศพดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ศพอาจจะไม่ได้เดินกลับบ้านเองได้ แต่เป็นเพราะญาติประคองศพได้ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปในท่ายืนต่างหาก
43  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เด็ก ม.ต้น จะวางมวยกับ ครู เนื่องด้วยโดนด่าในห้องเรียน 10 ก.ค.55 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2012, 10:16:27 am


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com

สื่อเผยคลิปบันทึกภาพเหตุการณ์ครูกับนักเรียนเถียงกันในห้อง ครูขึ้นมึง ตำหนิเด็กโง่ ด้านนักเรียนชาย ตอบกลับ ครูก็โง่เหมือนกันนั่นแหละ

วันนี้ (10 กรกฎาคม) เว็บไซต์มติชนออนไลน์ และข่าวสด ได้เปิดเผยคลิปการโต้เถียงกันในห้องเรียนระหว่างอาจารย์ผู้สอน และนักเรียน โดยพาดหัวข่าวว่า "คลิปอ้างบันทึกภาพเหตุการณ์ครูกับนักเรียนม.ต้น เถียงกันในห้องรุนแรง หวิดวางมวย !!" โดยเหตุการณ์ภายในคลิป ปรากฏภาพครูผู้ชายกำลังตำหนินักเรียนชายคนหนึ่ง ซึ่งจากการแต่งกายทำให้ทราบว่า เป็นนักเรียนชั้น ม.ต้น

ทั้งนี้ ระหว่างการโต้เถียง ฝ่ายคุณครูได้ตำหนินักเรียนชายคนดังกล่าวเรื่องแบบฝึกหัด พร้อมกล่าวว่า "มึงโง่เอง" ด้านฝ่ายนักเรียน ก็ตอบกลับว่า "ครูก็โง่เหมือนกันนั่นแหละ" ทำให้ฝ่ายคุณครูไม่พอใจปรี่เข้าหานักเรียน ซึ่งทางฝั่งของนักเรียนก็ไม่ยอม จะเข้าผลักคุณครู เพื่อน ๆ ในห้องจึงบอกให้ใจเย็น ๆ และเข้าห้าม ก่อนที่ภาพจะตัดไป

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และที่โรงเรียนอะไร

คลิป อาจารย์และเด็กมอต้นมีปากเสียงกัน โพสต์โดย คุณ LeKOH AHOLIC
44  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เด็กชายอินเดียวัย 6 ขวบแสนยากจนรายหนึ่ง ที่ต้องดูดนมสุนัขเมื่อยามหิวโหย เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2012, 10:13:02 am
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดอะซันของอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวสุดน่าสลดของเด็กชายอินเดียวัย 6 ขวบแสนยากจนรายหนึ่ง ที่ต้องดูดนมสุนัขเมื่อยามหิวโหยเพื่อประทังชีวิต





รายงานระบุว่า เด็กชายรายนี้ชื่อว่า โชตู กูมาร์ วัย 6 ขวบ จากรัฐฌาร์ขัณฑ์ของอินเดีย อาศัยอยู่ในบ้านโคลนเล็ก ๆ สภาพซอมซ่อกับแม่ ยาย และพี่น้องอีก 2 คน ส่วนพ่อนั้นเสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อน และหลังจากนั้นมาครอบครัวของเขาก็เริ่มขัดสน ทำให้พี่ชายคนโตต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว และได้เงินมาใช้จ่ายเพียงเดือนละ 1,000 บาทเท่านั้น ขณะที่แม่และยายก็เข้าป่าทุกวันเพื่อเก็บฟืน และหาอาหารจากในป่า ซึ่งแน่นอนว่า บางครั้งมันก็พอบ้างไม่พอบ้าง ทำให้เขาต้องกลายเป็นเด็กที่ค่อนข้างอดอยาก แถมยังไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กในวัยเดียวกัน และไม่มีเพื่อนด้วย จะมีก็แต่เจ้าสุนัขในละแวกบ้านที่พอจะเป็นเพื่อนเล่นให้เขาได้บ้าง และที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้น คือเมื่อไรที่เขารู้สึกหิวโหย เขาก็ถึงขั้นดูดนมสุนัขเลยทีเดียว





จากพฤติกรรมการดูดนมสุนัขดังกล่าว นางจานีชารีกล่าวว่า "ตอนที่โชตูเล่นกับสุนัขอยู่นอกบ้าน ฉันเห็นเขาดูดนมพวกมันด้วย ฉันรู้สึกช็อกมาก เลยวิ่งไปดึงเขาออกจากใต้ท้องสุนัข แต่หลังจากนั้น เมื่อเขาหิวอีก เขาก็ไปดูดนมสุนัขอีก ฉันเลยทำได้แค่ปล่อยให้เขาดูดนมสุนัขอย่างนั้น เพราะรู้ว่าเขาหิวมากแค่ไหน ส่วนเจ้าสุนัขก็เป็นเพื่อนที่ดีของเขามาก มันไม่เคยทำร้ายเขาเลย และเขาก็สามารถขี่หลังมันได้อย่างสบายด้วย คราวนี้พอมีคนในหมู่บ้านมาเห็นเข้า หลายคนก็บอกฉันตลอดว่า การที่โชตูดูดนมจากสุนัขอย่างนั้นอาจจะทำให้เขาติดโรคจากสุนัขได้ และที่น่ากลัวไปกว่านั้น คือเมื่อเขาติดเชื้อโรคจากสุนัขมาแล้ว ก็อาจจะแพร่ระบาดไปยังเด็ก ๆ ในหมู่บ้านอีกหลายคน"



ส่วนทางด้านโชตู หนูน้อยผู้ดูดนมสุนัข ได้เล่าให้ฟังอย่างไร้เดียงสาว่า "ผมดูดนมสุนัขวันละ 3 ครั้ง มันหวานเหมือนน้ำตาลเลย ใครหลาย ๆ คนในหมู่บ้านไม่ชอบที่ผมเป็นเพื่อนกับสุนัข แต่ผมมีความสุข เมื่อไรที่ผมไม่เห็นมันอยู่ใกล้ ๆ บ้านผม ผมก็จะออกตามหามันจนได้ และมันก็ดูมีความสุขเวลาที่เจอผม แล้วก็ยอมให้ผมดูดนมมันแต่โดยดี"

อย่างไรก็ดี ล่าสุด ทางการอินเดียได้เข้าให้ความช่วยเหลือครอบครัวของโชตูแล้ว และให้โอกาสโชตูได้เรียนหนังสือ ซึ่งเขาก็จะได้ทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนฟรี ๆ พร้อมทั้งยังให้สิทธิครอบครัวของโชตูได้ทานอาหารที่โรงเรียนฟรีเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น เจ้าสุนัขเพศเมียคู่หูของโชตูก็ยังวนเวียนมาหาเขาอยู่บ่อย ๆ แถมยังทำท่าเหมือนอยากจะให้นมเขาอีกด้วย

45  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เปิดจองตั๋วไปดาวอังคารแล้ว ใครจะไป ก็ไปจองได้คะอีก 11 ปีเดินทาง เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2012, 10:09:25 am
ขายแล้ว!! ตั๋วเดินทาง ไปตั้งรกรากที่ดาวอังคาร
หากใครที่กำลังเบื่อโลกมนุษย์ ต้องการหลีกหนีไปให้ไกล โอกาสนี้มาถึงแล้วเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าของบริษัท มาร์ วัน มีการเปิดขายตั๋วเดินทางไปตั้งรกรากที่ดาวอังคารในอีก 11 ปีข้างหน้า โดยจะมีการส่งนักบินอวกาศจำนวน 4 คนไปบุกเบิก แล้วทยอยส่งไปเรื่อยๆครั้งละ 4 คนในทุกๆ 2 ปี
ทั้งนี้แผนระยะยาว มีการเตรียมส่งดาวเทียมสื่อสาร และแคปซูลที่พักไปยังอวกาศในปี 2559 จากนั้นอีก 2 ปีจะมีการส่งยานอวกาศไปที่ดาวอังคารเพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งรกราก พักอาศัย
และในปี 2563 จะมีการส่งโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีการสื่อสารขึ้นไปในดาวอังคาร หากมีการติดตั้งสำเร็จ ก็จะเริ่มส่งคนไปอยู่อาศัย ซึ่งล่าสุดมีผู้สนใจในเทคโนโลยีอวกาศหลายร้อยคน แต่มีข้อแม้ว่า หากใครต้องการเดินทางไปยังดาวอังคารต้องมีความแน่วแน่ว่าจะไปอยู่จริงๆ หากรู้สึกคิดถึงโลก หรือเบื่อดาวอังคาร ต้องหาทางกลับเอง เพราะตั๋วใบนี้เป็นเพียงตั๋วไป ไม่มีตั๋วกลับ


46  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / นอนไม่หลับ ในช่วงที่ควรจะหลับ แต่ไปหลับ ในช่วงที่ควรจะตื่น คะ เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2012, 09:41:09 am
 ประสบปัญหากับชีวิต คะ คือ ถึงเวลานอนหลับ คือ 20.00 - 02.00 น. มักจะนอนไม่ค่อยหลับคะ
แต่มักจะไป 02.00 น. - 05.00 น. ซึ่งพอหลับแล้วก็มีปัญหากับการทำงานคะ บางทีตื่นไม่ทันคะ อยากแก้ไขเรื่องนี้ ด้วยการภาวนา มีวิธีการอย่างไร บ้างคะ

  ขอบคุณทุกท่านที่ตอบคะ

   :03: :s_hi: :coffee2:
47  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รัสเซีย ผุดไอเดีย ตู้ทิ้งเด็ก เตรียมใช้จริงในหลายเมือง เมื่อ: มิถุนายน 27, 2012, 02:44:32 pm


MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการของประเทศรัสเซียได้เริ่มใช้ ตู้ทิ้งเด็กทารก สำหรับคุณแม่ที่ท้องไม่พร้อม เพื่อลดปัญหาทารกถูกทิ้งตามถังขยะ เช่นเดียวกับในอีกหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งใน ญี่ปุ่น ซึ่งโครงการของรัสเซียเริ่มทำมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2011)

โดยที่เมืองกราสโนเดอร์ ได้ทำการสั่งซื้อตู้ทิ้งเด็กดังกล่าวไว้จำนวน 5 ตู้ และภายในเวลา 1 เดือนนับจากติดตั้งก็มีเด็กคนแรกถูกนำมาวางไว้

ทั้งนี้ เอเลน่า เรดโก หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขแห่งกราสโนเดอร์ กล่าวว่า โครงการนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาชีวิตเด็กทารกที่มักถูกพ่อแม่นำไปทิ้งตามถังขยะ ซึ่งทำให้เด็กได้รับเชื้อโรคก่อนจะไปถึงโรงพยาบาล บางรายก็เสียชีวิต

เรดโกกล่าวอีกว่า ทารกคนแรกที่ได้รับการช่วยเหลือจากตู้ทิ้งเด็กนั้น เป็นเพศหญิง สุขภาพแข็งแรง ถูกส่งต่อให้กับศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้าของรัฐ โดยเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนกว่าจะมีครอบครัวอุปถัมภ์มารับเด็กไปเลี้ยง ซึ่งจำนวนครอบครัวที่สนใจนำเด็กไปเลี้ยงมีมากกว่าจำนวนเด็กที่อยู่ในศูนย์

อย่างไรก็ตาม ตู้ทิ้งเด็กจะถูกติดตั้งในเมืองใหญ่ของรัสเซียอีกหลายเมือง เช่น เพิร์ม ในเขตไซบีเรีย, ทอมส์ก, ออมส์ก, นาวาซิบีร์ส์ก และคิรอฟ
Mthai News
48  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กรมทางหลวงเวนคืนที่ดิน 6,805.5 ไร่ เพื่อก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายใหม่ เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 08:22:42 am
กรมทางหลวงเวนคืนที่ดิน 6,805.5 ไร่ เพื่อก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายใหม่ ผ่าน 4 จุด คือ บางใหญ่ – นครปฐม – ราชบุรี - กาญจนบุรี

กรมทางหลวงออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินจำนวน 6,805.5 ไร่ โดยจะมีผู้ถูกเวนคืนจำนวน 3,727 ราย ใน 4 จังหวัด คือ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากมีการเตรียมก่อสร้างทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สาย บางใหญ่ – กาญจนบุรี เป็นระยะทางยาว 98 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับจังหวัดต่าง ๆ อีกทั้งยังรองรับการขนส่งเชื่อมต่อทางเรือน้ำลึกทวาย ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าในอนาคตด้วย

โดย นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางใหญ่ – กาญจนบุรี ดังกล่าว มีแบบพร้อมแล้ว เหลือเพียงการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินที่ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนหลังจากนี้เท่านั้น โดยกรมทางหลวงได้มีการเสนอแนวทางการลงทุนต่อคณะรัฐมนตรีไป 2 รูปแบบ คือให้เอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดเก็บรายได้ค่าผ่านทาง โดยรัฐจะลงทุนเฉพาะค่าเวนคืนที่ดิน หรือ ให้เอกชนลงทุนทั้งหมด แล้วรัฐจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ยหลังปีที่ 5 เป็นต้นไป ซึ่งการตัดสินใจขึ้นอยู่ที่คณะรัฐมนตรี

สำหรับการลงทุนดังกล่าว จะใช้เงินลงทุนประมาณ 45,886 ล้านบาท โดยแยกเป็นค่าเวนคืนที่ดิน 4,851 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 40,495 ล้านบาท และค่าควบคุมงานก่อสร้าง 540 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 ปี คาดว่าจะเริ่มเวนคืนที่ดินและดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 เป็นต้นไป

โดยการก่อสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์ดังกล่าวนั้น จะแบ่งถนนออกเป็น 4-6 ช่องการจราจร พร้อมด่านเก็บเงินระบบปิดที่จะคิดค่าใช้จ่ายตามระยะทาง พร้อมทั้งมีที่พักริมทางด้วย ซึ่งคาดว่าถนนในช่วง บางใหญ่-นครปฐม จะมี 6 ช่องจราจร และช่วง นครปฐม-กาญจนบุรี จะมี 4 ช่องจราจร จากนั้นจะมีการขยายเส้นทางจากจังหวัดกาญจนบุรีไปจนถึงชายแดนไทย-พม่า ที่บ้านน้ำพุร้อนเพื่อเชื่อมต่อกับโครงการท่าเรือทวาย เป็นถนน 4 ช่องจราจร
49  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ความเลว กับ ความดี เป็นสิ่งที่ติดมาเป็นอุปนิสัยโดยกำเนิด หรือว่า เกิดจาก.... เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 08:11:57 am
ขอเรียนถามบัณฑิต ชาวธรรม ทุกท่านนะคะว่า
ความเลว กับ ความดี เป็นสิ่งที่ติดมาเป็นอุปนิสัยโดยกำเนิด หรือว่า เกิดจากสิ่งแวดล้อม

 เช่น เด็ก ทำไมมีนิสัยก้าวร้าว ทั้ง ๆที่พ่อแม่ เป็นคนดี อบมรมดี
    แต่เด็ก อีกคนหนึ่ง มีนิสัยอ่อนโยน ทั้งที่ ๆ พ่อแม่ ตบตี กิเนเหล้าทุกวัน

  เห็นจากชุมชนที่ไปดูแล คะ

  เลยสับสนว่า เด็กจะดี เพราะชาติกำเนิดหรือไม่ หรือ ไม่ดี เพราะชาติกำเนิด หรือว่าอุปนิสัยที่ติดตัวมาแต่อดี่ตชาติ ส่งผล หรือมีกำเนิดมาจาก อสูร เปตร นิริยะ ดิรัจฉาน กันแน่
 
   ในหลักทางพุทธศาสนา มีคำอธิบาย เรื่องนี้อย่างไร คะ
 

   :c017:
50  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เพื่อนพาเพื่อน ไปทำแท้ง มีผลกรรมอย่างไรบ้างคะ เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 08:07:25 am
มีเพื่อนมาฝากถามว่า
เพื่อนพาเพื่อน ไปทำแท้ง มีผลกรรมอย่างไรบ้างคะ เพราะเขารู้สึกไม่สบายใจ

 :s_hi:
51  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / รวม ธรรมบรรยาย เกี่ยวกับ อานาปานสติ เมื่อ: มิถุนายน 17, 2012, 11:27:20 am
การเจริญอานาปานสติสมาธิ ก็คือการเจริญสติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง เมื่อเจริญอานาปานสติสมาธิ สติย่อมระลึกรู้อยู่ และสัมปชัญญะคือความรู้ตัว ย่อมตื่นอยู่ เมื่อเจริญกระทำให้มาก ย่อมเบิกบาน จึงชื่อว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งแปลว่า พุทธะ และทำให้เป็นผู้มีสุขภาพดีในเบื้องต้น http://www.rakangdham.com/page1.html



ublished on May 3, 2012 by Moo Sakda
Uploaded by Buddhadharm on Sep 27, 2011



อานาปานสติสำหรับคนทั่วไป
พุทธทาสภิกขุ

อบรมนิสิตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สวนโมกขพลาราม
๒๐ มีนาคม ๒๕๑๕

อานาปานสติสำหรับคนทั่วไป

ชีวิตอยู่ด้วยอานาปานสติ1


Uploaded by smjitr on Jul 23, 2011




Uploaded by 2512air on Nov 2, 2011

พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ วัดไตรสิกขาทลามลตาราม
บ้านฝาง ต.แพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
www.wattraisikkha.com

52  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ระวังน้ำท่วม 2555 อ่านฟัง เพื่อรับมือ นะคะ คน กทม. อย่าประมาท เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 07:21:35 am
ระวังน้ำท่วม2555



Uploaded by ChangWongTH on Oct 27, 2011

จะเกิดอะไรขึ้นในปี 2555 Doomsday 21 ธันวาคม 2555
What will happen on December 21, 2012, Doomsday โดย ม.ร.ว ช้าง กระต่ายป่า 28 ธันวาคม2555
53  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สุพรรณบุรี 9 มิ.ย.-เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดที่สุพรรณบุรี เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 07:14:11 am
สุพรรณบุรี  9 มิ.ย.-เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดที่สุพรรณบุรี ทำให้รถยนต์ บ้านเรือนและโรงงานพังเสียหาย แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต     

เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเพลิง ที่กำลังลุกไหม้โรงงานพลุขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 1 ไร่ หลังเกิดพลุระเบิดขึ้น โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นพบรถยนต์พังเสียหาย 4 คัน บ้านเรือนและโรงงานเสียหายบางส่วน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต  ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/374573.html
54  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นายกฯถกน้ำท่วมผู้ว่าสั่งช่วยให้ทั่วถึง-จี้ปรับเตือนภัย เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 07:12:39 am
นายกรัฐมนตรี ประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ กับ ผู้ว่าฯ กำชับติดตามจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม เร่งให้ความช่วยเหลือปชช.และปรับปรุงระบบเตือนภัย ขณะที่ จ.แพร่ ฝนตกน้ำท่วมรางรถไฟทรุดตัว  และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้สถานการณ์ยังน่าห่วง

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ทำให้เกิดดินทรุด บริเวณรางรถไฟสถานีรถไฟห้วยไร่
อ.เด่นชัย และฝนที่ตกหนักตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ยังทำให้น้ำท่วมรางรถไฟ ขณะนี้เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่ง
ประเทศไทย ต้องเร่งซ่อมรางรถไฟที่ทรุดตัว โดยรอรถขนหินเพื่อนำมาถมให้ดินแน่นตัว ก่อนที่จะยกรางขึ้น เพื่อให้รถวิ่งได้ตามปกติ โดยคาดว่าจะสามารถเดินรถได้ในช่วงเย็นของวันนี้

 

จ.สุราษฎร์ฯ อ่วม! ท่วมแล้ว 10 อำเภอ

นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ขณะนี้ มีพื้นที่ ที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 10 อำเภอ ชาวบ้านเดือนร้อน 16,011 ครัวเรือน มีอำเภอที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรงคือ อ.วิภาวดี และ อ.คีรีรัฐนิคม โดยทางจังหวัดได้ประกาศให้ 10 อำเภอ ประสบภัยน้ำท่วมเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว  เบื้องต้น ได้นำข้าวสารอาหารแห้ง เข้าไปช่วยเหลือในทุกอำเภอ  ส่วนของพื้นที่ ที่ดินสไลด์ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ได้เข้ามาช่วยเหลือเปิดทางให้ และใน อ.คีรีรัฐนิคม มีถนนในหมู่บ้านพังเสียหาย สะพานชำรุด จะเร่งดำเนินการซ่อมแซม

อย่างไรก็ตาม ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวต่อว่า จะเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย พร้อมให้การช่วยเหลือตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่กำหนด

 

สตูลฝนตกต่อเนื่อง น้ำป่าหลากท่วมหมู่บ้าน

สภาพฝนตกหนักในพื้นที่ จ.สตูล 2-3 วันที่ผ่าน ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลาก แหล่งน้ำในลำธารเริ่มเอ่อล้น เข้าท่วมถนนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ หมู่ 1, 2 อ.ควนโดน จ.สตูล และในพื้นที่ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้สั่งเตรียมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบระดับน้ำที่คลองชลประทานดุสน อ.ควนโดน ซึ่งระดับน้ำเริ่มเอ่อล้น และได้เตรียมการป้องกันเรื่องของการจัดเตรียมข้าวของเพื่อการยังชีพ รวมถึงเรือท้องแบน หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอต่างๆ น้ำเอ่อล้นอย่างเต็มที่ ในการที่จะรับมือ ขณะเดียวกัน คลื่นลมในทะเลชาวประมงขนาดเล็กเอาเรือเข้าจอดตลอดฝั่ง ขณะที่ประชาชนในหลายพื้นที่ ของ อ.ควนกาหลง อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง อ.ละงู อ.ท่าแพ เตรียมขนรถกระบะ เพื่อที่ไปเก็บหอยแครงให้มีจำนวนมาก

 

ปริมาณน้ำฝนพัทลุงเพิ่มสูง-ผู้ว่าฯออกประกาศเตือน

ฝนตกลงมาในพื้นที่ของ จ.พัทลุง อย่างเนื่อง เป็นวันที่ 4 โดยเฉพาะพื้นที่ริมป่าเทือกเขาบรรทัด ในเขต อ.ป่าบอน อ.ตะโหมด อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ศรีบรรพต ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมบนภูเขามีจำนวนมาก ด้าน นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย จำนวน 28 จุด ริมป่าเทือกเขาบรรทัด เพื่อให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม เนื่องจากในขณะนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบนภูเขามีปริมาณน้ำสะสมเป็นจำนวนมาก และขอให้ประชาชนเตรียมตัว หากพบว่าน้ำในลำคลองมีสีแดงขุ่น ไหลแรง และมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมส่งเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

 

รถไฟสายเหนือ ชะงัก น้ำท่วมรางที่ แพร่-อุตรดิตถ์

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก ฝ่ายการเดินรถไฟ สถานีรถไฟนครลำปาง ต้องประกาศแจ้งผู้โดยสาร เรื่องหยุดการเดินรถ ขบวนรถไฟฟรี ขาล่อง ที่ 102 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ที่จะออกเดินทาง ในช่วงเวลา 08.30 น และขบวนรถไฟด่วนพิเศษ สปรินเตอร์ ขบวนที่ 12 ที่จะออกในเวลา 11.06 น.  ในวันนี้ออกไปก่อน  หลังเกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมรางรถไฟและพัดเอาหินใต้รางรถไฟพังเสียหาย ช่วง กม. ที่ 518 ระหว่างสถานีรถไฟ บ้านห้วยไร่ จ.แพร่ และสถานีรถไฟ บ้านปางผึ้ง จ.อุตรดิตถ์   ส่วนผู้โดยสารรถไฟ   หลังจากทราบข่าว  บางรายก็นำตั๋วรถไฟไปคืน และหันไปใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารลำปาง แทน อย่างไรก็ตาม หากมีการซ่อมทางรถไฟแล้วเสร็จ และหากรถไฟกลับมาเดินรถตามปกติ ทางสถานี จะแจ้งประกาศข่าวให้ทราบต่อไป

 

นายกฯคอนเฟอร์เรนซ์ สั่ง ผู้ว่าฯ เร่งช่วยเหลือปชช.น้ำท่วม

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อติดตามความคืบหน้าในการจ่ายเงินเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และความคืบหน้าการดำเนินโครงการเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยขอให้ดูระบบเตือนภัยให้พร้อม และครอบคลุมทุกชุมชน อย่าให้เกิดปัญหาเดือดร้อนกับประชาชน จนต้องปิดถนนประท้วง เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมา  นอกจากนี้ อย่าปล่อยให้มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานในแต่ละพื้นที่ ไม่ควรให้คนกลุ่มเล็ก มากดดันคนกลุ่มใหญ่  ซึ่งต้องฟังเสียงส่วนใหญ่เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ฝากให้ กระทรวงมหาดไทย ปรับปรุงระบบการเตือนภัย โดยใช้ศาลากลางแต่ละจังหวัด เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลและส่งมายังส่วนกลาง เพื่อความเป็นเอกภาพ


ตรังฝนยังตกหนัก เดือดร้อนร่วม 300 ครัวเรือน

หลังจากที่ ฝนตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.ตรัง เช่นที่ ต.ท่าสะบ้า ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ มีน้ำท่วมบ้านเรือน โรงเรียน 2 โรง ประชาชนเดือดร้อนกว่า 100 ครัวเรือน อ.เมืองตรัง น้ำได้ท่วม ต.นาโต๊ะหมิง ประชาชนเดือดร้อน กว่า 30 ครัวเรือน ต.บางรัก ต.นาตาล่วง ต.นาโยงใต้ ต.บ้านควน และ ต.บ้านโพธิ์ ส่วนที่ อ.ย่านตาขาว น้ำท่วม 4 ตำบล คือ ต.ในควน ต.เกาะเปียะ ต.นาชุมเห็ด ต.หนองบ่อ และ 1 ชุมชน คือ ชุมชนสุนทรนนท์ ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว ประชาชนเดือดร้อนกว่า 120 ครัวเรือน จำนวน 480 คน           

 

กระบี่อ่วมฝนหนักน้ำท่วมเดือดร้อน100หลัง

ที่อำเภอเขาพนม จ.กระบี่ ฝนยังตกต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่เริ่มประสบภาวะน้ำท่วม โดย นายวิรัชเดช บุญเรืองขาว ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า น้ำท่วมในขณะนี้ มีที่ ต.โคกหาร มี ม.2 และ 3 ต.สินปุน น้ำเริ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นไหลเข้าท่วมถนนและบ้านเรือน หมู่ที่ 4-6 ต.พรุเตียว หมู่ 1 น้ำท่วมถนน และ ต.เขาดิน ม.2 น้ำท่วมถนนรถไม่สามารถผ่านได้ เบื้องต้นมีชาวบ้านเดือดร้อนแล้วกว่า 100 ครอบครัว ทางอำเภอเขาพนม ได้นำเรือท้องแบน 5 ลำ ออกไปให้การช่วยเหลือแล้ว ในขณะที่ นายโกเมศร์ ปานมา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองยา อ.อ่าวลึก พร้อมชาวบ้านได้เข้าสำรวจความเสียหายบ้านของ นางยินดี กาซิกา อายุ 38 ปี ม.4 บ้านเขาไม้แก้ว หลังเกิดเหตุดินจากเขาที่อยู่ติดหลังบ้านได้สไลด์ลงมาทับบ้านเสียหายกว่าครึ่งหลังจากการตรวจสอบพบว่า ดินบนเขาได้พังเป็นบริเวณกว้าง แต่โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ในบ้าน ส่วนสาเหตุมาจากฝนตกหนักดินอุ้มน้ำไม่ไหวถล่มลงมา

 

ตากฝนตกหนักดินถล่ม!ทับเส้นทางหลายจุด 

ได้เกิดพายุฝนตกอย่างหนัก 2 วัน ติดต่อกัน โดยตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ทำให้มีดินจากภูเขาถล่มทับเส้นทางระหว่าง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก กับ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หลายจุด ทำให้ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้แขวงการตาก เข้าไปเคลียร์เส้นทาง เพื่อให้รถยนต์สัญจรผ่านได้ตามปกติ นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ นายอำเภอ ทุกอำเภอ รวมทั้งผู้บริหารท้องถิ่น นายกเทศมนตรี และนายก อบต.ทุกแห่ง เข้าสำรวจและรายงานความเสียหายให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ทราบทุกระยะ และหากเกิดปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมหมู่บ้านใด จะได้เข้าเร่งดำเนินการช่วยเหลือได้ทันที

ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า สถานการณ์ธรณีอุทกภัยและพิบัติภัยปัจจุบัน ทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้น ทางจังหวัด จึงต้องมีการแจ้งเตือนภัยดินโคลนถล่มและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และขั้นตอนการปฏิบัติในการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม อีกทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของราษฎร เพื่อบรรเทาความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 

น้ำท่วมตรังแล้ว3อำเภอรัฐเร่งช่วย

นายนิพันธ์ ศิริธร นายอำเภอเมืองตรัง ลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำท่วมใน ตำบลนาตาล่วง และ ตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมืองตรัง ตำบลนาโต๊ะหมิง น้ำท่วม 190 ครัวเรือน ระดับน้ำ 60 - 100 ซ.ม. ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากน้ำท่วมสูง อำเภอเมืองตรัง น้ำท่วมแล้ว 6 ตำบล 15 หมู่บ้าน จำนวน 190 ครัวเรือน ประชาชนได้รับเดือดร้อนประมาณ 760 คน ส่วนที่หมู่ที่ 1 ตำบลนาโต๊ะหมิง ลมกระโชกแรง ทำให้ต้นยางพาราหักโค่นไปหลายไร่

โดยสรุป จังหวัดตรัง น้ำท่วมรวม 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอย่านตาขาว และ อำเภอวังวิเศษ น้ำท่วมกว่า 400 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 1,600 คน

 

รถไฟ เด่นชัย-แพร่ ยังไม่สามารถเดินรถได้

ความคืบหน้า กรณีน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ส่งผลให้รางรถไฟระหว่างสถานีห้วยไร่ และสถานีเด่นชัย ทรุดตัว และรถไฟขบวนสายเหนือ ไม่สามารถเดินรถได้ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้ระดมคนงาน กว่า 50 คน เร่งซ่อมแซมรางรถไฟที่ทรุดตัว โดยนำดินและหินมาถมพื้นที่ เพื่อยกรางขึ้นให้รถวิ่งได้ แต่การทำงานก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากระดับน้ำป่าที่มีระดับสูง และฝนที่ตกลงมาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถเดินรถไฟขบวนสายเหนือได้ที่ปลายทางสถานีเชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้

http://www.innnews.co.th/mobile/show?newscode=383423
55  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ปฏิบัติกรรมฐาน แล้วเกิดความเย็นกลางหน้าอกคะ ควรทำอย่างไรต่อดีคะ เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2012, 09:18:37 am
ปฏิบัติกรรมฐาน แล้วเกิดความเย็นกลางหน้าอกคะ ควรทำอย่างไรต่อดีคะ
นั่งกรรมฐาน ภาวนาพุทโธ แล้ว เกิดความเย็นกลางหน้าอกแล่นขึ้นไปบนศรีษะ และแล่นไปที่ปลายขา และแล่นออกไปซ้ายขวาลงไปที่ฝ่ามือ แล้วก็เย็นอยู่อย่างนั้น ควรทำอย่างไรต่อดีคะ

 แต่มีความรู้สึกสบาย คะ สามารถนั่งกรรมฐานได้นานขึ้นกว่าเดิมคะ
 ทดสอบการทำกรรมฐาน เป็นอย่างนี้มา 3 วันแล้ว คะ

  :s_good: :67:
56  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ชมภาพงานวัดลอยฟ้า ที่สยามพารากอน งานหมดวันที่ 20 พ.ค. มีภาพมาฝาก เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2012, 09:33:54 am
ชวนไปงานวัดลอยฟ้า (มหกรรมลานโพธิ์)
งานมี 4 วันเริ่มตั้งแต่ วันที่ 17-20 พค. 55 พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายครับ ผมเพิ่งมีโอกาสไปวันนี้เอง รู้สึกงานจัดได้ีดีมากครับ มีการยิงปืน สาวน้อยตกน้ำ บ้านผีสิง เรียกว่า พาเด็กไปเที่ยวก็ได้ครับ มีสถานที่ปฏิบัติธรรมมาแนะนำมากมาย พระอาจารย์จากวัดหลายๆที่ก็เมตตามาแนะนำหรือให้ความกระจ่างในสิ่งที่เคยสงสัย
  อีกทั้งมีการสัมนาด้วยครับ จึงมาชวนท่านที่ว่างและมีโอกาสไปได้ ก็ไปดูนะครับ จัดในห้องแอร์เย็นสบาย  มีสอนกรรมฐานด้วยนะครับ



ไปชมภาพต่อเนื่อง ได้ที่

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12116995/Y12116995.html

ขอบคุณ คุณ    : d4uu4me   ผู้อัพโหลดภาพให้ชมบรรยากาศ
หากภาพที่ ลิงก์นี้หายไป เราจะอัพภาพให้ชม 100 ภาพคะ

 :s_hi: :s_hi: :s_hi:
57  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กก.ดส.จับพ่อค้าจีนลอบขายกุมารทอง เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2012, 01:07:26 pm


เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (18 พ.ค.) ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล กก.ดส.บช.น. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส พ.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผกก.ดส. พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ รอง ผกก.ดส. พ.ต.ท.คฑายุทธ โรจน์วงศ์สุริยะ สว.กก.ดส. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายโจว ฮอง ฮุน ชาวอังกฤษสัญชาติจีนไต้หวัน อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลางซากศพทารกจำนวน 6 ศพ โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานลักลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


พ.ต.อ.วิวัฒน์ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับการร้องเรียนว่ามีการนำซากศพทารกมาทำกุมารทอง แล้วมีการเสนอขายผ่านทางเว็บไซต์ของต่างประเทศว่าเป็นกุมารทองที่ทำพิธีในประเทศไทย จึงได้ทำการสืบสวน ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ให้ไปตรวจสอบ ว่ามีชายชาวต่างชาติมาเปิดห้องพักที่โรงแรมเอ็มไพร ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร มีพฤติการณ์รับซื้อซากศพทารก แต่ก็ไม่พบชายดังกล่าว
 

ต่อมามีผู้ร้องเรียนมายัง กก.ดส. ให้ไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจากได้ยินเสียงเด็กร้องให้ช่วยเหมือนถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบสถานที่พักตามที่ดีได้รับแจ้งมาอีกครั้ง โดยประสานกับทางโรงแรมพร้อมนำข้อมูลชายต้องสงสัยให้ดู จนทราบว่าชายชาวต่างชาติลักษณะต้องสงสัยพักที่ห้องเลขที่ 613 โรงแรมเอ็มไพร ทราบชื่อว่า นายโจว ฮอง ฮุน เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบภายในห้องพัก พบซากศพทารกจำนวน 6 ศพ มีการลงอักขระ มัดสายสิญจน์ บรรจุกล่อง ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางสีดำ ภายในตู้เสื้อผ้าของโรงแรม โดยผู้ต้องหารับว่าได้ซื้อซากศพทารกนี้มาจากชายชาวไต้หวันที่อยู่ในประเทศไทย เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 2แสนบาท เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนำกลับไปขายยังประเทศไต้หวันให้คนบูชา ในราคาซากละ 1.5 แสน ถึง 2 แสนบาท

โดยเชื่อกันว่าหากบูชาแล้วจะร่ำรวยเงินทอง ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ซึ่งตนเพิ่งเคยทำครั้งแรก แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อเนื่องจากตรวจสอบพบ นายโจว เดินทางเข้าไทยตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบัน รวม 16 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำซากทารกไปตรวจสอบที่ รพ.ศิริราช เบื้องต้นยืนยันว่าเป็นซากมนุษย์จริง เตรียมสอบขยายผลเพื่อเตรียมออกหมายจับคนทำกุมารทองรายนี้ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหานายโจว และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


่ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/crime/115171
58  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ควันบุหรี่ มีเอี่ยวกับ “สมาธิสั้น“ ในเด็ก เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 09:20:02 am
เด็กๆ ที่เจอกับควันบุหรี่ หรือที่เรียกกันว่า ''บุหรี่มือสอง'' มีโอกาสจะมีปัญหาการเรียนรู้และปัญหาพฤติกรรมมากกว่าเพื่อนๆ

ในวัยเดียวกัน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ทีมวิจัยจาก Harvard School of Public Health พบว่าการได้รับบุหรี่มือสองมีความเสี่ยงจริงกับปัญหาพฤติกรรมและยังมีโอกาส เป็นโรคสมาธิสั้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะโทษบุหรี่สักทีเดียว เพราะเป็นไปได้ว่าพ่อแม่ที่สูบบุหรี่อาจมีปัญหาเดียวกันมาก่อนแล้วตกลงสู่ ลูกหลาน

อย่างไรก็ดี การลดหรือเลิกบุหรี่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ฝากคุณพ่อคุณแม่ดูแลหน่อยนะคะ
59  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้เขายิ้มได้ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 09:18:59 am
วิธีง่ายๆ ที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและยิ้มได้เวลาอยู่ใกล้คุณ หรือในบางเวลาที่เขามีความรู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่วิ่งเข้ามา

หน้าที่ของเราคือการทำให้เขาสบายใจ และสร้างบรรยากาศผ่อนคลายเมื่ออยู่ด้วยกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเฮฮาจนถึงขั้นเล่นตลกให้เขาหัวเราะ แต่แค่ลองเลือกใช้วิธีง่ายๆ 5 วิธีนี้ดู รับรองว่าชายผู้เป็นที่รักของคุณจะต้องรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
   
1. ส่งข้อความบอกรักเบาๆ 
       
ใน ระหว่างวันคุณลองส่งข้อความไปที่โทรศัพท์มือถือเขาด้วยคำสั้นๆ ที่หวานซึ้ง ถึงแม้เขาไม่ได้ตอบกลับแต่มั่นใจเถอะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเก็บยิ้มไว้ ได้ เว้นแต่ผู้ชายคนนั้นจะหมดรักคุณแล้วเท่านั้นแหละ
   
2. ถามคำถามที่ทำให้เขาดูเป็นผู้รู้ 
         
ผู้ชาย ชอบที่จะโชว์ความรอบรู้บนโลกใบนี้ให้สาวๆ รู้สึกว่าเขาช่างเก่งเหลือเกิน เทคนิคง่ายๆ ที่สร้างความภูมิใจให้เขาก็คือ ลองถามคำถามในเรื่องที่เขามีความชำนาญ นี่ไม่ได้แนะนำให้คุณเฟคใส่เขานะคะ แต่เราควรเติมกำลังใจให้คนที่เรารักเพื่อความรู้สึกของเขาบ้าง
   
3. ชมให้เขามั่นใจตัวเอง 
       
ใน ช่วงเวลาที่เขารู้สึกท้อแท้ คุณควรชมเขาด้วยความจริงใจในข้อดีที่เขามีต่อคุณและคนรอบข้าง อย่างน้อยก็ช่วยลดแรงกดดันจากปัญหาที่เขากำลังเผชิญ และทำให้เขารับรู้ว่าเขายังมีคุณอยู่เคียงข้างเสมอ
   
4. ให้เขาอ่านไดอารี่ที่คุณเขียนถึงเขา 
       
นับ ตั้งแต่วันแรกที่คุณได้ออกเดตกับเขาจนถึงวันนี้มีเรื่องราวมากมายและความ รู้สึกดีๆ มากแค่ไหน ทั้งหมดรวมอยู่ในไดอารี่เล่มเล็กที่คุณจดบันทึกไว้ เมื่อเขามีโอกาสได้อ่านนอกจากจะคงซาบซึ้งใจในความรักที่คุณมีให้เขาแล้วยัง ช่วยให้ชีวิตรักของคุณหวานซึ้งขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ
   
5. ชวนเขาทำในสิ่งที่เขาชอบ 
     
ใน อารมณ์ที่เขาเบื่อหน่ายกับอะไรรอบข้าง คุณลองชวนเขาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เขาโปรดปรานดูสิ เช่น ถ้าเขาชอบเล่นกีฬาก็ลองชวนเขาไปออกกำลังกายเพื่อคลายความตึงเครียดซัก 2-3 ชั่วโมง หรือถ้าเข้าเป็นหนุ่มติดเกมส์ ลองเล่นเกมส์กับเขาดูซักครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนานพร้อมเสียงหัวเราะ
         
มาถึงข้อห้ามที่สาวๆ ไม่ควรหักหาญน้ำใจชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ถึงแม้บางข้อมันอาจดูไร้สาระเกินไปสำหรับสาวที่มีความมั่นใจสูงบางคน แต่เชื่อเถอะว่าในบางมุมผู้ชายก็มีอารมณ์ที่เปราะบางและเอาใจยากอยู่พอควร
     
5 สิ่งที่ทำให้เขาหุบยิ้มทันที       
   
1. ชวนเขาไปเดินช็อปปิ้ง 
         
ผู้ชาย ส่วนใหญ่ไม่ชอบเดินเรื่อยเปื่อยดูอะไรสวยงามแบบผู้หญิงหรอก มันยิ่งทำให้เขาเบื่อมากขึ้นทวีคูณ เว้นแต่คุณจะชวนเขาไปดูอะไรที่เขาสนใจและอยากได้นั่นแหละ
   
2. เปิดละครดราม่าให้เขาดูด้วยกัน 
         
อย่า ว่าแต่ละครดราม่าบ่อน้ำตาแตกเลย นอกจากถ่ายทอดสดฟุตบอล หรือ ข่าวภาคค่ำแล้ว เขาเหล่านั้นไม่คิดจะเปิดรับข่าวสารอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้ ชวนเขาดูซีรี่แนวแอคชั่น หรือภาพยนตร์แนวไซไฟน่าตื่นเต้นดีกว่า มันจะช่วยให้เขาอยากใช้เวลากับคุณด้วยรอยยิ้มมากขึ้น
   
3. พูดถึงจุดบกพร่องของเขา 
         
ถึง แม้เป็นแค่คำตำหนิที่เล็กน้อยก็เถอะ แต่พวกเขาจะพลันหมดอารมณ์ขันขึ้นมาในบัดดล ทำใจเถอะนะว่าพวกเขาไม่ต้องการได้ยินคำตักเตือนใดๆ ที่ออกมาจากปากคุณหลอก แต่ถ้าต้องการให้เขาปรับปรุงล่ะก็..เปลี่ยนเป็นขอร้องเขาดีๆ จะเวิร์คกว่า
   
4. ทำเหมือนเขาไร้ความสามารถ 
         
หาก เขาทำสิ่งใดแล้วผิดพลาดหรือไม่สำเร็จ อย่าเชียวนะ!!! อย่าตำหนิหรือยื่นข้อเสนอว่าคุณอาจทำได้ดีกว่าเขา เพราะความมั่นใจว่าเขาเป็นผู้นำจะพังทลายลงทันที ถ้าเขาทำไม่สำเร็จจริงๆ ก็ลองให้คุณและเขาช่วยกันทำดีกว่าขโมยซีนทำแทนเขาดีกว่า
   
5. ให้เขาทำงานบ้าน 
       
ผู้ชาย ร้อยทั้งร้อยคิดว่านี่เป็นหน้าที่ผู้หญิง(ถึงแม้บางคนจะปฏิเสธไม่ได้ก็เถอะ) เพราะฉะนั้นการออกคำสั่งหรือการแบ่งหน้าที่ๆ ชัดเจนมันจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายวันหยุดที่ต้องมานั่งทำความสะอาดบ้านไป เลย เทคนิคง่ายๆ ที่ทำให้เขายอมรับว่าเราควรช่วยเหลือกันก็คือ อย่าบังคับให้มันเป็นหน้าที่ตายตัว แค่ให้เขาเป็นลูกมือในบางเรื่องก็พอแล้วล่ะ
60  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ในการปฏิบัติ กรรมฐาน มีการกำหนดเวลาอย่างไร ในการเข้าออก เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2012, 11:26:18 am
ในการปฏิบัติ กรรมฐาน มีการกำหนดเวลาอย่างไร ในการเข้าออก
คือสงสัย ว่าเวลาเราหลับตา ก็ไม่เห็นนาฬิกา แล้ว จะรู้เวลาขณะนั้นได้อย่างไร ว่าผ่านไป มากน้อย เท่าใด ในการภาวนา ในรอบ นั้น ๆ
 :smiley_confused1: :c017:
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การนั่งสมาธิ ที่ดี ควรทำอย่่างไร คะ เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2012, 08:44:59 am
การนั่งสมาธิ ที่ดี ควรทำอย่่างไร คะ
คืออยากได้เแบบเข้าใจ ง่าย ๆ คะ เอาเป็นภาคปฏิบัติ ไม่ต้องเรียนมาก อ่านมาก ทำความเข้าใจมาก คะ

  :c017: :25:
62  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากถามเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร กับพระที่ใช้ Facebook คะ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2012, 11:23:49 am
อยากถามเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร กับพระที่ใช้ Facebook คะ
คือไปอ่านมา และ ฟังเพื่อน ๆ เป็นแง่ลบมากกว่า คะ... ส่วนใหญ่เท่าที่เห็น
ใน Facebook เขาโพสต์ด่ากันเลยนะคะ.....

  จึงอยากทราบความเห็นของเพื่อน ๆ ที่มี เพื่อนเป็น พระที่ใช้ Facebook กันอยู่คะ


 :58: :c017:
63  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 15 วิธีคลายร้อนในบ้าน คะ เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 01:06:23 pm
ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อให้ไม่ต้องไปเจอกับแดดร้อน ๆ ที่เผาจนผิวแทบไหม้ในตอนกลางวัน แต่อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นก็อาจทำให้เราต้องช็อกกับบิลค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจจากการเปิดแอร์ทั้งวันได้เช่นกัน

ดังนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขออาสานำเคล็ดลับดี ๆ ในการคลายร้อนให้กับบ้านของคุณโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมากมาฝาก ลองไปอ่านกันดูเลย...


1. เปลี่ยนผ้าม่านของคุณเป็นม่านแบบโซล่า ซันสกรีน ชั่วคราว เพื่อจะได้ช่วยกันแสงแดดได้ดีขึ้น ในขณะที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเหมือนเดิม

2. ใช้ฟิล์มกรองแสงเคลือบหน้าต่างห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก และตะวันออก เพื่อกันแสดงแดดแรง ๆ ที่จะส่องเข้ามาในบ้าน

3. ติดกันสาดเฉียงประมาณ 45 องศาบริเวณหน้าต่าง เพื่อลดแสงแดดที่เข้ามาในห้องได้ถึง 65 - 77 %

4. เลือกใช้หลังคาสีอ่อนและพ่นฉนวนกันความร้อนอีกชั้น จะช่วยกันความร้อนที่แผดเผาเข้ามาผ่านหลังคาได้ดีขึ้น

5. ใช้สีสว่าง เช่น สีขาวแต่งห้อง จะได้ไม่ดูดความร้อนเหมือนสีเข้ม ๆ เช่น สีดำ



6. ปลูกต้นไม้บริเวณหน้าบ้าน และหาไม้ประดับเล็ก ๆ มาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะในห้องที่อยู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เพื่อให้อากาถ่ายเทได้มากขึ้น

7. เปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนเป็นพิเศษ

8. เลือกซื้อพัดลมแบบติดเพดาน อากาศในห้องจะได้ถ่ายเททั่วถึงมากขึ้น โดยไม่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงมากนัก

9. ใช้หลอดไฟแบบตะเกียบ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้ความร้อนในห้องลดลงด้วย

10. พยายามอย่าเปิดหน้าต่างในช่วงกลางวัน ลมร้อนจากข้างนอกจะได้ไม่เข้ามาสะสมภายในบ้าน

11. หากคุณไม่คิดจะเปิดแอร์ตอนกลางคืน ก็ควรเปิดหน้าต่างไว้ เพื่อให้ลมเย็นในช่วงกลางคืนเข้ามาในบ้าน

12. อย่านำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ไปไว้ใกล้ ๆ เครื่องปรับอากาศ เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น จนประสิทธิภาพลดลง

13. พยายามใช้ไมโครเวฟ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง แทนเตาแก๊ส ที่จะทำให้ไอร้อนอบอวลอยู่ในบ้าน

14. เปิดประตูห้องน้ำ และห้องนอน ไว้เสมอ จะช่วยให้อากาศในบ้านถ่ายเทมากขึ้น

15. ใช้กระเบื้อง หรือหินอ่อนปูชั้นล่าง เพราะกักเก็บความเย็นจากพื้นดินได้เป็นอย่างดี

เพียงแค่ทำตาม 15 เทคนิคง่าย ๆ นี้ ก็จะช่วยให้บ้านของคุณคลายร้อนลงได้มาก ลองเลือกดูข้อที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ แล้วนำไปลดความร้อนให้บ้านกันนะจ๊ะ
64  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แม่น้ำป่าสักวิกฤตหนักในรอบปี หลังระดับน้ำในแม่น้ำลดแห้งลงอย่างผิดปกติ 1 พ.ค.55 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:28:17 am


วันที่ 1 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่น้ำป่าสักวิกฤตหนักในรอบปี  หลังระดับน้ำในแม่น้ำลดแห้งลงอย่างผิดปกติ เนื่องจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำกักเก็บเพียง 26% เท่านั้น และปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนที่ 25 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)/วินาที มาตามแม่น้ำป่าสัก และเมื่อมาถึงเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนน้อยทำให้โขดหินโผล่พื้นน้ำจำนวนมาก มองดูแล้วเหมือนแก่งหินในแม่น้ำโขง ทำให้เรือบรรทุกสินค้าไม่สามารถลากจูงเรือเดินเรือผ่านไปได้เหมือนปกติ และต้องจอดแช่ค้างแห้ง เกยตื้น จอดติดชายตลิ่งในเขต ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา หรือใกล้วัดตองปุ เป็นจำนวนหลายร้อยลำ  ระยะทางยาวกว่า 5กิโลเมตร

 

เรือที่จอดริมตลิ่งต.บ้านเกาะ จะรอเวลาน้ำทะเลหนุนและทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และระดับน้ำเจ้าพระยาจะไหลหนุนเข้าแม่น้ำป่าสักที่ อ.พระนครศรีอยุธยา  มีเรือลากจูงบางขบวนเรือรีบและไม่สามารถรอเวลาได้ ได้นำเรือยนต์ลากจูงหลายลำมาพยายามที่จะลากเรือลำเลียงผ่านจุดดังกล่าว แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากและอันตรายต่อท้องเรือที่ตะครูดไปกับก้นแม่น้ำและยังสิ้นเปลื้องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

 

ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา ออกประกาศแจ้งเตือนเรือสินค้าให้ระมัดระวังการลากจูงเรือช่วงน้ำขึ้น ร่องน้ำแคบสวนทางกันอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย


ขอบคุณที่มาข่าว
http://www.matichon.co.th
65  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรรมะ ๓๖๐ องศาหัวใจ.. เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:20:43 am
ธรรมะ ๓๖๐ องศาหัวใจ..


ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/

ทุกองศาของความรู้สึก..
ในชีวิตของเรา..
เราจะพบว่า..
การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิด..
เป็นการปรับเปลี่ยนองศาของหัวใจ..
ให้ได้ระดับที่เหมาะสม..
ในมุมที่แตกต่าง..ทั้งสุขและทุกข์..

หากเราใช้ธรรมะ..
มาปรับเปลี่ยนทัศนะความคิดเห็น..
ก็ได้ชื่อว่า..เป็นการปรับเปลี่ยนความรู้สึกในหัวใจเช่นกัน..

ความทุกข์ร้อยแปดพันเก้าปัญหา..
เริ่มต้นจากปัญหาภายในใจ..
ความสุข ๓๖๐ องศาของชีวิต..
ก็เริ่มต้นจาก ๑ องศาของหัวใจ..
ที่ปรับเปลี่ยนระดับอารมณ์และความรู้สึก..

ธรรมะ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์..
แม้จะมีมากมาย..หลายหมวด..หัวข้อธรรม..
หากเราได้นำใช้มาในการดำเนินชีวิต..
ระดับองศาของคุณธรรมในจิตใจของเราก็จะเพิ่มขึ้น..
สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางของชีวิตเราได้..ตลอดเวลา..

๓๖๐ องศาของหัวใจ..
เท่ากับ ๑ องศาของความรู้สึก..
พระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์..
สามารถสรุปรวมยอดแห่งธรรมได้ ๑ เดียวในชีวิต..
นั่นก็คือ..มีสติไม่ประมาท.. 

ขอเพียงเรามีสติ..มีความรู้สึกตัว..
จะทำ..จะพูด..จะคิด..สิ่งใด ๆ..ก็ไม่ประมาท..
มีสติขณะทำ..ขณะพูด..ขณะคิด..
เราก็จะสามารถควบคุมองศาของหัวใจเรา..
ปรับระดับทิศทางของชีวิต..
และเพิ่มระดับคุณค่าแห่งความงดงามลงในจิตใจ..

บทความ..โดย..ชายน้อย.. 

ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย
66  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนแพร่ตื่นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์-แห่ตวงดื่ม สาธารณสุขเร่งตรวจสอบ เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:16:53 am


วันที่ 22 เม.ย. เกิดข่าวลือว่าในพื้นที่ ม.5 ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดได้ดื่มจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

ทำให้ชาวบ้านพากันไปตั้งศาลกราบไหว้ และตักน้ำดื่มหวังหายจากโรงภัยไข้เจ็บ โดย ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านที่ป่วยคล้ายกระดูกทับเส้นเดินไม่ได้ กลับมาเดินได้อีกครั้งหลังจากดื่มน้ำในบ่อนี้ หรือชาวบ้านที่ป่วยเป็นโรคผิวหนัง ก็หายขาดเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ดื่มน้ำเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธ์จริง

อย่างไรก็ตามขณะนี้สาธารณสุขจังหวัดได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว

67  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิศวกรไทยในนาซ่าเตือนอาจมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:14:44 am

ขอบคุณภาพจาก http://www.chaoprayanews.com

ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรไทยในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือองค์การ นาซ่าระบุในเฟ๊สบุ๊คของตัวเองเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า

ขณะนี้โลกกำลังมีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ภายใน 1-4 วันและขอให้ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้รอยแยกเปลือกโลกมีความตระหนักถึงภัยแผ่นดินไหวในครั้งนี้เป็นพิเศษ เขายังระบุอีกว่า การจะทราบผลกระทบเฉพาะพื้นที่ต้องอาศัยข้อมูลในพื้นที่เพราะแต่ละพื้นที่มีคุณสมบัติทางภูมิศาสตร์และและสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ต้องพึ่งการพยากรณ์อากาศของแต่ละพื้นที่

ดร.ก้องภพอธิบายจพิ่มเติมว่า ภัยธรรมชาติในครั้งนี้ถูกกระตุ้นจากพลังงานนอกโลกซึ่งเข้ามามากกว่าปกติและเกี่ยวกับพายุสุริยะ พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนมาในรูปของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและทางธรณีวิทยา นอกเหนือจากการรบกวนระบบสื่อสาร

วิศวกรอาวุโสองค์การนาซ่าระบุต่อว่า จากข้อมูลพลังงานไฟฟ้าที่วัดได้จากดาวเทียม ณ วันนี้ ( 21 เม.ย 55) ระดับพลังงานยังไม่สูงเท่ากับวันที่เข้ามาในวันที่ 11 เมษายน ซึ่งทำให้ความรุนแรงของแผ่นดินไหวยังไม่มากเท่ากับสัปดาห์ก่อน จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเข้ามาที่โลกสูงสุดในวันที่ 21 เมษายนนี้

นอกจากนี้เขายังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในเฟ๊สบุ๊ค Kongpop U-yen ว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์ที่เกาะปาปัวนิวกินี

โดยอ้างอิงจากเวบไซต์

http://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?id=263162
68  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลูกยอดกตัญญู ทิ้งทุกอย่างกลับบ้าน ปรนนิบัติพ่อก่อนวาระสุดท้าย เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:09:32 am
เอเยนซีจีน - ได้แต่รอจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของพ่อ โดยมิอาจทำอะไรได้มากไปกว่าการปรนนิบัติ น้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลอยู่ในหัวใจ “ไม่เคยหยุดเลย” เงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้เรียน ขอนำมาซื้อโลงศพให้พ่อก่อน...เพื่อทดแทนพระคุณ
       
       
       
        เรื่องจริงดังนิยาย ของครอบครัวตระกูลเฉิง
       
       “ผมชื่อเฉิง จี้ไหล แม่ของผมสิ้นลมไปหลายปีด้วยโรคมะเร็ง ปล่อยให้พ่อเฉิง อี้ซิง ทำงานหนักในนาเลี้ยงดูลูก 3 คน กระทั่งพี่สาว 2 คนเป็นฝั่งเป็นฝา ผมก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ ต่อมาพ่อเฉิงก็สามารถหาคนดูแลได้ เป็นสตรีหม้ายที่มีอายุมากกว่าพ่อ 10 ปี พวกเรา 3 คน ก็คิดว่าพ่อน่าจะมีความสุขในบั้นปลายชีวิตแล้ว”
       
       “แต่ด้วยภาระงานที่หนักหน่วงตลอดมา ทำให้พ่อเฉิงมีอาการทรุดลงจากความเหนื่อยล้า แทบไม่น่าเชื่อว่าอาการทรุดของพ่อเฉิงจะทำให้พ่อถึงแก่ชีวิต ประกาศิตของหมอบาดลึกเข้าไปในหัวใจบอกว่า “ให้พ่อเฉิงรอวันตาย”
       
        “ผมซึ่งเป็นลูกชายที่กำลังเรียนชั้นปี 2 จึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับมาดูแลพ่อ จนกว่าจะถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย...”
       
       
       
       “ผมใช้เงินค่าเรียน 3,000 หยวนที่ทำงานเก็บเล็กผสมน้อยมาซื้อโลงศพสีดำไว้ให้พ่อ และจากนั้นก็รวบรวมเงินเท่าที่จะหาได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแล”
       
       “แล้วต่อไปจะทำอย่างไร ผมยังไม่ได้คิดหาคำตอบใด ๆ ทั้งนั้น”
       
       เรื่องราวชีวิตชายหนุ่มวัย 24 คนนี้กับบิดาของเขา ก็คล้ายกับชาวจีนอีกนับไม่ถ้วนที่ตกอยู่ในสภาวะยากจนข้นแค้น ต้องสู้ชีวิตอย่างหัวหกก้นขวิด แต่ได้ค่าตอบแทนน้อยนิดและไม่เคยได้รับความสนใจจากสังคม
       
        “หัวใจของพ่อผมอาจจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ เวลาที่เหลือนี้ไม่รู้จะสักกี่อีกนาที กี่วินาที..” เฉิงน้ำตาไหล... “ผมเคยฝันว่าพ่อผมจะฟื้นขึ้นจากความตาย แต่มันคงเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะทำได้ดีที่สุดก็คืออยู่กับพ่อที่รักจนวินาทีสุดท้าย”
       
       เฉิงกล่าวไปพลาง จุดกระดาษไปพลาง เงาของเขาทอดกระทบโลงศพสีดำที่เตรียมไว้บรรจุร่างไร้วิญญาณของบิดาทางด้านหลัง และเจ้าโลงศพนี้ก็คือน้ำพักน้ำแรงที่เฉิงทำงานพิเศษในระหว่างศึกษาเล่าเรียน
       
       
       
       ครอบครัวตระกูลเฉิง บ้านเดิมอยู่ที่หมู่บ้านอิงเซิ่ง ชานเมืองจังจย่า อำเภอเจิ้นอาน มณฑลซานซี เมื่อปี 2553 เฉิงซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้อง สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ 492 คะแนน เนื่องด้วยเหตุผลด้านสถานภาพทางการเงินของครอบครัวแร้นแค้น เขาไม่สามารถจ่ายค่าเทอมที่แพงลิบได้ ท้ายที่สุดเฉิงตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัยการบินซีอาน โดยหยิบยืมกองทุนค่าเล่าเรียน 6,000 หยวนเพื่อเข้าศึกษาฯ
       
       เฉิงมีพี่สาว 2 คน แม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 ด้วยโรคมะเร็งขณะที่เขาเพิ่งจะ 12 ขวบ ในช่วงหลายปีมานี้ ผู้เป็นพ่อต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อทั้งแม่ ปากกัดตีนถีบดูแลลูก ๆ ทั้งสามคน พี่สาว 2 คนจบการศึกษาแค่ประถมฯ ต่อมาแต่จะคนก็แยกย้ายกันแต่งงานมีครอบครัว
       
        ความฝันสูงสุดของพ่อคืออยากเห็นลูกชายคนสุดท้องเรียนมหาวิทยาลัย และนำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล เพื่อให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับได้ชื่นชมยินดี และเฉิงก็ทำสำเร็จ...
       
       
       
        เฉิง อี้ซิง ผู้บิดาวัย 56 ปี ได้แต่นอนหมดสิ้นเรี่ยวแรง
       
       “ก่อนนี้ ไม่ว่าอากาศจะร้อนสักเพียงใด ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับพ่อ พ่อจะลุกขึ้นสู้งานได้เสมอ แต่ขณะนี้พ่อทำไม่ได้แล้ว”
       
       “เมื่อผมเข้าเรียนมัธยมฯ ในโรงเรียนประจำอำเภอ ซึ่งห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ก็ไม่สามารถดูแลพ่อได้ มีเพียงช่วงปิดภาคฤดูร้อนและวันหยุดหน้าหนาวเท่านั้น ที่จะกลับมาช่วยงานในนาได้”
       
       “พ่อไม่อยากเห็นลูกเหนื่อย จึงเพียงให้ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เห็นพ่อหายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นมากลางหน้าผากขณะลงจอบขุดดิน หัวใจผู้เป็นลูกยิ่งปวดร้าว”
       
       เฉิงและพี่สาวคิดว่า พ่อควรจะมีครอบครัวใหม่ แต่พ่อบอกว่า ตอนนี้ก็อายุ 50 กว่าแล้ว พ่อขอเพียงให้ลูก ๆ มีอนาคตที่สดใส เท่านี้พ่อก็เป็นสุข
       
       
       
        เฉิง จี้ไหล เห็นผู้เฒ่าหลายคนแวะเวียนมาถามไถ่เรื่องพ่อของเขา และท้ายที่สุดก็มีหญิงหม้ายคนหนึ่งเป็นคนทำไม้ขีดไฟ มาถามถึงพ่อ และสุดท้ายพ่อเฉิงก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับแม่เฒ่าที่มีอายุมากกว่าถึง 10 ปี เมื่อเดือน 12 (จันทรคติ) ปี 2551 สามีเก่าของเธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้วและเธอไม่มีลูกติด หลังจากแต่งงานในช่วงปลายชีวิต สองผู้เฒ่าใช้ชีวิตช่วยเหลือกัน ลูก ๆ ก็คลายความห่วงใยลงได้บ้าง
       
       
       
        แต่สิ่งดี ๆ มักจะอยู่ไม่นาน...
       
       ท้ายที่สุดพ่อเฉิงก็ประสบปัญหาทางสุขภาพ เขาไม่ต้องการใช้เงินที่หามาได้ไปเป็นค่าหมอค่ายาที่โรงพยาบาล เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร
       
       รอกระทั่งปี 2554 เทศกาลตรุษจีน เฉิงจึงพาพ่อไปหาหมอ ในเขตฉังอาน เมืองซีอาน หมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ตรง ให้รีบรักษาโดยด่วน
       
       แต่ออกจากโรงหมอแล้ว พ่อเฉิงได้แต่เก็บใบตรวจโรคไว้คนเดียว และไม่บอกเรื่องนี้กับลูก ๆ บอกเพียงว่าพักผ่อนนิดหน่อยก็หาย .. แต่แท้จริงแล้วพ่อเฉิงรู้อาการตัวเองดีเสมอมา และต้องการรอให้พ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลีไปก่อน
       
       แต่หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ห้องครัวในบ้านกลับพังครืนลงมา ต้องยืมเงินจากเพื่อนบ้านมา 6,000 หยวนเพื่อซ่อมแซมใหม่
       
       หลังจากอยู่บ้านพักหนึ่งจนกระทั่งสิ้นปีที่ผ่านมา พ่อเฉิงก็ล้มหมอนนอนเสื่อ วันที่ 14 ธ.ค. 2553 ลูกสาวรีบพาตัวพ่อส่งโรงพยาบาลฉังอาน แพทย์ต่อว่าพวกเขาว่า  “พาพ่อมาช้าเกินไป”
       
       
       
       เมื่อแพทย์ผู้รักษารู้สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัว ก็ได้แต่บอกว่าเซลล์มะเร็งขณะนี้ได้ลุกลามไปทั่วแล้ว การรักษาขณะนี้เพียงยื้อเวลาไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น และความเป็นไปได้ที่จะรักษาต่อไปก็ต้องใช้เงินค่ารักษาแพงมาก
       
        พ่อเฉิงเข้าใจทันทีว่าแพทย์หมายถึงอะไร
       
       วันที่ 30 ม.ค. เฉิง อี้ซิงกลับบ้านที่อำเภอเจิ้นอาน หลังจากอยู่โรงพยาบาลมาเป็นเวลา 45 วัน
       
       
       
       3 วันให้หลัง ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนพ่อ ทุกคนส่ายหน้า บอกให้รีบเตรียมโลงศพไว้เถิด
       
        เฉิงไปตลาดและรู้ว่าโลงศพราคาสูงถึง 3,800 หยวนอย่างต่ำ พี่สาวคนโตจึงรีบกลับบ้านไปหาพ่อตาที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอาหารหนักเช่นเดียวกับพ่อเฉิง ก็บอกว่าจะขอซื้อโลงศพพ่อตามาก่อน พ่อตาก็ตกลงขายให้ในในราคา 3,000 หยวน
       
       
       
       เฉิง จี้ไหล เริ่มทำงานหาเงินมาตั้งแต่เข้าเรียนมัธยม ขณะที่เขาเรียนในมหาวิทยาลัย ค่าครองชีพในแต่ละเดือนอย่างต่ำก็ 500 หยวน พ่อและพี่สาวรวมเงินกันเข้าได้ 200-300 หยวนทุกเดือน และเขาเองต้องหาส่วนที่เหลือเอง
       
        ไม่กี่ปีมานี้ เฉิงตัดสินใจไปทำงานในเขตก่อสร้าง ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือแม้แต่หาบเร่ตามท้องถนน ทำให้สามารถออมเงินได้กว่า 4,000 หยวน เฉิงจะต้องใช้เงินจำนวนนี้จ่ายค่าเล่าเรียน
       
        แต่.. เขาก็ต้องซื้อโลงศพให้กับพ่อ
       
       เฉิงเลือกอย่างหลัง เพราะพ่อคือผู้เลี้ยงดูเขามาแต่เล็กแต่น้อย ไม่มีพ่อก็ไม่มีนายเฉิง จี้ไหลในวันนี้ เฉิงต้องเพิ่มเงินค่าขนส่งโลงศพอีก 100 หยวน ทำให้ขณะนี้เขาใช้เงินไปแล้ว 3,100 หยวน
       
       
       
        ในระหว่างการขนส่ง ภาพวาดฝาโลงบางส่วนไม่ทันระวังก็หลุดลอกออกไป เฉิงโกรธมาก โทษตัวเองว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ดูแลให้ดีที่สุดไม่ได้ และก็ต้องใช้เงินเพิ่ม ความจริงแล้ว เฉิงรู้สึกละอายอย่างที่สุด ที่ต้องซื้อโลงศพที่มีตำหนิให้กับบิดา
       
       
       
       เปิดภาคเรียนใหม่แล้ว เฉิงไม่สามารถไปเรียนได้ ต้องออกจากมหาวิทยาลัยชั่วคราว กลับมาดูแลพ่อที่บ้าน
       
       เมื่อพ่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอได้เขียนใบสั่งยาให้ ยาที่ต้องสั่งมาให้พ่อกินนั้นแพงแสนแพง พี่สาวคนรองที่ทำงานอยู่ในซีอาน ก็รีบไปตลาดขายส่งยาและเวชภัณฑ์ เพื่อซื้อยาในราคาที่ถูกลง
       
        ทุกครั้งที่ต้องซื้อยา พวกเขาต้องโบกรถไปและกลับ (ในภาพถ่ายเมื่อ 21 มี.ค. อำเภอเจิ้นอาน มณฑลซานซี ขณะที่เฉินกำลังหาซื้อยาระงับปวดให้กับบิดา)
       
       
       
       เฉิงต้องกลายเป็นหมอดูแลบิดา ทุกวันต้องตื่นมาทำความอะอาดบาดแผลกดทับและเปลี่ยนยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ต้องเสียบไว้ที่ทวารหนักต้องเปลี่ยนวันละ 1 ถึง 2 ครั้ง ราคายาที่สวนทวารถูกสุดหลอดละ 7 หยวน ขณะที่คุณภาพดีขึ้นมาหน่อยก็อยู่ที่ 22.9 หยวน
       
        เฉิงต้องใช้สำลีพันก้านฆ่าเชื้อในการทำความสะอาด เฉิงระมัดระวังโดยใช้กระดาษทิชชูทำความสะอาดบาดแผลของผู้เป็นพ่อทุกครั้ง ของเสียที่พ่อขับถ่ายออกมาแต่ละครั้งนั้นต้องใช้ทิชชูจำนวนมากในการทำความสะอาด อย่างน้อยก็ 2 ม้วนต่อวัน
       
       
       
        ทุกครั้งที่เปลี่ยนยา พ่อจะรู้สึกเจ็บปวดสุดขีด พ่อขบฟันแน่นร้องว่า “ขอให้ฉันตายเถอะ ลูกๆ จะได้พ้นทุกข์พ้นโศกเสียที”
       
       ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพ่อ เฉิงไม่อาจห้ามน้ำตาไว้ได้ ปล่อยให้ไหลลงกระทบร่างกายของพ่อที่ผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
       
        “พวกเราไม่มีเงินพอซื้อยาระงับปวด และยาระงับที่ได้มามีฤทธิ์อ่อนใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ดังนั้นพวกเราได้แต่ดูพ่อเจ็บปวดโดยทำอะไรไม่ได้เลย” เฉิงกล่าวทั้งน้ำตา
       
       
       
       สมัยเรียน มีสาวหลายคนพึงพอใจเฉิง แต่เขาไม่กล้ารับรักใครทั้งสิ้น ผู้หญิงเหล่านั้นต้องการเงิน ซึ่งเขาไม่มีเงินพอจะซื้อแม้กระทั่งขนมเพื่อพิชิตใจพวกเธอ
       
        เฉิงสูงเมตรกับอีก 73 ซ.ม. และหนักเพียง 50 กว่ากิโล ส่วนพ่อที่นอนอยู่บนเตียงนั้นนับวันจะยิ่งซูบซีด น้ำหนักพอ ๆ กับถุงเส้นแป้งเท่านั้น แต่ที่น้ำหนักยังพอมีอยู่บ้าง ก็เพราะว่าขาทั้งสองข้างนั้นบวมเต่งขึ้นมา
       
       
       
        วันที่ 21 มี.ค. ขณะที่พ่อเฉิงอาการหนัก เฉิง จี้ไหลและพี่สาวเดินทางมายังศูนย์การแพทย์ในอำเภอถึง 5 ครั้ง เพื่อสอบถามถึงเงินสงเคราะห์จากรัฐบาล ที่พ่อพึงจะได้รับ เพราะขณะนี้ร้อนเงินมาก ต้องรีบซื้อยา
       
       
       
        เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ นายโข่ว เจิ้งผิง หัวหน้าศูนย์การแพทย์ก็ทำการเบิกจ่ายค่ายาให้กับครอบครัวของเฉิงในเบื้องต้นก่อน
       
       
       
        เงินช่วยเหลือนี้สามารถเบิกได้เพียง 41 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยานอกบัญชียาหลักกว่า 10,000 หยวนนั้นก็ไม่สามารถเบิกได้ เงินค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลจำนวน 12,020 หยวนนั้น ท้ายที่สุดแล้วเบิกได้เพียง 4,326 หยวนเท่านั้น
       
       
       
        เฉิน จี้ไหล รับเงินค่ารักษาพยาบาลสงเคราะห์จำนวน 4,326 หยวน และลงชื่อกำกับ
       
       
       
        สำหรับครอบครัวของเฉิงแล้ว เงินจำนวนที่เหลืออยู่นั้นสำคัญและจำเป็นยิ่ง เฉิงใช้เงิน 630 หยวน เพื่อซื้อเสื้อผ้าในพิธีฝังศพ และให้หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่งทำรองเท้าผ้าสวมให้กับพ่อของเขา ซึ่งขณะนี้เท้าบวมใหญ่มาก
       
       
       
        ณ ร้านขายส่งเสื้อผ้า เฉิงเดินวนเวียนอยู่หน้าร้านหลายรอบ กว่าจะตัดสินใจเข้าไป ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นป้ายลดราคาขายเสื้อผ้าบางชิ้นอยู่ที่เพียง 20 หยวน
       
       
       
        จากนั้นเฉิงก็พุ่งเข้าไปยังเสื้อผ้าลดราคา หลังจากต่อรองแล้ว ก็ซื้อเสื้อถักชุดหนึ่งให้พ่อราคา 40 หยวน เฉิงหวังว่าพ่อจะได้สวมในขณะที่ยังมีชีวิต
       
       
       
        หลังจากนั้น เฉิงก็มาตลาดสด ใช้เงิน 19 หยวนซื้อปลา เขากล่าวว่าโดยปรกติแล้วพ่อชอบกินซุปปลาตุ๋น แต่หลังจากล้มป่วยพ่อเพิ่งจะได้กินซุปเพียงครั้งเดียวตอนอยู่ในโรงพยาบาลที่ซีอาน
       
       
       
        เช้าวันถัดมา เฉิงป้อนซุปปลาตุ๋นให้พ่อ แต่พ่อกลืนลงไปได้เพียง 2 ช้อน ที่เหลือกินไม่ได้อีกแล้ว
       
       
       
        ครอบครัวของเฉิงใช้เงินที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อรักษาพ่อ บ้านเฉิงมีหมู 2 ตัว เฉิงตัดสินใจขายตัวเล็กซึ่งยังโตไม่เต็มวัยไปตอนที่พ่อเข้าโรงพยาบาล และต่อมาตัดสินใจขายแม่หมู่อีกตัวที่เหลือ แต่พ่อห้ามไว้โดยบอกว่า จากนี้อีกเดือน แม่หมูจะออกลูก ขายไปตอนนี้เสียดาย
       
       เฉิงกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ผมมันไร้ค่า ยืมเงินจากญาติทั้งหมดแล้วเพิ่งจะหาได้แค่ 20,000 หยวน ไม่พอรักษาพ่อ”
       
       
       
       ครอบครัวของเฉิงยากจนเข็ญใจ ตัวบ้านสร้างด้วยดินโคลน แล้วใครเล่าจะกล้าเสี่ยงให้ยืมเงิน อย่างไรก็ดี อาของเขาสัญญาว่าจะให้เงิน 5,000 หยวนหลังจากพ่อเฉิงเสียชีวิต
       
        อาวัย 38 ปีของเฉิงยังไม่ได้แต่งงานคนนี้สัญญาว่า “อย่างไรเสียคนตายแล้วก็ต้องทำศพ ส่วนเงิน 5,000 หยวนที่เก็บมาเพื่อจะแต่งเมียก็ให้พี่ไปเถิด”
       
       
       
        ก่อนหน้านี้มีผู้เฒ่าในหมู่บ้านเสียชีวิตไป 2 คน เฉิง จี้ไหลได้เงินบริจาคจากการจัดพิธีศพมารวมแล้ว 300 หยวน
       
       
       
        เมื่อเห็นว่า วันเวลาบนโลกใบนี้เหลือน้อยลงไปทุกวัน เฉิงจึงได้แต่เตรียมพิธีศพให้กับพ่อ
       
       
       
       
       
        เฉิงนอนห้องเดียวกับพ่อเสมอ นอนข้าง ๆ พ่อของเขา เขาไม่รู้ว่าพ่อจะไปเมื่อไร
       
        กระทั่งตี 1 ของวันที่ 10 มี.ค. พ่อที่นอนไม่ขยับกลับสามารถค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปยังเล้าหมูได้ หน้าต่างห้องยังเปิดอยู่ พ่อเฉิงหยิบขวดยาเคมีเกษตรขึ้นมา เปิดฝาขวดออก...
       
        กลิ่นฉุนของสารเคมีกระทบจมูกของลูกชาย ทำให้สะดุ้งตื่นขื้นมา พลันเห็นพ่อกำลังจะดื่มยาพิษ ก็พุ่งสุดตัวออกจากเตียงยื้อยาพิษออกจากพ่อได้ และเสียงดังของทั้งสองก็ระเบิดขึ้นฟังไม่ได้ศัพท์
       
        เฉิงบอกว่าเขาไม่ได้ต่อว่าพ่อ และพ่อก็สัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ที่พ่อทำไปเช่นนั้นเพราะรู้สึกเจ็บปวดมากและไม่มีเงินพอซื้อยาระงับปวด พ่อจึงตัดสินใจจบชีวิต ไม่ต้องการให้ลูก ๆ ลำบากในการดูแล
       
       เฉิงได้แต่โทษตัวเองว่า ยังเด็กเกินไปไม่สามารถหาเงินได้ ไม่สามารถทำให้พ่อคลายความเจ็บปวดลงได้
       
       
       
        เย็นของวันที่ 21 มี.ค. เฉิง อี้ซิงรู้ว่าเวลามาถึงแล้ว ชีวิตนี้ งานหนักที่แบกรับไว้ ชายคนนี้ที่ไม่เคยเกียจคร้าน ยังคงรู้สึกห่วงหาลูกชาย เขาเรียกลูกเฉิงไปหา บอกว่า “ค่าซ่อมครัว 6,000 หยวนยังไม่ได้คืนเจ้าของเลย เจ้าต้องหามาคืนเขา และต้องดูแลแม่เลี้ยงของเจ้าด้วย และที่สำคัญลูกต้องตั้งใจเรียน”
       
       เฉิงระงับน้ำตาไว้ ได้แต่พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้ว่านี่คือคำสั่งเสียของพ่อ
       
       
       
        กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. 2555 เวลา 21.30 น. นายเฉิง อี้ซิงก็จากไป

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000052514
69  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การฝึกจิตเป็นความดี เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:28:18 am


การฝึกจิตเป็นความดี
พุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้แปลความว่า การฝึกจิตที่ข่มยาก ที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่ ย่อมเป็นความดี เพราะว่าจิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้

จิตที่ข่มยาก หมายความว่า จิตเป็นสิ่งที่บังคับยาก ไม่อยู่ในอำนาจใครง่ายๆ เปรียบเหมือนคนเป็นคนดื้อ ยากแก่การสั่งสอนอบรม

จิตที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่ หมายความว่าจิตอ่อนแอ พ่ายแพ้ง่ายต่ออารมณ์ที่น่าใคร่น่าปรารถนา เมื่อพบเห็นสิ่งใดเป็นที่ต้องตาต้องใจ ก็อ่อนแอตกอยู่ในอำนาจของสิ่งนั้น ไม่มีกำลังเข็มแข็งที่จะพิจารณาให้เห็นความควรไม่ควร จึงกล่าว่า จิตเบา หรือจิตอ่อน

แต่ไม่ว่าจิตจะเป็นสิ่งที่บังคับยาก หรืออ่อนแอเพียงไรก็ตาม ผุ้มีปัญญาย่อมสามารถแก้ไขได้ สามารถบังคับจิตตนเองได้ สามารถแก้จิตที่อ่อนให้เป็นจิตที่เข้มแข็งได้ สำคัญที่ว่าต้องมีปัญญาเพียงพอ จึงจะมีความเข้มแข็งเพียงพอ ที่จะเอาชนะจิตที่ดื้อ ที่ข่มยาก ที่เบา คืออ่อนแอได้ ปัญญาต้องเพียงพอ ความเข้มแข็งต้องเพียงพอ ต้องทันกับจิต ไม่เช่นนั้นก็จะเอาชนะจิตไม่ได้ จิตก็จะเป็นฝ่ายชนะ

จิตที่ว่าอ่อนแอนั้นมีความอ่อนที่เป็นภัย เพราะอ่อนให้แก่ความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ไม่อ่อนให้แก่ความดีงาม ตรงกันข้ามจิตที่อ่อนจะแข็งกับความดีงามอย่างยิ่ง ต้องให้ความดีงามที่ประกอบด้วยปัญญา ประกอบด้วยความเชื่อมั่น ต้องศรัทธาจริงจังว่า การข่มจิตให้ลงอยู่ใต้อำนาจของความดีความถูกต้องนั้นเป็นการดี เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง

พุทธศาสนสุภาษิตกล่าวว่า การฝึกจิตการข่มจิตเป็นความดี เพราะว่าถ้าทำได้สำเร็จก็จะมีความสุข เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละจสามารถนำสุขมาให้ได้จริง ฝึกจิตข่มจิตได้เพียงใด ก็จะมีความสุขเพียงนั้น

ความจริงมีอยู่ว่า ความสุขของทุกคนไม่ได้เกิดแต่อื่น แต่เกิดแต่จิตของตนเท่านั้น ที่เข้าใจว่าความสุขอยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่ ความสุขอยู่ที่คนนั้นอยู่ที่คนนี้ หรือความสุขอยู่ที่สิ่งนั้นสิ่งนี้ นั่นเป็นความเข้าใจผิด

ที่จริงความสุขเกิดแต่จิต ความสุขอยู่ที่จิต ถ้าจิตไม่เป็นสุขแล้ว ผู้ใดอื่น อะไรอื่น ก็หาอาจทำให้เกิดความสุขได้ไม่เงินทองแม้มากมายมหาศาล ยศฐาบัดาศักดิ์แม้ยิ่งใหญ่ บ้านเรือนตึกรามแม้มโหฬาร วงศ์สกุลแม้สูงส่ง ก็ไม่อาจทำให้เป็นสุขได้ ถ้าใจไม่เป็นสุข ถ้าจิตเป็นทุกข์ คือเร้าร้อนอยู่ด้วยกิเลส มีโลภ โกรธ หลง เป็นสำคัญ

อารมณ์ที่น่าใคร่ทั้งหลายที่มักจะมีอำนาจเหนือจิตใจที่เบา ที่อ่อน นั่นแหละเป็นเหตุสำคัญแห่งความทุกข์ความร้อนของจิต เมื่อเห็นความจริงนี้แล้ว ก็ย่อมจักยินดีอบรมจิตของตนให้พ้นจากอำนาจของกิเลส ให้เป็นจิตที่อ่อนต่ออำนาจของความดีงาม แต่ให้หนักให้แข็งต่ออำนาจของความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย

เมื่อใดสามารถอบรมจิตได้ ข่มจิตได้ แม้เพียงพอสมควร จึงจิตให้พ้นจากความอ่อนต่อความชั่วร้าย คือสิ่งที่น่าใคร่น่าปรารถนาพอใจทั้งหลาย แม้เพียงพอสมควร ก็จะได้รู้รสความสุขที่แตกต่างจากความสุขที่เป็นความร้อนเช่นที่พากันเสวยอยู่ พากันคิดอยู่ว่า เป็นความสุขที่พอใจแล้ว

: บุญ เป็นหลักใหญ่ของโลก
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 


ขอบคุณบทความจากธรรมจักรดอทเน็ต
70  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จังหวะ และ โอกาส บุญหรือ กรรม ที่บันดาล เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:19:35 am



ชีวิตของคนเรา มีขึ้นและมีลง บางช่วงก็ตกต่ำ บางช่วงก็รุ่งโรจน์
บางคนเลยสรุปว่า ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับดวง มีดวงกำกับอยู่

ที่จริงแล้วนั้น ขึ้นกับจังหวะชีวิต คือต้องดูให้ดี ๆ ดูจังหวะก้าว จังหวะถอย
สรุปคือ เราทำได้ ที่จริงแล้วชีวิตไม่ได้ขึ้นกับอะไร เพียงส่วนเดียวโดด ๆ
ไม่ได้ขึ้นกับสิ่งภายนอกทั้งหมด และไม่ได้ขึ้นกัยตัวเราเองทั้งหมด
แต่มันมีทั้ง สองอย่าง ร่วมกันไป แล้วแต่ว่าอย่างไรมากกว่ากัน

สิ่งสำคัญ เราต้องมีช่องและโอกาส ต้องเสาะหา ช่องทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ต้องแสวงหา และฉวยโอกาส วิ่งเข้าหาโอกาสเสมอ
ไม่ต้องรอให้โอกาสลอยมาหาเรา

ของบางอย่างทำด้วยวิธีการอย่างหนึ่ง ได้ผลระดับหนึ่ง
แต่ทำด้วยอีกวิธี กลับได้ผลดีกว่า อย่างคาดไม่ถึง

ของบางอย่างอยู่กับบางคน เป็นของธรรมดา
แต่พอตกไปอยู่กับอีกคนหนึ่งนั้น ได้ผลลัพธ์ดีเลิศ

ลองมาดูเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูว่าเขาทำอะไรกับ จังหวะชีวิต ช่องทาง หรือ โอกาสของเขาบ้าง

มีชาวแคว้นเช่งคนหนึ่ง ได้คิดปรุงยาป้องกันผิวหนังแตก ขนานหนึ่ง
มีสรรพคุณดีมาก ใครใช้ทามือทาเท้าในหน้าหนาว ผิวหนังก็จะไม่แตก
มีชายหนุ่มคนหนึ่งจากแคว้นอู่ ได้ทราบเรื่อง จึงรีบมาพบคนปรุงยานี้ เพื่อขอซื้อยา
และบอกคนปรุงยา ว่า ข้าพเจ้าขอซื้อยาของท่านด้วยเงิน 100 ตำลึง ท่านยินดีขายหรือไม่ ?

คนปรุงยา ตัดสินใจอยู่นาน เห็นว่า ก่อนนี้ขายยาได้ครั้งละไม่กีอัฐ
ถ้าตกลงขายได้เขาได้เงินมากกว่าหลายเท่า จึงได้ตกลงขายให้ทันที

เมื่อชายหนุ่มคนนี้ ซื้อยามาได้ ก็นำไปถวายให้พระราชา
โดยให้บรรดานักรบ ใช้ยาทาตามมือ และเท้า ในช่วงหน้าหนาว
เพื่อไม่ทำให้ผิวแตก และสามารถชนะชัยในการรบได้

ทำให้ชายหนุ่มนั้น ได้รับตำแหน่งเป็นขุนนาง และ ได้รับรางวัลเป็นเงินด้วย..

อ่านมาถึงนี้แล้ว เราท่านจึงต้องขวยขวายสร้างโอกาส และเตรียมพร้อมตลอดเวลา
เมื่อจังหวะและโอกาสเข้ามา ก็กระโจนและทุ่มเทให้เต็มกำลัง ความสามารถ
ถ้าไม่เตรียมพร้อม  พอจังหวะเข้ามา ก็ต้องมานั่งเสียเวลา
กว่าจะได้ลงมือทำ ก็จะกลายเป็น  “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ไฟ
71  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนไทยจุกพ.ค.ขึ้นค่าไฟ38สตางค์ ไฟเขียวลดดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:16:02 am

คนไทยจุกพ.ค.ขึ้นค่าไฟ38สตางค์ ไฟเขียวลดดีเซลอีก1เดือน



นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2555

มีมติเห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลามาตรการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่ระดับ 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือน โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.2555 จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยที่ประชุมครม.พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังจำเป็นที่จะต้องขยายระยะเวลาลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง สำหรับรายได้ที่รัฐสูญเสียไปเดือนละประมาณ 9,000-10,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับทราบว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เป็นวงเงินถึง 5.5 หมื่นล้านบาท สูงกว่ายอดการจัดเก็บในช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มภาษีใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ภาษีสรรพสามิตดีเซลที่เดิมเป็นรายได้ที่รัฐหวังว่าจะจัดเก็บได้เป็นจำนวนมาก ก็ยังไม่มีการจัดเก็บเพราะเห็นว่าจะส่งผล กระทบต่อประชาชน ซึ่งรายได้ของรัฐที่เพิ่มขึ้นจากภาษีมูลค่าเพิ่มก็มาทดแทนในส่วนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์)

จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาหาข้อสรุปตัวเลขการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) โดยเรื่องนี้ เรกกูเลเตอร์ได้รายงานให้นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน รับทราบถึงผลการหารือของคณะอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสรุปรายละเอียดการประกาศตัวเลข อัตราการจัดเก็บค่าเอฟทีงวดใหม่ หรือเดือนพ.ค.-ส.ค.นี้ ที่จะเรียกเก็บในบิลของผู้ใช้ไฟฟ้าว่าจะต้องปรับขึ้น 38 สตางค์ (ส.ต.) ต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ไม่มีการจัดเก็บค่าเอฟที เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระแทนประชาชน

สำหรับอัตราค่าเอฟทีที่ต้องปรับขึ้นดังกล่าว ในข้อเท็จจริงแล้ว จะต้องปรับขึ้นในระดับ 57 ส.ต.ต่อหน่วย

เนื่องจากต้น ทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกฟผ. ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 70% ของเชื้อเพลิงรวม แต่เนื่องจากรัฐบาลได้สั่งการให้เรกกูเลเตอร์ไปเจรจากับกฟผ. เพื่อขอให้ช่วยรับภาระค่าเอฟทีแทนประชาชนอีกงวดหนึ่ง จึงมีการต่อรองกันได้ข้อสรุปว่า ค่าเอฟทีงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.นี้จะเรียกเก็บที่ 38 ส.ต.ต่อหน่วย และอีก 19 ส.ต.ต่อหน่วย กฟผ.จะยอมรับภาระต่อไปอีกงวดหนึ่ง

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการกฟผ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลา 14.30 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีก (Peak) ได้พุ่งสูงสุดถึง 25,551 เมกะวัตต์ สูงกว่าสถิติเดิมเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2555 (25,178) ถึง 373 เมกะวัตต์ นับเป็นการทำลายสถิติครั้งที่ 5 ในรอบปี สาเหตุจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 38.2 องศาเซลเซียส
72  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บุกพิสูจน์! ไฟลุกพื้นดินที่ อ.นครไทย เจาะชั้นดินตรวจ ชี้เกิดจากแก๊สมีเทน เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:10:21 am

สำนักงานทรัพยากรธรณีส่งเจ้าหน้าที่เจาะชั้นดินพิสูจน์หลุมไฟอ.นครไทยจ.พิษณุโลก ระบุเป็นแก๊สมีเทน ไม่มีกลิ่น ติดไฟได้เอง

เกิดจากการสะสมของเศษขี้เลื่อยและถ่านเก่า และเจอน้ำท่วมประจำทำให้เกิดปฏิกิริยาลุกเป็นไฟเมื่อเจออากาศร้อน ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. วันที่ 25 เมษายน ที่บริเวณหลุมไฟ ม.9 บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมถนนบ้านแยง-นครไทย หลังจากเกิดปรากฏการณ์พื้นดินเนื้อที่ประมาณ 1 งาน เกิดไฟลุกไหม้ในชั้นใต้ดิน มีความร้อนระอุ คนและสัตว์ลงไปเหยียบย่ำได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต จนชาวอำเภอนครไทยแตกตื่นกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก

นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรณี เขต 1 ( ลำปาง ) พร้อมเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณี ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

เพื่อพิสูจน์ทราบว่า บริเวณที่ไฟลุกไหม้ใต้ดินนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร และต้องหาวิธีการจัดการป้องกันแก้ไขอย่างไร เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง ได้ใช้เหล็กแหลม ขุดเจาะสำรวจบริเวณดังกล่าว 3 จุดลึกลงไปประมาณ 2 เมตร เพื่อตรวจสอบว่าชั้นใต้ดินว่ามีเชื้อเพลิงอะไรบ้าง โดยขุดเจาะบริเวณที่เกิดไฟลุกไหม้ลงไป 1 จุด เบื้องต้นพบว่า มีชั้นเถ้าถ่าน ที่เป็นเชื้อเพลิงของไฟลุกไหม้หน้าประมาณ 1 เมตร อยู่บริเวณผิวดิน ขณะที่ลึกลงไป เป็นชั้นผิวดินเดิมปกติ และอีก 2 จุด ทำการขุดเจาะบริเวณทุ่งนา รอบ ๆ จุดที่ไฟปะทุใต้ดิน เพื่อนำไปเปรียบเทียบ

นายสมบุญ เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้อยู่ในพื้นที่เดิมเบื้องต้นทราบว่า พื้นที่ที่ไฟกำลังลุกไหม้ใต้ดินขณะนี้นั้น

ในอดีตเคยเป็นเตาเผาถ่านเก่า จำนวน 3 เตา ด้านหลัง เป็นโรงเลื่อยเก่า ในอดีต เคยมีการประกอบกิจการเผาถ่านบริเวณนี้ และมีการนำขี้เลื่อยมาทิ้งไว้ แต่ได้เลิกกิจการเตาเผาถ่านไปนานแล้วร่วม 30 ปี ขณะพื้นที่บริเวณนี้ ได้เกิดน้ำท่วมทุกปี จากน้ำแควน้อยล้นตลิ่งในช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ และชั้นทราย ชั้นดินไปปิดทับ ทำให้เกิดปฏิกิริยาสันดาป ก่อให้เกิดแก๊สชีวภาพ ที่คาดการณ์เบื้องต้นว่า เป็นแก๊สมีเทน ที่สามารถติดเป็นไฟได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เป็นแก๊สที่ไม่มีกลิ่น เป็นธรรมชาติที่เกิดได้ในหลายพื้นที่ ลักษณะคล้าย ๆ กับไฟไหม้ป่าพลุในเขตภาคใต้ ที่จะเกิดไฟลุกไหม้ใต้ดิน

"ในวันนี้ได้เจาะชั้นดิน 3 จุด ทั้งจุดที่ไฟลุกไหม้ และพื้นที่รอบ ๆ เพื่อนำไปพิสูจน์ สถานการณ์ขณะนี้ เชื่อว่ายังคงลุกไหม้ต่อไป และไม่รุนแรง เพียงแต่ต้องกันไม่ให้คนและสัตว์เข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว หรือต้องขุดเปิดหน้าดิน เพื่อให้ไฟได้เผาไหม้ได้หมด และจะดับไปเอง"นายสมบุญระบุ
73  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watkhuanklang.blogspot.com/ วัดควนคลัง ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 08:22:53 am


http://watkhuanklang.blogspot.com/
วัดควนคลัง




ประวัติวัด
      วัดเป็นสถาบันของสงฆ์ และเป็นศูนย์กลางของชุมชน มีเจ้าอาวาสเป็นประธานหรือผู้นำภายในวัด มีหน้าที่ปกครองดูแลอำนวยกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับวัด วัดควนคลังตั้งอยู่ที่บ้านควนคลัง 52/1 หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เริ่มก่อตั้งเป็นที่พักสงฆ์ขึ้น ในปี พ.ศ. 2512 ในเนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา ที่ดิน นายพร้อม ทรงสง่า นส 3 ก. เลขที่ 1367 โดยราษฎรหมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งใหญ่ ซึ่งมีนายจำนง จำนงจิต เป็นผู้ใหญ่บ้าน และหลังจากนั้นได้แบ่งการปกครองหมู่บ้านเป็นหมู่ที่ 6 และได้มีนายสวัสดิ์ เยาวนาจารย์ เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ทั้งสองหมู่บ้านได้ผนึกกำลังสร้างที่พักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นมา พอที่จะเป็นที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์ขึ้นมาได้ จึงได้นิมนต์พระชม ปิยธโร (พระครูปิยสมาธิวัตร) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มาเป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์

74  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พ่อโมโห ยิงคอมลูกสาว หลังโพสท์เฟสบุ้ค บ่นพ่อแม่จิกหัวใช้ ( ต่างประเทศนะคะ ) เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 09:01:38 pm




ขอบคุณภาพจาก mthai.com

พ่อโมโห ยิงคอมลูกสาว หลังโพสท์เฟสบุ้ค บ่นพ่อแม่จิกหัวใช้
นาย ทอม จอร์แดน วัย 45 ปี คุณพ่อจากรัฐแคโรไลนา สหรัฐฯ จัดการถ่ายคลิปโพสท์ลงยูทูป หลังจากที่ ฮันน่าฮ์ ลูกสาววัย 15 ปี พิมพ์ข้อความบ่นเรื่องงานบ้านที่เธอต้องทำ แล้วโพสท์ลงเฟสบุค เป็นเหตุให้พ่อรายนี้ถึงกับโมโห ด้วยข้อความที่ลูกสาวแสดงถึงความที่พ่อแม่ทำเธอยุ่งยากในชีวิต
พ่อราย นี้ตัดสินใจไม่ลงโทษลูกสาวแต่อย่างใด แต่ได้จัดการนำโน็ตบุคที่เธอใช้ มาวางไว้ที่พื้นก่อนที่จะใช้ปืนยิง ถึง 9 นัด เพื่อสั่งสอนลูกสาว รวมทั้งให้เพื่อนๆของเธอได้รู้ว่าการโพสท์ในสิ่งที่ไม่ดีลงบนเฟสบุ้ค จะได้รับบทลงโทษอย่างไร
เขากล่าวว่า แม้ลูกสาวจะคิดว่าพ่อแม่ไม่รู้ว่าเธอโพสท์อะไรลงไปในเฟสบุ้ค เพราะมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้ แต่อย่าลืมว่าเขาทำงานด้านไอที ทำไมจะไม่รู้  เขาพบข้อความดังกล่าวขณะอัพเกรดคอมพิวเตอร์ของลูกสาว
ในข้อความที่ลูกสาวโพสท์ยังบอกด้วยว่า เธอน่าจะได้เงินค่าทำงานบ้านด้วยซ้ำ  เธอทำงานบ้านทุกอย่าง  หลายชั่วโมงในแต่ละวัน เธอไม่ใช่ทาสรับใช้ แล้วก็ไม่ต้องมารับผิดชอบทำความสะอาดสิ่งของพวกนี้ อยากทำอะไรก็ทำเอง
อย่า นั่งอยู่กับที่แล้วมองฉันทำงานงกๆ ทุกๆวันฉันกลับมาจากโรงเรียน ต้องล้างจาน เช็ดโต๊ะ ถูพื้น ซักผ้า ทิ้งขยะ รู้ไหมมันลำบากแค่ไหนที่ต้องทำงานบ้านพร้อมกับทำการบ้านไปด้วย ฉันจะบ้าตาย เหนื่อยที่จะทน สักวันหนึ่งฉันคงจะไม่อยู่ที่นี่ ไม่อยู่ที่จะให้พวกคุณใช้ฉันทำงานอีกต่อไป

ข้อ ความข้างต้น สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับคนเป็นพ่อ แต่พอมาเจอข้อความที่ลูกได้เขียนบ่นถึงครอบครัว ก็ได้อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งก็ร้องไห้ แต่บางครั้งก็รู้สึกโกรธ จึงกระทำดังกล่าวขึ้น


เนื้อหาจาก FWD mail พอดีค้นเจอภาพเรื่องเดียวกันคะ




ถึงเรื่องจะเก่าไปนิด แต่ก็นำมาเตือนจิตสะกิดใจ เด็กไทยเราที่มีพ่อแม่ ให้เคารพรักดูแล สงกรานต์บ้านเราจึงอบอุ่นด้วยน้ำใจครอบครัว ไม่เหมือนต่างประเทศที่ต่างคนต่างอยู่ ซึ่งชีวิตอย่างนี้กำลังเป็นในเมือง ในกรุงกัน ต่างคนต่างอยู่ ประมาณนี้เพราะขาดน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อกันและกัน

 :s_good:
75  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระประจำวันเกิด เมื่อ: มีนาคม 31, 2012, 09:19:12 am









ขอบคุณภาพเนื้อหาจาก http://variety.teenee.com
76  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 07:29:29 am


ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร

1. นิมนต์พระ
หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน
การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า “นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน” แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า “ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ” (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า “นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์” (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง “นิ โมนน!!” (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -”)
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ
อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า “นิมนต์ค่ะ หลวงลุง” ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์
หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ

2. จบ
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ
การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน
การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป
เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า “โยมขออะไรเราน้า?”

3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า
จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -” (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : “โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ”
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

4. ใส่บาตร
อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า
บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร
พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป
พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ ก็ฝากด้วยนะครับ เดี๋ยวทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ
นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี
ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป เคยมีโยมใส่บาตรด้วย “กล้วย 3 หวี” กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า แต่นี่ใส่ “กล้วยหอม” (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู “กล้วยหอม 3 หวี” อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า “โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง”
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)
ขั้นตอนต่อไปคือ

5. รับพร
หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

Cr.พระมหาสมปอง
77  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จับคนร้ายโรคจิตแอบถ่ายสาวกระโปรงสั้น ภัยผู้หญิง นะคะ เมื่อ: มกราคม 25, 2012, 09:45:30 am

ตำรวจ สน.ทองหล่อ จับคนร้ายโรคจิต ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือแอบถ่ายใต้กระโปรงสาวบนรถไฟฟ้าบีทีเอส สารภาพทำมานานเกือบ 2 เดือนแล้ว

เจ้าหน้าที่สืบสวน สน.ทองหล่อ จับกุม นายจำนง โสตรทิพย์ อายุ 38 ปี พนักงานร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง ที่ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 6230 i แอบถ่ายวีดีโอคลิปใต้กระโปรงหญิงสาว ขณะกำลังขึ้นบันไดเลื่อนที่สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงศ์ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานีรถไฟฟ้าจะพบพิรุธ

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำจริงและทำมานานเกือบ 2 เดือนแล้ว โดยจะเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาวใส่กระโปรงสั้น ก่อนจะทำทีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุย และนำถือเอาไว้พร้อมกับหนังสือพิมพ์เพื่อไม่ให้พบพิรุธ โดยใช้โอกาสช่วงขึ้นบันไดเลื่อนรถไฟฟ้า และจะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือแอบถ่ายใต้กระโปรงของเหยื่อ ซึ่งมีเหยื่อที่ถูกถ่ายไปมากว่า 10 คนแล้ว และจะเก็บวีดีโอคลิปไว้ดูเองเท่านั้น ไม่ได้นำไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด

ผู้ต้องหายังให้การอีกว่า ตนเองมีภรรยาและลูกชายอายุ 13 ปี แต่ไม่ได้มีปัญหากัน เพียงแต่ต้องการทำไปเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น ซึ่งก็กล่าวขอโทษเหยื่อทุกราย และขอให้ให้อภัยตนเอง และภายหลังจากนี้ตั้งใจจะไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษา

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยโดนข้อหาเมาแล้วขับในพื้นที่ สน.ทองหล่อ และครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาก่อความเดือดร้อน รำคาญผู้อื่น จำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท
 >:( >:( >:(

http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/50994/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99.html
78  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลุงสม ศักดิ์-เจ้าหญิงนิทราสู้น้ำ ยังจะมีใครรักกันได้อย่างนี้อีกแล้วนะ นับถือ เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2011, 10:17:20 am


ลุงสม ศักดิ์-เจ้าหญิงนิทราสู้น้ำ ยังจะมีใครรักกันได้อย่างนี้อีกแล้วนะ นับถือ

ถ้าเป็นคนทั่วไป คงจะเบื่อแล้วนะ แล้วคงจะลากันทีแล้วนะที่รัก

รักแท้ก็ยังมีนะ.....

 :88: :s_good:
79  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / รู้สู้ flood : การรับมือในภาวะน้ำท่วม เมื่อ: ตุลาคม 30, 2011, 10:42:21 am
รู้สู้ flood ep.1 : การรับมือในภาวะน้ำท่วม


รู้สู้ flood ep.2 : การรับมือในภาวะน้ำท่วม


รู้สู้ flood ep.3 : การรับมือในภาวะน้ำท่วม


รู้สู้ flood ep.4 : การรับมือในภาวะน้ำท่วม


อัพโหลดโดย roosuflood เมื่อ 29 ต.ค. 2011
80  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / "กู่เจิง" พิณจากแดนสวรรค์ (เรียบเรียงโดย ชนก สาคริก) บรรเทาใจกันหน่อยคะ เมื่อ: ตุลาคม 28, 2011, 09:50:15 am
"กู่เจิง" พิณจากแดนสวรรค์ (เรียบเรียงโดย ชนก สาคริก)

ที่เรียกกู่เจิงว่า "พิณสวรรค์" นั้น เพราะตามตำนานของจีนกล่าวไว้ว่า เครื่องดนตรีชนิดนี้เทพยดาเป็นผู้สร้าง
เดิมเป็นพิณขนาดใหญ่มีสาย 50 สาย เรียกว่า เส็ก มีเสียงไพเราะน่าฟังดุจเสียงจากสวรรค์
(เรื่องพิณ 50 สาย นี้มีข้อน่าสังเกตคือทางอินเดียก็มีเรื่องตำนานที่กล่าวถึง
พิณ 50 สายของเทพเจ้าอยู่เหมือนกัน เข้าใจว่าคตินี้จีนอาจได้รับมาจากอินเดียก็ได้)

ตำนานเรื่องพิณสวรรค์ของเทพยดานั้น เป็นความเชื่อของกลุ่มบุคคลที่เน้นทางคตินิยม เพราะเห็นว่า
กู่เจิงนี้ มีรูปร่างแปลกประหลาดพิสดารซับซ้อนและมีเสียงไพเราะน่าฟัง ไม่น่าจะเป็นการประดิษฐ์คิดค้น
โดยมนุษย์ธรรมดาอีกทั้งยังมีมานานแสนนานแล้วด้วย

กู่เจิงมีหลายขนาด ตั้งแต่ 12 สาย ไปจนถึง 26 สาย และมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันออกไป
ตามรสนิยมของแต่ละท้องถิ่น ยาวบ้าง สั้นบ้าง กว้างบ้าง แคบบ้าง แล้วแต่จุดประสงค์และจินตนาการ
ของช่างผู้ผลิตเครื่องดนตรี แต่สภาพโดยรวมแล้ว จะมีส่วนที่คล้ายกันคือตัวกู่เจิงมีลักษณะเป็นกล่องไม้ กลวงยาว
ผิวด้านบนมีลักษณะโค้งมีหย่องไม้หนุนรองรับสายกู่เจิงไว้ทุกสาย ตรงส่วนปลายด้านขวามือ
ของตัวกู่เจิงจะมีหมุดสำหรับปรับเทียบเสียงที่สามารถ หมุนไปมาได้ หมุดเหล่านี้บางแบบก็เป็นไม้
ใช้เสียบลงมาในแนวตั้งแต่ส่วนใหญ่จะซ่อนไว้ใน ส่วนหัวของกู่เจิงโดยมีฝาครอบปิดไว้เพื่อความสวยงาม

สายของกู่เจิงนั้นในสมัยโบราณใช้สายไหมหรือสายเอ็นเป็นส่วนใหญ่ แต่มาในยุคหลังๆนิยมใช้สายโลหะ
เช่นทองเหลือง ทองแดง หรือสายเหล็ก ปัจจุบันจะนิยมใช้สายโลหะที่ไม่ขึ้นสนิม หรือสายโลหะ
ที่ขวั้นเกลียวด้วยไนลอนโดยรอบ เพราะมีน้ำหนักดีและไม่ระคายนิ้วมือเวลาที่ดีดบรรเลง

ชาวจีนนั้นเป็นทั้งนักปรัชญาและนักประดิษฐ์ ดังนั้นช่างจีนจึงนิยมแฝงปรัชญาไว้ในสิ่งประดิษฐ์
ที่สร้างด้วยเสมอ การประดิษฐ์ตัวกู่เจิงนี้ก็เช่นกัน ช่างจีนโบราณเชื่อว่าเทพยดาเป็นต้นกำเนิด
ในการประดิษฐ์กู่เจิง และเสียงของกู่เจิงเปรียบเหมือนเสียงดนตรีจากสรวงสวรรค์ จึงออกแบบกู่เจิง
โดยแบ่งแผนภูมิของตัวกู่เจิงออกเป็น 3 ส่วน คือ

1) ส่วนที่เป็นสวรรค์
2) ส่วนที่เป็นภูมิมนุษย์
3) ส่วนที่เป็นวังบาดาล

ส่วนที่เป็นแดนสวรรค์นั้นก็คือแนวสายกู่เจิงที่เรียงรายอยู่ด้านบน
เพราะเป็นต้นกำเนิดเสียงดนตรีอันไพเราะดุจเสียงจากสวรรค์ ช่วงระหว่างสายกู่เจิง
และผิวหน้าโค้งด้านบนเป็นความเวิ้งว้างของท้องฟ้า ส่วนหย่อง (Fret) ที่เรียงราย
หนุนรองรับสายกู่เจิงนั้นมีความหมาย 2 นัยคือ หมายถึงขุนเขาบนพื้นโลกที่สูงตระหง่าน
หนุนค้ำสวรรค์ไว้ หรือ หมายถึง ฝูงวิหค เช่น ห่านป่า นกเป็ดน้ำ หรือ นกกระเรียน
ที่บินเรียงแถวเป็นแนวทะแยงอยู่บนท้องฟ้า ส่วนบริเวณผิวด้านบนที่มีลักษณะโค้งแผ่กว้างนั้น
เปรียบเหมือนมหาสมุทร ตัวกู่เจิงโดยรอบเปรียบเหมือนแผ่นดิน จึงนิยมวาดรูปป่าเขาลำเนาไพร
หรือฝูงสัตว์เอาไว้โดยรอบ ส่วนที่เป็นวังบาดาลนั้นคือผิวพื้นด้านล่างซึ่งกรุเป็นช่องไว้ 2 ช่องใหญ่ๆ
หมายถึง สระหงส์ และ วังมังกร

สระ หงส์-มังกร นี้อาจมีรูปร่างผิดแผกแตกต่างกันออกไปบ้าง เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือ
ทำเป็นช่องไว้ให้เสียงกู่เจิงก้องกังวานออก มาดีขึ้นนั่นเอง รวมความแล้วส่วนต่างๆของกู่เจิงนั้น
ล้วนมีความหมายในเชิงปรัชญาและมีคุณ ประโยชน์ในการบรรเลงทั้งสิ้น

ด้วยเหตุผลตามที่กล่าวมาเป็นการยืนยันและแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานแนวคิด
ในด้านปรัชญาเข้ากับสิ่งประดิษฐ์ของช่างจีนดังที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในตอนต้น

ชาวจีนถือว่าโลกนั้นประกอบไปด้วยธาตุที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน 5 ชนิด คือ

1) ธาตุดิน เป็นธาตุที่หนักแน่นมั่นคง เป็นแม่ธาตุของสรรพสิ่งทั้งปวง
เป็นผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกรวมทั้งสัตว์และมนุษย์
ธาตุดินยังหมายรวมไปถึงหินทุกชนิดด้วยดังนั้นธาตุดินจึงเป็นแหล่งกำเนิดของ สิ่งที่มีรูปธรรม
ในขณะที่ฟ้ากลับว่างเปล่าไร้รูปธรรม

2) ธาตุทอง เป็นธาตุที่มีประกายสดใสแวววาว และ มีคุณค่า
เมื่อโลกก่อกำเนิดใหม่ๆนั้นนอกจากดินและหินแล้วยังมีแร่ธาตุโลหะอีกมากมาย
หลายร้อยหลายพันชนิดปะปนอยู่ในดินด้วย แร่โลหะเหล่านี้มีคุณสมบัติแตกต่างจากดินและหิน
จึงถือว่าเป็นธาตุอีกชนิด หนึ่งและเนื่องจากทองคำเป็นโลหะที่ได้รับการยกย่องทั่วไปว่าเป็นธาตุที่มีคุณค่า
เหนือกว่าธาตุโลหะอื่นจึงเรียกธาตุที่สองนี้ว่าธาตุทอง

3) ธาตุน้ำ เป็นธาตุที่เยือกเย็น และมีความเลื่อนไหลพริ้วพรายไร้รูปทรงที่แน่นอน
เมื่อโลกมีพื้นดินและมีแร่ธาตุโลหะอุดมสมบูรณ์แล้วจึงบังเกิดธาตุน้ำขึ้น หล่อเลี้ยงพื้นดินให้ชุ่มฉ่ำ
ถือกำเนิดแม่น้ำลำคลองรวมทั้งทะเลและมหาสมุทร อันจะเป็นแหล่งที่ให้กำเนิดชีวิตต่อไป

4) ธาตุไฟ (พลังงาน) เป็นธาตุที่ร้อนแรง เจิดจ้า และไหวระริกอยู่เป็นนิจ
เมื่อมีดิน มีแร่ธาตุ มี น้ำแล้ว ได้บังเกิดธาตุไฟคือพลังงานขึ้น ธาตุไฟเป็นธาตุร้อนซึ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
เปลวไฟ มักสั่นไหวและบันดาลให้เกิดแสงสว่าง นอกจากนั้นยังเป็นธาตุสำคัญที่กระตุ้นให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตด้วย

5) ธาตุไม้ ธาตุไม้นั้นเป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เมื่อมีดิน แร่ธาตุ น้ำ และไฟ ครบแล้ว
สิ่งมีชีวิตจึงก่อกำเนิดขึ้นมาได้ ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตนั้นย่อมสามารถเคลื่อนไหวได้
ธาตุไม้จึงเป็น ธาตุแห่งการเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวา และ ร่าเริง

ลองเอา พิณบรรเลง (กู่เจิง) ไปฟังดูนะค่ะ

หน้า: 1 [2] 3 4