ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมัยพุทธกาล พระอริยบุคคลในแต่ละระดับ มีมากน้อยกว่ากัน อย่างไร.?  (อ่าน 2016 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

สมัยพุทธกาล พระอริยบุคคลในแต่ละระดับ มีมากน้อยกว่ากัน อย่างไร.?
วัสสวุตถสูตร : ว่าด้วยพระอริยบุคคลมีน้อยกว่ากันโดยลำดับ

      [๑๖๒๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษาในพระนครสาวัตถีแล้ว ไปโดยลำดับ ถึงพระนครกบิลพัสดุ์ ด้วยกรณียบางอย่าง
     พวกเจ้าศากยะ ชาวพระนครกบิลพัสดุ์ได้ทราบข่าวว่า ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษาในพระนครสาวัตถี มาถึงพระนครกบิลพัสดุ์แล้ว จึงเสด็จเข้าไปหาภิกษุรูปนั้นถึงที่อยู่ ทรงอภิวาทภิกษุนั้นแล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
     ครั้นแล้ว ได้ตรัสถามภิกษุนั้นว่า


     [๑๖๒๔] ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคไม่ประชวร และยังมีพระกำลังหรือ.?
     ภิกษุนั้นทูลว่า พระผู้มีพระภาคไม่ประชวรและยังมีพระกำลัง ขอถวายพระพร.
     ศ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังหรือ.?
     ภิ. แม้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะก็ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลัง ขอถวายพระพร.
     ศ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังหรือ.?
     ภิ. แม้ภิกษุสงฆ์ก็ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลัง ขอถวายพระพร.

      ask1 ans1 ask1 ans1

     ศ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ระหว่างพรรษานี้ อะไรๆ ที่ท่านได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาค มีอยู่หรือ.?
     ภิ. ขอถวายพระพร เรื่องนี้อาตมภาพได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า

     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ มีน้อย
     ที่แท้ภิกษุผู้เป็นอุปปาติกะ เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป จักนิพพานในภพที่เกิดนั้น มีอันไม่กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา มีมากกว่า


     อีกประการหนึ่ง อาตมภาพได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ผู้มีพระภาคว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นอุปปาติกะ เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไปจักนิพพานในภพที่เกิดนั้น มีอันไม่กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา มีน้อย
     ที่แท้ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง กลับมาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ มีมากกว่า


     อีกประการหนึ่ง อาตมภาพได้ฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง กลับมาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ มีน้อย
     ที่แท้ภิกษุผู้เป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า มีมากกว่า.


          จบ สูตรที่ ๒


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙  บรรทัดที่ ๙๖๘๒-๙๗๑๑.  หน้าที่  ๔๐๓-๔๐๔.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=19&A=9682&Z=9689&pagebreak=0
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

      ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ที่จริงปัญหา ก็ธรรมดา อันนี้

  จำนวน พระพุทธเจ้า แน่ละ มีองค์ เดียว เท่านั้น ใน 1 พุทธันดร
  จำนวน พระอรหันต์ ก็ต้องมีรองจากพระพุทธเจ้า
  จำนวน พระอนาคามี ก็ต้องรองจากพระอรหันต์
  จำนวน พระสกิทาคามี ก็ต้องรองจากพระอนาคามี
  จำนวน พระโสดาบัน ก็ต้องรองจากพระสกิทาคามี
  จำนวน พระโยคาวจาร ก็ต้องรองจากพระโสดาบัน

  แต่ต่างกันกับปัจจุบัน ในสมัยครั้งพระพุทธเจ้า ถึงว่าจะมีน้อยแต่ไปที่ไหน ? ก็ล้วนต้องเจอพระอรหันต์ ดังนั้นจำนวนพระอริยะ ในสมัยพระพุทธเจ้า จึงมีจำนวนมาก เพราะถ้ามีจำนวนน้อยละก็แย่แน่ ๆ เพราะว่า มีลัทธิ และ ศาสนาอื่น คอยทำร้าย พระรัตนตรัย อยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจำนวนพระอริยะที่มีมาก ๆ จึงเป็นการปกป้อง ศาสนิก ไปในตัว แต่เมื่อขาดพระศาสดา จำนวนพระอริยะน้อยลง ๆ เรื่อย ๆ พระอริยะ ประเภท อุภโตภาค ก็มีน้อยลง ที่มีฤทิธ์ ก็มีน้อยลง ถึงขั้นไม่มี ดังนั้น กิตติศัพท์ ของพระสงฆ์ที่เป็นพระอุภโตภาคนั้น จะหยุด การทำร้ายได้ แต่เมือ่ไม่มีแล้วจริง ๆ มันจึงเป็นแค่คำขู่กล่าวอ้าง ซึ่งนำอันตรายมาสู่ ศาสนิก เร็วขึ้น เหมือนครั้งนาลันทา ถูกเผา

  ดังนั้นจำนวน พระอริยะ ยิ่งมีน้อย ยิ่งเป็นผลเสีย กับ ระบบพุทธศาสนา
  แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา
   ไม่ว่า เราจะทำโดยวิธีใด ในการเผยแผ่ พระธรรม กรรมฐาน จำนวนพระอริยะ ก็จะไม่มีมากขึ้น มีแต่น้อยลง แต่จะน้อยไปอย่างช้า ๆ ซึ่งมันดีกว่า หมดไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนั้นก็จะสอดคล้อง กับพุทธทำนายไว้ 5000 ปี ดังนั้นพุทธศาสนา ก็จะรุ่งเรือง มีผู้สืบทอด ต่อไปเรื่อย ๆ แต่จะน้อยลง ไม่ถึงกับหายหรือ ขาด จนกว่า จะ 5000 ปี

 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ