ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'น่าเบื่อ-ง่วง'สูญเปล่า 'สอนศีลธรรม' ถึงยุค'ต้องยกเครื่อง'  (อ่าน 2844 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pussadee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 149
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

หลัง วันออกพรรษาแล้ว สำหรับพุทธศาสนิกชนในช่วงนี้ก็มีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญคือการทำบุญ ทอดกฐิน ตามวัดวาอารามต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องของพุทธศาสนา ในประเทศไทยนั้นใช่ว่ากิจกรรมจะจำกัดวงอยู่ที่วัด แต่มีการจัดกิจกรรม ตามสถานที่อื่น ๆ ด้วย รวมถึงในสถานศึกษา ในโรงเรียน

และการ “สอนศีลธรรม” ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบกิจกรรม

ถือว่า “มีความสำคัญ” แต่ยุคปัจจุบัน “ต้องปรับวิธี!!”

“การสอนศีลธรรมในโรงเรียน เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นคนดีมีศีลธรรม และเกรงกลัวต่อการทำบาปนั้น มิได้หมายความว่าจะสอน อะไรก็ได้ หากแต่ต้องออกแบบการสอนให้เหมาะกับเด็ก”

...นี่เป็นการระบุของ พระราชรัตนมงคล (มนตรี ยางธิสาร) นิสิตปริญญาเอก ภาควิชาศึกษาผู้ใหญ่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยา ลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ซึ่งทำงานวิจัยการฝึกอบรมการสอนศีลธรรมให้พระสงฆ์ เพื่อนำความรู้ไปสอนนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับวิธีการสอนศีลธรรม

ทั้งนี้ พระราชรัตนมงคล ระบุว่า...งานวิจัยในระดับปริญญาเอกดังกล่าว ได้จากประสบการณ์ที่บวชมานาน ทำให้เห็นการเรียนการ สอนศีลธรรมในโรงเรียนซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พระที่เรียนอยู่ในวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง เราเรียกพระกลุ่มที่ไปสอนในโรงเรียนว่า “พระธรรม วิทยากร” เป็นเสมือนพระอาสาสมัครที่เข้าไปสอนในโรงเรียน ส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมของนิสิตพระที่ทำขึ้นเพราะใจรักอยากเผยแผ่ ธรรมะ สอนศีลธรรมให้เด็ก ๆ

“ต่อจากนั้นก็ได้รับความสนใจจากทางราชการบ้าง มีกรม การศาสนาเข้ามาสนับสนุนการสอนศีลธรรมในโรงเรียนบ้าง แต่ในอดีตก็ยังน้อย ในสมัยก่อนนั้นมีจำนวนไม่ถึง 600 รูป”

พระสงฆ์รูปเดิมระบุอีกว่า...ในช่วงปี พ.ศ. 2548 มีโอกาส ได้นำเสนอโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ในสมัยที่ สิริกร มณีรินทร์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ โดยได้นำเสนอว่าพระที่อยู่ในวัดต่าง ๆ สำเร็จการศึกษามีความรู้ในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก ควรจะได้ใช้ความรู้ไปสอนศีลธรรมในโรงเรียน จากเดิมที่มีพระสงฆ์ไปสอนในโรงเรียนทั่วประเทศเพียง 600 รูป เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 รูป และ 10,000 รูป และยังเพิ่มขึ้นอีก โดยดำเนินการผ่านนโยบายทางการศึกษาของรัฐ ผ่านทางกระทรวงศึกษาธิการ

จากงานวิจัยในระดับปริญญาเอก ซึ่งได้ทำการต่อยอดแนวคิดจากการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ได้ศึกษาในภาควิชาศึกษาผู้ใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พบว่า การสอนศีลธรรมของพระสงฆ์ ในโรงเรียนต่าง ๆ นั้น ยังไม่ค่อยมีหลักสูตรที่แน่นอน รวมถึงเรื่องระยะเวลาในการจัดการเรียนการสอน

จึงนำมาสู่การทำวิจัยซึ่งต้องการพัฒนาหลักสูตรการสอน

“ไม่ใช่ว่าจะสอนอะไรก็ได้ แต่ต้องออกแบบการสอนให้เหมาะ กับเด็ก พระสงฆ์ที่เข้าไปสอนในโรงเรียนนั้นเด็กอาจจะไม่ค่อยสนใจเรียน เนื่องจากพระสอนน่าเบื่อ พระไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการสอน ซึ่งการสอนนั้นควรต้องมีหลักการบรรยาย มีวิธีการสนทนาโต้ตอบกับเด็ก มีวิธีการสอนด้วยการสาธิตให้เด็กดู หรือให้เด็กมีส่วนร่วมในการออกมาแสดงกิจกรรมต่าง ๆ เรื่องราวของธรรมนั้นต้องเน้นการสาธิตในชั้นเรียนเพื่อให้เด็กเห็นจริง...

จะแก้อาการน่าเบื่อในการสอนศีลธรรมได้...”

พระราชรัตนมงคล ระบุต่อไปว่า...งานวิจัยการฝึกอบรม การสอนศีลธรรมให้พระสงฆ์เพื่อนำความรู้ไปสอนนักเรียนในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้ทำการศึกษาวิจัยนี้ พระสงฆ์ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนนักเรียนในระดับที่สูงกว่า หรือระดับประถมศึกษาก็ได้ โดยสิ่งสำคัญในการสอนศีลธรรมให้นักเรียนคือ ต้องใช้สื่อที่เหมาะสม จากนั้น ให้เด็กจัดกลุ่มวิเคราะห์ วิพากษ์ พูดคุยกัน และนำเสนอผลงาน

การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะทำให้ผู้เรียน “ไม่ง่วง” แก้ปัญหาการสอนศีลธรรมในโรงเรียนที่ล้มเหลว-ไม่ได้ผล และสิ่งสำคัญ คือผู้เรียนจะจดจำและสามารถเข้าถึงวิชาศีลธรรมได้ดีกว่าการสอนโดย ที่พระเป็นผู้บรรยายอย่างเดียว ถ้าพระสงฆ์ที่สอนศีลธรรมในโรงเรียนเปลี่ยนวิธีการสอน จะทำให้เด็กไทยคิดได้มากขึ้นเกี่ยวกับคุณงามความดี ศีลธรรม รู้จักแยกแยะ และสามารถนำหลักคิดทางพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

ทั้งนี้ พระราชรัตนมงคล ทิ้งท้ายว่า...ปัจจุบันมีพระที่สอนศีลธรรมในโรงเรียนทั่วประเทศประมาณ 20,000 กว่ารูป ที่ยังไม่ได้รับการอบรมวิธีการสอนศีลธรรมให้เด็ก ถ้าพระสงฆ์เหล่านี้ได้รับการ อบรมถึงวิธีการสอน เชื่อว่าจะทำให้การเรียนการสอนศีลธรรมในโรงเรียนมีคุณภาพและเข้าถึงชีวิต เด็ก ๆ มากขึ้น

“อยากเห็นรัฐบาลสนใจและให้การสนับสนุน เพื่อยกระดับพระสงฆ์ที่ต้องเข้าไปสอนศีลธรรมในโรงเรียน ซึ่งจะทำให้พระสงฆ์เหล่านี้มีคุณภาพ เข้าไปสอนศีลธรรมในโรงเรียนได้อย่างมีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการลดปัญหาสังคมได้อย่างดี เพราะเมื่อไหร่ที่นักเรียนเข้าใจ-เข้าถึงศีลธรรม หลักคำสอนทางศาสนา เขาจะเกรงกลัวต่อบาป และเข้าใจผลของการกระทำมากขึ้น...

และปัญหาสังคมที่เกี่ยวกับเด็ก...ก็จะเริ่มลดลง...”
ที่มา
http://board.palungjit.com/f36/%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-266821.html
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
การสอนศีลธรรมให้นักเรียนให้ผลจริงๆ

โดยส่วนตัวหากนำพระมาบรรยายให้ฟัง

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เด็กมาสนใจ เนื่องจากพระมีศีล 227 กั้นอยู่

การพูดตลกโปกฮา อาจถูกมองว่าไม่สำรวม



สมัยนี้ความเจริญทางวัตถุมีมากเกินไป ทำให้มีผลเสียมากกว่าผลดี

เป็นสิ่งเร้ากิเลส มากกว่าจะเป็นสิ่งนำมาซึ่งการข่มกิเลส

ทางออกหนึ่ง ก็คือ ต้องนำปุถชนทีมีอภิญญามาสอน

การแสดงอิทธิฤทธิ์ของปุถุชน ไม่มีข้อห้าม

อิทธิฤทธิ์จะดึงความสนใจได้ดี จากนั้นค่อยๆสอดแทรกธรรมะต่างๆเข้าไป

ชี้ให้เห็นว่า อิทธิฤทธิ์ที่ได้มาเพราะการปฏิบัติธรรม

แต่ก็อีกนั่นแหละ คนมีฤทธิื์์์์ิ์หายากเหลือเกิน คนมีฤทธิื์์์์์์์์จริงๆ

บางส่วนก็เห็นธรรม ไม่ต้องการยุ่งกับทางโลก



การจะพบ มรรค ผล นิพพาน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ผมเชื่อว่า เป็นไปตามบุญบารมีที่สั่งสมมา

ฉะนั้น ต้องทำใจ เห็นโลกเค้าเป็นอย่างไร

อย่าได้เป็นกังวล ควรคิดไว้เสมอว่า


"สัตว์โลกย่อมเ็ป็นไปตามกรรม"



ขอคุยเป็นเพื่อนเท่านี้นะครับ ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25:



บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ