ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน  (อ่าน 15545 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระพุทธเจ้า ได้ตรัสกับพระอานนท์ ว่า

บิณฑบาตร ทั้งสองมีบุญเสมอกัน
 
  1.บิณฑบาต ที่รับจากนาง สุชาดา ก่อนการตรัสรู้

  2.บิณฑบาต ที่รับจากนาย จุนทะ ก่อนปรินิพพาน

มีเหตุผลประการใด พระพุทธเจ้า จึงทรงตรัสว่า มีผลเสมอกัน ( บุญ )

  ทั้ง ๆที่ การรับบิณฑบาต ครั้งแรก นั้นเป็นเำพียงพระโพธิสัตว์ ถ้าเทียบกับ นายจุนทะ ซึ่งได้ถวาย พระพุทธเจ้า

ช่วยหาคำตอบให้ที คะ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

เมตตา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 91
  • ขอให้ทุกชีวิต จงเป็นแต่ผู้มีความสุข เถิด
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 11:36:51 am »
0
คำถามนี้ น่าสนใจมาก เพราะเหตุไร จึงมีผล ทัดเทียม กัน

ต้องหาคำตอบ น่าจะมีคำอธิบายในอรรถกถา ในตอนนั้น

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 12:56:52 pm »
0
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖)


 [๑๒๖] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
ดูกรอานนท์ บางทีใครๆ จะทำความร้อนใจให้เกิดแก่นายจุนทกัมมารบุตรว่า

ดูกรนายจุนทะ มิใช่ลาภของท่าน ท่านได้ไม่ดีแล้ว ที่พระตถาคตเสวยบิณฑบาตของ
ท่านเป็นครั้งสุดท้ายเสด็จปรินิพพานแล้ว ดังนี้ เธอพึงช่วยบันเทาความร้อนใจ
ของนายจุนทกัมมารบุตรเสียอย่างนี้ว่า

ดูกร นายจุนทะ เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว ที่พระตถาคตเสวยบิณฑบาตของท่านเป็นครั้งสุดท้าย เสด็จปรินิพพานแล้ว เรื่องนี้เราได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า

บิณฑบาตสองคราวนี้ มีผลเสมอๆ กัน มีวิบากเสมอๆกัน มีผลใหญ่กว่า
มีอานิสงส์ใหญ่กว่าบิณฑบาตอื่นๆ ยิ่งนัก

บิณฑบาตสองคราวเป็นไฉน คือ
ตถาคตเสวยบิณฑบาตใดแล้ว ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อย่างหนึ่ง
ตถาคตเสวยบิณฑบาตใดแล้ว เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุอย่างหนึ่ง

บิณฑบาตสองคราวนี้ มีผลเสมอๆ กัน มีวิบากเสมอๆ กัน มีผลใหญ่กว่า
มีอานิสงส์ใหญ่กว่าบิณฑบาตอื่นๆ ยิ่งนัก


กรรมที่นายจุนทกัมมารบุตรก่อสร้างแล้ว
เป็นไปเพื่ออายุ ... เป็นไปเพื่อวรรณะ ... เป็นไปเพื่อความสุข ...
เป็นไปเพื่อยศ ...เป็นไปเพื่อสวรรค์ ... เป็นไปเพื่อความเป็นใหญ่ยิ่ง

ดูกรอานนท์ เธอพึงช่วยบันเทาความร้อนใจของนายจุนทกัมมารบุตร
เสียด้วยประการฉะนี้ ฯ

ที่มา  http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=10&A=1888&w=%C1%CB%D2%BB%C3%D4%B9%D4%BE%BE%D2%B9%CA%D9%B5%C3



อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค
มหาปรินิพพานสูตร


บทว่า ปมุเข นิสีทิ ได้แก่ นั่งตรงพระพักตร์พระศาสดา. ก็ด้วยคำเพียงเท่านี้ พระเถระมาถึงแล้ว. ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท่านพระอานนท์ผู้มาถึงแล้วอย่างนี้.

               บทว่า เต อลาภา ได้แก่ ลาภกล่าว คืออานิสงส์ทานเป็นลาภของคนอื่น ไม่ใช่ลาภของเธอ. บทว่า ทุลฺลทฺธํ ได้แก่ การได้อัตตภาพเป็นมนุษย์แม้ด้วยบุญวิเศษ ก็จัดว่าหาได้ยาก.

               บทว่า ยสฺสเต เท่ากับ ยสฺส ตว ท่านใด. นอกจากข้าวสารหรือสิ่งเศร้าหมองอย่างยิ่ง ใครจะรู้ได้ พระตถาคตเสวยบิณฑบาตครั้งหลังแม้เช่นไร แล้วเสด็จปรินิพพาน ทานอย่างใดอย่างหนึ่ง จักเป็นอันเธอให้แน่แท้.

               บทว่า ลาภา ได้แก่ เป็นลาภ คืออานิสงส์ในการให้ทานที่มีในปัจจุบันหรือเป็นไปในสัมปรายภพ. บทว่า สุลทฺธํ ได้แก่ การได้อัตตภาพเป็นมนุษย์ เป็นอันเธอได้มาดีแล้ว.

               บทว่า สมสมผลา แปลว่า มีผลเท่าๆ กันโดยอาการทั้งปวง.
 
   ถามว่า พระตถาคตสรรเสริญบิณฑบาตใด ที่นางสุชาดาถวายแล้วตรัสรู้ บิณฑบาตนั้นพระองค์เสวยในเวลาที่ยังมีราคะโทสะและโมหะ 

   แต่บิณฑบาตนี้ที่นายจุนทะถวายแล้ว พระองค์เสวยในเวลาที่ปราศจากราคะโทสะโมหะ มิใช่หรือ
   แต่ไฉน บิณฑบาตทั้งสองนี้จึงมีผลเท่าๆ กัน

 
   แก้ว่า เพราะเสมอกันโดยการปรินิพพาน เสมอกันโดยการเข้าสมาบัติ และเสมอกันโดยการระลึกถึง.

   จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยบิณฑบาตที่นางสุชาดาถวายแล้ว เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ และเสวยบิณฑบาตที่นายจุนทะถวายแล้ว เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
   รวมความว่า มีผลเสมอกันโดยการปรินิพพาน.

 
               ก็ในวันที่พระองค์ตรัสรู้ พระองค์ทรงเข้าสมาบัตินับได้สองล้านสี่แสนโกฏิ
   แม้ในวันเสด็จปรินิพพาน พระองค์ก็ทรงเข้าสมาบัติเหล่านั้นทั้งหมด.
   รวมความว่า มีผลเสมอกันโดยเสมอกันด้วยสมาบัติ.


               ในกาลต่อมา นางสุชาดาได้ทราบว่า เล่ากันมาว่า ผู้ที่เราเห็นนั้นไม่ใช่รุกขเทวดา เป็นพระโพธิสัตว์ ได้ยินว่า พระโพธิสัตว์นั้นฉันบิณฑบาตนั้นแล้ว ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ดำรงอยู่ได้ด้วยบิณฑบาตนั้น ๗ สัปดาห์. เมื่อนางได้ฟังดังนั้น ก็ระลึกได้ว่า เป็นลาภของเราหนอ จึงเกิดปีติโสมนัสอย่างแรง.

               ครั้นต่อมา นายจุนทะได้สดับว่า ได้ยินว่า บิณฑบาตครั้งสุดท้ายที่เราถวาย เราได้ยอดธรรมแล้ว ได้ยินว่า พระศาสดาเสวยบิณฑบาตของเราเสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ หวนระลึกได้ว่า เป็นลาภของเราหนอ จึงเกิดโสมนัสอย่างแรง


     พึงทราบว่า มีผลเสมอกันแม้โดยการเสมอกันแห่งการระลึกถึงอย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้.

ที่มา   http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2010, 01:01:57 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 10:34:50 am »
0
คำตอบนี้ไว จริง ๆ คะ

  ไม่ได้อ่านในเมื่อวาน แต่ก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเหมือนกัน คะ

   
อ้างถึง
พระองค์ตรัสรู้ พระองค์ทรงเข้าสมาบัตินับได้สองล้านสี่แสนโกฏิ

  ประโยค นี้มีอรรถกา สรุปไว้ว่า ก่อนการตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้า พระองค์ได้เข้าสมาบัติ มาจำนวน

สองล้านสี่แสนโกฏิ จนคืนตรัสรู้ และ หลังจากพระองค์ ตรัสรู้ นั้น พระองค์ใช้เวลา 45 พรรษา ก็เข้า

สมาบัติเป็นจำนวน สองล้านสี่แสนโกฏิ ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน

 รวมเบ็ดเสร็จ พระพุทธเจ้า เข้าสมาบัติ ทั้งชีัวิต ของพระองค์นั้นเป็นจำนวน สี่ล้านแปดแสนโกฏิ ครั้ง

ซึ่งดิฉันอ่านเองขอเพียง 1 ครั้งของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ก็พอ บารมีพระองค์เปี่ยมล้นจริง ๆ

วิเคราะห์ สมาบัติ ที่พระองค์เข้าครั้งแรก ช่วงเป็นพระมหาโพธิสัตว์ นั้น เป็นเพียง สมาบัติ 8 และ 9

ส่วน หลังพระองค์ตรัสรู้นั้น น่าจะเป็น สัญญาเวทยิตนิโรธ หรือ อเนญชาสมาบัติ หรือ เจโตสมาธิอนิมิตร

เป็นแน่ กรรมฐานที่พระองค์ทรงใช้ ที่พระองค์รับรองไว้ ก็เห็นจะเป็น พระอานาปานุสสติ

 ขอคำถามเพิ่ม นิดหนึ่งคะ

    พระอานาปานุสสติ ของพระพุทธองค์ ต่างจาก พระอรหันต์สาวกอย่างไร คะ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 06:26:12 pm »
0
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงเจริญอานาปานสติ แล้วบรรลุความเป็นสัพพัญญูเสมอ
แม้เมื่อทรงบรรลุแล้ว ก็เจริญกรรมฐานวิธีนี้จนวาระปรินิพพาน

กรรมฐานนี้เจริญง่ายกว่าวิธีอื่นใด ในบรรดาสมถกรรมฐาน ๔๐ อย่าง
พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญกรรมฐานนี้ว่า ดีเลิศกว่าสมถกรรมฐานอื่น


ทั้งพระอรรถกถาจารย์ก็เรียกกรรมฐานนี้ว่า “มหาปุริสภูมิ”(ที่ตั้งของมหาบุรุษ)
หมายความว่า มิใช่กรรมฐานที่เหมาะสมแก่คนสามัญทั่วไป
แต่เหมาะสมกับมหาบุรุษผู้มีปัญญามาก

อ้างอิง
หนังสือ “อานาปานทีปนี” ของพระญาณธชเถระ (แลดีสยาดอ) รจนา
พระคันธสาราภิวงศ์  แปลและเรียบเรียง




การเจริญอานาปานสติของพระพุทธเจ้า เมื่อเทียบกับการเจริญอานาปานสติของสาวก
หากพิจารณาในด้านเนื้อหาของอานาปานสติแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรที่แตกต่าง

แต่ถ้าเรากำหนดช่วงเวลา ระหว่างการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้า
ในขณะที่เป็นนักบวชสิทธัตถะอยู่ จนได้ตรัสรู้ เราจะพบว่า
สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือ จุดประสงค์และผลของการเจริญอานาปานสติ


ต่างกันโดยจุดประสงค์
- การเจริญอานาปานสติของพระพุทธองค์ เป็นไปเพื่อค้นหาทางหลุดพ้น
 
- ส่วนการเจริญอานาปานสติ ของสาวกภูมิ เป็นการเดินตามมรรค
ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ แล้วสิ้นกิเลส


ต่างกันโดยผล
- ผลของการเจริญอานาปานสติของพระพุทธเจ้า
ทำให้ทรงค้นพบอริยสัจ ๔(ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
ได้ทศพลญาณ และบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

- ส่วนผลการเจริญอานาปานสติ ของสาวกภูมิ ญานสูงสุดที่สาวกจะมีได้
หลังจากเดินตามมรรคของพระพุทธองค์แล้ว ก็ คือ
อาสวักขยญาณ (ญาณเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวกิเลส) ได้เป็นอรหันตสาวก




แม่หญิงนภา ถามง่ายๆ รู้ไหมว่า ผมคิดจนปวดหัว กว่าจะหาคำตอบได้

เล่นเอาเครียด แต่ก็ดีนะครับได้ฝึกสมอง เป็น "ธัมมวิจยโพชฌงค์"

 :25:
 :25:
 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2010, 06:44:10 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 07:22:01 pm »
0
ขอบคุณ ในคำตอบไม่ผิดหวัง กับคนแรก จริง ๆ


อ้างถึง
ผมคิดจนปวดหัว กว่าจะหาคำตอบได้

แต่ดิฉัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้ปวดหัว นะคะ

อนุโมทนา สาธุ สาธุ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิณฑบาตร ที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ก่อนปรินิพพาน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:53:22 pm »
0
อ้างถึง
รวมเบ็ดเสร็จ พระพุทธเจ้า เข้าสมาบัติ ทั้งชีัวิต ของพระองค์นั้นเป็นจำนวน สี่ล้านแปดแสนโกฏิ ครั้ง

ของดิฉัน ขอแค่ครั้งเดียว ของพระพุทธองค์ เหมือนครูนภา

อ่านเรื่องนี้แล้ว เสียดายที่ไม่ได้เกิดอยู่ในยุคนั้น ส่งสัยเกิดทีหลัง จึงไหลยาวมาถึงขนาดนี้
 :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาบัติ 'สองล้านสี่แสนโกฏิ' ของพระพุทธองค์ คือ อะไร
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 10:50:17 am »
0

ภาพจากhttp://www.dmc.tv/

สมาบัติ 'สองล้านสี่แสนโกฏิ' ของพระพุทธองค์ คือ อะไร
คำถามนี้คุณครูนภา ณ ลำปาง ได้ให้คำตอบไว้แล้ว (อยู่ด้านบน)
๒,๔๐๐,๐๐๐ คูณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ ตัวเลขนี้เพื่อนๆว่า ถูกต้องหรือไม่

 :25: :49: :49: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ