ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เริ่มแล้วมาตราการเข้ม ห้ามเด็กออกจากบ้านหลัง 4ทุ่ม  (อ่าน 2407 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มะเดื่อ

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 181
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


16 ม.ค. 54  รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ที่ สน.หัวหมาก  พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ได้ออกมาเปิดเผยถึงการดำเนินงานตามนโยบายกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่ห้ามเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังเวลา 22.00 น. โดยไม่มีเหตุอันควร ผ่านผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ว่า
ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าตรวจสอบ แหล่งเสี่ยงที่เป็นที่มั่วสุมต่างๆ ที่อยู่รอบบชน. อาทิ เช่น ร้านยาดอง ร้านเกม รวมไปถึงร้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากการลงพื้นที่ดังกล่าวสามารถจับกุมร้านยาดองทที่ทำผิดกฎหมาย พร้อมของกลางได้เกือบ 100 แห่ง
ส่วนพื้นที่เสี่ยงที่เป็นร้านเกมนั้น ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ในท้องที่ต่างๆ เข้มงวดกวดขันทำความเข้าใจให้ดำเนินการป้องกันไม่ให้มีเยาวชนหลงเหลืออยู่ใน ร้านหลังเวลา 22.00 น. เพราะเด็กเยาวชนอาจถูกทำร้าย เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
“เหตุที่ทางตำรวจเริ่มกวาดล้างร้านยาดองก่อนนั้น  เนื่องจากเหล้ายาดองหาซื้อดื่มกินได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีเยาวชนหันมาซื้อเหล้ายาดองมากขึ้น เมื่อมีการหาซื้อได้ง่ายมีการดื่มกินจนมึนเมาสิ่งที่ตามมาคือการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ทำให้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต ถือว่าเป็นปัญหาอาชญากรรม ทำให้สังคมไม่มีความสงบสุข และเชื่อการตรวจสอบดังกล่าวเป็นอีกทางที่จะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมลงได้”
นอกจากนี้ รอง ผบช.น. ยังได้กล่าวต่ออีกว่า แม้การกวาดล้างร้านยาดองครั้งนี้  ไม่พบมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี มาใช้บริการก็ตาม แต่ต่อไปจะซุ่มตรวจสถานที่สุ่มเสี่ยง อาทิ โต๊ะสนุ๊กเกอร์ ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านเกม  และสถานบริการต่างๆ กันไปต่อเนื่อง
ซึ่งหลังจากมีมาตราการดังกล่าวออกมา ก็มีเสียงตอบรับในทางที่ดีจากผู้ปกครองจำนวนมาก เพราะบางครั้งผู้ปกครองก็ไม่สามารถบังคับบุตรหลานได้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยก็ทำได้ง่ายขึ้น พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าว

FWD mail


บันทึกการเข้า

RATCHANEE

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
รองเลขาศาลฯ ติงเคอร์ฟิวเด็ก แนะทำอะไร ต้องมีกฎหมายรองรับ หวั่นกระทบสิทธิผู้อื่น

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นาย สราวุธ  เบญจกุล  รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึง กรณี บช.น. เสนอมาตรการเคอร์ฟิวเด็กไม่เกิน 18 ปี ห้ามออกจากบ้านหลัง22.00 น.ว่า  มาตรการพิทักษ์ปกป้องเด็กและเยาวชน  สร้างความตกใจให้แก่เด็กและเยาวชนรวมทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง  ต้องถูกเชิญตัวไปทำประวัติที่สถานีตำรวจและเรียกผู้ปกครองมารับตัว เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอาชญากรรม     ตนเห็นว่า ในทางปฏิบัติ การดำเนินการใดๆของเจ้าหน้าที่รัฐต้องมีกฎหมายรองรับหรือให้อำนาจไว้ หากไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ การจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นไม่สามารถกระทำได้  ซึ่งรธน.ปี 50  มาตรา 26  กำหนดว่า การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิและเสรีภาพ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ มาตรา 29 กำหนดไว้ว่า การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้ กฎหมายต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็น การเจาะจง

ส่วนจะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางหรือไม่นั้น รธน.มาตรา 34 กำหนดว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราช อาณาจักร การจำกัดเสรีภาพในการเดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราช อาณาจักรจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือเพื่อสวัสดิภาพของผู้เยาว์ ประกอบกับมาตรการเคอร์ฟิวเด็ก มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเด็กและเยาวชนโดยตรง ซึ่งรธน.มาตรา 52  กำหนดว่า ”เด็กและเยาวชน มีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจและสติปัญญา ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ให้ปราศจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม ทั้งมีสิทธิได้รับการบำบัดฟื้นฟูในกรณีที่มีเหตุดังกล่าว

นาย สราวุธ  กล่าวอีกว่า การแทรกแซงและการจำกัดสิทธิของเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อสงวนและรักษาไว้ซึ่งสถานะของครอบครัวหรือประโยชน์สูงสุดของบุคคล นั้นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแลมีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรม ที่เหมาะสมจากรัฐ”เห็นได้ว่าการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นไม่สามารถ กระทำได้ เว้นแต่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้  การห้ามเด็กหรือเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี อยู่นอกเคหสถานหลังเวลา 22.00 น. โดยไม่มีเหตุอันควร เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชน เว้นแต่มีกฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น
ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=116607
บันทึกการเข้า