ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รากเหง้าของสงคราม : บาตรเดียวท่องโลก  (อ่าน 951 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28442
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
รากเหง้าของสงคราม : บาตรเดียวท่องโลก
« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2014, 07:50:23 am »
0


รากเหง้าของสงคราม : บาตรเดียวท่องโลก
โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร

เบลเยียมเป็นประเทศที่เล็กมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศในยุโรป แต่กลับมีอนุสรณ์สถานของทหารผู้เสียชีวิตของหลายประเทศจากสงครามโลกครั้งที่ ๑ มากมายหลายที่ด้วยกัน เพราะในอดีตประเทศเล็กๆ นี้ มีเมืองท่าที่สำคัญที่หนึ่งในแถบภูมิภาคนี้ก็ว่าได้ อีกทั้งเป็นทางผ่าน จุดพักในการรบของประเทศมหาอำนาจทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบประเทศนี้

Tyne cot เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดของชนชาติอังกฤษ ที่มาช่วยรบในช่วงระหว่างสงคราม มีเหล่าทหารที่มีอายุเพียง ๒๐ ปีต้นๆ จำนวนมากที่เสียชีวิต ณ สงครามในครั้งนั้น รวมทั้งประเทศที่มาร่วมรบจากแดนไกลอย่างนิวซีแลนด์ หนุ่มน้อยทั้งหลายเหล่านั้นต้องอดมื้อกินมื้อ นอนกลางดิน อยู่ด้วยความหวาดระแวง ในที่สุดต้องจบชีวิตลง ณ ที่ต่างแดน


 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

สิ่งสุดท้ายจากสงครามคือการสูญเสียชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน ตั้งแต่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสงครามหรือแม้แต่ครอบครัวของผู้อยู่ในสงคราม จุดเริ่มต้นแห่งสงครามมาจากความไม่พอของมนุษย์ที่มีต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การกระหายซึ่งอำนาจ อยากเป็นใหญ่ครอบครองสิ่งต่างๆ มากมายที่ล้วนแล้วแต่สมมติกันขึ้น ตั้งค่า กฎเกณฑ์ หาพรรรคพวกที่มีความคิดคล้ายๆ กัน รวมกลุ่มต่อต้านทำร้าย ฆ่าฝ่ายที่มีความคิดตรงกันข้าม แบ่งแยกฝักฝ่าย ซึ่งในที่สุดแล้วไม่มีใครสามารถเอาสิ่งใดติดตัวไปได้เลย

ความเศร้า ความอิจฉาริษยา โกรธแค้น เกลียดชัง ความอยาก ความทุกข์ต่างๆ ที่สะสมไว้ในจิตแล้วยังไม่ได้รับการแปรเปลี่ยนเยียวยา คือสิ่งที่ติดไปกับจิตใจที่ต้องเวียนว่ายในวังวนแห่งชีวิตอย่างไม่รู้จบสิ้น ตราบใดที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ไม่มีโอกาสฝึกฝนจิตใจให้รู้จักตัวเราอย่างแท้จริง ว่ามันไม่มีอยู่จริง เราก็จะถูกกิเลสบงการไปไม่จบสิ้น

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ปัจจุบันนี้จึงปรากฏสงครามให้เห็นอยู่ทั่วไป ทั้งที่เป็นสงครามแบบเปิดเผย และสงครามที่แฝงมาในรูปของการพัฒนา ครอบครองพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีความซับซ้อน แอบซ่อนอยู่หลายชั้น อาจดูเหมือนประเทศส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ไม่มีการรบราฆ่าฟันกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่ในนามของสงครามแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจกำลังมอมเมาประชากรโลกให้หลงในการเสพที่แฝงมากับความเจริญทางวัตถุเทคโนโลยีและเต็มไปด้วยการหลอกลวงมากมายในรูปแบบที่แตกต่าง ด้วยการสร้างภาพฉาบเอาไว้เป็นความสวยสดงดงาม สะดวกรวดเร็ว ทันสมัย เป็นเหตุให้ประชากรโลกส่วนใหญ่ ต้องเหนื่อยมากขึ้น มีเวลาอยู่กับตัวเองน้อยลง ต้องวิ่งหาความสะดวกสบายทางวัตถุ การเสริมเติมแต่งมากยิ่งขึ้น กระหายในสิ่งที่ถูกสร้าง ปรุงแต่งขึ้นมาอย่างน่ากลัว

เหมือนไม่มีสงครามใหญ่ๆ อย่างในอดีต แต่ภายในจิตใจของคนยุคปัจจุบันกลับสัมผัสความสงบในตัวเองน้อยลงๆ อย่างน่าเป็นห่วง จิตใจที่ไร้ความมั่นคง อดทน กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวง อาจไม่ต้องมีใครมาฆ่าเราด้วยความโกรธแค้น ชิงชัง หรือเพราะความคิดต้องการไม่ตรงกัน แต่หลายคน หลายชีวิตสามารถฆ่าตัวเอง ทำร้ายตัวเอง สร้างสงครามภายในจิตใจมากยิ่งขึ้น และส่งผ่านสงครามนั้นไปยังคนที่รัก ลูกหลาน คู่ชีวิต คนที่อยู่รอบข้างอย่างไม่รู้ตัว

 :96: :96: :96: :96: :96:

สงครามยังดำเนินต่อไปในรูปแบบที่เปลี่ยนไป แต่รากของสงครามก็คือสิ่งเดียวกัน ความไม่รู้ของมนุษย์นั่นเอง แต่เป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งขึ้นเพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มั่นใจ เชื่อมั่นว่า ตนเองรู้ ความยึดมั่นถือมั่นที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น เพราะความเห็นผิด เป็นเหตุแห่งสงครามที่ค่อยๆ ทำลายความสงบสุขในตัวเองมากขึ้นๆ แต่เปลี่ยนจากการทำร้ายผู้อื่นแบบซึ่งหน้าด้วยวิธีการแบบตรงๆ มาเป็นทำร้ายตัวเอง จากความไม่พึงพอใจในรูปร่าง หน้าตา สิ่งที่ตนเองมี สิ่งที่ตนเป็น และค่อยยึดความเป็นตัวตน ของตนมากขึ้น ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับตนในทางเสื่อม ไม่กล้าเผชิญความเป็นจริงของธรรมชาติ ซึ่งเป็น สงครามที่กำลังเกิดขึ้นในเกือบทุกพื้นที่โลก

     สงครามมีอยู่ตลอดเวลา ในจิตใจที่ไร้ความสงบ


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141114/195906.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ