ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จะทราบอย่างไร เพราะสงสัยอยู่ว่า กรรมฐาน รักษาโรคได้จริงหรือ?  (อ่าน 6596 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผู้ถาม ใช้นามว่า ปุจฉา

นมัสการค่ะ

มีความสงสัยอยู่มากเลยค่ะ  ว่าการนั่งสมาธิ  ภาวนา  หรือวิปัสสนา  เรียกไม่ถูกค่ะ

ไม่ทราบว่าต่างกันอย่างไร  สงสัยอยู่ว่า  รักษาโรคได้จริงหรือ?

อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ค่ะ  อ่านหนังสือมักจะมีบอกว่าพระอาจารย์ หรือแม่ชีที่นั่น

ที่นี่  ป่วยหนัก (มักจะเป็นมะเร็ง) หมอบอกอยู้ได้ไม่นาน  ....เลยมาบวช   ปฎิบัติภาวนาอยู่ได้มา

อีกนาน  เป็นจริงอย่างนั้นหรือค่ะ  กรุณาไขข้อข้องใจด้วยค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ



มีกระทูเก่า ๆ ตอบในเรื่องนี้ แล้ว แต่อยากให้อ่านบทวิจารณ์ เพิ่มขึ้น คร้า ......

ผู้ตอบใช้นาม ว่า Begita


ผมเองได้ยินมาจากข่าวสารต่างๆ บ้างเหมือนกันในเรื่องสมาธิรักษาโรค  (แต่คงไม่ใช่เป้าหมายของศาสนาพุทธกระมังครับ)

ผมเองปฏิบัติในแนวทางการทำสมาธิกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินท่านเล่าถึงว่าสมาธิช่วยรักษาโรคได้จริงพ

พ่อแม่ครูบาอาาจารย์ ท่านสอนให้เราฝึกสมาธิภาวนา เพื่อความสงบของจิตใจ และเมื่อจิตใจสงบร่มเย็น ไม่ฟุ้งซ้านแล้ว

จึงได้อาศัยจิตใจพิจารณา รู้ โลกตามความเป็นจริง ละทิฐิมานะต่างๆ

ส่วนเรื่องการทำสมาธิแล้วรักษาโรค ผมเองได้เรียนจากท่านพระอาจารย์บางองค์มา ท่านก็ไม่ได้พูดฟันธงว่าสมาธิจะรักษาโรคได้

แต่ท่านอธิบายว่า คนที่ฝึกสมาธิถูกวิธี จิตใจจะร่มเย็น แต่สดชื่นปรอดโปร่ง ไม่ซึมเศร้า เหงา หรือถูกความเศร้าหมองทางจิตครอบงำ

ง่ายๆ ก็คือห่างไกลจากการเป็นโรคจิต ทีนี้ผลต่อจากนั้นคือ เมื่อจิตใจเราปรอดโปร่ง เบาสบาย ไม่มีทุกข์ร้อนกังวลทางจิต

เราก็จะมีกำลังใจในการใช้ชีวิต หรือดูแลสุขภาพของเรา โดยไม่ทุกข์ร้อนกังวลจนเกินไป

ใช้ชีวิตอย่างมีสติ สุขภาพกายเราจึงแข็งแรงตามสุขภาพใจด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ ยืดอายุของเราออกไป

จริงๆ วารสารทางการแพทย์ก็มีให้อ่านเยอะแยะนะครับ ว่าผลของจิตใจมีผลต่อการฟื้นตัว หรือการรักษาตัวของผู้ป่วยหลายโรค

ตรงนี้ก็คงเป็นข้อมูลประกอบได้บ้าง ว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว

แต่สุดท้ายถ้าสุขภาพร่างกายไม่สามารถทนกับโรคที่เป็นอยู่ได้แล้วต้องตายจากไป

คนที่มีจิตใจไม่เศร้าหมอง จะไปสู่สุคติภูมิ (นอกเรื่องนิดนึงครับ) หรือพร้อมรับกับความตายที่เข้ามาได้ดีกว่า

คนที่มีจิตใจอ่อนแอ  ทุกข์เพราะความเจ็บป่วย ทุกข์เพราะความตาย และก็ทุกข์จนตาย

สุดท้ายปลายทาง เราก็ต้องเวียนตายกันทุกๆ คนไม่มีใครได้รับการยกเว้น

ผลของสมาธิเองก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ผลของสมาธิจะมีผลโดยตรงต่อจิตใจครับ

แต่ผลต่อทางร่างกายนั้น คงสืบเนื่่องมาจากจิตใจอีกที

ถ้าตอบไม่ตรงคำถามก็ขออภัยเจ้าของกระทู้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

แก้ไข : ผมไม่ทันได้สังเกตก่อนตอบว่า มีท่านพระอาจารย์คอยวิสัชนา กระทู้ในห้องนี้อยู่แล้ว

ต้องกราบขอขมาท่านพระอาจารย์ ด้วยครับ

ขอโทษเจ้าของกระทู้อีกครั้งที่ผมมาตอบก่อน ทั้งที่จริงๆ คงตั้งใจถามพระอาจารย์  T T




ผู้ตอบใช้นาม ว่า โจโฉ


การทำจิตให้เป็นกุศล ทำให้ระบบร่างกายทำงานดี

หากร่างกายเป็นกรด ร่างกายจะเจ็บป่วยได้ง่าย
หากร่างกายเป็นด่าง ร่างกายจะรักษาซ่อมแซมตัวเองได้ครับ
โดยปกติร่างกายจะเป็นกรดเฉพาะตับและไต นอกนั้นเป็นด่าง

สุขภาพที่ดีต้องทำให้ร่างกายเป็นด่างในประมาณ 80 เปอร์

อาหารที่ทำให้เป็นด่างได้แก่ ผักผลไม้สด สมุนไพร  ยกเว้นผักกลิ่นฉุน
อาหารที่ทำให้เป็นกรดได้แก่เนื้อสัตว์ ไขมัน อาหารหมักดองทุกชนิด น้ำปลา ซีอิ้ว ฯลฯ
กาแฟ น้ำอัดลม ขนมอบกรอบ เนย นม ครีม อาหารปรุงสุกเกิน 3 ชั่วโมง  อาหารสำเร็จรูป
แม้แต่โปรตีนเกษตรก็จัดอยู่ในอาหารเป็นกรด

กรดคือพิษ  หากร่างกายมีแต่พิษ ร่างกายก็ไม่แข็งแรง
พยายามหลีกเลี่ยงและกินให้น้อย

ร่างกายจะแข็งแรงได้ ต้องขจัดของเสียให้หมดก่อน แล้วคงสภาพให้เป็นด่างในร่างกายได้ 80 เปอร์ขึ้น
การอดอาหารล้างพิษ การดีท๊อกซ์จึงจำเป็นมาก การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต
เลือกอาหาร และทำอารมณ์ เพื่อให้ร่างกายเป็นด่างให้มากที่สุดครับ   

จริงๆ ยังมีรายละเอียดอีกมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คงเป็นทางโภชนาการแล้วหละ

แล้วสมาธิเกี่ยวยังไง

สมาธิ และจิตใจดี มีน้ำใจ มีความสุข ทำให้ร่างกายเป็นด่างครับ
ส่วนคนเห็นแก่ตัว คนเครียด ร่างกายเป็นกรด

นั่นจึงตอบปัญหาได้ว่า สมาธิรักษาบรรเทาโรคได้อย่างไร
อันนี้เอาแค่หยาบๆ นะครับ

มันมีลึกๆ กว่านี้ เมื่อสติสมบูรณ์ เมื่อละความยึดมั่นได้ เมื่อจิตเกิดปัญญา
สภาวะจิตที่สูงขึ้น จะทำให้ไม่ยึด พอไม่ยึดก็ไม่ทุกข์ พอไม่ทุกข์ไม่ยึด โรคหลายโรคมันก็หายได้

ปัจจุบันจากงานทดลองเรื่องโมเลกุลน้ำ ทำให้ทราบว่า
พลังงานกุศลแผ่ออกสะสมในสิ่งรอบตัวได้ และมีผลต่อสิ่งต่างๆ
โดยเฉพาะน้ำ ที่ทำให้เป็นผลึกหกเหลี่ยม

จากงานทดลองของ คุณสุกัญญา คมสัน  พยาบาลจาก รพ.จุฬา
พบว่า น้ำที่นำไปผ่านพิธีสวดพุทธมนต์ โดยพระอาจารย์ที่ปฏิบัติดี มีกำลังสมาธิสูง
สามารถเปลี่ยนน้ำให้มีคุณสมบัติรักษาโรคได้จริง

ที่แน่ๆ คือ เปลี่ยนเป็นหกเหลี่ยมและมีพลังงานบางอย่าง
ซึ่งคุณสมบัติของน้ำหกเหลี่ยม คือดูดซึมนำพาสารอาหารเข้าเซลล์ได้ง่ายและไว
ขับถ่าย ขับพิษได้ดี  มีอ๊อกซิเจนสูง และมีฤทธิ์เป็นด่าง
และยังมีคุณสมบัติอีกมากมาย

ที่ทำให้งานทดลองระบุว่า ทำให้เปอร์เซ็นต์ผุ้ป่วยหายไวขึ้นอย่างมาก
เทียบทั้งเดือน ลดค่าใช้จ่ายไปถึงครึ่งหนึ่ง

และพอจะสรุปได้ว่า น้ำหกเหลี่ยมเราก็สร้างได้ ให้น้ำในร่างกายเราเป็นหกเหลี่ยม
การทำบุญ จิตใจผ่องใส สวดมนต์ ทำสมาธิ ล้วนทำให้น้ำในร่างกายเป็นหกเหลี่ยม
เรียงตัวเป็นระเบียบ โมเลกุลเล็ก ส่งผลดีต่อร่างกาย

นั่นจึงทำให้สมาธิ รักษาโรคได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนทำว่า ทำแบบบังคับกาย บังคับจิต
หรือว่าทำแบบถูกวิธี ทำแบบมีความสุข และเกิดปัญญา จนจิตผ่องใส ลดความยึดมั่นได้มากน้อยแค่ไหน

พอดีบรรยายเรื่องนี้อยู่อะคับ
แล้วก็มีแนวทางการทำสมาธิ การทำจิตให้ผ่องใส แบบง่ายๆ

ที่ไปบรรยายมาหลายที่แล้ว เขาก็ว่าเวริ์คกัน  สำหรับคนธรรมดาทั่วไปนะครับ
คงไม่เหมาะกับพวกคงแก่เรียน หรือพวกเก่งๆแล้ว
ไม่เชื่อก็พิสูจน์ได้ครับ    คาดว่าเร็วๆ นี้
หากมีบุญ คงได้ไปรับใช้ที่จุฬาอีกรอบ


ผมอาจจะไม่ใช่นักวิชาการ พูดอะไรอาจจะดูไม่ถูกกฎเกณฑ์นะครับ
แต่ผมเน้นไม่ได้พูดให้พิสูจน์ แต่ให้ฟังแล้วคิดตามว่าใช่หรือไม่
ของหลายอย่าง ภาษามันสื่อได้ไม่หมด แต่ใช้ใจพิสูจน์
และการใช้ภาษาง่ายๆ ก็เหมาะสมกับคนทั่วไปมากกว่า

เคยเห็นนักวิชาการไปอธิบายอะไรออกทีวี หรือพยายามให้ชาวบ้านเข้าใจป๊ะคับ
น้านแหละ..   บางทีเก่งมากไป ติดกฎกติกามากไป  อธิบายซะยิ่งฟังยิ่ง งง
เหมือนการสอนศาสนาบ้านเราไง

ยิ่งสอน เด็กยิ่ง งง  ยิ่งเรียน เด็กยิ่งเบื่อ  สอนให้มันยากซะอย่างนั้นแหละ


ผู้ตอบใช้นามว่า Pete15

สวัสดีครับ..........พี่-น้อง  ไม่ทราบว่าท่านผู้ใดถาม และท่านผู้ใดตอบ....คุณปุจฉาและคุณ Begita ผมมือใหม่
                        พอจะทราบความเป็นมาของ คำถามอยู่เหมือนกัน ประมาณปี 2521 -ขณะที่ผมได้ใช้ชีวิตเป็น
                        สมภเวสี อาศัยวัดฝรั่งเพื่อการอยู่รอดและความก้าวหน้าของชีวิตที่อเมริกาอยู่นั้น ได้มีโอกาส
                        ใกล้ชิดกับผู้นับถือต่างศาสนาจากตัวเรา จึงได้(ถูก)สนทนาธรรมอยู่บ่อยๆและยังได้มีโอกาสได้
                        (ถูก)ถามและแลกเปลียนความคิดเห็นกับผู้กำลังทำปริญญาเอกทางด้านศาสนาโดยตรง ในฐานะเป็น
                        ชาวพุทธ เรื่อง ตาย แล้ว เกิด เรื่องจิตวิญญาณ ฝรังมีเรื่องผีมากๆ และ เรื่องการทำสมาธิ ซึ่ง
                        ว่าไปแล้ว ผมก็มั่วได้พอควร( เพราะเคยอยู่ทั้ง คริสต์และพุทธมาตั้งแต่เล็ก) ฝรั่งได้มีการค้นคว้ากัน
                        อย่างจริงจัง ออกเผยแผ่ทางสาธารณะด้วย เกี่ยวกับพลังงานที่เคลื่อนที่ออกจากร่างของผู้ที่
                        กำลังสิ้นใจ  เรื่องของสิ่งที่มีชีวิตจำศีล รวมถึงการเข้าสมาธิของคนว่า  ในขณะจำศีลนั้นร่างกาย
                        ของ คน-สัตว์ ทำงานอย่างไร? ในขณะที่ทางการแพทย์ก็พบสาเหตุ  ของการเกิดมะเร็ง แน่นอน
                        มากขึ้นและหาวิธีบำบัด สามารถคุยกับผมได้ทั้งวัน (เพราะชอบไปสนใจเรื่องของงานค้นคว้า)
                        พอสรุปได้ว่า (ปนๆกันนะ ระหว่างงานวิจัยกับข้อมูล ที่พอเชื่อถือได้ในเชิงวิทยาศาสตร์) เมื่อ
                        ร่างกายของ สัตว์ สงบหยุด นิ่ง การปรับสภาพความสมดุลย์ภายใน โดยธรรมชาติจะเกิดขึ้น
                        สารเคมี และการสังงานผิดพลาด ( miss order) ต่างๆจะถูกจัดการปรับเข้าสู่ ความสมดุลย์ด้วย
                       กระบวนการของเขา เอง   มะเร็งมีหลายชนิด  แต่ที่ฝรั่งเขาสรุปแน่ๆ ก็คือ กระบวน การสังงาน                                                     ผิดพลาดจาก ผนัง cell สู่ใจกลาง(nucleus) ทำให้เกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง พอจะเห็นความเกี่ยว
                        เนื่องกันไหม? จิตต้องนิ่งจริงๆนะ  ฝรั่งเขารักตัวกลัวตายมากกว่าเรา เดี๋ยวนี้เลยหันมาสนใจ ศาสนาทางเอเชีย
                        กันใหญ่  พอจะตอบ ขอสงสัย ของคุณ ปุจฉาได้ไหม?    Xปิ๊ด15X
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
วิธีแก้กรรมด้วยวิืปัสสนากรรมฐาน : ปัจจุบันกระแสการนั่งวิปัสสนาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายคนคิดว่าการนั่งวิปัสสนานั้นจะช่วยให้กรรมเก่าหมดไป ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าจะพูดถึงกฏแห่งกรรมหลาย คนคงจะนึกถึงอะไรก็ตามที่เข้ามาทำ ให้ชีวิตเป็นนั้นเป็นนี้ สุข ทุกข์ สามารถบรรดาให้ชีวิตเราเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งถ้าจะว่าไปก็ไม่ผิดนัก แต่ด้วยการที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์เรามีเครื่องมือวิเศษที่ธรรมชาติสร้างมา พร้อมกับการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นคือสติสัมปชัญญะ

ระบบการทำงานของกลไกกฎแห่งกรรม ซึ่งเริ่มมาจากระบบรับสัมผัสของมนุษย์ที่มีทั้งหมด 6 ทาง ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กายและใจ ทั้ง6 ทางนี้ ภาษาธรรมะเขาเรียกว่าอาตยนะภายในเปรียบเสมือนประตูที่เปิดต้อนรับอาตยะนะภาย นอกได้แก่ เสียง ภาพ กลิ่น รส สัมผัส การรับรู้ทางใจเป็นต้น ได้นำพาเจ้ากรรมนายเวรให้เข้ามาเยี่ยมเยือนชีวิตของเรา ซึ่งการรับสัมผัสทั้งหกทางนี้จะมีตัวรู้เกิดขึ้นให้เกิดเสียง กลิ่น รส ร้อน หนาว ฯลฯ เมื่อรับสัมผัสแล้วจะมีตัวปรุงแต่ง เรียกว่าเจตสิกให้เกิดความรู้สึก ต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็นชอบไม่ชอบ เกียจ โกรธ อิจฉา ฯลฯ ไอตัวเจตสิกนี้เองที่เรียกได้ว่าเป็นตัวกฏแห่งกรรมที่แท้จริง คุณลองคิดดูสิ ให้ตัวกระตุ้นจากภายนอกอย่างเดียวกัน แต่คนแต่ละคนจะตอบสนองต่างกัน เช่น บางคนชื่นชอบการดื่นเหล้าเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ดื่มจะรู้สึกเหมือนปะหนึ่งร่ายกายหมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนกับคนหลายที่ ที่ผมได้พบเจอมา ในยามว่างเขาจะต้องหาเหล้าขาวมาดื่มสักแก้ว แต่กลับบางคนรสชาติเหล้าไม่เป็นที่น่ารื่นรมณ์ของเขาแม้แต่น้อย หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด เสียงท่อไอเสียงรถจักรยานยนตร์ วัยรุ่นบางคนจะรู้สึกภาคภูมิใจมากที่เสียงท่อของเขาดังแผดแก้วหู แต่ชาวบ้านทั่วไปเมื่อได้ยินก็จะมีแต่ความรำคาญคำสาปแช่ง

เมื่อเรารู้การทำงานของกฏแห่งกรรมที่ตอบสนองเราได้ที่ความ รู้สึกแล้ว เราก็มาพูดกันถึงเรื่องที่ว่าเราจะสามารถยับยั้งกฏแห่งกรรม แก้กรรมได้ อย่างไร หลายคนคงเชื่อว่าถ้าชีวิตเราไม่ดีต้องมีเจ้ากรรมนายเวรมา ดลบรรดาทำให้เรา เป็นไปต่างๆ เรามาลองนึดดูสิเจ้ากรรมนายเวรเขาจะสามารถมาจองเวรเราได้อย่างไรในเมื่อ เมื่อเขาสิ้นอายุไขเขาก็ต้องไปเกิดในภพภูมิต่างๆตามจิตดวงสุดท้ายเป็นตัวนำ พาเขาไป ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่มีสิทธิเลยที่จะเลือกที่จะออกจากร่ายกายนี้แล้วจะไปอยู่ ในที่แห่งใดเขาไม่มัวมานั่งรอให้เราเกิดแล้วมาทำนั้นทำนี้กับเราอย่างแน่นอน แต่ตัวกฏนี้เองที่เป็นตัวตอบสนองเรา เราไม่ต้องไปรู้มันหลอกเพราะอะไรเราถึงเกิดมาเป็นแบบนั้นแบบนี้เพราะกรรมมัน ยอกย้อนเกิดกว่าที่เราจะรู้มันได้ และนอกจากกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตที่ส่งผลกับเราแล้วยังมีกรรมในปัจจุบันที่ ก่อเกิดขึ้นส่งผลกับเราอีกด้วย

หลักการแก้กรรม ก็ไม่ยากอะไรเลยง่ายนิดเดียวแต่ทำได้ยากเหลือเกิน นั้นคือเพียวแค่เราห้ามความรู้สึกเราก็สามารถแก้กรรมลดกรรมไปได้เยอะแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย เอ มีกรรมแห่งกรรมติดตัวมา ต้องเกิดมาเป็นมะเร็งปอด เขาเกิดมามีตัวส่งเสริมเป็นยีนต์มะเร็งที่มาจากบรรพบุรุธ ซึ่งทางการแพทย์สมัยใหม่เชื่อว่า เชื้อมะเร็งถ่ายทองทางพันธุกรรม (ภาษาธรรมเขาบอกว่า กรรมะพันธุ เรามีกรรมเป็นเผาพันธ์พวกพ้อง) เมื่อนาย เอ เกิดมานอกจากจะมียีนต์ส่งเสริมให้เกิดมะเร็งแล้ว เขายังได้มีเจตสิก หรือตัวความรู้สึกที่พิสมัยต่อการสูบบุหรี่ ทั้งสองเหตุเป็นปัจจัยอันนำไปสู่การเป็นมะเร็งปอดในที่สุด ถ้าเราจะแก้กรรมไม่ให้เกิดมะเร็ง เราไม่สามารถแก้ตัวส่งเสริมที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมได้ แต่เราสามารถที่จะยับยั้งชั้งใจที่จะไม่สูบบหรี่ได้ ตัว ยับยั้งชั่งใจธรรมชาติได้สร้างมาให้กับมนุษย์ ที่ทำให้เรามีความแตกต่างไปจากสัตว์ ที่อยากกิน อยากนอน อยากผสมพันธ์ ตลอดจนกระทำการใดๆไปตามสันชาติญาณของตัวเอง แต่ในธรรมชาติตัวยับยั้งชั่งใจโดยปกติของมนุษย์จะมีอยู่ในระดับที่ต่ำจนไม่ สามารถที่จะไปต้านความรู้สึกยั่วยุของเจตสิกได้ พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะหนทางในการฝึกสติสัมปชัญญะ ด้วยการฝึกสติปัฎฐาน4 เพื่อที่จะฝึกให้สติกล้าแข็ง ต่อสู้กับกิเลสที่เข้าทางอาตยนะทั้งหกของเรา คอยดูแลควบคุมมิให้กิเลสที่ผ่านเข้าไปทางอาตยนะทั้งหก ส่งผลของมันออกมาทางการกระทำได้ ถ้าเราได้รับสัมผัส เกิดความรู้สึกและยับยั้งชั้งใจได้ เราก็ชนะกรรมได้ แต่ถ้าเราไม่สามารถทนแรงยั่วยุของความรู้สึกได้ เราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อกรรมนั้น เอง ฉนั้นเมื่อมีใครทำให้คุณรู้สึกได้มีโกรธ เกียจ ไม่พอใจ และคุณเก็บอารมณ์นั้นมาใส่ใจนั้นก็หมายถึงคุณได้เปิดบ้านประตูใจต้อนรับเจ้ากรรมนายเวรให้ เข้ามาเยี่ยมเยือนคุณด้วยตัวคุณเอง เราไม่สามารถที่จะไปห้ามโลก ห้ามดินฟ้า ห้ามคนอื่นๆได้ แต่เราสามารถที่จะห้ามความรู้สึกตัวเราเองได้มิใช้หรือ

นั่งวิปัสสนา,กฏแห่งกรรม,วิืปัสสนากรรมฐาน,กฏแห่งกรรม แก้กรรม,เจ้ากรรมนายเวร,มีกรรม,แก้กรรมลดกรรม,แก้กรรม,สติปัฎฐาน4,กรรมฐานแก้กรรม

http://www.xn--y3ceuziq.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%B7%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99/

นำมาเสริมให้คะ
บันทึกการเข้า

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง ในแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=117.0
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เป็นหัวข้อที่ถามโดย รวม นะ สำหรับ ข้อนี้

โยมควรจะเปลี่ยนคำถาม รักษา เฉพาะทางกันบ้าง เล่าให้ฟัง



มีโยมป่วย ใกล้จะตาย ส่งลูกมารับอาตมา ที่วัดพอไปถึงคุณโยมก็ใส่สายยาง หลับตานิ่ง
อาตมาไปถึง ก็ใกล้จะตายแล้ว ในห้อง ICU ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่าย ๆ นะ เีพียงไปเห็น
โยมแล้ว อาตมาก็พูดบอกโยมว่า อาตมา มาแล้ว สวดมนต์ให้ฟังสัก 3 จบนะ โยมพยักหน้า
ว่ารับทราบ อาตมาก็สวด คาถา นโม 3 จบ แล้ว ตามด้วย คาถา พญาไก่เถื่อน 3 จบ สวดเสร็จ
ก็บอกว่า โยมว่า สัมมาอะระหัง ไปเรื่อย ๆ โยมยกมือพนมที่หน้าอกได้สักประมาณ 3 นาที
เหมือนจะได้ว่า สัมมาอะระหัง แล้วก็ิิสิ้นใจ ลูกหลาน ไม่มีใครส่งเสียงอะไร มีแต่น้ำตาคลอ
เพราะการจากไป

เล่าให้ฟังเพียง เรื่องหนึ่ง ที่จริงอาตมาตั้งแต่บวชมา ก็ไปเยี่ยมคนใกล้ตายก็บ่อยมาก ๆ
ที่สำคัญที่สุดในการไปทุกครั้ง ก็ต้องท่องทุกครั้ง ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา เราไม่ล่วงพ้น
ความตายนี้ไปได้

เล่าพอให้ได้สาระ

เจิรญพร
 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โรคมี 1. รักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย       
       2. รักษาก็หาย  ไม่รักษาไม่หาย
       3. รักษาก็ไม่หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย ตายอย่างเดียว

การ เป็นโรคขึ้นกับวิบากกรรมของแต่ละบุคคลที่ได้กระทำไว้ สมาธิถ้านั่งเองจะช่วยให้เกิด ปีติ ปัสสัทธิ โสมนัส(จิต) ซึ่งนำมาซึ่งความสุข(กาย)ในที่สุด (เพราะรูปเกิดจากจิตเจตสิก หลักการคล้ายกับการนั่งสมาธิได้นานๆ โดยไม่เมื่อย)  จึงดูเหมือนโรครักษาด้วยสมาธิได้ แต่จริงแล้วเป็นแค่บรรเทาอาการ   ซึ่งถ้าโชคร้ายผู้ป่วยตกเป็นโรคในลักษณะข้อที่3  ผู้ป่วยที่นั่งสมาธิยังโชคดีที่ได้ทำกุศลกรรม คือการได้ฝึกดูลมหายใจเข้าออกซึ่งมีอานิสงค์เท่ากับการสร้างโบสถ์ 1000 หลัง
     แต่ถ้าผู้ป่วย(ในข้อที่3) ไม่ได้ฝึกนั่งสมาธิเอง นอกจากโรคไม่หาย แล้วยังตายเปล่าอีกด้วย

เพื่อนสหธรรม แสดงความเห็น คร้า...
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

ชมพู่

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 91
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องนี้มีประโยชน์ มากคะ เกี่ยวกับเรื่องการรักษาโรค ด้วยกรรมฐาน

อยากให้เพื่อน ๆ ได้อ่านคะ

 :58:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
จะทราบได้ เมื่อภาวนา นะจ๊ะ

ส่วนใหญ่ คนจะเลือกการภาวนาเป็นการรักษาสุดท้าย เพระาหมดหนทางรักษา

เหมือนโยมคนหนึ่งมาหาอาตมา ก็เพราะเป็นโรคปวดหัวอยู่ตลอดเวลาไปหาหมอ หลายโรงพยาบาล

ก็รักษาไม่หาย อาการเหมือนเป็นไมเกรน แต่ปวดทั้งศรีษะ

เมื่อมาถึง ได้มาเรียนกรรมฐาน ก็หายปวดหัวในช่วงที่ภาวนา และนั่งอยู่

พอกลับบ้านไป ก็ปวดหัวอีกเหมือนเดิม จึงต้องมาหาอีก มาจนกระทั่งภายไปหลายเดือน ก็หายปวด

เพราะโรคบางอย่าง มิได้ มีสมุฏฐาน การเกิด การเป็น มาจากกาย แต่เกิดมาจากจิตใจ ที่บอบช้ำจากกิเลสต่าง  ๆ เช่น โรคกระเพาะ ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะความเครียด ไมเกรน ก็ความเครียด ความดันสูงดันต่ำ ก็เพราะ ความเครียด ความทุกข์ วิตก กังวลต่าง ๆ เป็นเหตุ เป็นสมุฏฐาน ของโรค

ดังนั้น กรรมฐาน จึงสามารถโรคที่เกิดจาก สมุึฏฐานทางจิตใจ ได้โดยตรง นะจ๊ะ

เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

mitdee

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 67
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขนาด พระพุทธเจ้า ยังทรงประชวร ไม่สามารถรักษาได้ด้วยกรรมฐาน

ร่างกายต้องเป็นไปตามกฏแห่งพระไตรลักษณ์ สิครับ

ดังนั้นกรรมฐาน ไม่น่าจะมารักษา โรคกายได้ น่าจะมีกรรมฐาน ไว้เพื่อกำจัดกิเลส เสียมากกว่า

 :34:
บันทึกการเข้า

vijitchai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรียนคุณ มิตรดี ( mitdee ) ครับ อ่านลิงก์ตรงนี้เพิ่มด้วยนะครับ
ยาวหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยตามลิงก์ที่เกี่ยวข้องให้อ่านเพิ่มเติมอีกครับ
เนื่องด้วยกระทู้ที่เว็บ มัชฌิมา เรื่องที่ถามผมว่าตอนนี้มีแทบทุกเรื่องแล้วนะครับ

สมาธิรักษาโรค เรื่องจริงของคุณพวงพิกุล ทิพย์สังวาลย์

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4412.0

 :08: :s_hi:
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อม ครูบาอาจารย์ ผู้สอนกรรมฐาน ทุก ๆ รูป ครับ ข้าพเจ้าขอกล่าวถึง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตลอดชีวิต พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ